<<
สิงหาคม 2564
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
30 สิงหาคม 2564
 

เรียน...ไม่รู้

ฺเมื่อไม่กี่วันมานี้  เห็นคลิปของ TCAS  เด็กๆเขาแชร์มาในทำนองคับข้องใจว่า ทำไมต้องให้เขาจ่ายค่าสอบ  ในเมื่อมหาวิทยาลัยขงรัฐเป็นฝ่ายบังคับให้เอาคะแนนต่างๆนาๆไปยื่นประกอบการสมัครเข้าเรียน
ฉันเดาเอาตามประสาฉันว่า  ก็คงเพราะนี่ไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ  สิ่งนี้จึงไม่ได้จัดอยู่ในรัฐสวัสดิการ  ใครใคร่อย่ากเข้ามหาวิทยาลัยไหน  สาขาใด  ก็เลือกสอบเลือกจ่ายกนเอาเองตามอัธยาศัย
ไม่ได้บอกเด็กไปอย่างนี้หรอก  คิดว่าเขาคงไมได้อยากฟัง  เพราะเขาว่า ทำแบบนี้  มันไม่เท่าเทียม
ได้แต่รำพึงรำพันอยู่ในใจว่า เด็กเอ๋ย  วันใดที่ทุกอย่างในโลกเท่าเทียมกันหมด  วันนั้นโลกจะน่าเบืออย่างที่สุด  ดูอย่างตอนนี้สิ  ฉันอยู่ในเขตสีแดงเข้ม  ร้านอาหารถูกสั่งห้ามนั่งทานในร้าน ไม่ว่าจะภัตตาคารสุดหรู  หรือ  รถเข็นขายส้มตำข้างทาง  ต้องกินข้าวอยู่บ้าน  จนเบื่อกันไปหมด
นี่แม่ฉันเอง  เบื่อถึงขนาดลงทุนไปซ้อถ้วยชามมาใหม่  จะได้ให้โต๊ะอาหารมันดูแปลกตาไปบ้าง  ไม่งั้นก็  สุดแสนจะเซ็ง
 
ในคลิปยังพูดถึงการที่เด็กควรหาตัวเองให้เจอ    เจ้าใจและยอมรับในสักยภาพของตัวเอง  จะได้ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาไปเปล่าๆ  เพราะถึงอย่างไร  สถานศึกษาแต่ละแห่ง เขาก็ต้องคิดเลือกคนเข้าไปตามเกณฑ์ที่เขาตั้งไง้อยู่ดี
ฟังจบคลิปที่ถูกตัดมาเพียงเท่านั้น  ฉันก็เดาได้ว่า  ทัวร์ลงแน่ๆ
ฟังเผิดๆก็เหมือนขาตัดโอกาส  ทำไมเล่า  ก็ฉันอยาก  ให้โอกาสฉันไปลองหน่อยไม่ได้เชียวหรือ
แต่เอาตามควมจริงแล้ว  ลองมาดูเรื่องนี้กันหน่อย  ไม่ต้องไปดูอื่นไกล หลานชายฉันเอง
พยายามพากเพียร  เสียเงินเรียนไปก็มาก  ในที่สุดก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นของประเทศได้  ในคณะที่ก็เป็นอันดับต้นๆที่คนอยากเข้าอีกนั่นแหละ
ตอนสอบเข้ามาได้  คะแนนก็ไม่ได้หรูหราเมือเทียบกับทุกคนในคณะ  เมื่อเรียนไป  เกรด็ออกมาแบบไม่หรูหราตามศักยภาพ  แล้วทีนี้  จะขึ้นปี 2 จะต้องเลือกภาควิชาเพื่อไปเรียนเฉพาะทาง  โดยใช้เกรดเป็นเกณฑ์ตัดตัว
ฉันมารู้เรื่องตอนเจ้าตัวเขาเล่าให้ฟังว่า เขาได้เรียนภาควิชาที่รับน้อยที่สุดในคณะ  และได้แบไม่ใครแข่งด้วย  เพราะมันเป็นวิชาเกียวกับธุรกิจซึ่งกำลังจะกลายเป็ฯอุตสาหกรรมดาวร่วงในอนาคตอันไม่น่าจะไกลนัก  เหตุที่เลือกทางนี้  เพราะ 1 คือ  สาขาที่อยากเรียน  คนเก่งๆเขาก็เลือกเรียนกันไปจนเต็มโควตาแล้ว  ไม่มีที่เหลือให้คนที่เก่งไม่พอ  และ 2 เขาคิดว่า คงทำงานเป็นลูกจ้างเขาสักพัก  แล้วก็จะหากิจการอะไรสักอย่าง  หรือ ลู่ทางทำมาหากินทางอื่นได้  ก็ตั้งเป้าไว้แค่เรียนให้จบ  ไม่ได้ตั้งใจ  หรือ รักอย่ากจะไปทำงานในสาขานั้น
ฉันถามไปคำหนึ่งว่า  ทำไมไม่ออกไปสอบมหาวิทยาลัยอื่นที่คนเก่งน้อยกว่านี้เขาเรียนกัน  จะได้ได้เรียนอ่ย่างที่อยาก  เขาตอบว่า ไม่ทันแล้ว  ถ้าจะออก็ต้องตัดสินใจก่อนหน้านี้  นั่นก็คือ  ต้งแต่ยังเรียนไม่จบ ปี1 เทอม 2  เปลี่ยนใจตอนนี้  ก็เท่ากับเสียไป 2 ปี  มันนานเกินไปแล้ว
 
