|
เคลื่อนทัพสงครามไขมัน วันที่ 53 (FAT WAR # 6) บทเรียนที่ 11 ไม่เป็นไร ?.........
วันพฤหัสที่ 3 มี.ค. 54
--------------------------------------------------------------------------- บทเรียนที่ 11 ไม่เป็นไร ? ............
งงกันหรือเปล่าคะ ที่เห็นหัวข้อ ไม่เป็นไร ? ____ ถ้างง ไม่เป็นไรค่ะ ลองอ่านข้อความต่อ ๆ ไปก็จะทำให้งงน้อยลง หรืออาจจะงงเพิ่มค่ะ
ไม่เป็นไร คำนี้พี่ปลาเชื่อว่า ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาก เราคงจะเคยได้ยินคนอื่นพูดกับเรา บ่อยครั้ง หรือแม้แต่ตัวเราเองเป็นคนพูดบอกคนอื่น อยู่เสมอ เวลาที่ต้องการจะให้กำลังใจ หรือปลุกปลอบใจคนที่เรารัก
เช่นเดียวกับที่เวลาที่เรามีความรู้สึก ผิดพลาด ผิดแผน หรือทำไม่ได้ตามเป้าหมาย เราก็มักจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ ซึ่งล้วนแล้วมาจาก คนที่เรารัก คนที่สนิทสนม เพื่อนรัก แฟน และคนอื่น ๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีจุดเป้าหมายเดียวกัน คือ ปลอบใจไม่ให้คิดท้อแท้ หรือสิ้นหวัง ขณะเดียวกัน ก็คาดหวังให้เราลุกขึ้นมาลองทำสิ่งนั้น ๆ ใหม่อีกครั้ง
ถ้อยคำที่มักใช้ต่อท้าย คำว่าไม่เป็นไร เป็นเครื่องบ่งบอก และชี้ชัดถึงความรู้สึกของผู้พูด รวมทั้งความคิดของผู้พูดที่บอกกล่าวเพื่อชี้นำให้ผู้ฟังรู้สึกคล้อยตาม อารมณ์นั้น ๆ ได้ดี เช่น
ไม่เป็นไร อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด คำพูดนี้มักจะได้รับหรือใช้ เมื่อมีสิ่งที่เราไม่คาดคิดหรือคาดหวังเกิดขึ้น และเป็นเรื่องที่ทำให้เราสูญเสียและผิดหวัง ผู้พูดหวังปลอบใจผู้ฟังให้ คิดปลงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เป็นไปตามกรรมลิขิตนั่นเอง ซึ่งเมื่อได้รับฟังแล้ว เรามักรู้สึกดีขึ้นและคล้อยตามว่า เออ จริงสินะ เราไม่ได้คิดว่าสิ่งเหล่านี้มันจะเกิด ขึ้น เราไม่ได้ต้องการให้เกิด แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ต้องเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่ควรเสียใจ หรือโศกเศร้าไปมากกว่านี้ และผู้ฟังก็อาจมีแนวคิดเพิ่มเติมขึ้นมาว่า เมื่อเกิดแล้วก็ต้องแก้ไขกันไป หรือไม่ก็ปล่อยเลยตามเลยไปค่ะ (ความคิดหลังจากได้รับคำปลอบโยนเช่นนี้ ก็หลากหลาย ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจ และความแข็งแรงทางอารมณ์ของแต่ละคนค่ะ)
ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยเริ่มใหม่ก็ได้ ใช้เมื่อได้ทำสิ่งใดที่วางแผนเอาไว้แล้วไม่สามารถทำได้ เราเองก็มักจะใช้คำนี้ ปลอบใจตัวเองในลำดับแรกเสมอ เป็นคำยอดฮิตติดหัวใจกันเลยทีเดียว (พี่ปลาเองใช้บอกกับตัวเองบ่อยมาก เพราะต้องเริ่มอะไรใหม่บ่อย ๆ เหมือนกัน เนื่องจากพี่ปลาน่ะเป็นนักทดลองค่ะ)
