ทางเลือก
เรื่องของวิถีชีวิต หรือการดำเนินชีวิต
ทิศทางของชีวิตที่สัตว์โลกสามารถเลือกเดินได้
จะเลือกวนเดินวนอยู่ในกองทุกข์
แห่งการเวียนว่ายตายเกิดก็ได้
จะเลือกเดินในทางที่พาออกจากเวียนว่ายตายเกิดก็ได้
อันนี้จะเกิดเป็นทางเลือกขึ้นมา
ก็ต่อเมื่อได้พบกับพระพุทธศาสนา
ผู้ที่เป็นเหมือนกับเป็นป้ายบอกทาง
ถ้าเดินทางโดยไม่มีป้ายบอกทาง
เราก็จะไม่รู้ว่าทิศทางที่เราไปนี้ ไปทางไหน
ไปทางที่วนอยู่ในวงเวียน
หรือไปทางพาให้เราไปสู่จุดหมาย ปลายทาง
ที่เราปรารถนากันก็คือการสิ้นสุดของความทุกข์ทั้งหลาย
แต่ถ้าเรามาได้พบกับพระพุทธศาสนา
ก็เหมือนกับเราได้เดินทางบนถนน
ที่มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ว่าทางนี้ไปถึงไหน
ทางนี้ไปถึงไหน เราก็จะได้เลือกทางเดินได้
ภพนี้ชาตินี้เราโชคดี เราได้มาพบกับป้ายบอกทาง
ที่บอกให้เรารู้ถึงจุดหมายปลายทาง
ที่ถนนนี้จะพาเราไปกัน
พอมาถึงทางแยกเราก็จะได้เลือก
ได้ว่าเราจะเอาอะไร
เช่นทางแยกแรกก็ถามว่า
จะทำทานดีหรือเอาเงินไปเที่ยวดี
อันนี้ก็ถ้าอยากจะไปเวียนว่ายตายเกิดต่อ
ก็ไปเที่ยวกันต่อ
ถ้าอยากจะออกจากการเวียนว่ายตายเกิด
ก็ทำทานกันดีกว่า
เอาเงินที่จะไปเที่ยวนี้มาทำทานกัน
พอมาถึงแยกที่ ๒ ก็จะเจอว่า
จะทำบาปดีหรือไม่ทำบาปดี
จะรักษาศีล ๕ ดีหรือไม่รักษาศีล ๕ ดี
จะรักษาศีล ๘ ดีหรือไม่รักษาศีล ๘ ดี
อันนี้ก็จะเป็นการทดสอบจิตใจ ของผู้เดินทาง
ว่าจะเลือกเดินทางไหน
จะเลือกเดินทางของการเวียนว่ายตายเกิด
ก็ไม่ต้องรักษาศีลให้มันเสียเวลา ให้มันยุ่งยาก
อยากจะกินเหล้าก็กิน อยากจะเสพกามกับใครก็เสพ
อยากจะโกงก็โกง อยากจะโกหกหลอกลวง
ก็โกหกหลอกลวงไป อยากจะฆ่าใครก็ฆ่าไป
อันนี้ก็ทำแล้วก็เกิดความมันขึ้นมาในใจ
เกิดความสะใจขึ้นมา แต่ผลที่จะตามมานี้มันก็คือ
การกลับมาเวียนว่ายตายเกิดต่อ
แต่ถ้าไม่อยากจะกลับมาเวียนว่ายตายเกิด
อยากจะไปแล้วไม่กลับ ก็ต้องรักษาศีล ๕
แล้วก็ต่อด้วยศีล ๘ แล้วต่อด้วยศีล ๑๐ หรือศีล ๒๒๗
ไปตามลำดับ ออกบวชเลย แล้วจะได้รักษาศีลได้อย่างเต็มที่
แล้วก็มาถึงแยกต่อไป ก็ถามว่าจะไปทางไหน
จะไปทางของการมีสติหรือของการไม่มีสติ
ถ้าอยากจะไปทางที่ออกจาการเวียนว่ายตายเกิด
ก็ต้องมีสติอยู่ทุกเวลานาที ตั้งแต่ตื่นจนหลับ
เพื่อที่จะทำให้ใจนิ่งให้ใจสงบ ให้ใจมีความสุขได้
แล้วก็จะได้เกิดปัญญา จะได้เกิดการมีดวงตาเห็นธรรม
เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ก็จะสามารถเลือกได้ว่าจะเอาทุกข์กับสมุทัย
หรือจะเอามรรคกับนิโรธ ถ้าเอามรรคกับนิโรธ
ก็จะไม่มีความทุกข์ไม่มีสมุทัย มรรคก็คือปัญญา
คือการเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ใจอยากได้นี้
เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
มองเห็นว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็จะละตัณหาได้
ละตัณหาได้ความทุกข์ก็ดับไป นิโรธก็ปรากฏขึ้นมา
ก็คือความไม่มีความทุกข์นี่เอง
อันนี้แหละคือป้ายบอกทางของพระพุทธศาสนา
โชคดีที่มีพระพุทธเจ้าอุตส่าห์มาติดป้ายไว้ให้กับพวกเรา
ตามทางแยกต่างๆ เพื่อให้พวกเราได้รู้ว่า
มีทางเลือกว่าไปทางไหน ไปทางนี้แล้วจะได้อะไร
ไปทางนั้นแล้ว จะได้อะไร
ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนานี้ก็จะไม่มีป้ายบอกทางกัน
ก็จะหลงกันไปหลงกันมา ไปถูกบ้างไปผิดบ้าง
ถ้าเลือกทางถูกก็โชคดีไป ถ้าเลือกทางผิดก็โชคร้ายไป
นี่คือชีวิตของสัตว์โลก
ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนา มาติดป้ายบอกทางไว้
ก็มักจะชอบไปในทางที่พาไปสู่ความทุกข์
พาไปสู่การเวียนว่ายตายเกิด
เพราะว่าภายในใจของสัตว์โลกนี้ มีเต็มไปด้วย
ความโลภความโกรธความหลง
เต็มไปด้วยกามตัณหา ภวตัณหาและวิภวตัณหา
ที่จะคอยผลักดันให้ใจของสัตว์โลกนั้น
เลือกเดินในทางของการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง
ดังนั้นพวกเราโชคดีในภพนี้ชาติ
เราได้มาเจอพระพุทธศาสนา
ที่จะพาเราที่จะบอกเราให้ไปในทางที่จะให้เราได้
หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลาย
หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
อยู่ที่พวกเราว่าเราจะกล้าหาญพอ ที่จะเดินตามทาง
เดินตามป้ายที่พระพุทธเจ้าทรงปักไว้
ให้กับพวกเราหรือไม่
คือป้ายของการทำทาน ของการรักษาศีล
ของการภาวนานี้หรือไม่
หรือยังจะไปตามทางของกามตัณหา
ภวตัณหาและวิภวตัณหาอยู่
อย่างที่สมาชิกของเราวันนี้ได้เลือกทางไป
วันนี้เขาเลือกไปในทางของกามตัณหา ๑ วัน
ขอสละทางทาน ศีล ภาวนา ๑ วัน
อันนี้เพราะยังไม่มีปัญญา
ที่เห็นคุณค่าของการเลือกทางเดินของพระพุทธเจ้า
ยังถูกความหลงหลอกให้เห็นความสำคัญ
ในทางเดินของกามตัณหานี้อยู่นั่นเอง
อันนี้ไม่ได้ว่าบุคคลใด บุคคลหนึ่ง
เพียงแต่พูดยกตัวอย่างให้ฟัง ให้คนที่อาจจะคิดแบบนี้
จะได้เอะใจขึ้นมาบ้าง
ว่าเรากำลังไปในทางทิศทางไหนกันแน่
คนที่คิดจะแต่งงานควรจะคิดหนักหน่อยนะวันนี้.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..............................
กัณฑ์ที่ ๔๗๐ ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๗
งานแต่งงาน
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