ตม

"Two men look out the same prison bars, one sees mud and the other stars" Frederick Langbridge "สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็น โคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็น ดาว อยู่พราวพราย" แปลโดยเจษฏาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ (F. Hilaire) สุภาษิตนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าส่วนใหญ่จะเคยได้ยินกันอยู่แล้ว สมมุติสองคนถกกันเรื่องนึงอยู่แล้วมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แล้วมีคนนึงยกสุภาษิตนี้มาให้ฟัง แล้วอีกฝ่ายฟังเผินๆ บางทีอาจจะแอบคิดว่า แอบด่ากันหรือเปล่าน้อ ก็คงมีบ้าง
ก็ดูสิ คนนึงมองลอดออกไปตามช่องลูกกรง ถูกเปรียบเปรยว่าเห็น โคลนตม ที่มันช่างดูติดดิน เศร้าสร้อย หม่นหมอง มีแต่ความคิดลบ เสียเหลือเกิน แต่อีกคน กลับถูกชมว่า ช่างมีนัยน์ตาอันแหลมคม จึงได้มองออกไปเบื้องหน้าแล้วเห็น ดวงดาว ที่ทอแสงสุกสกาวอยู่พราวแพรว
ก็การที่ต้องมาอยู่ในห้องคุมขัง ความทุกข์ความทรมานมันก็คงจะมากเกินคำบรรยายอยู่แล้ว แล้วจะมีใครหนอที่จะเห็น ดาว ในสภาวะเยี่ยงนี้ได้ ถ้ามีก็ย่อมที่จะเป็นผู้ที่มีความหวัง มีความคิดสร้างสรรค์ มีพลังในการคิดบวก แน่ๆ ซึ่งก็นับว่าเป็นบุคคลที่หาไม่ง่ายเลยทีเดียว ซึ่งอาจเปรียบได้กับ นักคิด นักวิทย์ นักปราชน์ โหราจารย์ ก็ว่า ซึ่งตรงนี้มันก็เป็นการตีความในแบบตรงไปตรงมาได้อย่างถูกต้องอย่างหนึ่ง อาจโดยการจินตนาการ หรือเพราะเคยมีประสบการณ์ในลักษณะนี้มาบ้าง
แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายๆคน ที่อาจจะเคยประสบกับความทุกข์ อย่างหาทางออกไม่ได้เสียที เรื่องนี้ยังไม่ทันจบ เรื่องใหม่ก็มาอีกแล้ว ประเดประดังกันเข้ามา ไม่ว่าจะ เรื่องเรียน เรื่องงาน เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย พ่อแม่ ลูก พี่น้อง หรือ เรื่องหมาๆแมวๆ ราวกับชีวิตจะมีแต่กลางคืนอันกล้ำกลืน...
แต่ทว่า แม้กลางคืนก็ใช่ว่าจะเหมือนกันซักคืน แล้วมันก็จะมีคืนใดคืนนึงซิน่า ที่คืนนั้นเป็นคืนจันทร์เพ็ญ และพระจันทร์นวลผ่องก็ค่อยๆเลื่อนพ้นออกมาจากทิวเมฆทึมอย่างช้าๆ แล้วก็ทำให้เราเริ่มจะเพ่งพินิจเห็นความงามที่รัตติกาลอำพรางไว้ และณ.เบื้องหน้านั้น โคลนตมที่เคยดูดำทมึน ที่เราไม่อยากแม้จะเหลียวมอง กลับสะท้อนให้เห็นดวงจันทร์ที่เจิดจรัสสุกสกาวยิ่งกว่าดาวดวงไหนๆ ราวกับว่ากำลังมีพระจันทร์แสนงามสองดวงกำลังอมยิ้มให้กับเรา ยังไงยังงั้น
แน่แล้ว ทุกข์คือธรรมชาติ ทุกข์คือการเปลี่ยนแปลง แปรปรวน และทุกข์นี่แหละที่จะทำให้เราสิ้นไปจากทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง อ่านแล้วคุ้นๆไหม ก็จะมีใครเสียอีกนอกจากท่านผู้นั้นที่ได้บอกสัจจะอันนี้แก่เรา
และใช่แล้วผู้ที่มนสิการโคลนตม ก็คือสมณโคตม (โคตะมะ) องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง โคตม แปลว่า ดวงสุริยาที่มีแสงแห่งพระปัญญาทอรัศมีสว่างไสวทั่วทั้งโลกหล้า ผู้เป็นสรณะอันสูงสุด สรณะอันเกษม ผู้ตรัสรู้ อริยสัจ4 อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปปาโท นั่นเอง...
เพิ่มกลอน: แม้นโคลนก็พราวพราย ดาวมีร้ายยามย้ายเรือน หมายความว่า อะไรๆก็ไม่แน่ไม่นอนหรอก สิ่งที่อาจจะธรรมดาสามัญที่สุด อาจดูไร้ค่าที่สุด แต่เราสามารถพบคุณค่าอันมหาศาลจากมันได้ก็ได้ และสิ่งที่ดูเหมือนจะเลิศเลอ ล้ำค่า ที่ให้ความสุขกับเราที่สุด บางครา ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ให้ร้ายหรือให้ทุกข์แก่เราก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกท่านจงมีกำลังใจ และไม่ประมาท ด้วยเทอญ
Create Date : 01 ธันวาคม 2565 |
| |
|
Last Update : 1 ธันวาคม 2565 22:05:06 น. |
| |
Counter : 198 Pageviews. |
| |
|
|