วันนี้งดนำเสนอเรื่องราวภายในครัว พักเรื่องราวการทำอาหารและขนม ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาที่เรื่องราวอันลึกลับเกี่ยวกับ ผะ ผะ ผี ผี ๆๆๆๆๆๆๆบ่งบ๊งเชื่อง่าคงมีชาวบล๊อกหลายท่านที่ชอบดูหนังผี หรือรายการท้าพิสูจน์เกี่ยวกับผี ๆ สาง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผีฝรั่งหรือผีไทย อาทิ รายการที่กำลังแพร่ภาพออกอากาศอยู่ ณ เวลานี้อย่าง "คนอวดผี" ทางช่อง 7 สี ทุกวันพุธ รายการอาจจะดึกไปสำหรับหลายท่าน แต่สำหรับบ่งบ๊งจำต้องอดตาหลับถ่างตารอเพื่อรับชมเรื่องราวอันลี้ลับชวนระทึกขวัญ บางช่วงมีลุ้นระทึกจนพาเอาคนดูเครียดตามไปด้วย เหอ ๆ
ช่วงชีวิตที่ผ่านมาของบ่งบ๊งเกิดเรื่องราวอันลึกลับแบบไม่เชื่ออย่าลบหลู่ก็หลายครั้ง สำหรับเรื่องราวผี ๆ สาง ๆ เคยพบเจอกับตัวเองเพียงครั้งเดียว น่าจะเรียกว่าวิญญานมากกว่า แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่กลัวผี แต่ก็แอบผวากับเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน ไม่ได้กลัว แค่ผวา ภาพติดตาจนทุกวันนี้แบบไม่ลืมเลือน ส่วนเรื่องราวของผีสางและวิญญานนั้น ส่วนใหญ่คนรอบตัวมักจะนำมาเล่าสู่กันฟังแบบหลากหลาย บางเรื่องก็น่าสยดสยอง ฟังกันแบบขนหัวลุก เสียวสันหลังวาบ ๆ แต่ก็ระทึกใจอยากที่จะฟังต่อ ส่วนจะเชื่อหรือไม่ตรงนี้ไม่ขอลบหลู่ มันพิสูจน์ไม่ได้ แต่เรื่องราวเล้นลับที่ได้เห็นมากับตาตัวเองจะมีอยู่หลายครั้ง ส่วนจะเท็จจริงอย่างไรตรงนี้ไม่อาจบอกได้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่ยืนยันว่าได้เห็นมากับสองตาตัวเองจริง ๆ จะบอกไม่เชื่อก็คงไม่ได้ เป็นเรื่องพิสูจน์ไม่ได้ แต่มัน "แปลก แต่จริง" อย่างเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้เกิดขึ้นหลายสิบปีมาแล้ว ตอนนี้ไม่ได้ติดตามเรื่องราวว่ามันจะลงเอยอย่างไร เป็นเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ครอบครัวของเพื่อนรักที่สนิทกันตั้งแต่เป็นเด็ก เรียนหนังสือมาด้วยกัน บ้านของเราก็อยู่ไม่ไกลกัน .... เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่ชายของเธอ "พี่ต้อย หรือผู้หมวดต้อย" พี่ชายของเธอที่เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายของเรา พี่ต้อยเป็นนายตำรวจอยู่หน่วยตระเวณชายแดน ยศตอนนั้นร้อยโท [รท.] บ้านเพื่อนเราอยู่แถวสุขาภิบาล 1 ส่วนที่พักของพี่ต้อยช่วงเวลาทำงานเป็นแฟลตตำรวจ แถวถนนวิภาดวีฯ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราอ่ะ อย่ามัวพล่าม ตามมาฟังเรื่องราวอันสุดเฮี๊ยนของแม่สาวนางตะเคียนกัน
