<<
เมษายน 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
26 เมษายน 2563
 

ชีวิตมั่นคง หลัง ชีวิต งง งง

ได้เล่าชีวิต งง งง ไปแล้วไน blog นี้
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=wallaya&month=04-2020&date=17&group=2&gblog=46

ทีนี้จะมาเล่าต่อ  หลังจากที่ค่อยๆโตมา  ค่อยเห็นรายละเอียดชีวิตชัดเจนขึ้น  ค่อยๆพิจารณากันไป
ก็ได้เข้าใจ  ชีวิตในวันนั้น  และสิ่งที่เป็นผลมาจนวันนี้

เรื่องแรก  จริงๆถ้าพิจารณาจากตำแหน่งหน้าที่การงานของพ่อ  การเป็นผู้จัดการคลังน้ำมัน  ต้องถือว่าเป็นงานที่มีรายได้ดีมาก  นอกจากเงินเดือน  พ่อยังมีรถประจำตำแหน่ง  และเงินค่าเช่าบ้านด้วย
พ่อจึงได้เช่าบ้านหลังใหญ่  มีรถยนต์พาลูกๆไปส่งโรงเรียนทุกวัน  และความเป็นคนมีตำแหน่งที่ทำให้ต้องไปรู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งราษฎร์ทั้งหลวง  พ่อจึงมักได้ของกำนัลมาบ่อยๆ  นั่นเป็นที่มาของของเล่นแพงๆที่ฉันไม่เคยพ่อแม่เป็นคนซื้อเองเลย
ในขณะที่แม่  ซึ่งเป็นลูกสาวร้านทอง  แต่ไม่ชอบยายของ  จึงตัดสินใจแต่งงานมาอยู่กับพ่อ  แทนที่จะไปลงเอยกับลูกร้านทองด้วยกันตามความนิยม  แม่เคยพูดให้ฟังว่า แม่ทำมาหากินไม่เป็น (คือเป็นลูกคุณหนูแท้แท๊เล้ยยย55)  รอใช้ตังค์อย่างเดียว  ถ้าวันไหนที่พ่อหาเงินไม่ได้อย่างเคย  แม่ก็ไม่รู้จะหาเงินยังไง  เพราะฉะนั้น  จึงต้องเก็บออกม  บริหารเงินที่เข้ามาในบ้านให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด  อ้อ  แม่ไม่ได้พูดยาวอย่างนี้หรอก  ฉันประมวลเอาจากที่เห็นและรู้เอง
ก็อย่างที่ได้เล่าไปแล้ว  แม่เป็นห่วงเรื่องเงิน  ดังนั้นทุกการใช้จ่าย  แม่จะระวังมาก  ฉันว่า แม่คงไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้น  แต่การที่แม่ไม่ให้ซ์้อของโน่นนี่ตามใจชอบ  มันทำให้ฉันเรียนรู้ที่จะอดทน  และทำความเข้าใจกับความผิดหวังของตัวเอง  ยอมรับการถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ฉันไม่เข้าใจ
เหตุผลที่ว่า มันแพง  แม่ไม่เคยพูดว่าเราไม่มีเงิน  เพราะฉะนั้น  มันแพง ของแม่ แปลว่า ราคามันลูงเกินความจำเป็นใช้ของตัวเรา
สิ่งเหล่านี้  ทำให้ฉันเป็นคนแบบนี้  แบบที่ จะใช้จะจ่ายอะไร  ก็เอาแค่พอดีพอสมกับตัวฉัน  ไม่ติดเทรนด์  ไม่ตามแฟชั่น  เน้นสาระ  มากกว่าสวยงาม

เรื่องต่อมา  ที่บ้านเราย้ายไปอยู่บ้านเล็กๆที่สุราษฎร์และกินปูกันเป็นว่าเล่น
สมัยนั้น  สุราษฎร์ยังเป็นพื้นที่สีแดง  ยังมีผู้ก่อการร้ายแฝงตัวอยู่  ฉันเดาเอาว่า พ่อคงคิดแล้วว่า  ถ้าเช่าบ้านใหญ่  จะเป็นเป้าสายตา  จึงเลือกบานเล็กแต่อยู่ในชุมชน  แล้วเงินค่าเช่าบ้านก็คงได้เหลือมาเป็นเงินเก็บด้วย
ส่วนการกินปูนั้น  ก็เพราะเหตุผลเรื่องผู้ก่อการร้ายนี่แหละ  ทำให้ไม่ค่อยมีใครๆมาให้พ่อเลี้ยงรับรองมากนัก  ในขณะที่บริษัทได้ตังงบส่วนนี้มาแล้ว  เมือไม่มีแขก ไม่มีลูกค้า ไม่มีผู้ใหญ่มาให้เลี้ยง  พ่อจึงเอามาเลี้ยงลูกบ้าง  เลี้ยงลูกน้องบ้าง
ส่วยแม่ก็ยังใช้เงินแบบมีระเบียบวินัยตามเดิม  ส่วนที่ต้องใช้เงินตัวเอง  ก็ใช้จ่ายอย่างประหยัด  แต่เวลาไปกินปู  แม่สั่งทีละเป็นกิโลๆ  ไม่มีเกรงใจเลย

