<<
ตุลาคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
27 ตุลาคม 2562
 

โลกนั้น ที่ฉันเห็น

ฉันเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม  ซึ่งถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม
แปลว่า ฉันเป็นแต่กำเนิด  กับโรคที่น่าจะเป็นในคนสูงวัย
พูดง่ายๆว่า สมรรถภาพในการมองเห็นของฉัน  ถดถอยลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่เกิด
ไม่นะ...เอาจริงๆ  ก็ไม่ได้แย่นักหรอก
คนที่เป็นโรคเดียวกับฉัน  แต่ออกอาการมากกว่า และ เร็วกว่าฉันก็ยังมีอีกมาก
ฉันเพียงอยากบอกว่า  เพราะ การไม่เห็นท่าคนอื่น  ทำให้ฉัน "เห็น" อื่นๆเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง

ตั้งแต่เด็กจนโตมาถึงอายุ 25  ฉันไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตมีปัญหาในเรื่องการมองเห็น  ฉันแค่ต้องระวังมากหน่อยเวลาเข้าโรงหนัง ตอนไปเข้าค่าย ก็ไม่ต้องไปเข้าฐานตอนกลางคืน  นอกเหนือไปจากนั้น  ฉันใช้ชีวิตได้ปกติมาก  และไม่ได้รู้ว่าต้องระวังตัวเองอย่างไร  เมื่อเข้าทำงาน  ฉันจึงขับรถท่ามกลางแดดจ้า  วันละหลายชั่วโมง  โดยไม่สวมแว่นกันแดด  ซึ่งเป็นสาเหตุให้อาการของโรคฉายชัด จนฉันต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล  และได้ใบรับรองแพทย์ที่ระบุอาการป่วยว่า ประสาทตาเสื่อม
ฉันส่งเอกสารฉบับนั้นให้ฝ่ายบุคคล  และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแววตาอย่างนั้น
แววตาที่เหมือนกำลังตั้งคำถามว่า  แล้วฉันจะทำงานให้บริษัทได้อีกสักกี่ปี

ฉันเห็นพ่อที่มีการมองเห็นที่แย่ลงเรื่อยๆมาตั้งแต่จำความได้  วันที่รู้แน่ชัดว่า  ฉันเองก็เป็นโรคนี้  แม้ไม่ได้เกินความคาดหมาย  แต่มันก็เหมือนการตอกย้ำให้ฉันต้องรับรู้ว่า  ฉันไม่ปกติ  ฉันจะด้อยความสามารถลงไปเรื่อยๆ  ด้อยค่าลงไปเรื่อยๆ  แล้วสุดท้าย  ฉันจะหมดประโยชน์และเป็นภาระให้คนอื่นต้องมาดูแล  ไม่ว่าฉันจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม  ความคิดแบบนั้น  หนักหนาวนเวียน  จนมีหลายวันที่ฉันอยากจะหลับแล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย
แววตานั้น  ทำให้ฉันไม่อยากบอกใครอีกถึงความ "ด้อย" ของฉัน  ไม่พร้อมจะเห็นแววตาอย่างนั้นอีกแล้ว

จนวันหนึ่ง  ฉันได้รับอีเมล์จากบุคคลผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง  ซัึ่งเป็นแฟนคลับนักร้องน้องรักคนเดียวกัน  ส่งมาถามถึง 2 ครั้งว่า ทำไมฉันไม่ไปดูคอนเสิร์ตของน้อง
ครั้งแรกฉันตอบเลี่ยงๆไป  แต่ครั้งที่สอง  ด้วยความเกรงใจ  จึงตอบไปตรงๆว่า ฉันเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม  พี่คนนั้น  ถามกลับมาว่า คืออะไร  อาการเป็นอย่างไร  จะต้องเตรียมการช่วยเหลือดูแลอย่างไร  ให้ฉันไปดูคอนเสิร์ตได้
แล้วพี่คนนั้น  ก็จัดการทุกอย่างให้ฉันได้ไปดูคอนเสิร์ตจริงๆ  ตั้งแต่ไปรับจากสนามบินพาไปโรงแรม  ไปกินข้าว  หาคนจูงพาฉันไปส่งถึงที่นั่ง  พากลับออกมา  พากลับโรงแรม  นอนค้างเป็นเพื่อน  และพาไปส่งสนามบิน  แล้วยังเล่าเรื่องของฉันให้น้องๆในคลับฟัง  จนฉันได้ไปดูคอนเสิร์ตอีกหลายครั้ง  ด้วยความช่วยเหลือจากหลายๆคน
โลก  ไม่ร้ายนักหรอก  อย่างน้อยฉันก็รู้แล้ว  ว่า  มีคนที่ไม่ได้เห็นฉันด้อยค่า  แต่เห็นว่า ฉันต้องการความช่วยเหลือ