คือพี่ต้อยพระเอกของเรื่องเธอมีเพื่อนรักซึ่งเป็นตำรวจตระเวณชายแดนเช่นกัน วันหนึ่งเพื่อนเลิฟมีเรื่องรบกวนเพื่อนต้อยขอเอาเตียงไม้ตะเคียนมาฝากไว้ที่แฟลตตำรวจ บอกว่า "กรูว์ขอฝากมรึงไว้ก่อนน๊ะ ให้กรูว์ได้พี่พักแน่นอนก่อนแล้วกรูว์จะมาขอรับคืนไป" พี่ต้อยบอกกับเพื่อนเลิฟไปว่า "ได้เลย ไม่มีปัญหา" อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนรักของบ่งบ๊งมีเหตุจำเป็นต้องไปทำธุระแถวแฟลตพี่ชาย ขากลับขอนอนพักที่แฟลตของพี่ชายสักคืน ... งานนี้หล่อนเจอดี หล่อนได้พบกับเรื่องราวที่ไม่เคยรู้มาก่อน คุณพี่ชายแสนดีมิเคยปริปากแต่ประการใด หล่อนขึ้นไปนอนบนเตียงไม้ตะเคียนหลังนั้น จ๊ากกกก ตื่นเช้ามาเหตุไฉนหล่อนออกมานอนตรงห้องรับแขกได้เนี่ย ห้องรับแขกซึ่งอยู่ด้านหน้าสุด พอจะนึกภาพแฟลตหรือคอนโดห้องยาว ๆ ที่จะต้องผ่านห้องรับแขกก่อนที่จะไปถึงห้องด้านใน แว๊กกก [จะลากเพื่อนเรามาทิ้งไกลอะไรประมาณนั้นฟร๊ะ เอาแค่ถีบลงจากเตียงก็พอมั้งคุณผีสาว" ตอนที่มันเล่าพวกเราอยู่กันหลายคน ยังแซว ๆ ไปว่า "แกเดินละเมอออกมาจากห้องอ่ะดิ" มันก็เถียงคอเป็นเอ็น "ฉานไม่ได้ละเมอว๊อยยยยย" ผีลากกรูว์จริง ๆ ...พอพี่ชายกลับมามันก็เล่าให้พี่ชายมันฟัง พี่ชายก็อึ้งไป ประมาณหน้าซีดเล็กน้อย คงจะคิดในใจ "ก๊ากกก น้องกรูว์เจอดีเข้าแล้ว" แรก ๆ คุณพี่ชายก็คงจะไม่อยากเล่าเรื่องราวให้น้องสาวฟังเท่าใด ด้วยเกรงว่าน้องสาวจะกลัวตัวสั่นกับเหตุการณ์ ประการต่อมาเล่าไปแล้วจะหาว่าเล่าความเท็จ พูดเรื่องไม่จริงไร้สาระ ฟังแล้วอาจเป็นเรื่องตาหลกขำกลิ้งได้อีก .... พี่ชายก็เริ่มเล่าความจริงให้น้องสาวฟัง ว่า "เพื่อนมันเอาเตียงไม้ตะเคียนมาฝากพี่ไว้ แรก ๆ ก็ไม่มีเรื่องราวใด ๆ คงเป็นเพราะพี่ไม่อยู่ ไปราชการต่างจังหวัดหลายวัน แต่พอกลับมาก็มีเรื่อง มีนางตะเคียนมาขออยู่ด้วย อยู่กันไปจากคนขออยู่อาศัยแบบต่างคนต่างอยู่เริ่มแปลเปลี่ยนไปเป็นฉันชู้สาว เย้ออออ ชู้สาวระหว่างคนกับผีเนี่ยน๊ะ จะบร้าไปแล้ว จากนั้นก็มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกันมาตลอด [ตรงนี้บ่งบ๊งไม่ขอบรรยายภาพเพราะมันเป็นเรื่องราวส่วนตั๊ว-ส่วนตัวของสองคนปั๋วเมียระหว่างมนุษย์และผีนางตะเคียน] มาวันหนึ่งเราไปงานปีใหม่ที่บ้านพ่อแม่ของเพื่อนรักคนนี้ ไปพบเจอกับพี่ต้อยพอดี โดยอุปนิสัยส่วนตัวของพี่ต้อย พี่ต้อยเป็นคนมัน ๆ ติดจะพูดจาตลก แถมหน้าตาดี สะอาดสะอ้าน ... วันนั้นพวกเราได้ซักถามเรื่องนี้กับพี่ต้อยว่าเป็นมาอย่างไร