Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.
But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011
วัดสุวรรณาราม : นารถชาดก
เริ่มต้นเรื่องที่ซอกรักแร้ตรงประตูทางเข้าฝั่งขวามือพระประธานครับภาพด้านล่างจับตอนที่รุจาราชกุมารีเสียพระทัยที่พระบิดาเป็นมิจฉาทิฐิด้านบนเป็นตอนหลักของเรื่องที่นารถพรหมแบกสาแหรกเหาะลงมาพระราชาองค์หนึ่งพระนามว่าอังคติราช ครองเมืองมิถิลา เป็นผู้ที่ตั้งมั่นในทศพิธราชธรรม มีพระธิดาพระนามว่า รุจาราชกุมารี มีรูปโฉมงดงาม พระราชาทรงรักใคร่พระธิดาอย่างยิ่ง คืนวันหนึ่งเป็นเทศกาลมหรสพ ประชาชนพากันตกแต่งเคหสถานอย่างงดงาม พระเจ้าอังคติราชประทับอยู่ท่ามกลางเหล่าอำมาตย์ในปราสาทใหญ่ พระราชาทรงปรารภกับหมู่อำมาตย์ว่า ราตรีเช่นนี้น่ารื่นรมย์นัก เราจะทำอะไรให้เพลิดเพลินดี อลาตอำมาตย์ทูลว่า ควรไปหาสมณพราหมณ์ แล้วนิมนต์ให้ท่านแสดงธรรมะจะเป็นการควรกว่า พระราชาพอพระทัยคำทูลของวิชัยอำมาตย์จึงตรัสถามว่า แล้วเราจะไปหาใครเล่าที่เป็นผู้รู้ธรรม อลาตอำมาตย์แนะขึ้นว่า มีชีเปลือยรูปหนึ่งชื่อ คุณาชีวกอยู่ในมิคทายวัน เป็นพหูสูตรพูดจาน่าฟัง ท่านคงจะช่วยขจัดข้อสงสัยของเราทั้งหลายได้ พระเจ้าอังคติราชได้ทรงฟังก็ยินดี สั่งให้เตรียมเสด็จไปหาชีเปลือยนั้นเมื่อไปถึงก็ทรงเข้าไปตรัสถาม ปัญหาธรรมที่พระองค์สงสัย คำถามเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาธรรม ขั้นสูงอันยากจะตอบได้ คุณาชีวกจึงแกล้งทูลว่าในโลกนี้ บุญไม่มี บาปไม่มี ปรโลกไม่มี สัตว์ทั้งหลายเกิดมาเสมอกัน จะได้ดีได้ชั่วก็ได้เอง ทานไม่มี ผลแห่งทานก็ไม่มี ร่างกายที่ประกอบกันขึ้นมานี้ เมื่อตายไปแล้วก็สูญสลายแยกออกจากกันไป สุขทุกข์ก็สิ้นไปใครจะฆ่า จะทำร้าย ทำอันตราย ก็ไม่เป็นบาป เพราะบาปไม่มี พระราชาได้ฟังดังนั้นจึงตรัสว่า ข้าพเจ้านี้โง่เขลาจริงๆ มัวหลงเชื่อว่า ทำความดีแล้วจะไปสู่สุคติ อุตส่าห์พากเพียรบำเพ็ญกุศลกรรม เมื่อเสด็จกลับมาถึงพระราชวัง พระเจ้าอังคติราชก็มีพระราชโองการว่า ต่อไปนี้พระองค์จะไม่ปฏิบัติราชกิจใดๆ เพราะการทั้งปวงไม่มีประโยชน์อันใด เกิดเสียงเล่าลือไปทั้งพระนครว่า พระราชากลายเป็นมิจฉาทิฐิ หลงผิดเชื่อคำของชีเปลือยคุณาชีวก บ้านเมืองย่อมจะถึงความเสื่อม ความนี้ทราบไปถึงเจ้าหญิงรุจาราชกุมารี ทรงร้อนพระทัยเมื่อทราบว่า พระบิดาให้รื้อโรงทานทั้งสี่มุมเมือง จะไม่บริจาคทานอีกต่อไป เจ้าหญิงรุจาราชกุมารีจึงเข้าเฝ้าพระบิดา ทูลว่าหม่อมฉันรำลึกได้ว่าในชาติก่อนได้เคยเกิดเป็นบุตรช่างทาง ได้คบหากับคนชั่ว ก็พลอยกระทำแต่สิ่งที่ชั่วร้าย ครั้นชาติต่อมาเกิดในตระกูลเศรษฐี มีมิตรดีจึงได้พลอยบำเพ็ญบุญบ้าง เมื่อตายไปผลกรรมก็ตามมาทัน พระราชามิได้เชื่อคำรุจาราชกุมารี ยังคงยึดมั่นตามที่ได้ฟังมาจากคุณาชีวก เจ้าหญิงทรงเป็นทุกข์ถึงผลที่พระบิดาจะได้รับเมื่อสิ้นพระชนม์ จึงทรงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากเทพยดาฟ้าดินมีอยู่ ขอได้โปรดช่วยเปลื้องความเห็นผิดของบิดาด้วยเถิด จะได้บังเกิดสุขแก่ปวงชนขณะนั้นมีพรหมเทพองค์หนึ่งชื่อ นารท เป็นผู้มี ความกรุณาในสรรพสัตว์ มักอุปการะเกื้อกูลผู้อื่นอยู่เสมอ ได้เล็งเห็นความทุกข์ของรุจาราชกุมารี จึงเสด็จจากเทวโลกแปลงเป็นบรรพชิต เอาภาชนะทองใส่สาแหรกข้างหนึ่ง คนโทแก้วใส่สาแหรก อีกข้างหนึ่งใส่คานวางบนบ่าเหาะมาสู่ปราสาท มาลอยอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ของพระราชา ซึ่งตกตะลึงและตรัสถามว่า ท่านมาจากไหน นารทพรหมตอบว่า ตนมาจากเทวโลก มีนามว่านารท พระราชาตรัสถามว่า เหตุใดท่าน จึงมีฤทธิ์ลอยอยู่ในอากาศได้เช่นนั้น นารถพรหมจึงตอบว่าตนบำเพ็ญคุณธรรม 4 ประการ สัจจะ ธรรมะ ทมะ และจาคะ พระราชาจึงถามว่า ผลบุญมีด้วยหรือ นารถพรหมจึงอธิบายว่า ผลบุญมีจริง ผลบาปก็มีจริง มีเทวดา มีบิดามารดา มีปรโลก มีโลหหน้าพระราชาตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นข้าขอยืมเงินท่านห้าร้อย แล้วจะใช้ให้ในโลกหน้านารทพรมตอบว่า ถ้าท่านเป็นผู้ประพฤติธรรม มากกว่าห้าร้อยเราก็ให้ท่านยืมได้ เพราะเมื่อเสร็จจากธุระแล้ว ท่านก็ย่อมนำเงินมาใช้คืนให้เอง แต่อย่างท่านนี้ตายไปแล้วก็จะต้องไปเกิดในนรก ใครเล่าจะตามไปทวงทรัพย์คืนจากท่านได้หากพระองค์ยังทรงมีมิจฉาทิฐิอยู่ เมื่อสิ้นพระชนม์ ก็ต้องไปสู่นรก ทนทุกขเวทนา นารทพรมได้พรรณนาความทุกข์ในนรกให้พระราชาเกิดความสะพรึงกลัว พระราชาตรัสว่า บัดนี้ข้าพเจ้าเกิดความกลัวภัยในนรก ขอท่านจงเป็นแสงสว่างส่องทาง และสอนธรรมะให้แก่ผู้ได้หลงไปในทางผิดด้วยเถิดนารทพรหมจึงสอนให้พระราชตั้งมั่น ในทาน ในศีล อันเป็นหนทางไปสู่สวรรค์พระราชาอังคติราชทรงละมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิด ละหนทางบาป นารถพรหมฤษีจึงถวายโอวาทว่า ขอจงละบาปมิตคบแต่กัลยาณมิตร อย่าได้ทรงประมาทเลย ระหว่างนั้นนารทพรหมได้อันตรธานหายไป พระราชาก็ทรงตั้งมั่นในศีล ในธรรม ทรงเริ่มทำบุญทำทานทรงเลือกคบแต่ผู้ที่จะ นำไปในทางที่ถูกที่ควร ประชาชนก็มีความสุข
ไม่ได้ไปเที่ยวค่ะ ไปงานศพญาติผู้ใหญ่
แล้วก็เลย
แวะวัดจุฬามณี .... ชอบมากกกกกก