เรื่องนี้ลับสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
คุณกำลังเผชิญภาวะ PMS อยู่หรือเปล่า
เคยสังเกตตัวเองบ้างหรือไม่ว่า ช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก่อนมีประจำเดือนคุณมีอาการต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ เช่น หดหู่ สิ้นหวัง โลกเป็นสีเทา รู้สึกไร้ค่า อยากฆ่าตัวตาย นอนไม่หลับ ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล หากความสุขและ คุณภาพชีวิตของคุณถูกคุกคามด้วยอาการเหล่านี้
อาการที่พบบ่อยได้แก่ บวม เจ็บเต้านม ปวดศีรษะ น้ำหนักเพิ่ม นอนไม่หลับ รับประทานมากขึ้น สมาธิสั้น หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน
ควรรีบปรึกษาสูตินรีแพทย์ เพื่อปลดปล่อยจาก ตนเองจากพันธนาการทางธรรมชาติที่ฉุดรั้งคุณอยู่ เพราะอาการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอาการ Premenstrual Syndrome (PMS) หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า อาการก่อนมีประจำเดือน ซึ่ง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงที่ผลิตจากรังไข่
จากการสำรวจของบริษัทผู้ผลิตเวชภัณฑ์ชั้นนำรายหนึ่งของโลก คือ ไบเออร์ เชริง ฟาร์มา พบว่า 50-80% ของผู้หญิง วัยเจริญพันธุ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอาการ PMS และ 13-26% ของผู้หญิงวัยนี้มีอาการดังกล่าว ในระดับที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ในสังคม
รายงานการสำรวจดังกล่าวได้รับการยืนยันจาก ศ.ลอเรน เดนเนอร์สไตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเพศศึกษา และสุขภาพ แผนกจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ซึ่งได้ทำการศึกษาเชิงคุณภาพ ในกลุ่มผู้หญิงและแพทย์ ในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกสี่ประเทศ อันประกอบด้วย ออสเตรเลีย ฮ่องกง ปากีสถาน และไทย กล่าวในงานสัมมนา ปลดปล่อยตัวเองจากกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน จัดโดย บ.ไบเออร์ เชริง ฟาร์มา ประเทศไทยว่า
จากการศึกษาเชิงปริมาณในประเทศไทย พบว่า กิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ได้รับผลกระทบจากอาการ PMS ได้แก่ ประสิทธิภาพการทำงาน 66 % ความเป็นระเบียบภายในบ้าน 53 % คู่รักครอบครัว 23% เพื่อนและผู้ร่วมงาน 13% กิจกรรมยามว่าง 12% กิจกรรมทางเพศ 12 % และการเรียน 8% แต่ผู้หญิงจำนวนมากในเอเชียแปซิฟิกที่ประสบภาวะ PMS และ PMDD (Premenstrual Dysphoric Disorder) กลับไม่พยายามหาวิธีรักษา เนื่องจากมีความเชื่อที่ผิดว่าอาการก่อนมีประจำเดือนเหล่านี้ เป็นเพียงสัญญาณบอกว่าประจำเดือนกำลังจะมา หรือเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงทุกคนต้องประสบอยู่แล้ว โดยที่ไม่ได้ตระหนักเลยว่าอาการเหล่านี้สามารถ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
(ถึงตรงนี้ขอขยายความเพิ่มเติมนะคะว่าอาการ PMS เราใช้เรียกต่างกับอาการ PMDD ตรงที่อาการ PMS จะไม่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการงานและสังคม ขณะที่อาการ PMDD จัดว่าเป็นลักษณะอาการที่รุนแรง จนส่งผลกระทบต่อการงาน ความสัมพันธ์ส่วนบุคคลและสังคม)
ศ. นพ. สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล คณบดีวิทยาลัย วิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิจัยในประเด็นปัญหาเดียวกันนี้และพบว่า
ผู้หญิงไทยในวัยเจริญพันธุ์ 95% มีอาการก่อน มีประจำเดือนอย่างน้อยหนึ่งอาการ และหนึ่งในสามของ ผู้หญิงเหล่านี้ ความรุนแรงของอาการอาจมีมากขึ้น และมีอาการร่วมกันมากกว่า 2 3 อย่างขึ้นไป เช่น หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน หดหู่ นอกจากนั้น ยังพบว่า 10% ของผู้หญิงกลุ่มนี้มีอาการอยู่ในขั้นรุนแรง หรือ PMDD ซึ่งอาการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ กับคนรอบข้างทั้งเพื่อนร่วมงาน และครอบครัว และมี ผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน แต่กลับมีผู้หญิงไทย เพียง 10% ที่รู้จักและเข้าใจถึงอาการ PMS และยิ่งถ้าเป็นอาการ PMDD จะยิ่งรู้จักกันน้อยมาก
ปัจจุบันผู้หญิงที่เป็น PMS ไม่ว่าอาการทางกาย หรือทางจิตใจ มีทางเลือกในการปลดปล่อยตัวเอง จากผลกระทบอันเกิดจากฮอร์โมนในช่วงก่อน มีประจำเดือนได้ด้วยนวัตกรรมเพื่อป้องกันและ ลดอาการก่อนมีประจำเดือนที่มีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ต้องปรึกษากับสูตินรีแพทย์ เท่านั้นค่ะ
จากผลการรักษาในต่างประเทศ โดยดร.เดวิด แอล. ไอเซนเบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านวางแผนครอบครัว และ คุมกำเนิด แผนกสูติศาสตร์ และนรีเวชวิทยา โรงพยาบาลนอร์ธเวสเทิร์นเม็มโมเรียล สหรัฐอเมริกา พบว่าการรักษาคนไข้ที่มีอาการ PMS/PMDD ด้วยสารโปรเจสโตเจนสังเคราะห์ตัวใหม่ที่รับประทาน 24 เม็ดต่อรอบเดือน สามารถลดอัตราการเกิด อาการก่อนมีประจำเดือนได้ถึง 50% และพบว่า หลังการบำบัดด้วยสารดังกล่าว ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ ในการทำงาน กิจกรรมทางสังคมและความสัมพันธ์ลดลง
เห็นว่าเป็นข้อมูลดีดีเลยเอามาฝากกันนะคะ ขอบคุณแทนผู้หญิงทุกคน สำหรับแหล่งข้อมูลดีดีจาก //women.sanook.com/health/tips และ "www.ramamental.com/topics" ค่ะ
Create Date : 04 มิถุนายน 2551 |
|
52 comments |
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2551 12:28:13 น. |
Counter : 1342 Pageviews. |
|
|
|
สวัสดีเช้าวันพุธ
เราคนไทยรักกันนะค่ะ