All Blog
ทำความเข้าใจ ! ชป.นำเกษตรกรติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนภูมิพล
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้จัดโครงการศึกษาดูงานสร้างความเข้าใจระหว่างเกษตรกรและชลประทาน โดยการนำผู้แทนกลุ่มเกษตรกรในเขตจังหวัดอ่างทอง ชัยนาท และสิงห์บุรี


 



 
เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานอ่างทอง  และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช  พร้อมด้วยประธานสภาเกษตรกรจังหวัดอ่างทอง รวมกว่า 40 คน เดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท และเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก



 



 
การเดินทางไปศึกษาดูงานในครั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างเกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทานและชลประทาน โดยคณะผู้แทนกลุ่มเกษตรกร ได้เข้าร่วมรับฟังบรรยายสรุปแนวทางในการบริหารจัดการน้ำและศึกษาดูงาน ณ เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท



 



 
จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังเขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล ภายหลังจากการดูงาน ผู้แทนกลุ่มเกษตรกรได้กล่าวขอบคุณกรมชลประทาน ที่ได้นำกลุ่มเกษตรกรจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาเดินทางไปติดตามสภาพน้ำและปริมาณน้ำที่เหลือของเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ซึ่งจะได้นำไปประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรในพื้นที่ของตนได้รับทราบข้อเท็จจริงต่อไป


 



 


 

 



Create Date : 24 กรกฎาคม 2563
Last Update : 24 กรกฎาคม 2563 17:05:05 น.
Counter : 628 Pageviews.

0 comment
กนช.ไฟเขียวโครงการด้านน้ำกว่า 27,000 โครงการ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการทั้ง 7 คณะภายใต้ กนช. ซึ่งบูรณาการหน่วยงานขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ภายใต้แผนแม่บทน้ำฯ 20 ปี (ปี 2561 – 2580) ติดตามสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและเตรียมการรองรับฤดูฝน ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานผลการติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ น้ำที่ผ่านมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบด้วย


 



 
สำหรับประเด็นสำคัญ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำปี 2564 ตามร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ปี พ.ศ. 2564 โดยแยกตามมิติงบประมาณ 3 ด้าน คือ ภารกิจพื้นฐาน (Function) ภารกิจยุทธศาสตร์ นโยบายเร่งด่วน แนวทางปฏิรูปภาครัฐ งบประมาณบูรณาการ (Agenda) และภารกิจพื้นที่ ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด (Area) ดำเนินการโดย 30 หน่วยงาน 10 กระทรวง มีโครงการด้านน้ำทั้งประเทศรวม 27,275 โครงการ

แนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 เพื่อให้หน่วยงานนำไปปฏิบัติในการจัดทำแผนงานและจัดทำคำของบประมาณในแต่ละปีได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทน้ำฯ ทั้ง 6 ด้านโดยเร็ว



 



 
รวมทั้งให้ความเห็นชอบแผนงานโครงการจัดหาน้ำต้นทุนและแผนปฏิบัติการ ปี 2563 - 2566 จังหวัดภูเก็ต โดยแผนระยะสั้นดำเนินการใน 3 โครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ที่เกิดเป็นประจำทุกปีอย่างเร่งด่วน ได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ โครงการบำบัดน้ำเสียมาผลิตน้ำประปา และโครงการระบบสูบผันน้ำ บ้านโคกโตนด – อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ

พร้อมเห็นชอบในหลักการแผนบูรณาการอุตุนิยมวิทยาเขตร้อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพยากรณ์อากาศและภูมิอากาศ ซึ่งจะส่งผลทำให้การพยากรณ์อากาศมีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยในระยะสั้นมีความแม่นยำมากกว่า 90% ระยะปานกลางมากกว่า 80% และระยะนานมากกว่า 70% รวมทั้งยังให้ความเห็นชอบการจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำทั้งระบบด้วย



 



 
ที่ประชุมยังให้ความเห็นชอบทบทวนเป้าหมายขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ซึ่งดำเนินการได้ภายในปี 2566 รวม 557 โครงการ ทั้งนี้ มอบหมายให้หน่วยงานนำโครงการที่มีความจำเป็นเป็นกรอบในการจัดทำแผนงานโครงการเข้าสู่กระบวนการขอรับงบประมาณต่อไป

