<<
เมษายน 2564
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
7 เมษายน 2564
 

งานศพ...ของใคร

วันนี้ไปงานศพป้าข้างบ้าน  แกเสียเมื่อวันเสาร์  เผาวันอังคาร
ไปถึงที่งาน  ดอกไม้ประดับหน้าโลง  สวยสดงดงาม  เห็นเขาว่า ราคาเหยียบหมื่น
ประธานในพิธีวันนี้  เป็นตำรวจยศสูง  ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในพื้นที่
เจ้าภาพนิมนต์ระ 9 รูป ตอนทอดผ้าบังสุกุล มีญาติมิตร ทอดผ้าถึง 3 รอบ  นับรวมกันได้ 27 คน
ของชำร่วยงานวันนี้  เป็นกระเป่าผ้าลดโลกร้อน  เดาเอาว่า น่าจะราคาสักใบละ 20 บาท เทียบไม่ได้เลยกับลูกอมในซองพลาสติกที่ได้มาจากงานก่อนหน้าที่ไปมา
ตอนกล่าวถึงประวัติของผู้วายชนม์  ฉันตั้งใจจะฟังอย่างเต็มที่  เพราะเพิ่งมาอยุ่ข้างบ้านกันได้เพียงสิบกว่าปีเท่านั้น  แต่สิ่งที่ได้ฟัง กลับมีเพียงแค่ วันเกิด  ชื่อบิดามารดา  จำนวนพี่น้อง  สถานภาพ  โสด และ วันจากไป
ฉันสะท้อนสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก  ก็ใช่อยุ่หรอก  คนมางานส่วนใหญ่ ก็มาเพราะคนเป็น  แต่ก็ไม่เคยรู้สึกย้อนแย้งเท่าวันนี้

ย้อนกลับไปราวๆ 1 เดือนก่อนหน้านี้  พี่สาวฉันเห็นว่า มีคนที่เราไม่รู้จัก  มารับป้าออกจากบ้าน  วันรุ่งขึ้น  คนที่มารับป้า  มาหาที่บ้าน  บอกว่า  ป้าให้เอากุญแจบ้้านมาฝากไว้  เพราะป้าต้องนอนโรงพยาบาล  เพราะป้าหายใจไม่ออก  และตอนนี้ก็ใส่ท่อช่วยหายใจ  ตัวแกเอง  ซึ่งเป็นคนรับจ้างเฝ้าไข้  จะเป็นคนดูแลป้าตามที่ตกลงกันไว้
ประมาณ 1 สัปดาห์  หลังจากวันนั้น  พี่สาวฉันได้รบโทรษัพท์จากคนรับจ้างเฝ้าไข้  ถามว่า พอจิติดต่อญาติของป้าได้มั้ย  แกลองโทร.ตามเบอร์ที่ป้าบอก  แต่ไม่มีใครรับสาย  จนถึงเบอร์ของพี่สาวฉันที่แหละ ที่มีคนรับ  แกบอกว่า มียาบางอย่างที่ใช้สิทธิ์บัตรทองไม่ได้  ต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่ม
เิงินที่ป้าให้ไว้ก็หมดแล้ว  และตอนนี้  ป้าก็ได้แต่นอนอยู่กับที่  เงินที่มีอยู่ในธนาคารก็เลยเบิกมาไม่ได้  พี่สาวฉัน  ก็เลยต้องไปหายาติของป้าถึงบ้าน  ซึ่งก็ห่างกันไปเพียงไม่กี่ซอย  ไปบอกเรื่องป้าให้เขารู้  แต่ว่า....
อีกไม่กี่วันหลังจากนั้น  คนรับจ้างเฝ้าไข้  โทร.หาพี่สาวฉันอีก  บอกว่า เขาไม่ได้เงินค้าจ้างเฝ้าไข้  เขาไม่เฝ้าให้แล้ว  ติดต่อใครก็ไม่ได้  ไม่มีใครรับโทรศัพท์  ไม่มีใครจ่ายค่าจ้าง  เขาก็ไม่ทำงานให้
แล้วอีกไม่กี่วัน  พี่สาวฉันก็ได้รับโทรศัพท์อีก คราวนี้มาจากโรงพยาบาล  ซึ่งเข้าใจว่า นี่เป็นเบอร์ของญาติ  คุณพยาบาลบอกว่า  โทร.เบอร์อื่นแล้วไม่มีใครรับ  มีเบอร์นี้รับเป็นเบอร์แรก  ป้าแกอาการไม่ดีขึ้น  ใส่ท่อช่วยหายใจนานกว่านี้ก็เสี่ยงจะติดเชื้อ  หมอแนะนำให้เจาะคอ  แต่ตอนนี้ป้าไม่มีสติพอจะเซ้นเอกสารให้หมอทำอย่างนั้นได้  ก็เลยต้องให้ญาติมาเซ็นเอกสารแทน
พยาบาลยังขอให้เอาผ้าอ้อมสำเร็จรูปไปด้วย  ที่มีอยู่ใกล้จะหมดแล้ว  และแน่นอน  ถึงพยาบาลจะเป็นธุระไปซื้อให้ได้  ป้าก็ไม่มีเงินติดตัว
พี่สาวฉัน  จึงไปโรงพยาบาล  พร้อมๆกับผ้าอ้อมอีกหลายห่อ  ก็ไขกุญแจเข้าไปเอาในบ้านป้านั่นแหละ  ไปเจอหมอพอดี  เลยได้รู้ว่า  ป้าแกเป็นมะเร็ง  ที่หายใจไม่ออกเพราะก้อนเนื้อไปเบียดปอด  จะให้หายใจได้ดีกว่านี้  ก็ควรเจาะคอ  แต่เจาะคอ  ก็ต้องมีคนดูแลตลอดเวลา
พี่สาวฉันเล่าว่า สภาพป้าตอนนั้น  ก็ดูไม่ดีนัก  ป้าสะลึมสะสือ  ไมรู้เรื่องมากกว่ารู้เรื่อง  นอนลืมตานิ่งๆอยุ่บนเตียง  แต่ก็ยังต้องมัดแขนมัดขาไว้กับเตียง  กันแกดิ้น
และหมอยังบอกอีกว่า มะเร็งนั้น มาถึงระยะสุดท้ายแล้ว
หมอคล้อยหลังไปแล้ว  พยายาลจึงได้โอกาสพูดกับพี่สาวฉันว่า  ช่วยบอกให้ญาติมาเซ็นเอกสารให้โรงพยาบาล  จะเซ็นให้รักษาต่อแบบเต็มที่  หรือจะแค่ประคับประคองก็ได้  แค่ขอให้มาเซ็น  จะได้ไม่มีปัญหาทางกฏหมยตอนแกตาย
คุณพยาบาลสำทับส่งท้ายด้วยว่า  ไม่ต้องกลัวเรื่องค่ารักษา  ป้ามีสิทธิ์บัตรทองอยู่แล้ว  แค่มาเซ้นเอกสารให้เท่านั้น

