
|
กัน-ชา ปอด หัวใจ (2)
วันที่หก อาการปอดติดเชื้อดีขึ้นมาก แน่หายใจได้ดีขึ้น ปริมาณออกซิเจนในเลือดอยู่ในเกณฑ์ดีสม่ำเสมอ หมอไม่ต้องให้ออกซิเจนแล้ว แต่ยังต้องรอดูอาการว่า ไม่มีออกซิเจนแล้ว ยังหายใจได้ดีอยู่มั้ย อาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจมาอธิบายให้ฟังว่า ผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ กับผลเอกซเรย์ ก็น่าจะฟันธงได้ว่า เส้นเลือดหัวใจ ตีบแน่ แต่จะตีบกี่เส้น หรือหนักถึงขั้นตันไปเลย จะรู้ได้ก็ค้ือ ต้องทำการฉีดสี แล้วหมอจะตัดสินใจหน้างานอีกทีว่า ควรทำอย่างไร ขั้นเบาๆก็แค่ใส่ขดลวด ในกรณีที่เส้นเลือดแข็งแรงพอ แต่ถ้าเส้นเลือดเปราะ หรือ ตัน อันนี้ต้องผ่าตัดทำบายพาสสถานเดียว ระหว่างที่รอคิวทำการรักษา หมอขอให้พยายามทำตัวเองให้แข็งแรง กินอะไรได้ก็กินไป อย่าเพิ่งกังวลเรื่องเบาหวาน ความดัน เรื่องพวกนั้น ยายังควบคุมได้อยู่ อ้อ อยากได้คิวรักษาแบบด่วนพิเศษ ก็ต้องไปทางช่องทางคลินิกนอกเวลา ค่าใช้จ่ายก็จะพิเศษตามไปด้วย คนขี้กลัวอย่างแม่ หน้าซีดเหลือ 2 นิ้ว หมอเห็นแล้วก็หัวเราะ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลา หมอทำมาเยอะแล้ว ไม่ต้องกลัว ช่วงนี้ ก็อย่าไปทำอะไรหนักๆ ทำงานบ้านเบาๆได้ อย่าหักโหม หมอไม่พูด แต่พอเดาได้ว่า ถ้าเหนื่อยเกินไป อาจจะหัวใจวายตายได้
วันที่เจ็ด วันนี้หมอให้กลับบ้านได้แล้ว หลังจากที่ผลการตรวจทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดีแล้วได้ยาถุงใหญ่กลับมาด้วย เฮ้ออออออ
ทีนี้ ก็ต้องมาคอยเชียร์ให้กินข้าว กินยา กิน กิน กิน เพื่อให้แข็งแรงพร้อมรับการรักษา วางอะไรไว้ให้ก็ต้องคอยมาดูว่ากินไปมั้ย เหลือเยอะนัก ก็ต้องมานั่งอธิบาย กล่อมบ้าง ขู่บ้าง ยากยิ่งกว่าป้อนข้าวเด็ก
ถัดมาอีกประมาณเดือนกว่าๆ ก็ได้เวลาเข้าไปรับการรักษาโรคหัวใจที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ก็กึ่งๆโรงพยาบาลรัฐนั่นแหละ แอดมิทเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่พาไปตรวจก่อนทำการฉีดสี อันได้แก่ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ เอกซเรย์ ตอนทำที่โรงพยาบาลแรก เป็นโรงพยาบาลเอกชน พยาบาลมาพร้อมพนักงานเปล ญาติไม่ต้องทำอะไร แต่ที่นี่ มีพนักงานเปลมาเข็นรถคนไข้ไปส่งตามแผนก ไม่มีพยาบาล โรงพยาบาลกว้างมาก นอกจากญาติจะต้องถือชาร์ตคนไข้เองแล้ว ยังต้องวิ่งร้อยเมตรให้ทันพนักงานเปลด้วย ตรวจเสร็จกลับมาที่ห้องพัก