คน สัตว์ ดราม่า คุณว่า ใครใจร้าย
เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีคนมาเล่าให้ฟังว่า มีหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งก่อตั้งตัวเองเป็นจิตอาสาเรื่องหมาจร ได้เข้าไปที่บ้านของผู้สูงยัยท่านหนึ่ง ตามการแจ้งของใครสักคน เพื่อไปช่วยแมวกว่า 30 ชีวิต ที่ติดอยู่ในกรงขัง และก็คล้ายๆ หลายข่าวที่เคยได้ยินมา ผู้สูงวัยไม่ยอมให้ขนเอาแมวในการดูแลออกไปโดยง่าย กลายเป็นเรื่องดราม่าในโซเชียลให้ติดตามความคืบหน้าของการแจ้งความดำเนินคดี และเชิญตำรวจมาไกล่เกลี่ยกันอยู่หลายชั่วโมง กว่าจะได้มีการย้ายแมวออกจากที่ขัง ครั้งก่อนๆ ที่ได้ยินข่าวทำนองนี้ ความคิดในใจฉัน ก็เหมือนหลายๆ คอมเม้นท์ที่บอกว่า เก็บมาแล้วก็เลี้ยงไม่ไหว จะเอามาเป็นภาระทำไม มีคนมาช่วยออกไปก็ดี สบายทั้งคน สบายทั้งแมว แต่ครั้งนี้ เพราะรู้จักทั้งหน่วยงานที่ไปเอาแมวออกมา และ ลุงเจ้าของแมว มันก็เลยเป็นอีกครั้งที่ทำให้เห็นว่า การดัดสินอะไร จากเพียงสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า โดยไม่รู้บริบท สภาพแวดล้อม ความเป็นมา แล้วไปวิพากษ์วิยารณ์ เลือกข้าง ทัวร์ลง ไปตามกระแส มันบาปมหันต์ ที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่แันรับรู้มากจากการบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และจากที่ฉันได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งฉันไม่ได้ไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ก็เอาเป็นว่า จะเชื่อไม่เชื่ออย่างไร ขอให้ใช้วิจารณญาณก่อนตัดสิน 1 ในผู้ก่อตั้งหน่วยงานนั้น เคยเก็บหมาที่ถูกรถชน เจ็บป่วย มาเลี้ยงไว้ในบ้านเช่าของตัวเองหลายตัว ฉันรู้ เพราะเขามาซื้อของที่ร้าน แล้วก็บ่นให้ฟังว่า คนข้างบ้านด่าเขาทุกวัน ว่าบ้านเขาสกปรก ส่งกลิ่นเหม็นรบกวน เพราะเขาเอาหมาใส่กรงไว้ตรงที่ว่างหน้าบ้าน หมาอึฉี่ลงพื้น เขาก็ฉีดน้ำไล่ให้ไปลงคูระบายน้ำ แต่หน้าร้อน คูไม่ค่อยมีน้ำ อึหมามันก็เลยไม่ค่อยไปไหน สะสมอยู่ตรงนั้น เขาว่าเขาก็เข้าใจ แต่ก็บ่นอีกว่า คนข้างบ้านไม่มีเมตตาเลย หมาที่เขาช่วยมา ทุกตัวก็ป่วย ต้องดูแล ต้องหาหมอ หมดเงินไปเยอะมากแล้ว แล้วก็เขาก็ให้ดูว่า เขาลงรูปและเรื่องในเพจตัวเอง เพื่อขอรับบริจาค ก็ไม่ค่อยมีใครเห็น พี่ที่ร้านเลยเื้อเฟื้อ บอกให้เขาพิมพ์ลงกระดาษ ทำเป็นแฟ่นๆ มา จะช่วยติดไว้ที่ร้าน คนจะได้เห็นเยอะขึ้น ซึ่งก็มีคนเห็นเยอะขึ้นจริงๆ แต่ 1 คนที่ไปช่วยเขา มาบอกให้เราเอาป้ายลงเถอะ รูปหมาที่เอามาลงว่าป่วยน่ะ โดนเอาลงซ้ำหลายครั้งแล้ว และที่สำคัญคือ เขาตามไปดูที่บ้านนั้น หมาตัวในรูปก็ไม่อยู่แล้วด้วย ช่วงเลานั้น ทางเทศบาลเริ่มมีการจัดพื้นที่ไว้สำหรับเลี้ยงหมาจรที่ชาวบ้านแจ้งให้ไปจับออกจากพื้นที่ เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัย ก็มีกลุ่มคน รวมทั้งบุคคลข้างต้น เอาหมาจร หมาเจ็บ ไปส่งไว้ที่สถานที่นั้น แล้วก็เริ่มมีการสื่อสารออกมาว่า เทศบาลไม่มีคนมาดูแล แค่เอามาปล่อยไว้ แล้วก็ให้อาหาร พวกเขาในฐานะคนรักหมา ก็เลยควมตัวกันตั้งหน่วยงานนั้นขึ้นมา เพื่อขอรับการสนับสนุนจากคนทั่วไป โดยมีพวกเขาเป็นคนเข้าไปดูแลคุณภาพชีวิตของหมาจรในพื้นที่เลี้ยงของเทศบาล ซึ่งก็ได้รับตอบรับมาตลอด หน่วยงานนั้นก็เลยยังคงอยู่มาจนถึงตอนนี้ แต่ ตลอดมานั้น หน่วยงานนี้ก็เหมือนวัด เงินบริจาคเท่าไหร่ เอาไปทำอะไร ไม่มีใครรู้ บางคนก็แค่รู้ว่า เขามีโครงการจะทำนั่นนี่ ลงโพสต์ขอสนับสนุน พอผู้มีจิตศรัทธาระดมทุนกันแล้วนำส่งเป็นเงินห้อนเข้าไป โครงการนั้น ก็ไม่ได้เกิดขึ้นครบถ้วนอย่างที่เคยสร้างภาพไว้ บางคนก็รู้ว่า บริจาคอิฐหินปูนทราย เพื่อสร้างและซ่อมแซมคอกหมา แต่พอตามไปดู ของก็กองอยู่อย่างนั้น ไม่มีการก่อสร้างใดๆ และโพสต์ขอบริจาคเงินก็ยังอยู่บนหน้าเพจ สัตวแพทย์ที่บ้านฉันพาหมาไปหาเขาเป็นประจำ ก็เคยไปช่วยฉีดวัคซีน ฉีดยากำจัดเห็บหมัดให้หมาที่หน่วยงานนี้ดูแล เขาว่าเขาก็พอรู้ว่า พวกนี้ หากินกับหมา แต่ก็คิดเสียว่า พวกนั้นก็ต้องเสี้ยงชีพ กินข้าว แล้วเขาก็ไม่ใช่คนรวย เงินที่บริจาคไป ก็ถือว่า จ่ายค่าแรงที่เขามาดุแลเลี้ยงหมา ก็ดีกว่าไม่มีใครมาดูแลเลย เพราะเทศบาลเอง ก็ไม่ได้มีงบประมาณมาทำได้ตลอด เคสที่เขาไปช่วยยิงยาสลบ จับหมาจรมาทำหมันก็มีจริงๆ หลายเคส ส่วนเรื่องระดมทุน ขอเงินบริจาค ก็ กรรมใครกรรมมัน ลุงเป็นลูกค้าที่ร้านมาเกิน 10 ปีแล้ว ลงแกชอบเลี้ยงแมวมาแต่ไหนแต่ไร แล้วก็อยู่ตัวคนเดียว อายุมากแล้ว แต่แกก็ยังมีงานทำ มีรายได้พอเลี้ยงตัวเองและแมวได้แบบสบายพอสมควร ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ขัดสน แมวก็มีทั้งเก็บมา