Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
28 กรกฏาคม 2557

การอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง : พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (14)

IMG_1017

17. ปราบช้างนาฬาคีรี ณ เมืองราชคฤห์

พุทธประวัตินั้นกล่าวถึงพุทธกิจที่สำคัญคือการเผยแผ่คำสอน
และการแสดงปาฏิหาริย์เพื่อปราบเดียรถีย์ หรือนักบวชนอกศาสนา
มี 4 คราวก็คือ การปราบช้างนาฬาคีรี แสดงยมกปาฏิหาริย์
โปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ และจำพรรษาที่ป่าเลไลย์

ต่อมาในลังกาจึงมีการเพิ่มเข้าไปอีก 4 ตอนเป็นอัษฏมหาปาฏิหาริย์
อัฏฐปาฏิหาริย์ : วัดเกาะแก้วสุทธาราม (5)

พระเทวทัตเป็นเชษฐาของพระนางยโสธรา ชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ
เป็นพระโอรสของพระเจ้าสุปปพุทธะ ผู้ครองกรุงเทวทหะ แคว้นโกลิยะ
พระเทวทัตนั้นยังมีอายุไล่เลี่ยกับพระพุทธองค์ได้ออกบวชพร้อมกับ
พระราชาและเจ้าชายแห่งศากยวงศ์อีก 6 พระองค์

หลังจากบวชได้ไม่นาน เจ้าชายทั้งหมดก็ได้บรรลุธรรมทั้งหมด
ยกเว้นพระเทวทัตที่ได้แต่เพียงแสดงฤทธิ์ได้เท่านั้น
หลังจากได้ฤทธิ์แล้ว พระเทวทัตก็ละความเพียรในการบำเพ็ญธรรม
มีความมักใหญ่ใฝ่สูง โดยแสดงฤทธิ์เหาะไปให้เจ้าชายอชาตศัตรูเห็น

เจ้าชายอชาตศัตรูจึงเกิดศรัทธายอมตนเป็นศิษย์และรับบำรุงอุปัฏฐาก
ด้วยการยุแหย่ของพระเทวทัต จึงเป็นสาเหตุให้เจ้าชายอชาติศัตรู
ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชบิดาของพระองค์
เพื่อขึ้นครองราชย์สมบัติแห่งแคว้นมคธแทน

นอกจากการทำปิตุฆาตแล้ว ยังได้พยายามลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าอีก
เช่น จ้างนายธนู 10 ผลัดไปลอบยิงพระพุทธองค์ แต่นายธนูกลับมีจิตเลื่อมใส
ในพระพุทธศาสนาหันมานับถือพระพุทธเจ้า

ครั้งต่อมาก็ให้ลาภยศแก่ควาญช้างเพื่อมอมเหล้าช้างนาฬาคิรีให้ตกมัน
และกำชับให้ปล่อยช้างในเวลาเช้าขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาบิณฑบาต
ช้างนั้นวิ่งตรงมาทางที่เสด็จพระราชดำเนินเข้ามาใกล้
พระอานนท์ได้ออกไปยืนข้างหน้าเพื่อปกป้องพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้ารับสั่งเรียกพระอานนท์ให้ถอยกลับถึง 3 ครั้งจึงยอม
จากนั้นจึงทรงทำปาฏิหาริย์ ยกพระหัตถ์ขวาลูบศีรษะช้างนาฬาคีรี
แล้วตรัสว่า จงสลัดตัดเสียซึ่งปาณาติบาต อย่าได้คิดอาฆาตโกรธแค้น
ช้างนาฬาคิรีหลั่งน้ำตาไหลรินอาบหน้า แล้วก้มหัวลงซบกับพระบาท

เมื่อกระทำการหลายครั้งยังไม่สำเร็จ พระเทวทัตจึงลงมือด้วยตนเอง
โดยการกลิ้งหินให้ตกจากหน้าผาเขาคิชกูฏใส่พระพุทธเจ้า
แต่หินกลับกระเด็นหนีพระพุทธเจ้าอย่างน่าอัศจรรย์
แต่สะเก็ดหินก็ทำให้พระพุทธองค์ทรงห้อเลือดเล็กน้อยที่ข้อพระบาท

พระเทวทัตยังเป็นผู้มักใหญ่ใฝ่สูง อยากจะเป็นพระศาสดาแทน
พยายามทำตัวให้ดูเป็นผู้นำที่เคร่งครัดอย่างยิ่งยวดเพื่อแบ่งแยกคณะสงฆ์
แต่ต่อมาผู้คนเริ่มทราบความตั้งใจชั่วทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูออกห่าง
ไม่อุปถัมภ์บำรุง โดนดูหมิ่นจากชาวบ้านและพระสงฆ์ ทำให้สำนึกผิด

เดินทางไปขอขมาพระพุทธเจ้า แต่ทว่าด้วยกรรมที่ท่านสร้างไว้นั้นหนักมาก
จึงทำให้ต้องถูกธรณีสูบ ณ ริมสระโบกขรณีที่หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องเสริววาทนิชชาดกให้เหล่าภิกษุฟัง


Untitled


ที่เมืองเสรีวะ มีพ่อค้าสองคน คนหนึ่งนั้นสัตย์ซื่อ ส่วนอีกคนนั้นคดโกง
ทั้งสองได้เดินทางข้ามแม่น้ำนีลวะหะ เข้าไปยังเมืองอริฏฐบุรี
พ่อค้าคนซื่อสัตย์เข้าทางตะวันออก ส่วนพ่อค้าเจ้าเล่ห์เข้าทางตะวันตก