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้มีการปรับปรุงเร่งรัดแผนงานก่อสร้าง 14 โครงการสำคัญ ภายใต้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการจัดการทรัพยากรน้ำรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ปี 2563 - 2580) อาทิ โครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล แผนเริ่มก่อสร้าง ปี 2565-2566 โครงการพัฒนากลุ่มบ่อน้ำบาดาลสำหรับอุตสาหกรรม แผนเริ่ม ปี 2564-2565



 



 
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เครือข่ายผันน้ำ และการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำเดิม เป็นต้น โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา EEC ที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

การพัฒนาแหล่งน้ำและแก้ไขปัญหาด้านน้ำเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ดังนั้น ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันขับเคลื่อนให้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเกิดเป็นรูปธรรม โครงการใดเมื่อได้รับงบประมาณไปแล้ว ต้องเร่งดำเนินการและติดตามให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ได้ หากโครงการใดติดปัญหาต้องเร่งหาสาเหตุ



 



 
พร้อมร่วมกันหาแนวทางขับเคลื่อนให้ได้โดยเร็วเพื่อประโยชน์กับประชาชน รวมถึงให้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ในฤดูฝนนี้ ช่วง ส.ค. - ก.ย. หากเกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ต้องเร่งแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพยสินของประชาชน
 
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาแหล่งน้ำของประเทศเกิดความครอบคลุมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น รวมถึงลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานเชิงพื้นที่ช่วงรอยต่อในการออกฏหมายลูกภายใต้ พรบ.น้ำฯ


 



 
ที่ประชุมจึงได้ให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพิ่มเติมอีก 3 คณะ ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการจัดทำร่างข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อกำหนดขอบเขต บทบาท ภารกิจ หน้าที่และอำนาจของหน่วยงานด้านการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศ 2.คณะอนุกรรมการกำหนดรูปแบบและแนวทางการใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นพื้นที่รับน้ำนอง และ 3.คณะอนุกรรมการบริหารจัดการน้ำในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)




 




 



Create Date : 23 กรกฎาคม 2563
Last Update : 23 กรกฎาคม 2563 17:29:20 น.
Counter : 962 Pageviews.

1 comment
"กรมชลประทาน"รับฟังความคิดเห็น อ่างเก็บน้ำลำไตรมาศ
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน  นายก่อพงศ์ เจ้ยแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 15 พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่สำรวจสภาพพื้นที่โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นอ่างเก็บน้ำลำไตรมาศ จังหวัดพังงา บริเวณฝายคลองลำปลายมาศ และพื้นที่หัวงานโครงการอ่างเก็บน้ำลำไตรมาศ


 



 
โดยมี นางกันตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพังงา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล และประชาชนในพื้นที่ร่วมลงพื้นที่ พร้อมประชุมหารือ ชี้แจง และนำเสนอรายละเอียดความเป็นมาของโครงการ สภาพปัญหาของพื้นที่ รวมถึงแนวทางการศึกษาทบทวนความเหมาะสม และการมีส่วนรวมของทุกภาคส่วน ณ ห้องประชุมโครงการชลประทานฝายลำปลายมาศ  ตำบลบางเหรียง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา


 



 
โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการศึกษาข้อมูลรายละเอียด แผนการดำเนินงาน และองค์ประกอบของโครงการอ่างเก็บน้ำลำไตรมาศ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการ เพื่อเสนอมาตรการป้องกันและแก้ไข


 



 
รวมถึงมาตรการติดตามตรวจสอบ และเสนอแผนการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม แผนติดตามการตรวจสอบ (EIMP : Environmental Impact Mitigation Plan) พร้อมทั้งดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) เสนอต่อหน่วยงานอนุญาต เพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตใช้พื้นที่ก่อสร้างตามขั้นตอนต่อไป



 



