South America Trip I

28 April 2016

Fly from Sao Paulo to Lima to Cusco

หลังจบจากการประชุมของเราก็ถึงวาระตะลุยอเมริกาใต้ของกรุ๊ปเราแล้ว...เย้! เราบินจาก Sao Paulo ไป Lima แล้วต่อเครื่องมาCusco เลย ใช้สายการบิน TAM แล้วต่อด้วยLAN TAM ก็โอเคนะครับ ช่วงบินจาก Sao Paulo มา Limaเครื่องที่นั่งกว้างขวางดีมากแอร์โฮสเตสในเครื่องคนนึงพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก เธอเคยมาเมืองไทยด้วยพอเห็นหน้าตาหล่อเหลา...สวยงาม...อึมมม...หรือจริงแล้วคงออกแนวกะเหรี่ยงหลงทางในบราซิลเธอก็เลยถามว่ามาจากไหน พอรู้ว่ามาจากเมืองไทย เธอก็แสดงความดีใจแล้วเล่าให้ฟังว่าปีก่อนเธอมาเที่ยวเมืองไทยนะ เธอประทับใจมากแถมตอนจบบทสนทนาเธอพูดว่า "ขอบคุณค่ะ" ซะด้วยเวลามาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนี่...ได้ยินคนพูดภาษไทยได้ยินชาวต่างชาติกล่าวชื่นชมบ้านเมืองเกิดของเราแล้ว ขอบอกว่ามันตื้นนน...ตันใจ มันสุขใจจริงๆ...ขอบอก

ถึง Cusco ตอนบ่ายสองไกด์เคยมาเมืองไทยด้วย เค้าคุยว่าเค้าเดินทางมาหลายประเทษทั่วโลก.มีไม่กี่ประเทศที่เค้าชอบ...หนึ่งในนั้นคือ ประเทษไทย รวมถึงเค้าชอบอาหารไทยด้วย 555เราคุยกันนิดๆหน่อยๆเรื่องนู่นนี่นั่น ไกด์บอกว่าเค้าเป็นชาวเปรูโดยกำเนิด(Peruvian)พอผมถามเกี่ยวกับเรื่องอาหารประจำชาติของเปรูไกด์ก้อบอกว่าเค้าเป็นเชฟนะ...อึมมม...ความสามารถหลากหลายจริงๆผมสนใจอาหารอยู่หลายชนิด เช่น Cheviche, cuy, saltado หวังว่าคงมีโอกาสได้ลองเนอะ

มาถึงเช็คอินโรงแรมไกด์ก้อบอกว่าเราน่าจะต้องรีบหน่อยเพราะเข้าหน้าหนาวของที่นี่แล้วพระอาทิตย์จะตกเร็วมาก...ห้าโมงเย็นใกล้ๆหกโมงก็ตกละ...เดี๋ยวจะมีเวลาเที่ยวน้อยเป้าหมายวันนี้ก็จะเป็นใกล้ๆในเมือง ได้แก่ โบสถ์ Santa Domingo หรือวิหารพระอาทิตย์(Templeof the Sun), Cathedral ที่อยู่ติดกับจัตุรัสกลางเมือง(Plaza deArmas) แล้วก้อ...ออกไปไกลหน่อยคือ Sacsayhuaman

ก่อนไปเที่ยวก้อขอเล่าเรื่องสำคัญก่อน...คือ...อาการเจ็บป่วยเนื่องจากอยู่ที่สูงหรือภาษต่างด้าวเรียกว่า Altitude sickness

หรือมีภาษาพื้นเมืองเรียกว่า Sorocheเค้าว่ากันว่าอาการจะเริ่มจากที่สูงเกิน3000 เมตรขึ้นไป ซึ่งคูซโก้ก้อสูงกว่านั้นนิดหน่อย

อาการเกิดจากการที่อยู่ในที่สูงซึ่งจะทำให้มีออกซิเจนในอากาศต่ำถ้าพวกที่มาจากระดับน้ำทะเล คือที่ต่ำย้ายมาอยู่ที่สูงๆโดยทันทีก็จะเกิดอาการได้แก่ เหนื่อย เหมือนหายใจไม่พอ หนักขึ้นก้อจะมีอาการปวดศีรษะหลายคนบ่นว่าปวดหัวตุ้บๆ(Throbbing pain)เหมือนอาการปวดศีรษะไมเกรน คลื่นไส้เบื่ออาหาร อาการหนักๆนี่ถึงขั้นน้ำท่วมปอด(Pulmonary edema)ได้

การดูแลรักษา มีดังนี้...

