<<
มกราคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 มกราคม 2564
 

ภูมิใจในตัว พอใจในตน

นักจิตวิทยาเด็ก บอกว่า  พ่อแม่ควรชมลูกตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย  เพื่อสร้างความภูมิใจ อันเป็นบ่อเกิดของความมั่นใจและพึงพอใจในตัวเอง
แต่คนโบราณนานมา  เขาก็บอกว่า อย่าชมกันมากนัก เดี๋ยวจะเหลิง  ได้ใจ  หรือ ภาษาทางใต้บ้านฉันเรียกว่า เอิด  ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะนำไปสู่การหลงตัวตัวเองมากจนเกินขีด  ถึงขั้นควบคุมไม่ได้  สุดท้ายก็อาจต้องตายเพราะความหลงใหลในตัวตน อย่าง นาซิสซัส  เทพหมุ่มในตำนานกรีกโบราณ

ฉันเกิดและโตในช่วงเวลาที่การพูดชมเชยกันในบ้าน  เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทำกัน  ถ้าพิจารณาจากที่นักจิตวิทยาบอกว่า  ให้ชมตั้งแต่เรื่องเล้กๆน้อยๆ ที่เด็กทำได้ เช่น ช่วยแม่ล้างจานได้ แม้จะไม่สะอาดนักก็ให้ชมไว้ก่อน  แล้วค่อยให้คำแนะนำ  เพื่อให้ทำได้ดีขึ้นในครั้งต่อไป  สำหรับคนรุ่นฉัน  ก็ต้องบอกว่า  ออกจะดูแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย  เพราะคนสามัญชั้นกลางทั่วไป  เด็กบ้านไหนก็ล้างจานเป็นกันทั้งนั้น  แล้วนี่ก็ยังเป็นหน้าที่รับผิดชอบแรกๆของเด็กแทบทุกคน  เพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำทุกวัน  แล้วมันก็ทำได้ง่าย  ถ้าไม่ขี้เกียจหรือห่างเล่น  ก็ล้างจานให้สะอาด  ไม่ทำจานแตกกันได้โดยไม่ต้องมีใครสอน  แค่อาศัยดูเอาจากพ่อแม่ หรือ พี่คนโตๆในบ้าน
ซึ่งส่วนใหญ่  ฉันว่า ก็คงไม่มีใครชมลูกเรื่องนี้  เพราะนี่ดูเป็นเรื่องสามัญประจำบ้าน  ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  ทำไม่ได้ ทำไม่ดีเสียอีก จะถูกค่อนว่า เรื่องแค่นี้ก็ยังทำไม่ได้

นอกจากพอ่แม่ยุคนั้รน จะไม่นิยมพูดชมลูก  ลูกอย่างฉัน  ก็ดูจะไม่มีอะไรให้พ่อแม่ชมได้เสียด้วย  รูปร่่างหน้าตาก็ไม่สวย  เรียนก็แค่พอเอาตัวรอด  งานบ้านก็ทำได้เท่าที่จำเป็น  ถ้าจะมีอะไรทีี่ทำให้พ่อแม่สบายใจได้  ก็คงมีแค่ว่า ฉันเป็นเด็กไม่เที่ยวเตรี  ไม่กินเหล้าเมายา ไม่ปาร์ตี้  เรื่องอื่นนอกจากนี้  ถึงมี  ก็นึกไม่ออก
ถ้าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่นๆ  ความพึงพอใจในตัวฉัน ควรอยุึ่ที่ต่ำกว่าครึ่ง
ไม่รู้หรอกว่าฉันเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน  แต่ฉันตอบแม่ทุกครั้ง  เวลาโดนพูดเปรียบเทียบกับใครๆว่า  ก็นั่นลูกเขา  ไม่ใช่ลูกแม่
แม้ความเรื่อยเปื่อยของฉัน  จะทำให้เส้นทางการเรียนหนังสือของฉัน ตุปัดตุเป๋ ไขว้เขว  จนแม่ต้องออกโรงมาจัดการ  ฉันก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนจะปรับตัวเองจริงจัง  จนถึงวันที่ฉันรู้สึกเองว่า หมดเวลาเรื่อยเปื่อย  ฉันต้องเอาจริงเอาจังได้แล้ว  นั่นแหละ  ฉันจุึงได้เริ่มกระตืนรือร้นกับการเรียนของตัวเอง
พูดง่ายๆว่า ฉันพอใจในความเป็นตัวฉัน  และถ้ามันจะต้องเปลี่ยน  นั่นก็มาจากความพอใจของฉัน  เพื่อจะเป็นตัวเองที่ฉันจะพอใจมากขึ้นไปอีก