เด็กคนที่ได้คุยด้วยนี้  เขาบอกว่า ถึงเขาจะไม่ชอบใจเรื่องเก็บค่าสอบและค่าสมัคร  แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะออกจากระบบการศึกษานี้  เขาคิดว่า ปริญญาจะช่วยให้เขาได้งานดีๆ  งานที่สร้างรายได้ให้ในระดับที่พอใจ
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว  ตอนที่คิดว่า ยังไงก็ควรเรียนให้จบปริญญาตรี  ฉันก็คิดอย่างนี้แหละ  ฉันทำงานบริษัทอยู่ 8 ปี  มีรายได้จากการทำงานประมาณ หนึ่งล้าน บาท  พูดอย่างนี้ดูเหมือนมาก  แต่ลองไปหารดูเอาก็แล้วกันว่า เหลือเดือนละเท่าไหร่  ใช่รายได้ที่ใฝ่ฝันหรือเปล่า
เมื่อตอนทำงานบริษัท  ฉันมีโอกาสได้ทำหน้าที่รับสมัครงานและสัมภาษณ์เบื้องต้นเพื่อรับคนเข้าทำงาน  ก็เลยได้เห็นคนมากมายที่ขาดคุณสมบัติอันควรรับเข้าทำงาน  ทั้งที่ก็จบปริญญาตรีมานั่นแหละ
มีทั้ง ขับรถไม่เป็น  ใช้คอมพิวเตอร์ไม่คล่อง  ภาษาอังกฤษไม่ถนัด
ที่ร้านฉันมีลูกน้องคนหนึ่ง ทำงานรายวัน  จบปริญญาตรีมาเหมือนกัน  นางลายมือสาวย  ก็เลยใช้ให้เขียนป้าย ชื่อสินค้าบ้าง สรรพคุณสินค้าบ้าง สำหรับไปติดตามชั้นวาง  ภาษาอังกฤษนั้นพอเข้าใจหรอกว่าไม่ถนัด  แต่แม้จะเป็นภาษาไทย  นางก็ยังไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือไม่  ต้องมาไล่วรรณยุกต์ให้  หรือไม่ก็สะกดทีละตัวให้นางเขียนตาม
ปีนี้นางอายุ 40 แล้ว  ได้ค่าจ้างวันละ 470 บาท พร้อมข้าวกลางวัน  สำหรับการทำงาน 11 ชั่วโมง
ฉันเห็นมามากแล้ว  ปริญญาตรีอย่างเดียว  ไม่ใช่คำตอบของงานดีๆ รายได้งามๆหรอก
 