แต่ในความคิดของพี่ปลาเอง คำปลอบใจตัวเองคำนี้ บ่งบอกถึงสภาพจิตใจที่ไม่หนักแน่น ไร้ความแข็งแรงมั่นคงของตัวเองค่ะ เพราะเราไม่ตั้งใจ มุ่งมั่นจริง จังตามแผนที่วางไว้ไงคะ จึงมักต้องใช้คำพูดปลอบใจตัวเองอย่างนีเสมอ ตัวอย่าง ง่าย ๆ ที่น้อง ๆ คงเคยทำก็คือ เรื่องการวางแผนการกินอาหาร หรือแผนการควบคุมอาหาร ซึ่ง นักลดน้ำหนักทุกคนต้องเคยใช้คำพูดนี้บอกตัวเองแน่ ๆ เมื่อมีแผนการกินอาหารอีกอย่าง แต่มีอันต้องกินอีกอย่าง ซึ่งเป็นอาหารที่เราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ พอกินไปแล้วก็จะมีความรู้สึกจิตตก นั่งเสียอกเสียใจ ว่าไม่น่ากินเลย อุตส่าห์เริ่มมาได้ดีตั้งหลายวัน มาพังเพราะวันเดียวแท้ ๆ เลยต้องเริ่มใหม่อีก (ตอนนี้พี่ปลาก็กำลังเป็นอยู่ อิอิ รู้สึกเศร้าค่ะ เมื่อเช้าเพิ่งบอกตัวเองด้วยคำพูดนี้ค่ะ ก็เลยเป็นที่มาของ บทความนี้นั่นเอง)
และเช่นกัน แม้แต่ในห้องเรียนลดน้ำหนักของเรา เป็นหน้าที่ของพี่ปลาที่จะต้องบอกลูกศิษย์ลูกหาเวลา รู้สึกจิตตกเมื่อไม่สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้ เสมอ
ความรู้สึกเมื่อใช้คำพูดนี้กับคนอื่นก็คือ อยากให้ผู้ฟัง รู้สึกผิดน้อยลง และคิดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง (เหมือนกับรู้สึกกับตัวเองเมื่อเช้าเป๊ะเลย) ความรู้สึกเมื่อได้รับฟังคำนี้จากคนอื่น ก็คือ เลิกคิดคร่ำครวญเสียใจในสิ่งที่เราได้ทำลงไปแล้วและไม่สามารถแก้ไขได้ และรู้สึกอยากจะเริ่มใหม่อีกครั้ง เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดหรือความรู้สึกผิดนั้นให้จงได้ รวมทั้งรู้สึกขอบคุณคนที่บอกกับเราเช่นนั้น ทำให้รู้สึกว่า เราไม่ผิด เพราะเราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เรายังไม่แพ้
ไม่เป็นไร กินไปก่อนพรุ้งนี้ค่อยลด อิอิ มาอีกแล้วคำพูดนี้ คุ้น ๆ ใช่ไหมล่ะ ก็แหม เราใช้คำพูดนี้มากันบ่อยมาก จนน้ำหนักค่อย ๆ เพิ่มพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง จากไม่อ้วน มาเป็นอวบ อวบระยะสุดท้าย อ้วน อ้วนมาก อ้วนที่สุด อ๊วนอ้วน จนมาถึงโค-ตะ-ระ- อ้วน แล้วจึงค่อย ๆ พยายามตัดใจเริ่มคิดลดน้ำหนักกันไงคะ (เป็นมาก่อน เข้าใจได้ซึ้งค่ะ)
พี่ปลาใช้คำนี้มาเป็นเวลาหลายปีค่ะ คำว่าพรุ้งนี้ค่อยลดน่ะ จนน้ำหนักเริ่มขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ และไม่มีทีท่าจะลดได้ ถ้าไม่ทำการประกาศสงครามแบบที่ผ่านมา หันกลับมาดูคำพูดนี้ รู้สึกได้ถึง ความอ่อนแอของสภาพจิตใจอย่างมาก (เรียกว่า อ่อนแอชนิดที่ไม่สามารถจัดการอะไรกับตัวเองได้เลย แม้แต่การวางแผนในแต่ละวันของตัวเอง) เป็นคนที่เข้าข่ายที่ เรียกว่าผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่มีจุดยืนของตัวเองเลย สามารถทำนายอนาคตได้เลยว่า คนที่ใช้คำพูดแบบนี้กับตัวเองบ่อย ๆ จะไม่มีวันทำอะไรได้สำเร็จเลย เพราะว่าไม่เริ่มลงมือทำเสียทีไงคะ เมื่อไม่ลงมือทำ แล้วจะทำได้สำเร็จตอนไหน ยังไง