คิดไปคิดมาแล้ว  ความรู้สึกมั่นใจ พอใจในตัวเองนี้  ก็ึคงจะประทับอยู่บัน DNA ตัวไหนสักตัวของพ่อกับแม่  และส่งต่อมาถึงฉัน
ทั่งที่บ้านเราเป็นครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน  แต่พ่อกับแม่  พอใจที่จะมีลฃูกสาวแค่ 2 คน  หลังจากนั้นก็คุมกำเนิด  ไม่ยอมมีลูกเพิ่มเพื่อให้ได้ลูกชายตามแรงกดดันของค่านิยมและวงศาคณาญาติ
แม้ไม่ค่อยได้พูด ได้สอน  แต่พฤติกรรมและวิธีการใช้ชีวิต  ก้สอนให้ฉันรู้เองว่า การพอใจอยู่กับสิ่งที่เรามี  ยินดีกับสิ่งที่เราได้มาด้วยความสามารถของเราเอง  เป็นความสุขที่เป็นของเราจริงๆ  ไม่ต้องให้ใครชื่นชม  เราก็ชื่นชมความสำเร็จนั้นได้ด้วยตัวเอง

ยังก่อน  อย่าคิดว่าฉันโชคดี  ฉันก็เหมือนทุกคนบนโลกนั่นแหละ  ในชีวิตที่ดูเรียบร้อยดี  ก็มีช่วงที่่ชีวิตแย่เอามากๆ  ความรู้สึกโศกเศร้า ไร้ค่า  หาความูมภูมิใจในตัวเองไม่ได้  หาความพอใจในตัวเองไม่เจอ  พาฉันดิ่งจมจนแทบจะกู่ไม่กลีบ  ฏันกลายเป็นคนเจ็บง่าย  ร้องไห้มาก  แค่โดนไม้จิ้ม  ฉันก็เจ็บราวกับโดนมือกรีด  หนักๆเข้า  ฉันก็ร้องกรี๊ดๆแบบเสียการควบคุม
เพิ่งมารู้ตอนที่จับหลักทางพระได้ว่า  ตอนนั้น ที่อาการหนัก  ไม่ใช่เพราะคนรอบข้าง  ไม่ใช่สถานการณ์  ไม่ใช่สภาพแวดล้อม
แต่เป็นเพราะ ฉัน ขาด ความรู้สึกตัว

