<<
ธันวาคม 2563
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 ธันวาคม 2563
 

ชุด วัยรุ่น กฏมีไว้ให้แหก

วันนี้  มีแต่ข่าวนักเรียนใส่ชุดไปรเวทไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าจรดเย็น
ชุดที่ใส่ ก็มีตั้งแต่ชุดธรรมดาทั่วไป  ไปจนถึงชุดคอสเพลย์  ตัวเอกในหนัง ในละคร เดินสวนกันไปมา
ดูเผินๆก็สนุกดี  และก็เป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ
มีแต่โรงเรียนดัง ในจังหวัดใหญ่ ที่ได้ออกมาเป็นข่าว
โรงเรียนเล็ก  โรงเรียนวัด โรงเรียนตชด. ตามเขา ตามดอย ไม่ได้เห็นในข่าว
แอบคิดแบบแปล๊บๆในใจว่า  ที่นั่นไม่น่าสนใจ และ เด็กๆก็อาจไม่ได้มีชุดไปรเวทสวยๆไว้ใส่ไปโรงเรียน

บอกไว้ก่อนเลยว่า ฉันเป็นเด็กเรียบร้อย  ไม่ชอบแฟชั่น แต่งตัวไม่เป็น  รู้กฏของโรงเรียน  และ ทำตาม โดยไม่เคยสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นอย่างนี้
แต่ถึงกระนั้น  ด้วยความอะไรก็ไม่รู้    ฉันก็แอบ "แหก" แบบเบาๆ  มานึกดูตอนนี้  ก็ไม่น้อยอยู่
จำได้แม่นๆ คือ การเขียนชื่อเพื่อนคนที่ฉันชอบลงบนกระเป๋านักเรียน
นึกออกมั้ย กระเป๋านักเรียนสมัยนั้น  เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบนๆ มีซิปอยู่ด้านบน  ทำด้วยหนังเทียมสีดำ  ไม่มีลวดลาย
ฉันเอาลิควิดเปเปอร์เขียนตัวหนังสือตัวใหญ่เกือบเต็มพื้นที่กระเป๋า  ด้วยเข้าใจผิดว่า ซึ่งทั่้งโรงเรียน ไม่มีใครทำ  อย่างมากก็ติดสติ๊กเกอรรูปตัวการ์ตูนเล็กๆไว้ที่มุมกระเป๋า
สรปว่า กระเป๋านักเรียนของฉัน  โดดเด่นเป็นหนึ่งเดียว  วางไว้ที่ไหนไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ของใคร
ฉันไม่รู้ว่า เจ้าของชื่อเขารู้สึกอย่างไร  แต่มันคงไม่ได้ผล เพราะดูเขาก็ไม่ได้สนใจฉันมากไปกว่าเดิม
แต่กระเป๋ามันคงน่าสนใจมาก  ไม่นานเท่าไหร่  ก็มีมือดี  มาวาดรูปเพิ่ม  แต่มันเป็นรูปที่ไม่ควรอยุ่ในที่สาธารณะ  ฉันเห็นแล้วก็แอบเพลีย เออ เอาเถอะ ผู้ชายก็ไม่เห็นสนใจ  ก็ลบให้หมดก็แล้วกัน
แล้วพอเอาน้ำยาที่คิดว่าจะลบได้มาลองเช็ด  พูดได้คำเดียวว่า  งานเข้า
นอกจากเช็ดไม่ออกแล้ว  ยังทำให้ลิควิดเปเปอร์นั้น  แตกตัวกระจายเลอะเทอะหนักเข้าไปอีก
บังเอิญตอนนั้น  พี่เบิร์ดจะมาเล่นคอนเสิร์ตแถวบ้าน  มีแผ่นพับโฆษณามาแจก  ฏันเลยตัดรูปพี่เบิร์ดมาติดทับรอยเลอะ  รอยใหญ่ รูปก็ต้องใหญ่
เลยกลายเป็นว่า กระเป๋าของฉัน มีพี่เบิร์ดยิ้มกว้างขวาง  เด่นไม่แพ้ของเดิมเลยทีเดียว
และแน่นอน  นี่เป็นกระเป๋านักเรียนใบเดียวของโรงเรียน  ที่มีรูปดาราติดอยู่