 
ผลจากการศึกษาพบว่า เมื่อโครงการอ่างเก็บน้ำลำไตรมาศ จังหวัดพังงา แล้วเสร็จ จะสามารถเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับโครงการฝายคลองลำไตรมาศ ซึ่งมีพื้นที่ชลประทาน 4,000 ไร่ และส่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และการเกษตรในท้องที่อำเภอทับปุด และพื้นที่ใกล้เคียง อีกประมาณ 5,800 ไร่ ราษฎรได้รับประโยชน์ ประมาณ 750 ครัวเรือน  สามารถบรรเทาปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยในพื้นที่โครงการ พร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยวและที่พักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่ให้กับราษฎรและนักท่องเที่ยวอีกด้วย





 



Create Date : 17 กรกฎาคม 2563
Last Update : 17 กรกฎาคม 2563 16:45:53 น.
Counter : 674 Pageviews.

0 comment
"ประวิตร"ดันโครงการแก้ปัญหาภูเก็ตขาดน้ำ- เร่งจัดการน้ำเสียทั่วประเทศ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและกล่าวว่า ได้ร่วมพิจารณาแผนงานโครงการภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ได้แก่ โครงการจัดหาน้ำต้นทุนและแผนปฏิบัติการ ปี 2563 – 2566 จังหวัดภูเก็ต


 



 
จากที่คาดการณ์ว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำของจังหวัดภูเก็ตจะสูงขึ้นจากปัจจุบัน 80 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี เป็น 112 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี ในปี 2575 เนื่องจากการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว และชุมชนเมือง ส่งผลให้แนวโน้มผู้ใช้น้ำสูงขึ้นประมาณร้อยละ 12 /ปี

รวมถึงมีการเพิ่มพื้นที่ให้บริการของการประปาส่วนภูมิภาคให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด ประกอบกับปัญหาภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง จึงต้องเร่งจัดหาน้ำต้นทุนเพิ่มให้ได้ไม่ต่ำกว่า 64 ล้านลูกบาศก์เมตร ( ลบ.ม. ดังนั้น เพื่อเป็นการดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างเร่งด่วน

มติที่ประชุมจึงเห็นชอบในหลักการแผนระยะสั้น 3 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ เพิ่มปริมาณน้ำในอ่างฯ ขึ้นเป็น 8.70 ล้าน ลบ.ม. หรือเพิ่มขึ้น 1.5 ล้าน ลบ.ม. 2) โครงการบำบัดน้ำเสียมาผลิตน้ำประปา เพิ่มปริมาณน้ำในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 0.584 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี



 



 
3) โครงการระบบสูบผันน้ำ บ้านโคกโตนด – อ่างฯ บางเหนียวดำ จะทำให้ปริมาณน้ำในอ่างฯ เพิ่มขึ้นอีก 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี และให้เสนอทั้ง 3 โครงการต่อที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ในวันที่ 22 ก.ค.นี้ พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการต่อไป

ส่วนแผนระยะสั้นที่เหลืออีก 1 โครงการ คือ โครงการพัฒนาระบบควบคุมบริหารจัดการน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ ที่ประชุมเห็นควรให้ จ.ภูเก็ต ทบทวนพิจารณาจัดตั้งเป็นศูนย์น้ำจังหวัดภูเก็ตให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนของจังหวัด และให้เร่งรัดการดำเนินงานแผนงานระยะกลางที่ได้เสนอผ่าน กนช. แล้ว

ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาพังงา – ภูเก็ต ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำใช้ผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้น 49 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี นั้น โดยเร็ว สำหรับแผนงานระยะกลาง และระยะยาว มอบหมายให้ สทนช. และจังหวัดภูเก็ตร่วมกันศึกษาแผนหลัก และแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำให้ครอบคลุมตามแนวทางการพัฒนาแผนแม่บทกาบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้ง 6 ด้าน ต่อไป



 



 
พลเอก ประวิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือปัญหาการจัดการน้ำเสีย โดยที่ประชุมได้เห็นชอบต่อแนวทางการดำเนินงานในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการจัดการคุณภาพน้ำ และอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ โดยกรมควบคุมมลพิษ และให้เสนอต่อ กนช. พิจารณา เพื่อให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทฯ น้ำ ด้านที่ 4 กลยุทธ์ที่ 1 การป้องกันและลดการเกิดน้ำเสียที่ต้นทาง