ลองถามตัวเองดูเถิด  เวลาที่จิตจับอยู่กับความเศร้า  โฟกัสชีวิตคุณอยู่ที่ไหน  คุณเป็นเหมือนฉันมั้ย  รู้ตัวว่ากิน  แต่ไม่รู้สึกว่ากินอะไร  รู้ว่าตัวนอนอยู่  แต่ใจล่องลอยไปถึงไหนๆ
ไม่โฟกัสกับใดๆที่อยู่ตรงหน้า   ในหัวมีแต่เรื่องที่ผิดไปแล้ว เรื่องที่แก้ไม่ได้อีแล้ว  กับเรื่องแย่ยิ่งๆกว่า  ที่จินตนาการไปว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ในอนาคต
ปัจจุบันขณะนั้น  ขณะที่ฉันยังแข็งแรงดี  ฉันยังทำงานได้  ฉนยังใช้ชีวิตประจำวันแบบคนทั่วไปได้  แม้จะไม่เต็มร้อย  ฉันยังมีเงินใช้จ่าย  ฉันไม่เป็นหนี้  ฉันมีผูกหมาให้นอนอุ่น  ฉันมีข้าวกินทุกมื้อ
รู้สึกตัวมั้ย  นี่คือ ปัจจุบัน ที่ฉันมี
อดีตที่บางสิ่งสูญหาย  อนาคตที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้  ปล่อยให้อยู่ตรงนั้น  ไม่ต้องก้าวล้ำเกินไปหรอก
เพิ่มเติมอีกหน่อย  ด้วยการลดอัตตา ตัวกู  เรื่องที่คนดูถูก  ขยายภาพอนาคตอันย่ำแย่ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดมั้ย นั้น  หยุดยึดเอามาเป็นของเรา  หัดวาง หัดปล่อย  ทำบ่อยๆ ก็ทำได้ไปเอง
พระนิกายเซน มีคำสอนทำนองว่า  จิตเหมือนกระจกเงา หมั่นเช็ดถูอย่าให้ฝุ่นเกาะ
ขยายความได้ว่า  จิตคนเรามีเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้คิดมากมาย  ทุกเรื่องก็คือฝุ่น คิดทุกเรื่องฝุ่นจะหนาจนใจสกปรก ไม่สบาย ไม่ใส  อยากเบา อยากสะอาด  ก็ต้องคอยตรวจดูใจตัวเอง  ถ้าจับได้ว่ากำลังคิดอะไรในทางร้ายกับตัวเองอยู่ก็จะได้จัดการทำความสะอาดเสีย  และก็ควรจะทำบ่อยๆ  อย่าท้อ อย่าเลิก  เพื่อใจที่ใสสะอาดของเราเอง
แต่....ถ้าจะให้เจ๋งกว่านั้น
มีอีกคำสอนหนึ่ง  บอกว่า กระจกเงาไม่มี  ฝุ่นจะลงจับบนสิ่งใด
ขยายความได้ว่า  ถ้าเริ่มต้นเสียตั้งแต่  ไม่มีอัตตาว่า นี่คือ เรา  เรื่องอะไร ก็จะไม่ใช่ของ เรา
ก็ไม่ต้องมาเสียเวลาคอยสำรวจ ทำความสะอาด  เรียกว่า โ่ล่ง โปร่ง สบาย กันมาแต่เริ่ม
เคยลองอธิบายให้คนอื่นฟังแล้ว  เขางงๆ  ฉันก็เลยบอกวา ให้ลองคิดว่า ตัวเองเหมือนผีในละครทีวี  ที่เดินทะลุผ่านทุกอย่างได้  คนเดินผ่านตัวไปก็ไม่เจ็บ  เพราะไม่มีตัวตน  ก็ไม่มีแรงปะทะ  ไม่มีที่เก็บ ผ่านมาแล้วก็ผานออกไปเลย
ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจอย่างที่ฉันเข้าใจมั้ย  ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ  ก็หลังไมค์มาได้นะ

จับหลักได้  แล้วค่อยๆทำไปเรื่อยๆ  ฉันก็พบว่า  ฉันดึงตัวเองกลับมาหาตัวเองได้ง่ายขึ้น  โฟกัสกับสิ่งที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ  ซึ่งฉันต้องเจอทุกวันอย่างเลี่ยงไม่ได้นั้น  แบบเข้าใจ  และไม่อยู่กับมันนาน
ปัจจุบันขณะของฉัน  มีตัวฉันที่เป็นคนดี  เป็นคนมีสติ  รู้ทันความรู้สึกตัวเอง  ไม่ทุกข์กับอดีต  ไม่กังวลกับอนาคต  ภูมิใจที่ทำให้ตัวเองเป็นคนที่มีความสุขได้มากกว่าเดิม  และพอใจที่ฉันทำสิ่งงนี้ได้ อีกวัน และ อีกวัน

เหมือนอย่างการเขียน Blog นี้  ฉันเขียนไม่เก่งหรอก  แต่ฉันก็พอใจที่ได้เขียน  ได้สื่อสารให้คนอ่านได้เห็นโลกในมุมของฉัน 
และภูมิใจทุกวัน  ที่เปิดเข้ามาแล้วพบว่า จำนวนผู้ชม  เพิ่มขึ้น 

ให้เวลาตัวเอง ได้อยู่กับตัวเอง พิจารณาความรู่้สึกที่มีต่อตัวเอง  คุยกับตัวเอง  ยอมรับข้อบกพร่องของตัวเอง  เดี๋ยวคุณก็อาจจะเจอสิ่งดีดีที่อยู่ในตัวคุณ  สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดีได้ด้วยตัวเองจริงๆ

แต่ถ้าหาความภูมิใจในตัวเองไม่เจอ  จะเพราะคุณเอาความภูมิใจนั้นไปแขวนไว้กับคนอื่น  หรือ เพราะคนอื่นเอาความภูมิใจในแบบของเขามาแขวนไว้ที่คุณ ก็ตาม
โปรดติดตาม ฺBlog หน้าจ้ะ


Create Date : 30 มกราคม 2564
Last Update : 30 มกราคม 2564 20:35:15 น. 1 comments
Counter : 564 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณคนผ่านทางมาเจอ

 
 
 
 
สวัสดีคะ...

ดีจัง...เป็นการให้กำลังใจตัวเองที่ดีมากไป

สุดยอดคะ..


 
 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 30 มกราคม 2564 เวลา:23:29:54 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com