ชมนิทรรศการยิ่งใหญ่เหมือนจริง 118 ปีกรมชลประทาน
กรมชลประทานเชิญชวนเข้าชมนิทรรศการเสมือนจริง 118 ปี และร่วมสนุกตอบปัญหาชิ่งรางวัล โดยกำหนดการงานวันคล้ายวันสถาปนากรมชลประทาน ครบรอบปีที่ 118 จัดขึ้นวันที่ 12 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ณ กรมชลประทาน สามเสน โดยวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563 งานจะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ผู้เข้าร่วมงานผ่านจุดคัดกรองเพื่อตรวจวัดไข้ พร้อมกัน ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 99 ปี ม.ล.ชูชาติ กำภูที่จะมีพิธีเปิดนิทรรศการ RID Creativity & Innovation 2020 โดย ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน
รวมทั้งมอบนโยบาย พิธีประกาศเกียรติคุณบุคคล โครงการ และนวัตกรรมดีเด่น กรมชลประทาน การเสวนาวิชาการ “5 เรื่องชวนคิด หลังวิกฤต COVID-19 ของชาวชลประทาน” รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจตลอดสามวัน ทั้งนี้สามารถชมนิทรรศการเสมือนจริงได้ที่ https://exhibition.rid.go.th/118/
ฝนกระหน่ำ ! กรมชลฯเน้นเก็บกักก่อนทิ้งช่วง
แม้จะมีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ในระยะนี้ แต่ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย ประกอบกับต้องส่งน้ำตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูฝน เพื่อสนับสนุนการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ ย้ำเน้นกักเก็บน้ำฝนให้มากที่สุด หลังกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนช่วงมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ อาจะเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ VDO Conference ไปยังผู้แทนจากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสำนักงานชลประทานเครือข่าย SWOC ทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำจากพื้นที่ต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศในช่วงวันที่ 26 – 29 พฤษภาคม 2563 ว่า ประเทศไทยจะมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบัน(25 พ.ค. 63) มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันประมาณ 33,501 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 9,839 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีกกว่า 42,000 ล้าน ลบ.ม.
เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,124 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 1,428 ล้าน ลบ.ม.
ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูฝนทั้งประเทศ ปัจจุบัน (25 พ.ค. 63) มีการใช้น้ำไปแล้ว 2,153 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 18 ของแผนจัดสรรน้ำฯ เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำไปแล้ว 711 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 22 ของแผนจัดสรรน้ำฯที่วางไว้ ส่วนผลการเพาะปลูกข้าวนาปี ล่าสุด(ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 63) ทั้งประเทศมีการทำนาปีไปแล้ว ประมาณ 1.07 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 6 ของแผนฯ(แผนวางไว้ 16.79 ล้านไร่) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 0.67 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 8 ของแผนฯ(แผนวางไว้ 8.10 ล้านไร่)
แม้ว่าขณะนี้จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้วก็ตาม แต่เกษตรกรควรเพาะปลูกพืชเมื่อมีปริมาณน้ำในพื้นที่ของตนที่เพียงพอ หรือมีปริมาณฝนตกในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ และขอให้เก็บกักน้ำไว้ในพื้นที่ของตนด้วย เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 63 อาจมีฝนน้อยหรือเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงได้
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำต้นทุนยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย จำเป็นต้องอาศัยน้ำฝนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาที่ต้องระบายน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ และส่งน้ำให้การเกษตรสำหรับพืชต่อเนื่องบางส่วน จะมีเพียงทุ่งบางระกำที่ส่งน้ำให้ทำนาปีได้ เนื่องจากปรับปฏิทินการเพาะปลูกเร็วขึ้น เพื่อใช้พื้นที่ดังกล่าวรองรับน้ำหลาก การบริหารจัดการน้ำจึงต้องทำอย่างรัดกุม ควบคุมระบายน้ำให้อยู่ในแผนและสอดคล้องกับสถานการณ์ให้มากที่สุด รวมไปถึงการรับน้ำเข้า 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งด้านตะวันตกและตะวันออก จะรับน้ำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังคงต้องระบายน้ำลงมา เพื่อรักษาคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปกับลำเลียงน้ำจากแม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำท่าจีนมาช่วยเสริมอีกทางหนึ่งด้วย
