Group Blog
All Blog
### ไม่เป็นอะไรกับอะไร ###














เรื่องเล่าเช้าวันพระ:

 ไม่เป็นอะไรกับอะไร
หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ


หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ

อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต จังหวัดชัยภูมิ

ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองครั้งแรกเมื่ออายุ ๗๐ ปี

ก้อนเนื้อไม่เพียงบีบหลอดลมและทำให้คอบวม

 หากยังลามแพร่กระจายไปถึงขั้วปอด

ท่านต้องเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู

 และเมื่ออาการทุเลาแล้ว ก็ต้องรับการบำบัดด้วยเคมี

และการฉายแสง ตลอดเวลาหลายเดือนที่รักษาตัวนั้น

ท่านได้รับทุกขเวทนามาก

แต่ท่านแทบไม่แสดงอาการเจ็บปวดเลย

 แม้บางครั้งหายใจไม่สะดวก ท่านก็ไม่มีอาการกระสับกระส่าย

ท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังในเวลาต่อมาว่า

 “การปวดนี่มันก็ไม่ได้ลงโทษเรา ไม่เท่าไหร่หรอก

 แต่(ถ้า)เราเป็นผู้ปวด นี่มันลงโทษเรา

 ก็เห็นมันปวด ไปลงโทษอะไรมัน (ทำไม)”

ท่านยังเล่าอีกว่าตอนนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น

“มันแสนสบายหนอ เพราะมีคนทำให้ทุกอย่าง”

ท่านกล่าวเสริมอีกว่า “ตอนนั้นไม่ต้องทำอะไรหรอก

 เห็นไตรลักษณ์อย่างเดียวพอแล้ว มันโชว์ให้เราเอง”

แปดปีต่อมามะเร็งต่อมน้ำเหลืองกลับมาใหม่

ทีแรกก็อุดหลอดอาหาร ต่อมาก็อุดหลอดลม

 ท่านจึงต้องรับอาหารทางสายยางและหายใจทางท่อ

ไม่สามารถพูดได้ ต้องสื่อสารกับผู้อื่นด้วยการเขียนหรือใช้มือ

ความเจ็บป่วยครั้งนี้ก่อทุกขเวทนาให้แก่ท่านมาก

อีกทั้งยังทำให้ท่านอ่อนเพลียอย่างยิ่ง

ท่านตระหนักดีว่าคราวนี้เห็นจะไม่รอด

แต่ท่านก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนแต่อย่างใด

เพราะ “เวลานี้มีแต่ปล่อยวาง ไม่เป็นอะไรกับอะไร”

กายป่วย แต่ใจไม่ป่วยนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้

เมื่อกายป่วย ก็ต้องรักษาหรือบรรเทาด้วยยา

หลวงพ่อไม่อยู่ในวิสัยที่จะช่วยตัวเองได้ในเรื่องนี้

 จึงต้องพึ่งหมอ พยาบาล และลูกศิษย์

ส่วนจิตใจนั้น ท่านดูแลด้วยตนเองอย่างดี

จนไม่รู้สึกเจ็บป่วยไปกับกาย ท่านอธิบายว่า

 “ธาตุขันธ์ยังเป็นภาระต่อผู้อื่น ส่วนจิตใจ ไม่ต้องมีใครช่วย

 มีสติ มีจิตดูจิตเอง ไม่มีอะไรที่จะต้องไปเป็น เลยไม่ต้องเป็นอะไร”

หลังจากอาพาธได้ ๗ เดือน วาระสุดท้ายของท่านก็มาถึง

 อาการบวมของต่อมน้ำเหลืองได้ลุกลามขยายตัว

 ดันหลอดลมตอนล่างจนเกือบปิด

ทำให้ท่านหายใจลำบากมาก ไม่ว่าจะเยียวยาเพียงใด

 ก้อนเนื้อก็ไม่ยุบ ทำให้ท่านหายใจติดขัด

 แต่ท่านไม่มีอาการทุกข์ร้อน

มีช่วงหนึ่งท่านขอเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายอุจจาระ

 จากนั้นก็ล้างมือล้างหน้า แล้วขึ้นมาบนเตียงด้วยตนเอง

 ทั้ง ๆ ที่อาการน่าวิตกมาก

ไม่นานหลังจากนั้นการหายใจของท่านก็ติดขัดมากขึ้น

 ลูกศิษย์พยายามแก้ไขสถานการณ์แต่ไม่มีทีท่าว่าจะได้ผล

 ระหว่างนั้นหลวงพ่อซึ่งมีสติตลอด ได้ขอกระดาษและดินสอ

 เขียนข้อความว่า “พวกเรา ขอให้หลวงพ่อตาย”

เมื่อยื่นแผ่นกระดาษให้เสร็จท่านก็ประนมมือไหว้

เพื่อขอบคุณลูกศิษย์ที่ดูแลท่าน

 และเป็นการอำลาไปพร้อม ๆ กัน จากนั้นท่านก็นอนนิ่ง

 สักพักก็หลับตา ครู่ใหญ่ลมหายใจของหลวงพ่อก็ขาดหายไป

 แล้วสัญญาณชีพทั้งหมดของหลวงพ่อก็หมดสิ้น

หลวงพ่อคำเขียนจากไปอย่างสงบ

ไม่แสดงความทุกข์ใด ๆ ให้เห็นในวาระสุดท้ายของท่าน

ทั้ง ๆ ที่กายนั้นถูกทุกขเวทนาบีบคั้นอย่างแรง

 ท่านทำเช่นนี้ได้ไม่ใช่เพราะท่านเพิ่งเตรียมตัวเตรียมใจ

เมื่อรู้ว่าความตายจะมาถึง

ที่จริงท่านไม่ได้เตรียมใจใด ๆ เลยก็ว่าได้

มีแต่เตรียมตัวด้วยการชำระกายให้สะอาด

สำหรับวาระสุดท้ายเท่านั้น

ทั้งนี้เพราะท่านได้ฝึกฝนบ่มเพาะจิตใจ

ด้วยวิปัสสนากรรมฐานมานานแล้ว

จนเห็นความจริงของรูปและนามหรือกายกับใจ

อย่างแจ่มแจ้งว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตน

 จึงรู้ว่าไม่มีอะไรที่ยึดติดถือมั่นได้เลย

เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ก็สักว่าเห็น สักว่ารู้เฉย ๆ

ไม่สำคัญมั่นหมายในสิ่งนั้นว่าเป็น “ตัวกู ของกู”

กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ปรุงแต่ง “ตัวกู”

ขึ้นมาเป็นนั่นเป็นนี่เมื่อมีอะไรมากระทบ

เมื่อมีความปวดเกิดขึ้นกับท่าน ก็เพียงแค่เห็น

 แต่ไม่เข้าไปเป็นผู้ปวด จิตจึงเป็นปกติ อิสระ และสงบเย็น

 ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาที่ป่วย ท่านจึงเขียนเล่าอย่างมั่นใจว่า

 “เวลานี้อยู่กับความไม่เป็นอะไรกับอะไร”

ตายอย่างสงบนั้นเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เพราะโชค

 ความบังเอิญ หรือเทคโนโลยี หากเกิดจากการฝึกฝนตน

มิใช่ด้วยทานและศีล หรือการทำความดีเท่านั้น

ที่สำคัญอันเป็นหลักประกันอย่างแท้จริง ก็คือการภาวนา

หรืออบรมจิตจนเห็นความจริงของกายและใจอย่างแจ่มแจ้ง

 กระทั่งปล่อยวางทุกสิ่ง แม้กระทั่งความยึดถือในตัวตน

 ถึงตอนนั้นเมื่อความตายมาถึง ก็ไม่มีผู้ตายอีกต่อไป

 มีแต่สังขารที่เสื่อมสลายและคืนสู่ธรรมชาติ


เขียนเล่าเรื่อง พระไพศาล วิสาโล


..............................





ขอบคุณที่มา fb. วัดป่าสุคะโตธรรมชาติที่พักใจ
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 07 มีนาคม 2559
Last Update : 7 มีนาคม 2559 10:53:24 น.
Counter : 692 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