แล้ววันที่บ้านเราน่าจะแย่  เพราะพ่อต้องออกจากงานในตอนที่พออายุได้เพียง 40 กว่าๆเท่านั้น  เราย้ายกลับมาอยู่จังหวัดบ้านเกิดของพ่อ  และซื้อบ้าน  ฉันเห็นแม่ไปธนาคารเพื่อผ่อนบ้านอยู่ไม่กี่เดือน  แล้วก็ไม่เห็นแม่ไปอีกเลย  มารู้ทีหลังว่า  แม่ยอมผ่อนบ้าน  เพราะบ้านสร้างใหม่ยังไม่ค่อยเรียบร้อย  แม่กลัวเขาจะไม่เก็บงานให้เสร็จ  จึงไปทำสัญญาผ่อนไว้ก่อน  จนแน่ใจว่า บ้านเรียบร้อยดีแล้ว  จึงเบิกเงินสดไปจ่ายค่าบ้านทั้งหมด
แล้วแม่ก็ยังจัดการขายรถคนเดิมที่เป็นรถประจำตำแหน่งของพ่อซึ่งบริษัทให้มา  แล้วก็ซื้อรถคันใหม่มาใช้แทน  เพราะคันเดิมอายุมาก  แน่นอน  แม่ซื้อรถคันนั้นด้วยเงินสด
การที่พอไปลงทุนขายของเล็กๆน้อยๆนั้น  ไม่ได้ทำเงินให้บ้านเราเป็นชิ้นเป็นอันนัก  ถ้าเทียบกับเงินเดือนที่พ่อเคยได้  ถ้าคิดเป็นเงินตอนนี้  ตอนนั้นเงินเดือนพ่อคงเป็นหลักแสน
กำไรจากขายของก็น่าจะพอกินใช้ไปเดือนๆเท่านั้น  ตอนนั้น ลูกอดีตผู้จัดการอย่างฉัน  ต้องใส่เสื้อยืด 3 ตัว 100  ที่แขวนขายอยูตามแผงลอดริมถนนในตลาดสด
แต่แม่ซื้อชุดงายน้ำให้  แล้วยังจ่ายเงินให้ไปเรียนว่ายน้ำด้วย
พ่อขายของอยู่ได้ไม่กี่ปีก็ต้องเลิกเพราะปัญหาสุขภาพ  นั่นเท่ากับว่า  รายได้จากการขายของก็หายไปด้วย

แต่ด้วยความปรองดองของพ่อแม่  และระบบการจัดการเงินอย่างดีของแม่  ทำให้เราไม่เคยลำบาก  แม้ไม่มีรายได้หลัก  ลูก 2 คนได้เรียนจบปริญญาตรี  แม่มีเงินไปซื้อบ้านให้คนเช่า  ซื้อที่ดิน  สร้างบ้านมีบริเวณไว้ปลูกต้นไม้แบบที่แม่ฝัน  พองานลูกเริ่มเข้าที่เข้าทาง  หาเงินกันได้มั่นคงพอควรแล้ว  พ่อแม่ก็ชวนกันกิน ชวนกันเที่ยว
โดยไม่พึ่งเงินลูกเลยสักบาท

ฉันเพิ่งมารู้เมื่อพ่อแม่อายุมากแล้วว่า พ่อชอบเที่ยว  และ แม่ชอบแต่งตัว
ไม่รู้ว่าตอนที่ต้องอดทน อดกลั้น อดใจ  ไม่ทำอะไรตามใจตัว  เพื่อเก็บไว้สำหรับอนาคตอันไม่แน่นอนนั้น  ต้องใช้พลังใจแค่ไหน  มันทำให้ชีวิตเครียด เซ็ง ขนาดไหน
ที่แน่ๆ  ทุกวันนี้  ทั้ง 2 คนกำลังเสพสุขกับรางวัลที่ได้จากการรักครอบครัวเป็นที่หนึ่ง
รักความสุขในอนาคตของครอบครัว  มากว่าความสุขเฉพาะตัว เฉพาะหน้า
ถ้าใช้ชีวิตสมฐานะตั้งแต่ตอนนั้น  มั่นใจในทางผิดๆ  ไม่คิดไว้ก่อนว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
แทนที่จะต้องอดทนอยู่แค่ 30 ปี  แล้วหลังจากนั้น  ก็ผ่อนคลาย สบายได้อย่างใจ
มันอาจจะต้องกลับข้างกันก็ได้

วันนี้ ที่ยังไหว ก็ทนลำบากไปก่อน  สำรองไว้
วันไหนไม่ไหว  จะได้ไม่ลำบากมากนัก  เพราะมีสำรองอยู่
ช่วยตัวเองก่อนให้คนอื่นมาช่วย
 


Create Date : 26 เมษายน 2563
Last Update : 26 เมษายน 2563 17:51:13 น. 0 comments
Counter : 568 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com