กลยุทธ์ที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัดและควบคุมการระบายน้ำเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมการจัดการน้ำเสียจากทุกแหล่งกำเนิด เพราะปัจจุบันมีแหล่งน้ำเพียง 3 แหล่งน้ำ หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ได้แก่ แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำพุมดวง และแม่น้ำตรัง เท่านั้น ที่ผ่านเกณฑ์ตามเป้าหมายที่กำหนด

ส่วนแหล่งน้ำหลัก 48 สาย ยังขาดกฎหมายที่จะควบคุมให้มีการรวบรวมน้ำเสียจากทุกกิจกรรมในอาคารบ้านเรือนไปทำการบำบัด รวมถึงไม่มีกฎหมายที่กำหนดให้มีการจัดการน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานประกอบการพิจารณาการอนุญาต/ต่ออายุใบอนุญาต และที่ประชุมยังได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการจัดการน้ำเสียชุมชน ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561–2580) ด้วย





 

 



Create Date : 17 กรกฎาคม 2563
Last Update : 17 กรกฎาคม 2563 16:07:58 น.
Counter : 860 Pageviews.

0 comment
"กรมชลฯ"เจ๋งโชว์ผลงานบางระกำโมเดลปี63 สำเร็จตามเป้า
"พล.อ.ประวิตร"ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานบางระกำโมเดลปี63 หลังเกษตรกรเพาะปลูกเต็มพื้นที่แล้ว265,000ไร่

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตามมาตรการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) โดยมี ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน



 



 
นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน(ด้านบำรุงรักษา) นายเกรียงไกร ภาคพิเศษ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 และผู้เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ ณ ท่อระบายน้ำคลองแยงมุม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก


 



 
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า  กรมชลประทาน ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำแบบประชาชนมีส่วนร่วม พื้นที่ทุ่งหน่วงน้ำ-บางระกำ หรือ “โครงการบางระกำโมเดล”  มาตั้งแต่ปี2560 จนถึงปัจจุบันประสบความสำเร็จต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว


 



 
เนื่องจากในปีที่ผ่านมา ประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และอ่างเก็บน้ำต่างๆ อยู่ในเกณฑ์น้อย ส่งผลกระทบต่อการจัดสรรน้ำเพื่อปลูกข้าวนาปี ทำให้ในปีนี้ จำเป็นต้องลดพื้นที่เป้าหมายในการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกลงจาก 382,000 ไร่ เหลือ 265,000 ไร่


 



 
เช่นเดียวกับเมื่อปี 2560 โดยจะจัดสรรน้ำประมาณ 310 ล้าน ลบ.ม. ให้เกษตรกรในพื้นที่โครงการฯใช้น้ำทำนาปี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 31 กรกฎาคม 2563  ปัจจุบัน(15 ก.ค. 63) เกษตรกรได้ทำการเพาะปลูกเต็มพื้นที่แล้ว(265,000 ไร่)


 



 
รวมปริมาณน้ำที่ส่งให้พื้นที่ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 63 จนถึงปัจจุบัน(9 ก.ค.63) 121.31 ล้าน ลบ.ม. น้อยกว่าแผนที่ตั้งไว้เนื่องจากมีปริมาณฝนตกในพื้นที่เพียงพอ เกษตรกรจึงใช้น้ำฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก โดยจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนสิงหาคม 2563


 



 
หลังจากนั้นจะใช้พื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่รับน้ำหลากจากลุ่มน้ำยมตอนบนในช่วงฤดูฝน ประมาณ 140,000ไร่ สามารถรับปริมาณน้ำได้ประมาณ 240 ล้าน ลบ.ม. เพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำยม จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก รวมไปถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างด้วย ลดความเสียหายต่อเศรษฐกิจโดยรวม 




 



Create Date : 15 กรกฎาคม 2563
Last Update : 15 กรกฎาคม 2563 15:53:27 น.
Counter : 900 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments