BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง : พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (27)

การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง : พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (27)

จากนั้นจึงมีรับสั่งให้พระอานนท์นำข่าวการจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ไปแจ้งแก่เหล่ามัลละกษัตริย์ เพื่อมิให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจในภายหลัง
ว่ามิได้เห็นพระบรมศาสดาเป็นครั้งสุดท้ายทั้งที่เสด็จมาประทับ ณ นครกุสินารา

ครั้นเหล่ามัลละกษัตริย์ผู้ครองเมืองกุสินาราและนครปาวา
ทราบเหตุการณ์ต่างมีความทุกข์โทมนัส รีบมาเฝ้าพระผู้มีพระพุทธเจ้า
พระอานนท์จัดให้เข้าเฝ้าถวายอภิวาทโดยเรียงลำดับตามชื่อและตระกูล

พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์สู่พระปรินิพพานใต้ต้นสาละ
ในคืนวันเพ็ญเดือนหก อันตรงกับวันประสูติและวันตรัสรู้ที่ผ่านมา
ชาวพุทธนับถือกันต่อมาว่า เป็นวันวิสาขบูชานั่นเอง

บรรดามัลละกษัตริย์ พระราชาทั้งหลาย เมื่อได้ทราบข่าวพระปรินิพพาน
ต่างก็นำผ้าไหมสีขาว บริสุทธิ์อย่างดี 500 ชุดนำมาสักการะพระบรมศพ
พร้อมด้วยดอกไม้ของหอมนานาชนิดมาสักการบูชาพระบรมศพ
อยู่เป็นเวลา 7 วัน พอถึงวันอัตถะ เดือนหก แรม 8 ค่ำ

จึงได้เชิญพระบรมศพใส่โลงในพระหีบทองคำ ขึ้นสู่พระสุเมรุ
ที่ทำด้วยแก่นจันทน์สูงประมาณ 160 ศอก เมื่อได้เวลาถวายพระเพลิง
กษัตริย์มัลละ 4 พระองค์ก็ได้นำเพลิงเข้าบรรจุ แต่เพลิงก็ไม่ได้ลุกไหม้
จึงได้ตรัสถามพระอนุรุทธแล้วได้ความว่า

เทพยดาที่รักษาพระบรมศพมีความปรารถนาจะให้รอพระมหากัสปปะ
ซึ่งเป็นพระสาวกผู้ใหญ่ก่อน ในวันนั้นเองพระมหากัสสปปะ
ที่ได้ออกไปเผยแผ่พระธรรมเทศนาพร้อมด้วยภิกษุ 500 รูป
ได้เวลาเดินทางมาเฝ้าพระพุทธองค์

ภาพนี้อยู่ที่ส่วนบนขวาของภาพถัดไป

พอมาถึงระหว่างกลางทางได้หยุดพักหลบแสงแดดอยู่ใต้ร่มไม้
เห็นนักบวชนอกศาสนาคนหนึ่งซึ่งมาจากเมืองกุสินาราถือดอกมณฑารพเดินสวนทางมา

พระมหากัสสปะซึ่งเวลานั้นยังไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว
ก็นึกสังหรณ์ใจ เพราะดอกมณฑารพเป็นดอกไม้ทิพย์ ที่ไม่มีในโลกมนุษย์
จะปรากฏเฉพาะตอนที่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นกับพระพุทธเจ้า

เช่น ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน วันจาตุรงคสันนิบาต
วันที่ทรงแสดงพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร เป็นต้น
ซึ่งเทพเทวดาจะบันดาลให้ดอกมณฑารพตกลงมาจากเทวโลก

พระมหากัสสปะจึงได้สอบถามข่าวคราวจากนักบวชผู้นั้น
ซึ่งได้รับคำตอบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จสู่ปรินิพพานมา 7 วันแล้ว
และดอกมณฑารพนี้ก็ได้มาจากสถานที่ที่พระองค์ปรินิพพานนั่นเอง

เมื่อได้ยินบรรดาพระภิกษุที่เป็นปุถุชนเมื่อได้ฟังคำต่างร่ำไรรำพันว่า
พระศาสดามาด่วนปรินิพพานเสียแล้ว ดวงประทีปส่องโลกดับสิ้นแล้ว
ฝ่ายพระสาวกที่เป็นอรหันต์ก็บังเกิดธรรมสังเวช
พระมหากัสปปะได้กล่าวพระธรรมคาถา อนิจจัง วัตตะ สังขารา
เพื่อระงับความโศกเศร้าของพระภิกษุสงฆ์ทั้งปวง

ขณะนั้นภิกษุชรารูปหนึ่งชื่อสุภัททะ กล่าวห้ามพระภิกษุสงฆ์ว่า
จะเศร้าโศกไปใย บัดนี้ เราพ้นจากอำนาจพระมหาสมณะแล้ว
เมื่อยังมีพระชนม์อยู่ย่อมกล่าวว่า ตักเตือนจู้จี้
บัดนี้พระองค์ปรินิพพานไปแล้วพวกเราปรารถนาจะทำสิ่งใดก็ได้ตามใจ
ไม่มีผู้ใดที่จะมาบังคับบัญชา

พระมหากัสสปะได้ฟังเช่นนั้นคิดจะทำทำโทษ แต่เห็นว่ายังมิควรก่อน
และดำริขึ้นว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานเพียง 7 วัน ก็มีผู้คิดที่จะทำให้เกิดความแปรปรวน
หรือประพฤติปฏิบัติให้วิปริตไปจากพระธรรมวินัยเช่นนี้
จึงควรจะทำสังคายนาและจะชักชวนพระอรหันต์เถระทั้งหลาย

ซึ่งล้วนทันเห็นพระพุทธเจ้า ได้ฟังคำสอนของพระองค์มาโดยตรง
เป็นผู้รู้คำสอนของพระพุทธเจ้า และได้อยู่ในหมู่สาวกที่เคยสนทนาตรวจสอบกันอยู่เสมอ
รู้ว่าสิ่งใดที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าให้มาประชุมกัน
เพื่อช่วยกันแสดง ถ่ายทอด รวบรวม ประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

จากนั้นท่านจึงเดินทางไปยังเมืองกุสินารา

Create Date : 02 ตุลาคม 2557

Last Update : 6 ตุลาคม 2557 16:58:15 น.

3 comments

Counter : 2014 Pageviews.

มาตามต่อค่ะ

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 2 ตุลาคม 2557 เวลา:13:19:25 น.

โหวตค่าา

แหะๆ ทัวร์ที่เราไปรอบนั้นเป็นกรุ๊ปเหมาค่ะ แล้วเซลส์เจ้าของกรุ๊ปเค้าให้เงินไปซื้อของว่างแจกลูกค้า เลยซื้อโน่นนี่แจกได้เยอะเลยหละค่ะ

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ

วันที่: 3 ตุลาคม 2557 เวลา:9:08:24 น.

ป่วน แปลก แตกต่าง มีมาแต่โบราณกาล นะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
ปลาทอง สมองน้อย Education Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ

วันที่: 5 ตุลาคม 2557 เวลา:6:53:48 น.