Group Blog
All Blog
### ต้องพยายามหมั่นสร้างสติให้เป็นนิสัย ###








“ต้องพยายามหมั่นสร้างสติให้เป็นนิสัย”

อย่าขี้เกียจในการสร้างสติ ต้องขยัน

ทำให้มันเป็นนิสัยไปเลย

 ถ้าเรามีสติอย่างต่อเนื่องมีระดับของสติ ที่ไม่หย่อนยาน

 เวลานั่งสมาธิมันจะสงบและนั่งได้นาน

 แต่ถ้าเราขี้เกียจพุทโธๆ ขี้เกียจสร้างสติ

เหมือนเติมน้ำมันรถนี้ ถ้าเราเติมน้ำมันรถอยู่เรื่อยๆ

 วันก็จะวิ่งไปได้ไกล ถ้าเราขี้เกียจเติมน้ำมัน

เดี๋ยวมันก็จะวิ่งไปไม่นาน น้ำมันก็หมดมันก็ไปไม่ถึงไหน

ดังนั้นต้องพยายามหมั่นสร้างสติให้เป็นนิสัย

ใช้พุทโธๆไปก็ได้ ใช้การเฝ้าดูร่างกายไปก็ได้

 ร่างกายทำอะไรก็ จดจ่ออยู่กับการกระทำของร่างกายไป

อย่าปล่อยให้ใจไปคิดเรื่องอื่น

ให้เฝ้าดูการทำงานของร่างกายไป ก็ถือว่ามีสติ

 คืออย่าปล่อยให้ใจคิด อย่าปล่อยให้ใจไปคิดอดีต

 คิดถึงอนาคต ให้ใจตั้งอยู่ในปัจจุบัน

 ใช้พุทโธดึงเข้ามาก็ได้

ใช้การเฝ้าดูการทำงานของร่างกายก็ได้

กำลังแปรงฟันก็ให้ดูที่แปรงฟันอย่างเดียว

 อย่าไปคิดเรื่องอื่น

กำลังล้างหน้าก็อยู่กับการล้างหน้าอย่างเดียว

 อย่างนี้เรียกว่าการสร้างสติ

แล้วพอเวลานั่งสมาธิ มันก็จะนิ่ง

อยู่กับลมมันก็จะอยู่กับลมมันก็จะไม่ไปไหน

อยู่กับพุทโธมันก็จะอยู่กับพุทโธแล้ว มันก็จะนิ่ง

จะนั่งได้นาน จะสงบ

ต้องพยายามสร้างสติ ต่อไปมันจะเป็นอัตโนมัติไป

ที่เรียกว่า “สติปัญญาอัตโนมัติ” พอเราสร้างบ่อยๆ

แล้วมันจะติดเป็นนิสัย แล้วมันจะเป็นส่วนหนึ่งของเราเลย

มันจะมีนิสัยส่วนหนึ่งคอยระมัดระวังคอยดูคอยอะไร

อยู่ในปัจจุบันตลอดเวลา จะไม่เผลอไปคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้