คนแบบนี้ก็จะใช้ คำนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คือ พรุ้งนี้ค่อยลด พรุ้งนี้จะออกกำลังกาย พรุ้งนี้จะกินผักผลไม้ พรุ้งนี้จะไม่กินแป้งไม่กินของทอด และพรุ้งนี้อีกหลาย ๆ เรื่อง
ตัวพี่ปลาเอง ตอนเป็นคนพันธ์พรุ้งนี้ ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไม่มีแก่นสารอะไรเลย ทำงานแบบไม่มีชีวิตชีวา (คนอ้วนมาก ๆ น่ะขี้เกียจค่ะ ไม่อยากขยับเขยื้อนตัวไปไหน เหนื่อย อยากนอน ไม่อยากแม้แต่จะคิดอะไรเลยค่ะ เบื่อ เซ็ง) ขอบอกว่าตอนนี้ใครมีอาการเข้าข่ายแบบนี้ แสดงว่าเป็นคนอ้วนค่ะ
เหตุผลที่พอจะให้คำอธิบายได้ว่าทำไมเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า ร่างกายเราต้องทำงานอย่างหนักในการกำจัดสารพิษ (ที่สะสมมากมายในชั้นไขมัน) ระบบต่าง ๆ ต้องทำงานหนักทุกระบบไม่ว่าจะเป็น หัวใจ ตับ ไต ม้าม ลำไส้ กระเพรา ฯลฯ เพราะว่าคนอ้วนมักจะต้องกินมาก ๆ แถมกินอะไรที่เป็นขยะเป็นพิษต่อร่างกายเสียด้วยค่ะ เมื่อกินมาก กระเพาะทำงานหนัก ต้องย่อยอะไรที่เป็นเหมือนขยะ (ที่เรียกว่าขยะก็เพราะว่า มันไม่มีประโยชน์เลยนะซีคะ แปลกนะ แต่คนเราก็รักที่จะกินแค่ขยะเข้าไป เพื่อเพิ่มการทำงานของร่างกายตลอดเวลา) ให้ร่างกายที่ทำงานไม่เคยพัก ต้องมาทำการเผาขยะ อิอิ บางครั้งร่างกายเหนื่อยมากไม่ไหว เค้าก็ประท้วงไม่อยากทำงาน นั่นคือ ป่วยไงล่ะ
อาหารขยะต้องใช้เวลาในการย่อยนาน เพราะประกอบด้วย แป้งขาว น้ำตาล ไขมัน เกลือ เป็นส่วนใหญ่ ลองนึกดูค่ะ นอกจากจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการกินสิ่งเหล่านี้(ยกเว้น อารมณ์ที่เป็นสุขจากความพึงพอใจที่ได้เสพอาหารขยะ) ก็ยังเป็นการบังคับให้ร่างกายทำงานหนัก ตั้งแต่เผาผลาญ เผาผลาญเสร็จเป็นพลังงานที่มากมายมหาศาลแต่ก็ไม่ได้ใช้พลังงานเหล่านั้น แบบว่ากินเสร็จก็อยากนอน เพราะร่างกายใช้พลังงานเผาผลาญอาหารจำนวนมากไปก็ทำให้เหนื่อยอยากพัก พอพักก็พักยาว ไม่อยากไปไหน พลังงานที่เหลือก็สะสมเพิ่มตามชั้นไขมัน ที่มีมากมายอยู่ตามร่างกายอ้วน ๆ ของเรา
ครั้นเมื่อผ่านกระบวนการเผาผลาญไปแล้ว ก็มีสารพิษมากมายเกิดขึ้นจากตอนที่เผาผลาญ ก็ต้องเป็นที่ของตับและไตที่จำกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ที่เป็นทาง ปัสสะวะ ทางเหงื่อ แล้วยังไงล่ะ คนอ้วนส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบดื่มน้ำอีก กินอาหารมัน ๆ หวาน ๆ มากแต่ไม่ดื่มน้ำมาก ๆ ตอนเผาผลาญก็ยาก พอเผาเสร็จจะขับออกก็ยากอีก (ผู้หญิงบางคนเลี่ยงไม่ดื่มน้ำ เพราะขี้เกียจเข้าห้องน้ำ บางคนอั้นจน กรวยไตอักเสบ เสียเงินรักษาแต่บอกได้เลยว่า หายแล้วไม่ดีดังเดิมค่ะ) เออ หนอ แล้วจะเก็บเอาของเสียไว้ในร่างกายนาน ๆ ทำไมไม่ทราบ เอาออกไปซีคะ ร่างกายจะได้สะอาด
