<<
มกราคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 มกราคม 2564
 

ภมิใจในตัวเอง ความรู้สึกดีที่หายไป

สืบเนื่องจาก สมองตัน หาแรงบันดาลใจมาเขียน Blog ใหม่ ไม่ได้เสียที  ทิ้งร้างไปนานๆ ก็เกรงใจคนอ่าน ดูจากจำนวนผู้ชม ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน จะมากจะน้อย  ก็นึกขอบใจ ทุกคน ทุกครั้งที่สนใจเข้ามาอ่าน  อยากเขียนให้ได้อ่านกัน  คิดเองยังไงก็ไม่เจอเรื่องปังปัง  จนปัญญา  เลยต้องไปถามเอากับคนทีี่คุยกันโดยไม่เคยเห็นหน้ากันว่า มีอะไรแนะมั้ย
เขาตอบกลับมาว่า  เขาคิดถึงเรื่องใกล้ตัว เรื่องที่เรามองข้าม ทั้งที่ถ้าขาดมันไปแล้ว เราจะแย่
ฟังดูน่าสนใจไม่น้อย  แต่....
แลแล้ว  เล็งอีก  ก็ยังไม่เห็นวัตถุสิ่งของใด  ที่โดนใจ  จะว่าไป  ฉันเองก็ไม่เคยรู้สึกขาดสิ่งของอะไรจนรู้สึกถวิลหา  จะเขียนเล่าอย่างไรก็นึกไม่ออก
ผ่านไปอีกหลายวัน  อยู่ๆก็นึกถึงคำว่า ความภุมิใจ
พอนึกได้  ก็เลยลองถามสาวน้อยวัย 20  ว่า ความภูมิใจล่าสุดของตัวเองคืออะไร
ได้คำตอบมาว่า  น่าจะตอนเป็นเชียร์ลีดเดอร์มั้งคะ  คำถามยากจัง  ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
ปี๊งปั๊บขึ้นมาในทันได  นี่ไง  สิ่งใกล้ตัวที่เรามองข้าม และ สำคัญมาก

ภูมิใจ  ตามพจนานุกรมไทย ให้ความหมายไว้แบบอ่านแล้วงงๆ ว่า รู้สึกกระหยิ่มใจ  เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องไปหากันอีกทีหนึ่งว่ กระหยิ่ม แปลว่าอะไร
ท่าจะไม่ได้เรื่อง  ลองหาวิธีอธิบายแบฝรั่ง  ได้ความหมายที่ดูจะอธิบายในเชิงความรู้สึกได้ดีกว่ามาก
ค้นจาก Dictionary แบบแปลภาษาอังกฤษ เป็น ภาษาอังกฤษ  ให้ความหมายไว้ว่า
a feeling of deep pleasure or satisfaction derived from one's own achievements
แปลตามตัวได้ว่า ความรู้สึกของความเพลินเพลินหรือพอใจอย่างลึกซึ้งที่ได้มาจากความสำเร็จของบางสิ่งบางคน
เพิ่มคำว่า ตัวเอง เข้าไป เป็น ความภูมิใจในตัวเอง  ทางจิตวิทยา  เรียกความรู้สึกนี้ว่า ความพึงพอใจในตัวเอง

สำหรับตัวฉันเอง  ตั้งแต่รู้จักกับ แจ๊คกี้  จักริน กังงานเกียรติชัย  ฟังเขาพูดบ่อยๆว่า เขาภูมิใจในตัวเอง ในสิ่งที่ตัวเองเป็น ไม่เคยคิดอยากเป็นคนอื่น    ฉันก็เหมือนจะมีสติ  คอยมองตัวเอง  พิจารณาตัวเองอยู่เรื่อยๆ  ก็จึงได้มีความสุข ความพอใจกับใดใดที่ฉันทำได้ด้วยตัวเอง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการทำความสะอาดห้อง  เช็ดถูให้เรยบลื่น ที่ฉันลงมือเช็ดถูด้วยตัวเองจนสะอาดเอี่ยม  ภูมิใจ พอใจที่ได้อยู่ในห้องที่สวยด้วยมือเรา

ฉันคงโชคดี ที่ได้เรียนรู้เสียนานแล้วว่า พอใจง่าย ก็สุขง่าย  พอใจกับตัวเอง ก็มีความสุขด้วยตัวเองได้   ไม่ต้องพึ่งพา รอคอย ให้ใครชม ใครชอบ
จะว่าฉันบ้า ก็ว่าเถิด  แต่ฉันเต็มใจจะบอกว่า ฉันชมตัวเองอยู่บ่อยๆ  ชมว่าตัวเองสวย  ตัวเองเจ๋ง  ตัวเองทำได้