 พยายามสร้างไปเรื่อยๆ แล้วสติตัวนี้เราเอาติดตัวไปได้

 ไปเกิดชาติหน้าเราก็ทำต่อได้เลยไม่ต้องไปเริ่มต้นที่ศูนย์

คนบางคนมาเกิดชาตินี้นั่งสมาธิได้เลย

นั่ง ๕ นาที ก็สงบเลย

 เพราะชาติก่อนเขาสร้างสติไว้มาก

พอเขานั่งปั๊บก็สงบเลย

คุณแม่ชีแก้วนี้นั่ง ๕ นาทีก็สงบ

 เพราะฝึกสติมากในชาติก่อนๆ

การสร้างสตินี้เป็นของที่มีแต่คุณมีแต่ประโยชน์

ไม่มีโทษแล้วเป็นสมบัติ ที่เราเอาติดตัวไปได้

แล้วเป็นกุญแจดอกสำคัญ

ในการที่จะไปสู่พระนิพพาน

ถ้าไม่มีสติก็จะไม่มีสมาธิ

ไม่มีสมาธิก็จะเจริญปัญญาไม่ได้

 ไม่มีปัญญาก็ฆ่ากิเลสไม่ได้ ไปนิพพานไม่ได้

ดับทุกข์ไม่ได้ ทุกอย่างเกิดจากการมีสติก่อน

สตินี้เหมือนกุญแจรถยนต์นี้

ถ้าไม่มีกุญแจ รถยนต์ก็ไม่ไปไหนไม่ได้แล้วใช่ไหม

 ต้องมีกุญแจรถยนต์ เปิดประตูเข้าไป

สตาร์ทเครื่องแล้วก็สามารถขับไปไหนมาไหนได้

 สตินี้ก็เหมือนกัน ถ้ามีสติแล้วนั่งสมาธิก็สงบ

สงบก็มีความสุข ก็จะตัดกิเลสได้

ถ้าเห็นว่าการทำตามกิเลสเป็นทุกข์

ทำแล้วทุกข์ก็ทำไปทำไม

อยากให้ร่างกายไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตายมันทุกข์

อยากไปทำไม สู้อย่าไปอยากไม่ดีกว่าหรือ

ถ้ามีสมาธิมันก็หยุดความอยากได้

ถ้าไม่มีสมาธิถึงแม้จะรู้ว่าเป็นทุกข์ก็หยุดไม่ได้

 อย่างตอนนี้พวกเรารู้ว่า อยากไม่แก่ อยากไม่เจ็บ

 อยากไม่ตายเป็นทุกข์แต่หยุดมันได้หรือเปล่า

 ลองไปนั่งสมาธิดูซิ พอนั่งสมาธิพอจิตสงบแล้ว

รู้ว่าอยากแบบนี้เป็นโทษเป็นทุกข์ก็จะไม่อยาก

 เหมือนคนที่จะเลิกบุหรี่เลิกสุราก็แบบเดียวกัน

ถ้านั่งสมาธิได้ เลิกบุหรี่ได้ เลิกสุราได้

ถ้ารู้ว่าดื่มสุราแล้วเป็นทุกข์ดื่มไปทำไม

ดื่มแล้วก็เป็นโรคภัยไข้เจ็บ ต่อไปกระเพาะ ลำไส้ ตับ ไต

 คนที่ดื่มสุรานี้เสี่ยงต่อการเป็นโรคภัยไข้เจ็บ

หลายชนิดด้วยกัน

 แต่ที่ดื่มไปเพราะว่าไม่รู้ว่า มันเป็นโทษ

การรู้ว่ามันเป็นโทษก็เพราะมีปัญญา

แต่รู้แล้วหยุดไม่ได้ก็เพราะไม่มีสมาธิ

ก็ต้องนั่งสมาธิให้ได้

 ถ้านั่งสมาธิไม่ได้ก็แสดงว่าไม่มีสติ

 ก็ต้องสร้างสติขึ้นมาก่อน

 พอสร้างสติมาแล้วเวลามานั่งใจจะนิ่งใจจะสงบ

 พอสงบแล้วพอรู้ว่าดื่มสุราแล้วเป็นโทษก็เลิกดื่มได้

เลิกได้หมด ติดสุราติดยาเสพติดขนาดไหน

ถ้ามีสมาธิ มีปัญญาเลิกได้หมด ติดร่างกายก็เลิกได้

พวกเราก็ติดร่างกายกันเหมือนติดยาเสพติด

ร่างกายนี้ก็เป็นเหมือนยาเสพติดของพวกเราแล้ว

เสพกันทุกวัน แต่สักวันหนึ่งมันจะไม่มีให้เสพ

มันถึงเดือดร้อนกัน แต่ถ้าเรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา

เราจะเลิกได้ ไม่ต้องเสพร่างกาย

 เรามีความสุขในสมาธิเราเสพความสุขดีกว่า

เราเสพความสุขจากสมาธิดีกว่าไม่เป็นพิษเป็นภัย

 ไม่มีวันเสื่อมไม่มีวันหมดจะอยู่กับเราไปตลอด

 จะไปกับเรา ร่างกายนี้ตายไป

เราก็เอาความสงบนี้ไปกับเราได้

เราก็ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่

ไม่ต้องกลับมาแก่มาเจ็บมาตายใหม่

การเจริญสติจึงมีคุณมีประโยชน์มหาศาล

ขอให้พวกเราพยายามทำกันเถิด

มีคุณค่ามากกว่ามีทองคำ เป็นร้อยตันเป็นพันตัน

 สู้เอาสติตัวเดียวดีกว่า

 มีทองคำเป็นร้อยตันพันตันก็ดับความทุกข์ของเราไม่ได้

ดับการอยากดื่มสุราไม่ได้ ดับการอยากสูบบุหรี่ไม่ได้

แต่มีสติแล้วหยุดได้ มีสติหยุดแล้วใช้ปัญญาสอนใจว่า

 การทำตามความอยากต่างๆนี้เป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุข

 แล้วเราก็จะเลิกทุกอย่างได้หมด พยายามลองดู

 ง่ายจะตาย คำว่าพุทโธคำเดียวมันยากหรือ

เด็กมันยังพูดได้เลย หลวงปู่มั่นสอนชาวเขาให้พุทโธ

หลวงปู่มั่นท่านเดินจงกรมอยู่ในป่า ชาวเขาแอบมาดู

เอ..ท่านกำลังทำอะไร

 เห็นท่านเดินไป เดินมากลับไปกลับมา

 ก็เลยไปถามว่าหลวงปู่ทำอะไร

หลวงปู่บอกหาพุทโธอยู่โว้ย..พวกชาวเขาก็ถามว่า

 พวกผมช่วยได้ไหม หลวงปู่มั่นก็บอกว่า ได้...

ชาวเขาก็ถามว่า ทำอย่างไรล่ะ... หลวงปู่มั่นบอก...

ก็ท่องพุทโธๆไปซิ เขาก็เลยได้ฝึกสติไป ช่วยหลวงปู่

อันที่จริงหลวงปู่กลับช่วยเขา ครูบาอาจารย์ท่านมีอุบาย

 เหมือนเราสอนเด็กเราต้องมีอุบายสอน

 บางทีบังคับมันไม่ยอมทำ

แต่ถ้าหลอกมันว่าทำแล้วดีมันก็จะทำ

 หรือทำให้แม่ก็อยากจะทำ

อย่างลูกนี้ถ้าบอกว่า มาวัดมากับแม่นี้ก็จะมา

แต่ถ้าจะให้มาเองนี้มันไม่มาหรอก ใช่ไหม

 แม่ก็ใช้อุบายนี้หลอกให้ลูกมาวัด.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..........................

สนทนาธรรมบนเขา วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๙







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 21 มิถุนายน 2559
Last Update : 21 มิถุนายน 2559 10:20:58 น.
Counter : 768 Pageviews.

3 comments
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
tangkay Dharma Blog ดู Blog

ขอบคุณมากค่ะที่ให้ธรรมะดีๆ ให้ข้อคิดในการเจริญสติ จะพยายามทำตามค่ะ สาธุ อนุโมทามิค่ะ
โดย: Maeboon วันที่: 21 มิถุนายน 2559 เวลา:14:12:11 น.
  


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
The Kop Civil Movie Blog ดู Blog

Mitsubachi Food Blog ดู Blog
tangkay Dharma Blog ดู Blog
โดย: newyorknurse วันที่: 24 มิถุนายน 2559 เวลา:3:14:19 น.
  
เหมือนถอดประสบการณ์ออกมาเป็นคำพูดเลยค่ะ อนุโมทนาบุญและขอบคุณค่ะ ดีงาม

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Parenting Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
tangkay Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: ออมอำพัน วันที่: 25 มิถุนายน 2559 เวลา:8:53:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