ช่วยเล่าให้พวกเราฟังแบบขนหัวลุกหน่อยเถอะ วันนั้นพวกเราสังเกตุว่าพี่ต้อยเปี๊ยนไป๋ จากที่เคยสนุกสนานกลับไม่ค่อยพูดคุย ดูจะเงียบ ๆ ขรึม ๆ กว่าเมื่อก่อนที่รื่นเริงบันเทิงสุข ... อยู่ได้ไม่นานพี่ต้อยก็ขอลาพวกเรากลับ เอ๊าๆๆๆ ยังไม่ทันได้เม้าท์กระจายไฉนมาชิ่งหนีกลับก่อนเนี่ย วันสิ้นปีน๊ะคุณพี่ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงวันปีใหม่ น่าจะได้อยู่เค้าท์ดาวน์กับครอบครัวก่อนน๊ะ เราก็ถามว่าพี่ต้อยไปว่า คุณพี่จะรีบไปไหน อยู่ก่อนเถอะ นาน ๆ เจอที คิดถึงน๊ะ ตะเอง ... พี่ต้อยบอกกับเรา "เค้ามาตามให้กลับบ้านแล้ว" ดึงไม้ดึงมือพี่อยู่เนี่ย เย้อออออ ทำไมเราไม่เห็นฟร๊ะ ไม่เห็นอ่ะดีแล้ว ต่างคนต่างอยู่ "พี่อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องรีบไปจริง ๆ " พวกเรามองหน้ากันทำตาปริบ ๆ กะจะปากหมาถามไล่หลังไปว่า "จะกลับไปทำการบ้านกับผีเหรอคุณพี่ชาย" เจ้าปลาตะโกนถามไล่หลังไปว่า "โหยยยยย หึงหวงขนาดนี้เชียวหรือ" พี่ต้อยหันมาพะยักหน้าหงึก ๆ ไปแล้วน๊ะ บ๊ะบายสาวสาว ....หลังจากพี่ต้อยไปแล้ว พวกสาว ๆ และครอบครัวของพี่ต้อยเริ่มเม้าท์ถึงเรื่องนี้กันต่อ ทุกคนพูดพร้อม ๆ กันว่า "ทำไมพี่ต้อยขอบตาคล้ำดำปี๋ขนาดนั้น หน้าตอบ ๆ อีกด้วย มันแปลกน๊ะ" คุณแม่บอกกับพวกเราว่า "พี่ณีย์ คู่หมั้นของพ่อต้อยมาขอถอนหมั้นแล้ว ณีย์บอกว่าไม่รู้ต้อยเป็นอะไร ไม่เหมือนก่อน ไม่แวะเวียนไปหาเหมือนเดิม ต้องคอยโทรไปตาม หากไม่โทรไปก็จะไม่โทรมา เวลามาหาที่บ้านก็อยู่ไม่นานต้องขอลากลับ ประมาณร้อนรนทุกครั้ง ไม่รู้เป็นเพราะเหตุอะไร" [พี่ณีย์เธอไม่ทราบเรื่องราวอันลึกลับของเตียงไม้ตะเคียน] และเธอก็ไม่เข้าใจในพฤติกรรมของคู่หมั้นที่ทำตัวห่างเหินแล้วจะต้องแต่งงานกันในไม่ช้านี้ [พี่ต้อยเปี๊ยนไป๋] หลังจากที่ทราบเรื่องราวกันแล้ว เพื่อนแขก เพื่อนในกลุ่มอีกคนเป็นประเภทไม่กลัวผีแบบบ่งบ๊งนี่หล่ะ หล่อนเปรยขึ้นทันที "แบบนี้เค้าขอท้าพิสูจน์หน่อยเถอะ ไม่อยากจะเชื่อหว่ะ" ... จากนั้นไม่กี่วันมีรายการตามล่าหาความจริง เพื่อนแขกก็ได้นัดหมายกับเพื่อนตุ๋ย น้องสาวพี่ต้อย ขอไปนอนค้างคืนที่แฟลตเพื่อทำการท้าพิสูจน์ความลี้ลับประมาณคนเสือกเรื่องผี เหอ ๆ ส่วนพวกเราที่เหลือขอเฝ้ารอคอยฝั่งข่าวแบบลุ้นระทึก ... เช้าวันรุ่งขึ้นหล่อนโทรมานัดเพื่อนในแก๊งไปกินข้าวเย็นที่ร้านครัวมุกดา [สมัยนั้น] ตอนนี้ร้านนี้ยังมีหรือไม่ ไม่แน่ใจ ... ทุกคนตอบรับในทันทีด้วยเหตุผลอยากรู้เรื่องราวของชาวบ้าน ... พอเจอหน้ากันยังไม่ทันจิบน้ำสั่งอาหาร สองสาวแย่งกันเล่าเรื่องราวที่ได้ไปพบเจอกับรายการ คนท้าผีตะละแม่นางตะเคียน" .... เย้ออออ งานเข้าเพื่อนแขกอีกคนแล้วคะพี่น้อง ผลงานการท้าพิสูจน์ครั้งนี้หล่อนโดนปี๋ลากออกมานอนที่ห้องรับแขกเหมือนเพื่อนตุ๋ยเลย 5555 คนที่ไม่เคยกลัวผีอย่างเพื่อนแขกชักมีอาการหวาดผวา เล่าไปหน้าก็ซีดเผือด บ่งบ๊งว่าหน้าหล่อนซีดกว่าผีตะละแม่ตะเคียนอีกน๊ะ ... หล่อนเริ่มบรรยาย "หล่อนไปถึงแฟลตพี่ต้อยประมาณสองทุ่ม เมื่อก้าวย่างเท้าเข้าไปภายในห้องรู้สึกเย็นวูบ ๆ ด้วยสัมผัสที่หกของหล่อน พลันกวาดสายตาไปรอบ ๆ รู้สึกแปลกตาทำไมบ้านหนุ่ม[โสด] ช่างสะอาดสะอ้านได้ขนาด แถมมีกลิ่นหอม ๆ เหมือนดอกไม้ไทย ๆ อีกด้วย หล่อนว่า "มิได้อุปมาอุปมัยน๊ะเฟร๊ย" หล่นอว่าความที่หล่อนมีสัมผัสที่หก หล่อนรู้สึกวูบ ๆ วาบ ๆ ประมาณบ้านแลดูมีชีวิต เหมือนมีคนอยู่ภายใน ไม่ได้เงียบสงัด ไม่ได้มีเสียงเพลง แต่ดูเสมือนมีเสียงวิ๊ง ๆ กุก ๆ กัก ๆ ตลอด ... หลังจากที่กินข้าวกินปลาที่หิ้วติดมือกันมา ก็นั่งดูทีวีกันไปเรื่อย ใจก็รุลุ้นระทึก จากที่ไม่กลัวผี ชักมีอาการหวาดผวาขึ้นมา แต่ยังไม่มีเหตุการใด ๆ แล้วหล่อนทั้งสองก็ผลอยหลับกันไปโดยที่ไม่ได้ดูเวลาว่าตอนนั้นกี่โมงกี่ยาม ... รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาคนที่ถูกลากออกมาจากห้องคือเพื่อนแขกเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนตุ๋ยยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไม้ตะเคียนนั่น เพื่อนแขกบอกอีกว่า คนข้างห้องมาด้อม ๆ มอง ๆ แล้วสอบถามว่า "เป็นอะไรกับเจ้าของห้อง" หมายถึงผู้หมวดต้อย เพื่อนแขกและเพื่อนตุ๋ยบอกไปว่า "เป็นน้องสาว" เพื่อนข้างห้องเล่าต่อ "ที่ห้องนี้มีเรื่องแปลก ๆ มันเหมือนมีคนอยู่ข้างในตลอดเวลา ได้ยินเสียงเดินและทำโน่นนี่" เวลาผู้หมวดต้อยกลับมาเหมือนมีเสียงคนพูดคุยกัน แปลกใจตรงที่ทุกครั้งเห็นผู้หมวดต้อยกลับมาเพียงลำพัง แต่เหตุไฉนมีเสียงหมวดต้อยพูดคุยกับผู้หญิง .. นี่คือข้อสงสัยของเพื่อนข้างห้อง ...เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนแขกของหมู่เฮา ทุกคนได้แต่มองหน้า ทำตาปริบ ๆ และพากันวิพากษ์วิจารณ์กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกันไปต่าง ๆ นา ๆ เพื่อนตุ๋ยเล่าต่อ "พี่ต้อยมันบอกกับฉันว่า เค้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง คือหลับนอนฉันสามีภริยากับแม่นางตะเคียนทุกครั้งที่ได้กลับมาพักที่บ้าน แบบหลงรูปและกลิ่น" ซึ่งเรื่องนี้บ่งบ๊งได้รับการยืนยันจากปากพี่ต้อยเองว่า มันเป็นความจริง พี่ต้อยบอกว่า "แม่นางเป็นผีสาวที่สวยมาก นุ่งห่มสไบ เนื้อตัวของเธอก็หอมมาก ๆ หอมแป้งร่ำโบราณ เวลาร่วมหลับนอนกัน ไม่ได้แตกต่างไปจากที่ได้เสพย์สุขกับมนุษย์".... เย้ออออ อะไรจะขนาดนั้นฟร๊ะ มันจริงรึฟร๊ะเพื่อนตุ๋ย นังตุ๋ยมันว่า "แกเองก็ได้ยินเองกับหูมิใช่รึ" เง้อออ ... จะบร้าไปแล้ว ประโยคนี้พวกเราสบถกันเอง เหอ ๆ เฮ้อออ อะไรจะขนาดนั้นฟร๊ะ พวกเราพากันสรุปว่า ไอ้ที่พี่ต้อยขอบตาหมองคล้ำหน้าตาอ่อนระโหยโรงแรงขนาดนั้นคงเป็นเพราะพิษสงค์จากการที่ได้หลับนอนกับผีนางตะเคียนอย่างแน่นอน เพื่อนตุ๋ยบอกอีกว่า เวลาไปกินเหล้ากับเพื่อน หากมีเฉพาะพื่อนผู้ชายจะไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น แต่ถ้าไปกินเหล้าแล้วมีสาว ๆ นั่งอยู่ในวงเหล้าด้วย ไอ้พี่ต้อยมักจะอยู่ไม่ได้ ต้องโดนดึงกลับบ้านแต่หัววันทุกครั้ง พี่ต้อยจะบอกกับเพื่อน ๆ ว่า "เฮ้ย กรูว์ขอกลับก่อนน๊ะเฟร๊ย" ตอนแรก ๆ เพื่อนๆ ยังไม่รู้เรื่องราวก็จะพากันโวย "ได้ยังไงฟร๊ะ มรึงจะกลับก่อนได้ไง" หลัง ๆ เพื่อน ๆ จะไม่พูดอะไร ได้แต่สบตากันแล้วทำตาปริบ ๆ ไม่ทักท้วงใด ๆ เพราะดีรู้ว่าท้วงไปก็ไม่มีผล ยังไงมันก็ยืนยันว่ากรูว์จะต้องกลับบ้านโดยด่วน เพราะโดนพิษรักตามจิกกัดด้วยความหึงหวง" นั่นเอง
ส่วนเรื่องราวยังคงดำเนินต่อไป แต่บ่งบ๊งมิสามารถติดตามได้เนื่องด้วยหลังจากนั้นเพื่อนตุ๋ยเธอก็แต่งงานไปอยู่กับคุณสามีที่แปดริ้ว ไปทำกิจการค้าพืชเกษตรอยู่ที่นั่น ชีวิตแต่งงานจะไม่เหมือนชีวิตโสดที่มีเวลาให้กับเพื่อนเสมอ ๆ ... ส่วนเพื่อนปลาสุดสวยก็เดินทางไปทำงานที่เยอรมันนี เพื่อนแขกก็แต่งงานใหม่ไป เหลือแต่นังบี๊ที่อยากขุดคุ้ยเรื่องราวต่อว่าจะจบลงอย่างไร แต่ก็อ่ะน๊ะ ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่อันพึงกระทำ ทำให้พวกเราไม่ค่อยได้มีเวลาเจอะเจอกันเหมือนก่อน บ่งบ๊งเองก็มิสามารถติดตามผลงานว่าเรื่องราวของคุณพี่ต้อยว่ามันจะลงเอยในทิศทางใด ทุกคนทราบแต่เพียงว่าเพื่อนรักของพี่ต้อยได้มาขอรับเตียงไม้ตะเคียนของเขาคืนไปแล้ว เรื่องราวจบลงแค่นั้น ...ที่สุดแล้วพี่ต้อยและพี่ณีย์ก็ต้องมีการถอนหมั้นกันไป ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าใจจริง ๆ เรื่องบ้า ๆ แบบนี้ทำให้รักของคนทั้งสองต้องมาร่มกลางคลอง พวกเรารู้สึกเสียดายเพราะเราเห็นเค้าทั้งคู่ตั้งแต่เรียนหนังสือด้วยกันมา เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พี่ณีย์เธอเป็นคนน่ารักมาก ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงสวยที่เพียบพร้อมทั้งฐานะและหน้าที่การงาน เค้าทั้งสองหล่อและสวย ทุกอย่างช่างเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก พี่ณีย์เป็นผู้หญิงที่มีความสูงถึง 175 ซม. และพี่ต้อยก็เป็นนายตำรวจหนุ่มที่หน้าตาดี ตัวสูงใหญ่ พูดแล้วก็เหลือเชื่อน๊ะ เลิกกันเพราะผีนางตะเคียนเนี่ยน๊ะ บ่งบ๊งไม่อยากจะเชื่อเลย ถือเป็นเรื่องเศร้าใจและเสียดายจริง ๆ เอวัง ....