เรื่องสุดท้ายที่ฉันถามเด็กแต่ไม่ได้คำตอบคือ ถ้าค่าสมัคร 900 บาทก็ยังไม่มี  แล้วค่าเรียนเป็นหลักหลายหมื่น  จะเอามาจากไหน
ฉันว่า ถ้าวางแผนดีๆ เงินค่าสมัคร 900 นั้น มันเรื่องเล็กน้อยนัก  ถ้าตั้งใจเรียนสายสามัญเพื่อไปเข้ามหาวิทยาลัย  ก็เริ่มหยอดกระปุกเก็บเสียตั้งแต่เรียน ม.4  เก็บแค่วันละ 2 บาท จบ ม.5 ก็มีเงินเหลือพอไปจ่ายค่าสอบ ค่าสมัครแล้ว
แต่ค่าเทอมค่าอุปกรณ์การเรียนนี่สิ เรื่องใหญ่  ถ้าต้องกู้มาเรียน  ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า มีคนมากมายที่สุดท้ายก็ไม่สามารถรับผิดชอบชำระหนี้ได้  แม้ว่าดอกเบี้ยจะถูกมากแล้วก็ตาม  จนต้องมีมาตรการบังคับให้จ่าย  แทนที่จะให้จ่ายตามสะดวกอย่างที่เป็นมาก่อนหน้านี้
ถ้าไม่อยากลำบากอย่างนั้น  ก็หาทาง หาเงิน  แล้วค่อยไปเข้าศึกษาตอนที่พร้อม  จะดีกว่ามั้ย
หรือไม่ก็  ไม่ต้องเข้าเลยก็ยังได้  ในเมื่อความรู้นานา  ลอยอยู่ทั่วไปในอากาศ
และหากไม่ใช่วิชาชีพที่ต้องมีใบรับรองอย่งเป็นทางการแล้วล่ะก็  คนจ้างเขาก็อยากได้คนที่ทำงานได้ ทำงานเป็น  สร้างผลตอบแทนให้แกเขาได้สมควรแก่รายได้ที่เขาจะจ่ายให้
ฉันเคยเห็นประกาศรับสมัครงานที่บอกแต่ว่า ต้องการคนที่ทำอะไรได้บ้าง  ไม่มีสักข้อที่บอกว่า ต้องจบการศึกษาระดับไหน  สาขาอะไร  แค่ทำเป็น ทำได้ เท่านั้นแต่คนที่จะเก่ง ชำนาญในทางของตนขนานั้น  ก็แน่นอนว่า เขาต้องเป็นคนที่ค้นพบตัวเอง  รู้จักเข้าใจความชอบของตัวเอง  ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายๆว่า ดวงใครดวงมัน  เพราะมันเป็นเรื่องที่สอนกันไม่ได้จริงๆ
มีแต่ตัวเราเท่านั้น  ที่ต้องค้นหามันด้วยตัวเอง
 
อยากจะย้ำอีกสักที  ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรเท่ากันไปหมดได้หรอก  ปริญญาก็ไม่ใช่เครื่องการีนตีว่าจะมีงานทำ
โลกกว้างใหญ่ มีเส้นทางมากมายให้เดิน
ถ้ารู้สึกว่าโลกมันกำลังจะเป็นของคนรุ่นใหม่  ก็อย่ามัวทำตามคนรุ่นฉันโดยไม่มองดูศักยาภาพของตัวเอง ไม่วาจะเรื่องความสามารถหรือเรื่องเงิน
ให้มันจบที่คนรุ่นฉัน  ที่พ่อแม่ขายนา ขายควาย  ส่งลูกเรียนปริญญา เพื่อหวังให้เป็นเจ้าคนนายคน
 
เผื่อจำนวนคนเป็นหนี้ในประเทศนี้มันจะน้อยลงบ้าง...นะ เด็ก เด็ก


Create Date : 30 สิงหาคม 2564
Last Update : 30 สิงหาคม 2564 0:42:46 น. 1 comments
Counter : 1282 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**, คุณนายแว่นขยันเที่ยว

 
 
 
 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
 
 

โดย: **mp5** วันที่: 30 สิงหาคม 2564 เวลา:14:05:16 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com