นี่แค่ยกตัวอย่างเล็ก ๆ นะคะเพราะวันนี้ไม่ได้เขียนเรื่องนี้ เขียนเรื่อง คำพูที่ว่า ไม่เป็นไร ซึ่งเราสามารถต่อประโยคสร้อยได้อีกมากมาย หลายคำ ล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างและหลากหลายกันไป แต่คงสรุปในใจความสำคัญได้ก็คือ คนพูดไม่อยากให้คิดมาก และอยากให้กลับมาเริ่มใหม่ หรือคิดทำใหม่ เพื่อความสำเร็จของตัวเอง คนฟังก็คงรู้สึกดีขึ้น ผิดน้อยลง และอยากกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ที่ไม่ใช่ความหมายของการผลัดวันประกันพรุ้ง ไม่เป็นไรค่ะ เรามาลองเริ่มกันใหม่อีกครั้ง เป็นคำพูดของพี่ปลาในวันนี้ที่อยากจะมอบให้กับลูกศิษย์และคนที่ผ่านไปมาแวะเวียนมาเยี่ยม ยืนยันว่า จะยังคงยืนหยัดที่จะมอบคำพูดเหล่านี้ให้กับคนทุกคนที่ยังคงต้องการคำแนะนำ ต้องการกำลังใจ ในการเริ่มกระทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อตัวเองและคนที่เรารักค่ะ มาสู้กันต่อนะคะ พี่ปลาคอยช่วยเหลืออยู่ อย่าปฏิเสธความหวังดีเล็ก ๆ น้อย ๆ จากหญิงสูงวัยคนนี้เลยนะคะ
Create Date : 03 มีนาคม 2554 |
|
23 comments |
Last Update : 3 มีนาคม 2554 9:15:33 น. |
Counter : 454 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ญ. 3 มีนาคม 2554 9:19:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: pa_jeab 3 มีนาคม 2554 10:50:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: araya.m 3 มีนาคม 2554 12:06:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: เปิ้ล (Apple Poon ) 3 มีนาคม 2554 14:25:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญ. 3 มีนาคม 2554 15:21:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: เปิ้ล (Apple Poon ) 3 มีนาคม 2554 16:15:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: Ping IP: 202.183.176.65 3 มีนาคม 2554 17:54:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: Choco-latte IP: 192.168.0.20, 124.122.250.76 3 มีนาคม 2554 19:06:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: โบว์ (Niiziie ) 3 มีนาคม 2554 20:23:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: mttik 3 มีนาคม 2554 21:51:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญ. 4 มีนาคม 2554 9:25:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญ. 4 มีนาคม 2554 9:29:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่เป็นไรเฉพาะบางเรื่อง, บางครั้งพอได้ แต่เรื่องลดน้ำหนัก ไม่เป็นไร บ่อยๆ ไม่ดีค่ะ แต่ขอบคุณพี่ปลาที่ยังให้โอกาสกับทุกคนเสมอนะคะ รักพี่ปลาค่ะ
src=https://www.bloggang.com/emo/emo24.gif>