ส่วนตะละแม่นางตะเคียนจะยอมเปลี่ยนรส เปลี่ยนกลิ่นจากคุณพี่ต้อยไปเป็นเพื่อนคุณพี่ต้อยที่เป็นเจ้าของเตียงตัวจริงหรือไม่นั้น คงต้องให้พบกับตัวเป็น ๆ ของพี่ต้อยก่อนแล้วจะได้ทราบเรื่องราวอันลึกลับกันต่อไปว่ามันจะจบลงเอยอย่างไร ...
เรื่องราวของแม่นางตะเคียน หรือตางตะเคียนทองถือเป็นความเชื่อของคนไทยที่ตกทอดและเล่าต่อ ๆ กันมา ส่วนจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่สุดแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล ก่อนจากกันไปขอแถมท้ายเล่าสู่กันฟังอีกสักเรื่อง คือคนโบราณเค้าบอกต่อ ๆ กันมาว่าหากจะปลูกสิ่งก่อสร้างใด ๆ แล้วไปพบต้นหรือขุดเจอตอไม้ตะเคียนแล้วไปตัดโค่นจะพามาซึ่งความหายนะ ... ตรงนี้บ่งบ๊งเองก็เคยสัมผัสมา คือเรื่องมีอยู่ว่า สถาปนิกของหมู่บ้านที่บ่งบ๊งอาศัยอยู่เขาจะสร้างแท๊งค์น้ำใหญ่ของหมู่บ้าน ก็สำรวจหาที่ทางที่เหมาะสมเพื่อวางแท๊งค์น้ำ ไปพบเจอเอาจุดที่มีต้นตะเคียนท้ายหมู่บ้าน เขาวาเหมาะเจาะและขอสร้าง ณ จุดนั้น ได้สั่งการให้คนงานตัดโค่นต้นตะเคียนต้นนั้นโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของคนงาน แถมไม่มีการทำพิธีจุดธูปขอขมาแต่อย่างใด คนโบราณว่า หากจะตัดหรือโค่นต้นตะเคียนก็ต้องตัดและขุดกันให้ถึงรากถึงโคนกันไปเลย ไม่เช่นนั้นจะนำพามาซึ่งความหายนะและความตาย ... หลายวันต่อมาสถาปนิกของหมู่บ้านไปรถคว่ำตายที่ต่างจังหวัดขณะเดินทางไปตรวจไซด์งานทางภาคเหนือ ... เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มันก็เกิดขึ้นจริงจะด้วยความบังเอิญ หรืออุบัติเหตุก็สุดแล้วแต่ แต่มันก็เป็นดังคำกล่าวนั้นจริง ๆ เป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ ที่มีการขุดพบตอไม้ตะเคียน หรือต้นตะเคียนผุดโผล่ที่ใด จะเห็นมีชาวบ้านพากันไปกราบไหว้ ขอหวย แล้วก็มีผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอกพันโดยรอบ มีการตั้งศาลและการบูชากราบไหว้ มีชุดไทยสไบนางมาผูกแขวนไว้ตามต้นอีกด้วย เสื้อผ้าเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นชุดสไบนางที่ถูกจัดมาเนื่องจากผู้ที่นับถือพากันถูกเบอร์ ถูกหวยนั่นเอง ....