Imageรูปนี้  วาดเอง  ตามคำชวนร่วมสนุกของ ปอร์เช่ ศิวกร  อตุลย์สุทธิกุล  ฝีมือวาดรูปของฉัน เข้าขั้นแย่มาก  ไม่ใช่ไม่รู้หรอก  แต่คนชวนเขาว่า เขาอยากดู  และฉันเองก็ภูมิใจที่จะอวดว่า อย่างน้อยฉันก็ทำมันได้จนเสร็จ  ถึงแม้จะไม่สวยอย่างของใคร
ขออวดเพิ่มด้วยว่า คงมีคนเข้าใจ และคิดอย่างเดียวกับฉัน  รูปภาพที่ได้โชว์ไว้ทาง IG จึงมีคนกดหัวใจให้มา ตั้ง 5 ดวง

แต่ถ้าจะต้องย้อนเวลากลับไป  ครั้งแรกที่ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเองจริงๆ  คือ วันที่เปิดสมุดพกแล้วพบตัวเลข 2.48 ในช่อง เกรดเฉลี่ย  จำได้ว่า  วันนั้น  ฉันจ้องแล้วจ้องอีกด้วยไม่เชื่อสายตาตัวเอง  พอรู้สึกว่า ตัวเลขนั้น คือ จริง  ฉันดีใจ ปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูก

แต่ไหนแต่ไรมา ฉันไม่เคยตั้ืงใจเรียนจริงจัง  ด้วยคิดอยู่ตลอดว่า ตัวเองไม่ใช่คนเรียนเก่ง  ที่สอบเข้าโรงเรียนหลวงได้นี่  ควรถือว่า ฟลุ้ค  จบม.3 มาแบบกระท่อนกระแท่นเต็มที  แล้วมา ม.ปลาย เรียนไป 3 เทอม เกรดตกไปอยู่ที่ 1.9 กว่าๆ  หาความภูมิใจในผลการเรียนของตัวเองไม่ได้เลย ว่าอย่างนั้นเถอะ  แต่ในเมื่อมาถึงจุดที่ฉันเองรู้สึกว่า มันจะตกต่ำกว่านี้ไปไม่ได้อีกแล้ว  ฉันจึงเริ่มตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง  แล้วก็ได้ผลการเรียนอย่างที่บอก
แน่นอนว่า หลีังจากรู้ว่าทำแล้วได้จริง  ฉันก็ตั้งใจเรียนมากขึ้น  และผลการเรียนก็ดีขึ้นตามไป  แต่เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่  ก็ไม่ทำให้ภูมิใจเท่าวันนั้น  วันที่รู้สึกว่า ทำสำเร็จ นั่นแหละ

ที่ยกมาเล่านี้ อยากให้เห็นอย่างหนึ่งว่า  สำเร็จ ไม่ใช่ เสร็จ
สิ่งที่ทำให้เราภูมิใจ ไม่ได้ต้องดีที่สุด สมบุรณ์ที่สุด
แค่ลงมือทำ  แล้วทำได้  ก็ภูมิใจกับตัวเองได้แล้ว  ไม่ต้องคอย

จะเล่าเรื่องคนใกล้ตัวให้ฟัง  คนนี้เป็นญาติของฉัน  อยู่บ้านเดียวกัน  ช่วยกันขายของที่ร้านเดียวกัน เห็นกันทุกวัน
เมื่อไม่กี่ปีมานี้  ช่วงที่การวิ่งออกกำลังกาย  เป็นกระแสฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง  เขาคนนี้  ก็ตามไปกับเขาด้วย  จากคนไม่ค่อยออกกำลัง  ก็อุตส่าห์ไปึกวิ่ง  จนวิ่งได้ระยะทางไกลๆ  แล้วก็ไปสมัครลงวิ่งตามงานต่างๆ
และทั้งๆที่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องส่วนตัวของเขามากมัก  ฉันก็รู้ทุกครั้งที่เขาไปวิ่งงานมา  เพราะ หลังจากวิ่งเสร็จแล้ว  มาเปิดร้าน  เขาจะเริ่มเปิดหารูปตัวเองจากเฟสบุ๊คของงานบ่าง ตากล้องบ้าน เพื่อนบ้าง  แล้วก็เอาไปโชว์ให้ลูกค้าที่มาซื้อของท่ร้านดู  ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะได้คับคำชมว่า เก่งแล้วเขาก็ยะยิ้ม ดีใจ
งานแรกๆ เขายังใส่เสื้อวิ่งซึ่งเป็นเสื้อที่แต่ละงานทำออกมา  แต่พอผ่านไปสีกพัก  เขาก็เริ่มหาสีเสื้อที่เป็นสีตรงกันข้ามกับเสื้องานมาใส่วิ่ง  ฉันรู้ได้ เพราะเขาชี้บอกให้ลูกค้าดูสีเสื้อของเขากับคนอื่นๆที่วิ่งในงานเดียวกัน  เขาให้เหตุผลว่า ใส่เหมือนๆคนอื่นแล้วหารูปตัวเองไม่เจอ  อีกนัยหนึ่งคือ ไม่แตกต่าง ตากล้องไม่เห็น   เมื่อไม่เห็น  ก็จะไม่ได้ถ่าย   ผลคือ ก็จะไม่มีรูปไปอวดคนอื่นๆ  ไม่ได้อวดก็ไม่มีใครชม
ฉันไม่รู้ว่า เขาเคยภูมิใจตัวเอง ชมตัวเองมั้ย ว่าเขาเก่งแล้ว ที่พยายามทำในสิ่งที่หลายคนทำไม่ได้ ได้สำเร็จ  ฉันรู้แต่ว่า  ถ้าเขาโชว์รูปแล้ว  คนนั้นทำท่าไม่สนใจ  เขาจะมีท่าทีผิดหวัง  หงอย และถอยฉากจากคนนั้นไป ไม่พูดจาด้วยอีก
ดูดูไปก็น่าสงสาร