โรงเรียนมีระเบียบให้ใส่ตุ้มหูได้เฉพาะแบบห่วงเล็ก หรือแบบหัวหมุดเสียบเล็กๆ
ฉันไปเจาะหูโดยไม่บอกแม่  และใส่ตุ้มหูแบบเสีัยบสวยๆ  คอยเอาผมปิดหู  หลบครูได้อยุ่หลายวัน

เวลานั้น รองเท้านักเรียนบาจา เป็นยี่ห้อยอดนิยมมาก  เวลาที่ต้องเรียนในห้องที่ต้องถอดรองเท้า  ก็จะเห็นยี่ห้อบาจาวางเป็นพรึดไปหมดจนแทบจำไม่ได้ว่าของใคตรเป็นของใคร  แต่ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันใช้ยี่ห้อ s.C.s.

รองเท้าพละ โรงเรียนกำหนดให้ใช้สีขาวล้วน  ฉันขอแม่ซื้อรองเท้าพละแบบหุ้มข้อ  เดินด้วยสีชมพู  ใส่ไปโรงเรียน

โรงเรียนไม่อนุญาตให้สวมเครื่องประดับ ยกเว้นสร้อยห้อยพระ กับ นาฬิกา
ฉันเอาผ้าเช็ดหน้าพับเป็นแถบเล็กๆ  มาผูกข้อมึอเล่น  เห็นว่าสวยดี  ก็เอาไม่แกะออก  เดินไปเดินมา  คนมองทั้งโรงเรียน  ฉันก็ไม่สนใจ  วันรุ่งขึ้น  เปลี่ยนผ้าผืนใหม่  จะผูกอีก  เพื่อนห้ามแถมขู่ว่า ถ้าทำอีก  จะไม่ไปไหนมาไหนด้วย  ไม่อยากให้ใครมอง
ไม่ชอบนักหรอก  ก็เราแค่ทำเพราะชอบ ไม่ได้อยากเด่น สุดท้ายก็ต้องยอมเพื่อน

เข้ามหาวิทยาลัย ปี 1  ฉันแต่งตัวเรียบร้อยอยุ่ได้เดือนหนึ่งในช่วงของการรับน้อง หลั้งจากนั้น  ใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศ เข็ม กระดุม ตุ้งติ้ง ใส่ครบหมด  แต่ใส่รองเท้าแตะไปเรียน
รองเท้าแตะจริงๆ  รองเท้าแบบใส่ไปเดินตลาด
ไม่ได้คิดอะไรมาก  นอกจากแค่อยากสบาย  ต้องใส่ถุงเท้ารองเท้าไปเรียนต้งหลายปี  ถึงเวลานี้ รู้สึกว่า ถึงเวลาเป็นไทแล้ว
แต่....นี่กลับกลายเป็ฯเรื่องใหญ่
เพราะไม่ใช่ฉันคนเดียว  แต่เป็นเด็กปี 1 แทบทั้งชั้นปีที่ใส่รองเท้าแตะไปเรียน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย
ถึงขั้นมีอาจารย์บางท่าน  สั่งห้างคนที่ใส่รองเท้าแตะเข้าห้องเรียน
และมีนักศึกษาประท้วงว่า รองเท้าแบบไหน  ก็ไม่ได้ทำให้ผลการเรียนดีขึ้น หรือ แย่ลง
ฉันเองก็เคยโดนอาจารย์สั่งให้ถอดรองเท้าฟองน้ำไว้หน้าห้อง แล้วค่อยเข้ามาเรียน
อาจารย์ท่านว่า ใส่รองเท้าแตะธรรมดาแันรับได้  แต่ใส่รองเท้าฟองน้ำนี่เหลือทน  ที่นี่ ห้องเรียน ไม่ใช่ห้องน้ำ
เหตุผลเข้าตา  โดนใจ  ฉันจึงระวัง  ก็ยังไส่รองเท้าแตะไปเรียนนั่นแหละ  แต่ไม่ใช่รองเท้าฟองน้ำ
เรื่องรองเท้านี้  เป็นกรณีกันอยุ่ตลอดปีที่ฉันอยู่ปี 1  ในข้อสอบวิชาภาษาไทย มีโจทย์ข้อหนึ่งให้เขียนเรียงความเรื่องความคิดเห็นที่มีต่อการใส่รองเท้าแตะเข้าห้องเรียน
ฉันจำไม่ได้แล้วว่ เขียนตอบไปว่าอะไร  แต่ถ้าเป็นตอนนี้  ก็จะตอบว่า
การใส่รองเท้าแบบไหนไปเข้าเรียน  ไม่ได้ทำให้เราเรียนเก่งขึ้นหรือแย่ลง
แต่มันทำให้คนอื่นมองเราดีขึ้นหรือแย่ลง  ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับความสามารถในการเรียนรู้  แต่มันอาจแสดงถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสถานท่  เวลา คนอื่นๆ และ สิ่งอื่นๆ