สทนช. มั่นใจเกิดประโยชน์สูงสุดเดินเครื่องผันน้ำครบ 22 ลุ่มน้ำในปี 65
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สทนช.อยู่ระหว่างการดำเนินจัดทำผังน้ำและรายการประกอบผังน้ำ ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 103 เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ให้แล้วเสร็จภายในปี 2565 ก่อนที่จะประกาศเป็นกฎหมายต่อไป
ที่ผ่านมา สทนช. ได้จัดประชุมปฐมนิเทศและรับฟังความคิดเห็นโครงการจัดทำแผนหลักการจัดทำผังน้ำจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศเยอรมัน เกาหลีใต้ และเนเธอร์แลนด์ เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำผังน้ำของประเทศไทยที่ได้มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับ
“ขณะนี้ สทนช. อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำผังน้ำและรายการประกอบผังน้ำในระยะแรกจำนวน 8 ลุ่มน้ำ โดยเป็นผังน้ำกลุ่มลุ่มเจ้าพระยาใหญ่ตอนล่าง 4 ลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำท่าจีนและลุ่มน้ำอื่นอีก 4 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำบางปะกง ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล และลุ่มน้ำแม่กลอง ซึ่งจะดำเนินให้แล้วเสร็จภายในปีนี้” เลขาธิการ สทนช. กล่าว
หลังจากนั้นในปี 2564 สทนช.จะได้ดำเนินการศึกษาโครงการจัดทำผังน้ำและรายการประกอบผังน้ำเพิ่มเติม อีกจำนวน 6 ลุ่มน้ำ โดยเป็นผังน้ำกลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ตอนบน 4 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำวัง ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำอื่นอีก 2 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ผังน้ำลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน ส่วนในปี 2565 จะดำเนินการศึกษาโครงการจัดทำผังน้ำและรายการประกอบผังน้ำในลุ่มน้ำที่เหลือทั้งหมด ได้แก่ ลุ่มน้ำสาละวิน ลุ่มน้ำโขงเหนือ ลุ่มน้ำเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์ ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก และลุ่มน้ำโตนเลสาบ ซึ่งจะครอบคลุมครบทั้ง 22 ลุ่มน้ำทั่วทั้งประเทศ
ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยมีการจัดทำผังน้ำเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบครอบคลุมทั้งประเทศ ซึ่งการจัดทำผังน้ำนั้นจะกำหนดเส้นทางการไหลของน้ำทั้งในฤดูแล้งและฤดูน้ำหลาก ครอบคลุมแม่น้ำ ลำคลอง ห้วย หนอง บึง กุด ป่าบุ่ง ป่าทาม พื้นที่ชุ่มน้ำ แก้มลิง คันกั้นน้ำ ตลิ่ง ฯลฯ ทั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น
โดยจะมีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของเมือง ผังเมือง ผังระบายน้ำ การใช้ประโยชน์ที่ดินตามระเบียบกฎหมายอื่นเป็นสำคัญ ฉะนั้นในการจัดทำผังน้ำจะรวบรวมผังการระบายน้ำจากทุกหน่วยงาน เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน ผนวกกับวงรอบทิศทางไหลของน้ำและรูปแบบผังน้ำที่สอดรับกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง (Climate Change) เน้นเรื่องรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ผังน้ำและรายการประกอบผังน้ำที่สมบูรณ์และเป็นสากล รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนตามกฎหมายกำหนด เพื่อก่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศให้มากที่สุด
การจัดทำผังน้ำยังเป็นการสนับสนุนแผนป้องกันแก้ไขสภาวะภัยแล้งและอุทกภัย สามารถบ่งชี้พื้นที่เก็บน้ำเมื่อคราวน้ำน้อยอย่างชัดเจน หรือเมื่อน้ำหลากควรจะระบายน้ำออกทางใด เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ ช่วยรักษาคุณภาพน้ำ เพราะจะไม่เกิดการรุกล้ำทางน้ำ ผังน้ำช่วยตอบคำถาม ช่วยตัดสินใจในการสร้างที่อยู่อาศัย โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม ว่าอยู่ในพื้นที่น้ำหลากหรือไม่ หรือตั้งอยู่ในพื้นที่กีดขวางทางระบายหรือไม่
รวมถึงควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินในขอบเขตพื้นที่ตามระบบทางน้ำที่ได้กำหนดแนวเขตไว้ โดยผังน้ำจะกำหนดขอบเขตชัดเจนว่า บริเวณใดเป็นพื้นที่สงวนไว้ให้ทางน้ำโดยเฉพาะ โดยไม่มีสิ่งกีดขวางตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ หากมีการรุกล้ำทางน้ำที่ประกาศขอบเขตแล้ว ผู้บุกรุกมีโทษทั้งจำทั้งปรับ