ฟังจากนักจิตวิทยา เขาบอกว่า คนที่มีความพึงพอใจในตัวเองต่ำ ไม่ภูมิใจในตัวเอง สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะ หาข้อดี ความดีของตัวเองไม่เจอ  หรือถึงเจอ  ก็เอาไปเทียบกับคนอื่น แล้วก็เลยรูสึกว่า มันก็ไม่ไดีดีสักเท่าไหร่  เลยทำให้เกิดความไม่แน่ใจ  ไม่มั่นใจ  คนที่เป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็จังมักเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นด้วยวิธีต่างๆ
บอกเลยว่า แค่ฟังก็เหนือยแทนแล้ว  กับคนที่ต้องพยายามดิ้นรนอยู่เรือยไปอย่างนั้น
อารมณ์มันคงคล้ายๆ  ตอนที่เราเลือกของขวัญชิ้นที่ดีที่สุด  ให้คนที่เรารักที่สุด  จินตนาการไปก่อนแล้วว่า  เขาจะดีใจสุดขีดทันทีที่เปิดกล่อง  แต่ภาพจริงกลับกลายเป็น คำถามกลับว่า ซื้อมาทำไม
ใจที่ฟูพองจากขนาดจริงไปหลายสิบเท่า  หด ฟีบ ตีบ แห้ง แค่จากรอยเข็มเดียว
ฉันเคยเป็นอย่างน้น  แต่วันนี้ ไม่แล้ว
การรักนักร้อง  ในเบอร์ที่เรียกเพราะๆว่า แฟนคลับ  เรียกสั้นๆว่า ติ่ง  ทำให้ฉันเรียนรู้ที่จะมีความสุข และภูมิใจกับการเลือกสรรสิ่งของที่คิดว่าดีเลิศแล้ว  ส่งไปให้น้องนักร้อง เพราะสุดท้ายแล้ว  ฉันไม่มีทางรู้ได้เลยว่า  คนรับจะชอบหรือไม่  เขาจะได้เห็นสิ่งนั้นหรือเปล่า  หรือถ้าเห็นแล้วจะทำอย่างไร  จะยินดี พอใจ  อย่างที่ฉันคิดไว้หรือเปล่า
ภูมิใจที่ได้ลงมือทำในสิ่งที่มั้งใจไว้จนสำเร็จ  ความสุขก็อยุ่ตรงหน้า  งายๆ ตรงไปตรงมาไม่ต้องรอ

และความภูมิใจล่าสุดของฉัน ในวันนี้ คือ การเขียน Blogนี้ ได้จบเสียที

จริงๆยังมีมุมน่าสนใจเกีี่ยวกับเรื่องนี้  อย่างความภูมิในตัวเองที่เอาไปแขวนไว้กับคนอื่น  และ ที่คนอื่นเอามาแขวนไว้กับเรา
คิดว่าน่าจะเขียนได้อีกสัก 1  Blog  แต่มันคงมีแต่เรื่องเศร้าๆ
เพราะไม่ว่าจะเอาไปแขวน หรือ ถูกแขวน  ชีวิตก็คงไม่เป็นตัวของตัวเอง จนหาความสุขแท้จิรงไม่เจอ

อ่าน Blog นี่จบแล้ว อยากให้คุณลองถามตัวเองดูว่า วันนี้ได้ทำอะไรสำเร็จบ้าง
แต่ดี ไม่ต้องดีที่สุด ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ
แค่สำเร็จไปอีกขั้น  แม้จะยังไม่เสร็จครบกระบวนการ
ฉันหวังว่า คงจะหาเจออย่างน้อยสัก 1 คำตอบ ที่จะทำให้คุณยิ้ม และ มีความสุขกับตัวเอง ได้ด้วยตัวคุณเอง
ไม่ต้องพึ่งคำชม ไม่ต้องรอยอดไลค์จากใคร


Create Date : 23 มกราคม 2564
Last Update : 23 มกราคม 2564 21:48:53 น. 1 comments
Counter : 460 Pageviews.  
 
 
 
 
ยินดีที่กลับมาเขียนblogใหม่นะคะ..

ต้อนรับกลับบ้านคะ..

 
 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:23:12:57 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com