BlogGang.com : : ผู้ชายในสายลมหนาว : สองวัดสองแผ่นดิน : วัดโสมมนัสราชวรวิหาร (1)

สองวัดสองแผ่นดิน : วัดโสมมนัสราชวรวิหาร (1)

ย้อนกลับไป เมื่อสิบกว่าปีก่อน มีการเข้ามาของ application หนึ่ง
ซึ่งได้เปลี่ยนโลกนี้ไปตลอดกาล นั่นก็คือ facebook ทำให้คนที่เคยยากจะติดต่อกัน
สามารถติดตามชีวิตของเพื่อนเก่าๆ ย้อนไปได้ถึงในสมัยอนุบาล
เพียงแต่เราทราบชื่อเค้าก็เท่านั้นเอง นอกจากนั้นก็ทำให้เรารู้จักเพื่อนใหม่ๆ

จากสังคมที่เดิมยากจะรู้จักกัน มาสู่ชุมชนของคนที่รักในสิ่งเดียวกัน
คนที่เชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์ และคนที่รักในเรื่องเก่าจึงมาพบกัน
ผ่านการสื่อสารออนไลน์ สมัยก่อนนั้น เราจะมีคนใจดีที่พาเที่ยวฟรี
ไม่ก็จ่ายค่านำชม เพียงหนึ่งร้อยหรือสองร้อยบาท เดินกันตั้งแต่เช้าถึงเย็น

ที่สำคัญ ปรกติโบสถ์และวิหารบางวัดนั้นจะปิดตลอด
แต่การไปเที่ยวชมพร้อมกับกลุ่มสมาชิกนั้น จะทำให้มีโอกาสเข้าไปได้
ปัจจุบันผมคงเดินทั้งวันแบบนั้นไม่ไหวแล้ว แถมราคาค่าเดินสมัยนี้
ก็แบบว่า มีใครจัดราคาต่ำกว่าพัน ก็ถือว่าถูกมากแล้ว

ภาพจิตกรรมฝาผนังจำนวนมากจึงถูกเก็บถ่ายเก็บไว้ในช่วงเวลานั้น
และถ้าผมไม่เขียนมันเสียที ก็อาจจะมีโอกาสที่จะถูกลบหายไปไนที่สุด
วัดที่ผมอยากจะเขียนถึงในวันนี้คือ วัดโสมนัสวิหารที่หลายคนก็มีโอกาสไป
แต่แทบไม่เคยได้เข้าวิหาร เพราะอาจจะไปแต่ตอนกลางคืนเช่นเดียวกับวัดมกุฏ

ที่นี่มีจิตรกรรมที่เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยไม่ใช่แบบไทยประเพณี
แต่เป็นหนึ่งในพระราชนิพนธ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ที่เราทุกคนคงเคยได้ท่องจำ
ตอนสมัยเรียนหนังสือกันมา นั่นก็คือ วรรณคดีเรื่องอิเหนานั่นเอง
ส่วนทำไมถึงเขียนเรื่องนี้ และมีสำคัญอย่างไร ไว้เรามาคุยกันหลังจบ

คงไม่ต้องเล่าประวัตินะว่า อิเหนามีที่มาจากวรรณกรรมของชวา
ที่แต่งขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 19-20 และเป็นที่รู้จักของคนไทย
มาแต่ครั้งอยุธยาด้วยมีเจ้าฟ้า 2 พระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้
หนึ่งเป็นอิเหนาใหญ่ สองเป็นอิเหนาเล็ก ซึ่งฉบับหลังนี่เองที่เป็นเค้าโครง

เรื่องนั้นมีอยู่ว่าในชวาสมัยโบราณมีกษัตริย์ปกครองเมืองใหญ่เมืองน้อย
กษัตริย์วงศ์เทวาซึ่งถือว่าเป็นชาติตระกูลสูงสุด ด้วยสืบเชื้อสายมาจากเทวดา
ใช้คำนำหน้าพระนามว่า ระเด่น ส่วนกษัตริย์นอกวงศ์นั้น ใช้คำว่า ระตู

กล่าวถึงกษัตริย์วงศ์ 4 องค์ ต่างเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา ทรงพระนามว่า
ท้าวกุเรปัน ท้าวดาหา ท้าวกาหลัง ท้าวสิงหัดส่าหรี
ครองเมือง 4 เมือง ซึ่งมีชื่อเช่นเดียวกับพระนามกษัตริย์

ทุกพระองค์ต่างก็มีมเหสี 5 องค์ ตามประเพณี เรียงลำดับศักดิ์ คือ
ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลิกู และเหมาหลาหงี
ประไหมสุหรีของท้าวกุเรปัน และท้าวดาหานั้น เป็นธิดาของกษัตริย์หมันหยา
เมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่ง จึงทำให้เมืองหมันหยามีความเกี่ยวดองกับกษัตริย์วงศ์เทวา

ท้าวกุเรปันมีโอรสกับลิกูองค์หนึ่งทรงพระนามว่า กระหรัดตะปาตี
ต่อมาพระองค์ปรารถนาจะให้ประไหมสุหรีมีโอรสบ้าง จึงได้ทำพิธีบวงสรวง
ระหว่างทรงครรภ์ก็ได้สุบินว่าพระอาทิตย์ทรงกลดลอยมาตกตรงหน้าและนางรับไว้ได้

เมือประสูติก็เกิดอัศจรรย์ต่าง ๆ เป็นนิมิตดี เช่นองค์ปะตาระกาหลา
ซึ่งเป็นเทวดาต้นวงศ์บนสวรรค์ เหาะนำกริชมาประทานให้
พร้อมทั้งจารึกนามโอรสด้วยว่า อิเหนา
ต่อมาประไหมสุหรีได้ธิดาอีกหนึ่งองค์นามว่า วิยะดา

ฝ่ายท้าวดาหา ประไหมสุหรีก็ประสูติธิดา ได้พระนามว่า บุษบา
ขณะประสูติก็เกิดอัศจรรย์มีกลิ่นหอมตลบทั่วเมือง หลังจากประสูติบุษบาแล้ว
ประไหมสุหรีก็ประสูติโอรสอีก นามสียะตรา ท้าวกาหลังมีธิดานามว่า สะการะหนึ่งหรัด
ท้าวสิงหัดส่าหรีมีโอรสนามว่า สุหรานากง และธิดานาม จินดาส่าหรี

กษัตริย์ในวงศ์เทวาจึงได้จัดให้มีการตุนาหงันกันขึ้น ระหว่างโอรสและธิดาในวงศ์เดียวกัน
โดยให้ อิเหนาหมั้นไว้กับบุษบา กระหรัดตะปาตีกับบุษบารากา สียะตรากับวิยะดา
สุหรานากงกับสะการะหนึ่งหรัด แต่ก่อนจะมีการแต่งงาน ความยุ่งยากก็เกิดขึ้น
อย่าเพี่งงงเรื่องชื่อ ถึงตรงนี้อนุญาตให้ทำแผนผังตัวละคร เริ่มได้ ..

Create Date : 24 มีนาคม 2564

Last Update : 12 เมษายน 2564 10:21:29 น.

4 comments

Counter : 1047 Pageviews.