ขอเขามา บางทีก็เกิดกันเอง ตายบ้าง หายบ้าง ก็มีแมวใหม่มาอีก ปริมาณก็ขึ้นๆ ลงๆ อยู่แถวหลักสิบ แกเคยมาเล่าว่า แกไม่ให้แมวไปไหน ทำกรงให้อยู่เรียบร้อย เพราะบ้านแกอยู่ริมคลอง พอถึงฤดู งูเหลือมก็มาเยี่ยมทุกปี มาทีไร แมวก็หาย แกเลยเลี้ยงให้อยู่แต่ในกรง จะได้ไม่โดนงูกิน ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนรถชน ไม่ต้องห่วงว่าจะไปทะเลาะกัดกับแมวที่อื่นแล้วกลับมาให้รักษา เพราะแกก็ไม่มีเงินพอจะไปดูแลขนาดนั้น แต่ถ้าเห็นว่าไม่สบาย แกก็ซื้อยามาทาให้บ้าง ป้อนยาบ้าง ไหวก็หาย ตายก็ปล่อย แกก็เลี้ยงของแกมาแบบนี้ ตอนงานยังดี รายได้ยังดี ลุงซื้ออาหารให้แมวครั้งละ 8 ถุง แต่หลังจากโควิดระบาดจบลง เศรษฐกิจที่แย่ลงเรื่อยๆ ก็ทำให้ลุงมีงานน้อยลง รายได้ลดลง ลุงก็ซื้ออาหารแมวน้อยลง จนมาเหลือซื้อครั้งละถุงเดียว แต่ก็มาซื้อถี่กว่าเดิม ฉันไม่เห็นด้วย แต่ก็เห็นใจลุง แววตาของลุงเวลาพูดถึงแมวตัวโปรด มันเหมือนโลกทั้งใบที่มีแต่ความสดใส ถามที่ไร แกก็บอกว่า ยังไหว คนที่คิดว่าแกไม่น่าจะไหว ก็ได้แค่ช่วยกันซื้ออาหารแมวเอาไปบริจาคให้แก ตามกำลังความเห็นใจ ช่วยไปเท่าที่แกยอมให้ช่วย ภาพที่ปรากฏออกมาในสื่อโซเชียล คือแมวที่บ้านลุง ทุกตัวอยู่ในกรงขัง ตามตัวมีบาดแผล รอยโรคผิวหนัง มีรูปอาหารที่อยู่ในกรงแมว พร้อมข้อความประกอบว่า อาหารขึ้นรา แน่นอน เจ้าของสื่อนั้น คือ หน่วยงานที่เข้าไปเพื่อ "ช่วยแมว" มีการลงภาพการเจรจา ลงคลิปการพยายามพูดเพื่อให้ลุงยอมให้เอาแมวออกไปจากที่นั้น ซึ่งลุงก็ดื้อแพ่ง ไม่ยอมท่าเดียว หน่วยงานนั้น ก็เลยไปแจ้งตำรวจ และหลังจากที่มีการไลฟ์สด โพสต์รูป และเรื่อง อย่างต่อเนื่องถลอดทั้งวัน ยังกับมีเหตุคนร้ายกราดยิงในที่สาธารณะ ที่สุด ก็มีการโพสต์ว่า ลุงยอมแล้้ว กำลังขนย้ายตัวประกัน เอ่อ ไม่ใช่ แมวผู้น่าสงสารออกไป ราวกับเป็นการประกาศชัยชนะ และ ขอย้ำอีกครั้งว่า คนที่ติดตามสื่อนั้น กำลังเสพข้อมูลช่องทางเดียว ฉันตัดการรับรู้เอาไว้เพียงเท่านั้น เพราะไม่อยู่ในสถานะที่จะทำอะไรได้ ได้แต่สะท้อนใจว่า ในโลกโซเชียลนั้น ลุงช่างไร้ความหมาย มีกี่คนที่สนใจความรู้สึกของลุง คนแก่อายุ 70 กว่า อาศัยอยู่ตัวคนเดียว แมว ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นเพื่อนเล่น เป็นเพื่อนคุย เป็นชีวิตที่รอแกกลับบ้าน