ในโลกจริงที่การมองเห็นของฉันมีแต่จะลดน้อยถอยลง  หากแต่ในโลกความคิด  ฉันกลับได้เห็นมันกว้างไกล  ลึกซึ้งกว่าที่เคย  ฉันอาจด้อยในเรื่องการมองเห็น  แต่...ประสาทสัมผัสไม่ได้มีแค่ เห็น  ถึงฉีันจะไม่ได้หูดีเหมือนในหนังจีนโบราณที่เอาหูแนบพื้นก็รู้แล้วว่า มีคนขี่ม้ามากี่ตัว  แต่สังเกตตัวเองดีๆ  ฉันก็รู้ว่า ฉันจับทิศทางที่มาของเสียง  ไม่ว่าจะเสียงพูด เสียงเปิดประตู  เสียงบรรยากาศรอบๆตัว  ได้ดีกว่าคนอื่น  แล้วคงเพราะ  ฉันเองก็ต้องการคนเข้าใจในสิงที่ฉันเป็น  ฉ้ันจึงรู้สึกว่า ฉันเองก็ควรต้องใส่ใจที่จะคิดถึงและเข้าใจถึงความรู้สึกของคนอื่น  ฉันต้องการกำลังใจในการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยสมประกอบนี้  คนอื่นก็คงต้องการ  แั้นจึงเริ่มเรียนรู้ที่จะให้กำลังใจคนอื่น  รับฟังเขา  ยิ้มอย่างจริงใจให้เขา  คำพูดร้ายๆซ้ำย้ำจุดด้อย  มองให้ลึกลงไป  ฉันว่า เขาโง่  เพราะเขาไม่รู้ว่า ฉัน "เห็น"  ว่าไม่ได้ต้องไปเสียใจกับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้  เขาเสียอีก  ไม่ "เห็น" ข้อด้อยของตัวเอง  ไม่อย่างนั้น  เขาคงพูดจากับใครๆได้ดีกว่านี้

ที่สำคัญ  ฉันเรียนรู่ที่จะเลือก มอง และ เห็น  ความรัก  ความงาม  ความรื่นรมย์  และดื่มด่ำกับความสุข  ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหน
เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุยัน  และทำให้มันดีเท่าที่จะทำได้  ไม่มีประโยชน์ที่จะวิตกกังวลไปถึงวันข้างหน้า เพราะมันอาจไม่มีวันมาถึงเลยก็ได้  เศร้าไปก็ไม่ช่วยอะไร

ในโลกที่มีคนร้าย  ก็มีคนดีอย่างไม่น่าเชื่ออยู่ร่วมด้วยไม่มีอะไรร้ายจนอยู่ด้วยกันไม่ได้  ถ้ากล้าเปิดใจยอมรับ

ทุกวันนี้  ฉันทำหลายอย่างที่เคยทำไม่ได้แล้ว  อย่างการขับรถ อ่านหนังสือที่เป็นเล่มๆ
แต่ฉันก็ยังไปไหนมาไหนเองได้ด้วยรถสาธารณะ  อ่านนนังสือในคอมพิวเตอร์ ไม่ก็โทรศัพท์  ยังไปดูหนังในโรงได้อยู่  แค่มีคนจูงพาไปนั่ง  ของใช้หลายอย่างถ้าไปยืนอ่านสรรพคุณเองจะลำบาก  ก็อ่านแบบออนไลน์  ถูกใจก็ซื้อออนไลน์นั่นแหละ  ให้เขาส่งมาถึงบ้าน  เมื่อไม่กี่วันมานี้  ก็ยังไปนอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล  เพราะคนตาดี เขารู้ตัวว่า ไม่อดทนและใจเย็นเท่าฉัน
ตาไม่ดีแล้ว  แต่สมองยังดีมาก  ยังทำงาน  ดูแล  คุยกับลูกค้า  ขายของหน้าร้านได้

ในโลกจริง  ฉันเห็นไม่มากเท่าใครอื่น
ในโลกนั้น  ฉันเห็น  ฉัน เป็นคนดี  และ มีความสุข
แค่น้น  ที่ฉันเห็น  ก็พอแล้ว

 


Create Date : 27 ตุลาคม 2562
Last Update : 27 ตุลาคม 2562 14:04:26 น. 1 comments
Counter : 1543 Pageviews.  
 
 
 
 
ผมมาอ่านตอนเช้าแล้ว เม้นท์ไม่ออก

คุณวัลยาคงลำบาก...ด้านการมองเห็นแม้ไม่มากแต่ ก็เข้าใจครับว่า
มองอะไรไม่ชัด

ผมเคยเป็นคือ ตามองไม่เห็นเลย ครึ่งชั่วโมงกว่า แต่นั้นหลายสิบปี
แล้ว แต่ก็หายไปเอง เข้าใจว่าใข้สายตาทำงานมากเกินไป
คืด ดูรายงานคอมพิวเตอร์

ไม่เป็นอีกเลย จนกระทั่งอีกหลายปี เป็นต้อกระจก มองไม่ชัดอีก
ทั้งสองข้าง ต้องผ่าตัดไปผ่าตัด ทีละข้าง พอเปิดตามาใสแจ๋ว
แต่ก็ไม่นาน ต้องไปหาหมออีก หมอใช้เข็มแทงเข้าตาแล้วไปเขี่ย
ข้างใน กว่าจะหายนาน... ลำบากในการทำงาน

อีกข้างเลยไปผ่าตัดอีกหมอ นั่น 20 ปีแล้ว ตอนนี้มีปัญหา
อีกคือ มองไม่ชัดอีก ตอนนี้รอหมอดูว่าจะทำอย่างไรอีก

คุณวัลยาเป็นนักสู้ ยังทำบล๊อกได้ ดีกว่าอีกหลายคนที่เขาทำไม่ได้
ผมเอาใจช่วยครับ
 
 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 27 ตุลาคม 2562 เวลา:13:11:43 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com