1. เค้าให้ค่อยๆปรับตัว...เรียกว่า Acclimatizationส่วนใหญ่ก้อให้อยู่หลายๆวันจากที่ต่ำไปที่สูงอย่าขึ้นพรวดพราดทีเดียว

2. อย่าพยายามฝืนให้เคลื่อนไหวน้อยๆมีกิจกรรมน้อยๆ

3. ทานอาหารม่ายมาก เรียกว่าให้กิน lightmeal

4. หลีกเลี่ยง Alcohol

5. เคี้ยวใบชา Mate de Coca หรือกินน้ำชาที่ชงจากใบนี้บ้างว่ามีทำเป็นลูกอมด้วย

6. ขอออกซิเจนเค้าได้ส่วนใหญ่มีบริการฟรีโรงแรมที่พักถามแล้ว เค้าฟรีให้ 5 นาที

7. กิน Diamox แต่เค้าว่ามีside effect คือฉี่บ่อย(Diamox เป็นยาขับปัสสาวะอยู่แล้ว)บางคนบอกว่ามี Tingling ที่ปลายนิ้วด้วย

8. มียาตัวหนึ่งชื่อ Soroche pills หรือSorojchi pills เป็น Over the counter drug ลองค้นๆดูเค้าว่าเป็นAspirin ผสมกะ Caffeine หลายคนว่าเวิร์กดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้กินกันไว้

9. มีคนบอกว่ากิน Ibuprofen ก้อใช้ได้นะครับ

ก่อนออกจากโรงแรมเราดื่มชาที่ชงจากใบโคคา(Matede Coca)กันบ้างแล้วแต่พอเริ่มเดินเที่ยวผมก้อเริ่มมีอาการนิดหน่อยก็พยายามไม่เคลื่อนไหวตัวเองมากมายนัก แล้ววันนี้แดดร้อนมากอากาศเย็นหลังพระอาทิตย์ตก อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากอาจทำให้อาการหนักขึ้นด้วยมื้อค่ำวันแรกนี้ก็เลยออกอาการเบื่อๆอาหาร ไม่ค่อยอยากทานอะไร

ส่วนที่ไปเที่ยวมาก้อ...ได้แก่

1. เที่ยว Temple of Sun

มีอีกชื่อว่า โบสถ์ Santa Domingo

เสียค่าเข้านะครับ แต่รวมอยู่ในแพคเกจทัวร์อยู่แล้วไกด์เล่าให้ฟังว่าโบสถ์นี้สร้างขึ้นจากรากฐานสิ่งก่อสร้างโบราณของชาวอินคาที่ยังหลงเหลืออยู่(Incaruins) มีบางส่วนของ Inca ruins ที่ยังมีให้เห็นเค้าชี้ด้วยว่า...กำแพงของสิ่งก่อสร้างชาวอินคาจะทำให้ลาดเอียงเล็กน้อยคือเสาโครงสร้างหรือกำแพงของเราเนี่ยจะตั้งฉากตรงขึ้นไปแต่ของชาวอินคามันจะลาดเอียงเข้าด้านในซึ่ง...ไกด์เล่าว่าในโลกนี้มีวัฒนธรรมสิ่งก่อสร้างแบบนี้แค่ 3แห่ง หนึ่งคือชาวอินคา สองคือชาวอียิปต์ และสามคือชาวมายันในเม็กซิโกในอาตารมีส่วนตั้งแสดงภาพเขียน แต่น่าเสียดายที่เค้าไม่ให้ถ่ายภาพมีอยู่ภาพหนึ่งที่ไกด์ชี้ให้ดู เป็นภาพประวัติศาสตร์ของชาวอินคาในภาพเป็นกษัตริย์ชาวอินคาโดนฝรั่งชาวสเปนจับตัวไว้เรื่องราวที่ไกด์เล่าตอนนี้ตรงกับที่ได้อ่านมาในหนังสือนำเที่ยว(ผมอ่านอยู่สองสามเล่มครับได้แก่ Lonely Planet, Frommer's แล้วก้อ พวก The Rough guide อ้อ...ถ้าดูรูปเป็นหลักตัวหนังสือไม่มากก็พวกDK Eyewitness ครับ) ก็...ขออนุญาตออกตัวไว้ก่อนนะครับว่าบางทีอาจมีความผิดพลาดได้ ทั้บเป็นความผิดพลาดจากคนเล่าเรื่อง คือ ไกด์ และหรือจากตัวผมเองครับ ที่ชอบอ่านๆสถานที่ที่มาก็เพราะ...ช่วยทำให้เข้าใจและดื่มด่ำกับสถานที่และผู้คนได้มากขึ้นครับ