อะไรที่จำเป็นต้องไม่ทำ ทำให้ยิ่งอยากทำ  พอทำได้โดยไม่มีอะไรมาบังคับ มันกลับไม่น่าสนใจเท่าที่มันเคยเป็น
เรื่องรองเท้าแตะก็เช่นกัน
พอขึ้นปี 2  ดูเหมือนจู่ๆ แทบทุกคนก็พร้อมใจกันกลับมาทำสวมรองเท้าแบบเรียบร้อยไปเข้าเรียน  รวมทั้งฉันด้วย  เริ่มจากรองเท้ารัดส้นโปร่งสบาย  ค่อยๆเปลี่ยน  จนถึงปี 4 รองเท้าที่ใส่ไปเรียนคือ รองเท้าคัทชู สีดำ แบบเรียน ปิดมิดหมดตั้งแต่ส้นจรดปลายเท้า
สัญชาตญาณบอกเองว่า ใส่รองเท้าแบบนี้กับเสื้อผ้าแบบนี้  ดูดีเข้ากัน สวยงามตามประสา

มาถึงตอนอายุเท่านี้  ย้อนกลับไปพิจารณาการกระทำของตัวเอง  ก็พอจะเข้าใจเด็กที่เขาอยากใส่ชุดไปรเวทไปโรงเรียนอยุ่หรอก
เข้าใจความรู้สึก อยากชนะ  อยากปลื้มใจตัวเองที่ได้ทำ  อยากรู้ว่าทำไมต้องทำตาม ถ้าไม่ตามจะเกิดอะไร
เข้าใจว่า อยากเป็นตัวเอง  โดยไม่สนใจว่าใครจะเห็นเป็นอย่างไร
ที่สุด  ก็เข้าใจตัวเอง  บอกตัวเองได้ว่า  อย่าไปมีอารมณ์กับเขา  เขาเด็ก
ถ้านั่นคิดตัวตนจริงๆของเขา  ก็ต้องชมเชาว่า เชากล้า ที่จะจริงใจกับความรู้สึกตัวเอง
ถ้าไม่ใข่  วันที่เขาโตขึ้น  เย้าใจตัวเองมากขึ้น  เข้าใจโลกมากขึ้น  เขาก็คงจะชัดเจนกับตัวตนของตัวเอง  มั่นใจในส่ิงที่ตัวเองเป็นได้  โดยไม่ต้องพิ่งเสื้อผ้า เครื่องประดับใดๆ

รักจะแหกกฏ เลือกเอง ทำเอง รับเอง  รู้นะ


Create Date : 01 ธันวาคม 2563
Last Update : 3 ธันวาคม 2563 0:56:07 น. 0 comments
Counter : 792 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com