เรื่องราวทั้งหมดโปรดใช้วิจารณยาน เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ประโยคนี้คุ้น ๆ ... บ่งบ๊งต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านเรื่องราวมาโดยตลอด ส่วนจะเชื่อหรือไม่คงไปบังคับกันไม่ได้ ถือว่านำมาเล่าสู่กันฟังพอให้ระทึกใจและหายง่วง แล้วพบกันใหม่กับเรื่องราวอันลี้ลับเรื่องต่อไปของบ่งบ๊งนะคะ ... ปูลู ... ส่วนภาพด้านล่างนี้ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องราวด้านบนของผีสาวนางตะเคียนที่ได้เล่ามา ... ผีนางตานีสุดสวย ความเฮี๊ยนไม่ได้ยิ่งย่อนกว่ากัน เอิ๊กกกกกก แห๋มมม สวยขนาดน๊ะจ๊ะหล่อน .... กล้วยตานีใบหวีเหี่ยว เหี่ยวซ๊ะที่ไหน ออกเต่งตึงซ๊ะขนาดนี้ ... รู้สึกรำคาญลูกนัยตากับใบตองที่ปกปิดส่วนท่อนล่าง หากไม่มีมาแปะปิดของกลางเอาไว้คงจะปลุกใจเสือป่าได้มากกว่านี้ เหอๆ
เมี่ยงคำกลีบบัว หมี่กรอบโบราณ น้ำจิ้มเมี่ยงคำ เมี่ยงมะม่วง ยำส้มโอ ข้าวตังหน้าตั้ง กระทงทอง มัสมั่นไก่และเนื้อ เนื้ออบสูตรประจำตระกูล ปีกไก่ทอดซีอิ้ว กล้วยเชื่อมแดง ไก่อบเกือบจะ S&P Filipino Chicken Adobo ซอสเย็นตาโฟในตำนาน น้ำจิ้มสุกี้ชาบูเลอเลิศ น้ำพริกสะระแหน่-น้ำจิ้มลุยสวน น้ำจิ้มชนิดต่างๆ ซอสเทอริยากิ ไข่ตุ๋นเนื้อเนียน Mango Cheese Cake Strawberry Cheese Cake Cheese Pie New York Cheese Cake เค้กมะตูมสูตรอร่อย เค้กอินทผลัม Dates Cake ปลาทูต้มเค็ม ไข่พะโล้-ต้มเค็มพะโล้-ก๋วยจั๊บ ข้าวหน้าไก่สูตรเด็ด บะหมี่หน้าไก่ อุ๊กไก่-ไก่พม่า ซุปไก่มุสลิม ผักดอง-Veggies Chutney ครองแครงกรอบสูตรประจำตระกูล กุ้งหวานบ้านฉัน เค้กกล้วยน้ำว้า หลนกุ้ง กะปิคั่ว-กะปิหลน
หมี่กรอบโบราณ
น้ำจิ้มเมี่ยงคำ
เมี่ยงมะม่วง
ยำส้มโอ