พี่สาวฉันไปบอกญาตคิของป้าตามนั้น  ไม่กี่วัน  ญาติของป้าก็มาบอกวา  ไปเซ็นเอกสารให้แล้ว  ให้รักษาแบบประคับประคอง  พี่บอกว่า เหมือนเขาจะอายๆ  แต่สำหรับฉันก็เข้าใจได้อยู่หรอก  ถึงเขาจะเป็นญาติ  แต่กไม่ได้สนิทสมนกลมเกลียวอะไรกันนัก  เพียงแต่บ้านอยู่ในละแวกเดียวกันเท่านั้น  จะให้เขารับภาระไปเสียทั้งหมด  ทั้งที่เขาก็ยังทำงานหาเงินอยู่ทุกวัน  ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

จนวันที่ป้าเสียนั่นแหละ  ญาติคนอื่นๆที่ไม่เคยติดต่อได้   ก็ปรากฏตัวกันออกมา
งานศพก็ดูมีหน้ามีตา  สวยงามตามประสา  มีคนยศใหญ่ มาเป็นเจ้าภาพ เป็นประธาน
แต่การพูดถึงประวัติเพียงเท่านั้น  ฉันเองก็สุดจะรู้ไ้ดว่า เป็นเพราะป้า  เป็นแค่คนธรรมดา  ไม่มีเรื่องใดพอจะให้อวดได้  หรืออดีตของป้า  ลบเลือนไปจากความทรงจำเสียแล้ว

แอบเจ็บอย่างไรบอกไม่ถูก  ฉันก็ไม่รู้หรอกว่า พี่น้องเขามีเรื่องเคืองโกรธกันมาแต่ไหน  แต่ในเมื่อเลือกจะไม่ใส่ใจเสียแล้ว  ทำไมไม่ทำเสียให้สุด  ทำไมจุึงยังกลับมา "เอาหน้า" กันได้อีก
หรือถ้าทำเพราะรู้สึกผิด  ฉันก็เห็นว่า มันสายไปแสียแล้ว  มาทำดีให้กันตอนตาย รู้ได้อย่างไรว่าเขาได้รับ

ป้าไม่มีโอกาสได้สั่งเสียใคร  ฉันก็ไม่รู้ด้วยว่า ป้าชอบงานศพแบบนี้รึเปล่า
สำหรับตัวฉัน  ในวันที่ยังมีโอกาสเลือกได้  บอกเอาไว้ก่อนได้
ฉันอยากให้จัดงานเล็กๆ  ไม่ต้องบอกใคร  สวดคืนเดียวแล้วเผาเลย  ไม่ต้องสวดเยอะหรอก  ฉันเห็นสวดกัน 3 คืน 7 คืน  ก็ยังเห็นว่ามีหลายครั่้งที่ไปที่ชอบกันไม่ถูก  วนเวียนกลับมาเข้าฝันลูกหลานอีก  หากมีทางที่ชอบให้ฉันไป  สวดส่งแค่คืนเดียว ฉันก็คงจะไปถูก
แม่บอกว่า ฉันเกิดง่าย  เจ็บท้องไม่นานก็คลอดแล้ว  เพราะฉะน้น  ตอนตาย ก็ไม่ควรทำอะไรให้ยาก
ฉันตายแล้ว  ไม่ต้องทำดีกับฉันมากก็ได้  สิ้นเปลืองเปล่าๆ
อยากให้กินอาหารเหลาดีๆ ให้ชวนไปกินวันนี้  อยายากมาเป็นของเซ่นไหว้
เสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ดีๆ  ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์  ก็เอามาให้เสียแต่ตอนนี้  อย่ารอตายแล้วค่อยเผาให้
ถึงสนนราคาจะถูกกว่ามาก  แต่มันทำให้โลกร้อน  และ เพิ่มปัญหาหมอกควันให้กับประเทศชาติอีกด้วย
เข้าใจตรงกันนะ


Create Date : 07 เมษายน 2564
Last Update : 7 เมษายน 2564 0:49:56 น. 1 comments
Counter : 421 Pageviews.  
 
 
 
 
สวัสดีค่ะ..

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ..

แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ทำใจลำบากเหมือนกันนะคะ..

 
 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 7 เมษายน 2564 เวลา:11:52:23 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com