พ่อค้าเจ้าเล่ห์ได้ไปถึงบ้านเศรษฐีตกยากที่เหลือแค่ยายกับหลานสาวอยู่เฝ้า
ภายในบ้านมีถาดทองคำใบหนึ่งเก็บปะปนกันกับเศษภาชนะที่ไม่ใช้แล้ว
เมื่อหลานสาวเห็นพ่อค้าเร่ขายเครื่องประดับก็อยากได้จึงบอกกับยายว่า
บ้านเรามีถาดเก่าอยู่ใบหนึ่งจะเอาไปแลกเครื่องประดับกับพ่อค้าได้ไหม

ยายจึงให้เชิญพ่อค้าเข้ามาในบ้าน แล้วนำถาดเก่าสนิมจับออกมาส่งให้
พ่อค้าเจ้าเล่ห์จับดูก็พบว่าหนักผิดปกติ จึงแอบเอาเข็มกรีดดูรู้ว่าเป็นทองคำ
ก็คิดอยากได้ในราคาถูก จึงแกล้งบอกว่า ถาดนี้ไม่มีราคาแล้วก็โยนลงกับพื้น
แล้วออกเดินเร่ขายเครื่องประดับต่อไป โดยคิดจะย้อนกลับมาซื้อในภายหลัง

ผ่านไปชั่วครู่พ่อค้าเร่ขายเครื่องประดับคนที่ซื่อสัตย์ก็มาถึงที่บ้านเศรษฐี
หลานสาวก็อยากได้เครื่องประดับอีก จึงบอกกับยายว่า มีพ่อค้ามาอีกแล้ว
ลองเอาถาดเราไปแลกดูอีกครั้ง ยายจึงบอกว่า พ่อค้าคนนี้เขาจะรับซื้อหรือ
ขนาดพ่อค้าคนก่อนยังโยนถาดใบนี้ทิ้ง แถมยังตีราคาให้ไม่กี่สตางค์เลย

หลานบอกกับยายว่า พ่อค้าคนนี้ดูท่าทางใจดี ไม่เหมือนพ่อค้าคนก่อน
เมื่อพ่อค้าเร่ที่ซื่อสัตย์เข้ามาในบ้าน ยายก็นำถาดเก่าสนิมจับมาขอแลก
เมื่อพ่อค้าก็หยิบถาดขึ้นดู ก็รู้สึกว่าหนักผิดปกติก็เอาเข็มกรีดดู
พอรู้ว่าเป็นทองคำจึงลองชั่งน้ำหนักดู แล้วบอกตามความเป็นจริงว่า

ถาดนี้เป็นทองคำ เราตีราคาถาดทองคำนี้เท่ากับ 100,000 กหาปณะ
ยายตกใจและพูดขึ้นว่า พ่อค้าเร่คนก่อนตีราคาถาดนี้ไม่กี่สตางค์เลย
ถ้าอย่างนั้นก็เป็นบุญของท่าน เราจะให้ถาดนี้แก่ท่านเพื่อแลกกับ
เครื่องประดับสักเล็กน้อย ตามความตั้งใจที่คิดไว้แต่แรก

แต่พ่อค้าเร่ผู้ซื่อสัตย์กลับบอกว่า ถาดใบนี้มีราคามหาศาล
ถ้าเช่นนั้นจะขอให้เงินที่ติดตัวมาทั้งหมด 500 กหาปณะ
และจะยกเครื่องประดับที่เหลือให้เพื่อแลกกับถาดใบนี้
แล้วพ่อค้าเร่ที่ซื่อสัตย์ก็ขึ้นเรือเพื่อเดินทางกลับบ้านที่เมืองเสรีวะ

ฝ่ายพ่อค้าเจ้าเล่ห์ก็ย้อนกลับมาที่บ้านเศรษฐีตกยากนี้อีกครั้งหนึ่ง
หวังว่าจะมาเอาถาดทองคำ แต่ยายกลับบอกว่า
ถาดเก่าของยายมีมูลค่าถึง 100,000 กหาปณะ แต่ท่านกลับหลอกลวงข้า
พอดีมีพ่อค้าอีกคนผ่านมา ข้าก็เลยมอบให้เขาไปแล้ว

พ่อค้าเจ้าเล่ห์ก็ล้มลงทั้งยืน เมื่อตั้งสติได้ก็ทิ้งข้าวของคว้าไม้ออกวิ่งไล่ตาม
หวังจะชิงเอาถาดทองคำกลับมา เมื่อไปถึงริมตลิ่งร้องตะโกนเรียกให้เรือกลับมา
พ่อค้าซื่อสัตย์เห็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์อยู่ในอารมณ์โกรธ จึงสั่งให้คนพายเรือแจวต่อไป
พ่อค้าเจ้าเล่ห์เห็นเรือไม่กลับมารับตน ก็เกิดความพยาบาทอาฆาตแค้นเป็นอย่างมาก

จึงกำทรายขึ้นมา 1 กำมือ แล้วหว่านออกไปพร้อมกับประกาศว่า
จะขอจองล้างจองผลาญพระพุทธองค์ไปทุกชาติ เท่ากับเม็ดทรายเม็ดละชาติ
แล้วโลหิตก็พุ่งออกจากปากถึงแก่ความตาย
พ่อค้าที่คดโกงได้มาเกิดเป็นพระเทวทัต ส่วนพ่อค้าที่ซื่อสัตย์คืออาตมาเอง


Untitled



Create Date : 28 กรกฎาคม 2557
Last Update : 31 กรกฎาคม 2557 9:48:08 น. 2 comments
Counter : 2693 Pageviews.  

 
สนุกมาก ขอบคุณค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 29 กรกฎาคม 2557 เวลา:16:33:45 น.  

 
จองล้าง จองผลาญ อาฆาตพยาบาท....ชัดเจนมากค่ะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 12 กันยายน 2557 เวลา:18:46:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]