ข้าวตังหน้าตั้ง กระทงทอง มัสมั่นไก่และเนื้อ เนื้ออบสูตรประจำตระกูล ปีกไก่ทอดซีอิ้ว กล้วยเชื่อมแดง ไก่อบเกือบจะ S&P Filipino Chicken Adobo ซอสเย็นตาโฟในตำนาน น้ำจิ้มสุกี้ชาบูเลอเลิศ น้ำพริกสะระแหน่-น้ำจิ้มลุยสวน น้ำจิ้มชนิดต่างๆ ซอสเทอริยากิ ไข่ตุ๋นเนื้อเนียน Mango Cheese Cake Strawberry Cheese Cake Cheese Pie New York Cheese Cake เค้กมะตูมสูตรอร่อย เค้กอินทผลัม Dates Cake ปลาทูต้มเค็ม ไข่พะโล้-ต้มเค็มพะโล้-ก๋วยจั๊บ ข้าวหน้าไก่สูตรเด็ด บะหมี่หน้าไก่ อุ๊กไก่-ไก่พม่า ซุปไก่มุสลิม ผักดอง-Veggies Chutney ครองแครงกรอบสูตรประจำตระกูล กุ้งหวานบ้านฉัน เค้กกล้วยน้ำว้า หลนกุ้ง กะปิคั่ว-กะปิหลน
กระทงทอง
มัสมั่นไก่และเนื้อ
เนื้ออบสูตรประจำตระกูล
ปีกไก่ทอดซีอิ้ว
กล้วยเชื่อมแดง
ไก่อบเกือบจะ S&P
Filipino Chicken Adobo
ซอสเย็นตาโฟในตำนาน
น้ำจิ้มสุกี้ชาบูเลอเลิศ
น้ำพริกสะระแหน่-น้ำจิ้มลุยสวน
น้ำจิ้มชนิดต่างๆ
ซอสเทอริยากิ
ไข่ตุ๋นเนื้อเนียน
Mango Cheese Cake
Strawberry Cheese Cake
Cheese Pie
New York Cheese Cake
เค้กมะตูมสูตรอร่อย
เค้กอินทผลัม Dates Cake
ปลาทูต้มเค็ม ไข่พะโล้-ต้มเค็มพะโล้-ก๋วยจั๊บ ข้าวหน้าไก่สูตรเด็ด บะหมี่หน้าไก่ อุ๊กไก่-ไก่พม่า ซุปไก่มุสลิม ผักดอง-Veggies Chutney ครองแครงกรอบสูตรประจำตระกูล กุ้งหวานบ้านฉัน เค้กกล้วยน้ำว้า หลนกุ้ง กะปิคั่ว-กะปิหลน
ปลาทูต้มเค็ม
ไข่พะโล้-ต้มเค็มพะโล้-ก๋วยจั๊บ
ข้าวหน้าไก่สูตรเด็ด
บะหมี่หน้าไก่
อุ๊กไก่-ไก่พม่า
ซุปไก่มุสลิม
ผักดอง-Veggies Chutney ครองแครงกรอบสูตรประจำตระกูล กุ้งหวานบ้านฉัน เค้กกล้วยน้ำว้า หลนกุ้ง กะปิคั่ว-กะปิหลน
ผักดอง-Veggies Chutney
ครองแครงกรอบสูตรประจำตระกูล
กุ้งหวานบ้านฉัน
เค้กกล้วยน้ำว้า หลนกุ้ง กะปิคั่ว-กะปิหลน
เค้กกล้วยน้ำว้า
หลนกุ้ง
กะปิคั่ว-กะปิหลน
ไม่เชื่ออย่างลบหลู่จริงๆ นะคะ
อ่านเรื่องพี่ต้อยแล้ว ขนศีรษะลุก (นิดๆๆๆ)
โอ้ว รักข้ามมิติ มาอยู่กินกันฉันคู่สามีภรรยา อรุยยยย
แต่น่าเสียดายอดีตคู่หมั้นอย่างที่พี่บี๊ว่าจริงๆ ค่ะ
โลกความจริงนั้นสำคัญกว่า
พูดถึงเรื่องต้นไม้ใหญ่ๆ หลายคนอยากตัดออก
เอิงขออยู่แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า มีต้นไม้ใหญ่อยู่บ้าน
ก็ถือซะว่าเค้ามาช่วยดูดอากาศเสียออกไป
ช่วยลดมลพิษ ทำให้บ้านเมืองเราสดใสดีออกนะคะ