กลับมาเล่าเรื่องภาพเขียนต่อดีกว่าครับตอนปีค.ศ.1532 กษัตริย์ชาวอินคาชื่อ โดนสเปนชื่อ FranciscoPizzaro จับตัวไว้แล้วให้พาไป Cusco ซึ่งขณะนั้นถือว่าเป็นศูนย์กลางการปกครองหรือเรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงของชาวอินคาเลยFrancisco Pizzaro เดินทางมาถึงในปีค.ศ.1533 (คือเมืองที่จับตัวกษัตริย์ได้เป็นเมืองอื่นนะครับไม่ใช่ที่Cusco) พอเดินทางมาถึงชาวสเปนทำไง...ก้อยึดเมืองเลยซิครับแต่เค้าฉลาดตั้งกษัตริย์หุ่นเชิดขึ้นมา ตั้งแต่นี้ก็เริ่มยุคสเปนครองเมืองละครับ

2. เที่ยวรอบๆ Plaza de Armas = Armour ใช้ในการดูแลอาวุธเข้าไปเที่ยว Cathedral ด้วย มีที่น่าสนใจคือ Lord ofEarthquake ตำนานเล่าว่า...แล้วก้อองค์หุ้มหนังลามะเค้าออกเสียงเป็นยามะ โดนควันเทียนจนดำ อ้อ...หน้าพระเยซูม่ายเหมือนที่อื่นด้วยเรื่องทำไมถึงดำนี่...หนังสือเขียนตรงกัน แต่ไม่มีที่ไหนเขียนว่าเอาหนังลามะมาหุ้มนะครับ

มีองค์ Virgin Mary ที่ตั้งท้องด้วย...หุหุ

อ้อ...แล้วก้อมี The Last Supperversion Cuzconean ด้วย...แบบว่าพระเยซูรับประทาน Chicha กะ Cuyไกด์เล่าว่ารูปภาพในนี้เป็นฝีมือช่างชาวคูซโก้ที่...อ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ลแต่ไม่เคยเห็นภาพของจริง...ก้อต้องจิ้นเอานะ...แบบว่า...คนแถวนี้เค้ากินกุย(Cuy)กันนี่นา

แล้วก้อไปดู เซ็กซี่วูแมน Sacsayhwaman ตอนไปอาการกำเริบนิดหน่อยดูกำแพงซิกแซกที่...เค้าว่าเป็นสถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนาจึงทำเป็นรูปสายฟ้า Lighteninhbolts แต่ในหนังสือบอกว่าเป็นป้อมปราการ Citadelมากกว่านะ

แล้วก้อมาที่ Qonqey ดูโต๊ะผ่าตัดทำมัมมี่ก้อ...ค่ำละ

ไปกินร้านใกล้ๆ อยากลองอาหารเปรูที่กะลังฮิตนะ

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2560		2 comments
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2560 0:31:27 น.
Counter : 4435 Pageviews.
Share Tweet