
พวกเรากำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมต้น
ทุกคนค้นพบว่าความรุ่งโรจน์ของชีวิตฝากไว้กับการศึกษา
ต่างมุ่งไปเมืองหลวงเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
ผมก็เป็นเด็นคนหนึ่งที่ตามความฝันนั้น
แม้ว่าเราเพิ่งจะไปงานศพรุ่นพี่คนหนึ่งที่เสียชีวิต 14 ตุลา 16
แต่ความฝันไม่มีใครดับมันได้
ที่บ้านผม แม่มีสวน รวมทั้งเหมาของสวนในแถบนั้นส่งขายต่อที่ปากคลองตลาด
เรามีลูกจ้างวัยรุ่น 2 คน ที่เป็นลูกมือ ทำงานตามคำสั่งของแม่ทุกอย่าง
ผมก็ได้อาศัยใบบุญของแม่ในการเรียนหนังสือ
เมื่อผมมาเรียนต่อมัธยมปลายที่ กทม.
และติดพันจนจบปริญญาเป็นคนแรกของตระกูล
ลูกจ้างทั้งสองจากครอบครัวของเราจากไปตอนไหนไม่รู้
เวลาผ่านไปสามสิบกว่าปี
เร็วๆนี้ ผมได้ข่าวว่าลูกจ้างคนหนึ่งของแม่ผม มีชีวิตที่คาดไม่ถึง
เขาปลูกชมพู่ขายส่งไปต่างประเทศ ตอนนี้เป็นผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง
ลูกหลานญาติๆของผมบางคน เขาไม่ได้ไปตามความฝันอย่างคนรุ่นผม
แต่มุ่งมั่นทำเกษตรอยู่เงียบๆ
ส่งผลผลิตไปให้ประชากรโลกที่ตั้งตาคอยนับพันล้านคน
ผลิตเท่าไรก็ไม่พอ สังเกตง่ายๆว่า
ทำไมเดี๋ยวนี้เราหาทุเรียนดีๆกินไม่ได้ หรือไม่ก็แพงจนน่าเกลียด
ซึ่งผิดกับเกษตรกรสมัยผมยังเด็ก
ปลูกมันแกวขายได้โลละ 5 สตางค์ ถึงขุดขายก็ไม่คุ้ม
จำใจต้องปล่อยเน่าตายคาร่องสวน
ในยุค 30-40 ปีก่อน ที่ดินของชาวสวนจึงตกไปอยู่ในมือนายทุนมากมาย
ลูกหลานของคนรุ่นนั้น เริ่มเงยหน้าอ้าปากเมื่อโลกเข้าสู่โลกาภิวัฒน์
แต่การจะหาเช่าที่ดินก็ไม่ใช่ง่ายๆ หรือหาซื้อได้ยาก
ในตำบลนั้นที่ดิน ร่องสวน พากันขึ้นราคาไม่ใช่เพราะถนนตัดผ่าน
แต่เพราะความต้องการที่ดินปลูกมะพร้าวที่ผลิตเท่าไรก็ไม่พอ
Diarist Blog