มีวิดีโอให้ดูวิธีการรักษาและการปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด ตอนนี้ฉันเริ่มเห็นว่าแม่กลัว พอแกล้งทัก แม่ก็ทำท่าเฉยๆเหมือนไม่มีอะไร แต่พอพนักงานเปลมาพาไปห้องที่หมอจะฉีดสี ตอนี้เก็บอาการไม่อยู่ แันได้แต่บีบมือแม่แรงๆ แล้วบอกว่า เดี๋ยวออกมาเจอกันนะ อันที่จริง ฉีดสี ไม่ได้น่ากลัวอะไร ในกรณีของแม่ เส้นเลือดยังแข็งแรงดี หมอแค่แีดยาชาที่ต้นขา แล้วฉีดสีเข้าทางเส้นเลือดใหญ่ ปรากฏว่า ตีบหนักอยู่ 1 เส้น อีก 2 เส้น มีไขมันเกาะเบาๆ พอรับได้ เส้นที่ตีบ ยังพอมีช่องให้ใส่ขดลวดได้ หมอก็จัดการส่งเข้าไปทางเส้นเลือดใหญ่นั้นเอง ใช้เวลาทำจริงๆแค่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ แต่ใช้เวลารอคิวกับรอพนักงานเปลมาเข็นกลับห้อง นานกว่า กลับมาถึงห้องพัก ฉันรับหน้าที่ กดถุงทรายไว้ที่แผลเป็นเวลา 20 นาที เพื่อให้แน่ใจว่า เลือดหยุดไหล เส้นเลือดที่เจาะเป็นเส้นเลือดใหญ่ ถ้าเลือดไม่หยุดไหล หรือ แผลเปิด ก็อาจถึงขึ้นช็อกตายได้ คืนนั้นแม่ต้องนอนราบนิ่งๆ ห้ามลุก ห้ามเดิน เช้าว้นรุ่งขึ้น ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร ก็กลับบ้านได้เลย
ในเรื่องไม่ดี ก็เหมือนจะมีเรื่องดีๆอยู่ ถ้าไม่ได้กินน้ำมันนั้นเข้าไปจนชาทำให้อาหารตกลงไปในปด ก็คงไม่ได้เข้าโรงพยาบาล ให้หมอได้สังเกตัอาการ จนนเจอโรคหัวใจ และได้ทำการรักษา ไม่อย่างนั้น ตอนนี้ แม่อาจไม่่อยู่กับเราแล้วก็ได้
และฉันก็ได้เห็นว่า พ่อแม่ รักกันมากแค่ไหน พ่อกับแม่ไม่เคยบอกรักกัน แต่ในวันที่ความตายมาประชิดติดเตียง แม่งอแงให้พ่ออยู่ด้วยตลอดเวลา พอพ่อจะกลับไปดูแลงานที่บ้านบ้าง แม่ถึงกับพูดว่า ปล่อยให้เราตายอยุ่ที่นี่คนเดียวก็ได้ วันที่หกในโรงพยาบาล แม่บอกให้พ่อมานอนบนเตียงคนไข้ด้วยกัน แม่คงคิดถึง ปกตินอนเตียงเดียวกันทุกวัน นี่โดนบังคับให้นอนบนเตียงคนเดียวมา 5 คืน ส่วนพ่อ คอยประคับประคองเวลาแม่เดิน กลัวแม่ล้ม อยู่โรงพยาบาลหลายวัน กลัวแต่เครียด ก็ร้องเพลงให้แม่ฟัง ตั้งแต่ป่วยคราวนี้ เวลาทะเลาะกัน ก็รู้สึกว่าจะออกฤทธิ์ออกเดชน้อยลง ตอนมั่นใจว่ามีอยู่ ไม่ค่อยจะถนอมกันสักเท่าไหร่ พอรู้สึกว่า ไม่ใช่ ก็กลับมาดูแลกันมากขึ้น หีวใจ ได้ทำหน้าที่ ดีกว่าเดิมด้วย
Create Date : 27 มกราคม 2563 |
Last Update : 27 มกราคม 2563 22:26:35 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1357 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
|
วัลยา |
 |
|
 |
|