เป็นภาระที่ผลักดันให้แกต้องพยายามมีชีวิตอยู่ ถึงการที่แกพยายามจะดูแลแมวทั้งหมด ทั้งที่แกไม่มีทางทำได้ดี มันเป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่การหักหาญน้ำใจคนแก่ จะต้องเอาแมวออกจากกรงให้ได้ภายในวันนั้น ถึงขั้นต้องใช้ตำรวจและกฏหมายมาบังคับ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่า หน่วยงานนั้น ทำเพื่ออะไร นึกไม่ออกเลยว่า ถ้าเป็นฉัน จู่ๆ ก็ถูกพรากทุกอย่างไปแบบไม่มีเวลาให้ตั้งตัว ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ฉันรู้ว่าตอนแมวอยู่กับลุง มันก็ไม่ได้สบายเท่าไหร่ แต่ถ้าจะใช้เหตุผลว่า เมตตาสงสารแมว โดยไม่เห็นแก่ใจคนแก่เลย ฉันก็ยังคิดว่า มันเกินไปอยู่ดี มันไม่มีทางประนีประนอมกันได้เลยหรือ อย่างน้อยก็ให้เวลาลุงได้บอกลาเพื่อน หรือ ได้เลือกตัวที่รัก เท่าที่พอสมควร เอาไว้เลี้ยงต่อ สวดมนต์ ไหว้พระ แผ่เมตตาทุกวัน ฉันก็ยังอดจะหลุดปากไม่ได้ว่า เอาไว้ให้แก่แล้วโดนแย่งของรักดูบ้างเถิด ฉันไม่รู้ว่า คนที่คอมเม้นท์ให้เอาแมวออกจากบ้านลุงให้ได้ ได้ติดตามต่อมั้ยว่า แมวถูกพาไปไหน หน่วยงานนั้น ลงรูปแมวที่ดูป่วยหลายรูป พร้อมคำบรรยายอาการต่างๆ นานา ถ้าต้องเอาทุกตัวไปหาหมอ จะเอาเงินที่ไหน เพราะฉันได้ข่าวที่กรองมาแล้วว่า มีร้านใจดี ขายอาหารหมาให้ในราคาส่ง บริการไปส่งถึงที่ และให้เครดิต เอาของไปก่อน จ่ายเงินทีหลัง แต่ก็จ่ายบ้าง ไม่จ่ายบ้าง จนร้านเขาไม่ให้ติดหนีเพิ่ม ไม่ส่งของให้ จนกว่าจะมาจ่ายหนี้ที่ค้างอยู่ และข่าวที่ไม่ต้องกรองในวันรุ่งขึ้น คือ รูปและข้อความขอระดมทุนจากผู้ใหญ่ใจดี เพื่อช่วยน้องแมวผู้ยากไร้ ลุงดูแลแมวไม่ดีนัก แต่ใครบอกได้ว่า หน่วยงานนั้น จะดูแลได้ดีกว่า แมวก็พูดไม่ได้เสียด้วยว่า อยากอยู่หรืออยากไป
เล่าไว้ให้ใช้สติคิด อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินแค่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า เห็นด้วยหรือไม่ ก็ไม่ว่าอะไร เพราะเดี๋ยวมันก็เป็นแค่อีกเรื่องหนึ่งที่ผ่านไป พิจารณาให้เห็นแจ้ง แล้ววางอุเบกขา เอาเวลาไปสวดนนต์ รักษาศีล จะได้มีสติ ระวังตัว ไม่ไปเบียดเบียนใครให้บาปมันติดตัว
Create Date : 28 มีนาคม 2568 |
|
0 comments |
Last Update : 31 มีนาคม 2568 15:33:49 น. |
Counter : 435 Pageviews. |
|
 |
|