Group Blog
All Blog
### คิดแบบสร้างสรรค์ คิดด้วยปัญญาเพื่อดับความฟุ้งซ่าน ###








“คิดแบบสร้างสรรค์ คิดด้วยปัญญา

เพื่อดับความฟุ้งซ่าน”

ถาม : เรื่องนิวรณ์ ๕ ถึงตอนที่ง่วงเหงาหาวนอน

แล้วมีข้ออื่นอีกไหมคะ

พระอาจาร์ : อีก ๒ ข้อใช่ไหม

ข้อหนึ่งก็คือความฟุ้งซ่าน

อย่างเวลาเราไปทำงาน แล้วมีเรื่องราวต่างๆ

เข้ามากระทบจิตใจ เวลานั่งมันก็จะไม่สงบ

บางทีก็ต้องแก้ด้วยปัญญา

 ถ้าบริกรรมพุทโธๆๆเอามันไม่อยู่

ก็ต้องพิจารณาเรื่องราวต่างๆที่คั่งค้างอยู่ในใจ

ด้วยหลักธรรมะ เช่นพิจารณาว่า

 เรื่องราวต่างๆจะเลวร้ายขนาดไหนก็ตาม

เดี๋ยวก็ผ่านไป

ชีวิตเราก็ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายแล้ว

 ตอนนี้มันหายไปไหนหมด

พิจารณาให้เห็นว่าเป็นอนิจจัง เดี๋ยวก็ผ่านไป

ไม่ต้องไปกังวล อะไรจะเกิดเราก็ห้ามไม่ได้

 เช่นเราจะต้องถูกไล่ออกจากงาน ก็ให้ออกไป

 ดีเสียอีกอาจจะได้งานใหม่ที่ดีกว่านี้ก็ได้

 มองไปในทางบวกสิ ให้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส

 นี่คือการคิดแบบสร้างสรรค์ คิดด้วยปัญญา

 คิดอย่างนี้จิตก็จะสงบ หายฟุ้งซ่าน

 หรือบางทีเราไปยึดไปติด

กับสิ่งนั้นบุคคลนั้นมากเกินไป

 กลัวจะสูญเสียสิ่งนั้นบุคคลนั้นไป

ก็เลยทำให้ฟุ้งซ่านไปใหญ่เลย

นั่งสมาธิก็นั่งไม่ได้ แต่ถ้าคิดว่า

ถึงเวลาที่เขาจะไป ก็ให้เขาไป

 คนเราต้องจากกันอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว สักวันหนึ่ง

 จริงไหมเมื่อถึงเวลา

 ส่วนไหนที่เป็นของเรา ก็ต้องอยู่กับเรา

ส่วนไหนไม่ใช่ของเรา ก็ต้องจากไป

คิดอย่างนี้ใจก็จะสงบลง

 ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไร ก็อีกเรื่องหนึ่ง

นี่เป็นอุบายแก้ความฟุ้งซ่านของจิต

 ความจริงเขาอาจจะอยู่กับเราไปตลอดก็ได้

หรือเราอาจจะตายไปก่อนเขาก็ได้

 ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกนี้

ความรักความอยากของเราทำให้จิตเราฟุ้งซ่าน

ถ้าสามารถทำใจให้รับกับสภาพต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้

 ก็จะไม่ฟุ้งซ่าน

 เหมือนกับการอยู่ในโลกนี้

จะห้ามฝนไม่ให้ตกไม่ได้หรอก

ฝนจะตกก็ต้องตก เมื่อยังไม่ตกก็ไม่ต้องกังวล

 เวลาจะตกก็ตกไป เราก็รับได้ แล้วก็ผ่านไป

 ไม่มีอะไรที่เรารับไม่ได้หรอก

ถ้าทำจิตให้นิ่งเป็นอุเบกขาได้

จะได้จะเสียอะไร ก็จะต้องผ่านไปทั้งนั้นแหละ

 มาแล้วก็ผ่านไป คิดอย่างนี้ก็จะทำให้หายฟุ้งซ่าน

 ท่านสอนให้ใช้ปัญญา พิจารณาจุดที่เป็นปัญหา

 ที่ทำให้จิตไม่สงบ

 เป็นการใช้ปัญญาอบรมสมาธิไปในตัว

ใช้ปัญญาระงับความฟุ้งซ่าน เพื่อให้จิตสงบลง

ความโกรธก็เป็นนิวรณ์อีกชนิดหนึ่ง

 เวลานั่งภาวนาความโกรธก็อาจจะเกิดขึ้นได้

นั่งแล้วไม่สงบก็โมโหตัวเอง

 โมโหไปทำไม ยิ่งทำให้เลวร้ายไปกว่าเดิม

ก็ต้องยอมรับความจริง

 ตอนนี้ทำได้แค่นี้ก็เอาแค่นี้ไปก่อน

 ไม่ได้นั่งหนเดียวแล้วบรรลุถึงพระนิพพานเลย

 ยังต้องนั่งไปอีกนาน ต้องปฏิบัติไปอีกนาน

วันนี้ได้น้อยหน่อยก็อย่าไปโกรธ

เหมือนกับเวลาไปตกปลา บางวันก็ได้เยอะ

 บางวันก็ได้น้อย ก็เอาตามมีตามเกิด

วันนี้นั่งไม่สงบก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังได้นั่ง ก็ยังดี

 ไม่ได้สมาธิไม่ได้ความสงบอย่างน้อยก็ได้วิริยะ

 ความอุตสาหะ ความพากเพียร

ได้ขันติความอดทนอดกลั้น

ได้สัจจะความเอาจริงเอาจัง ไม่เหลาะแหละ

เมื่อถึงเวลาปฏิบัติ ก็ปฏิบัติไป

ทำหน้าที่ของเราไป เพราะถ้ามามัวเหลาะแหละ

 วันไหนอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ทำ เดี๋ยวก็ยิ่งเละเทะไปใหญ่

 จะไปไม่ถึงไหน ต้องมีความเข้มงวดกวดขัน

กับการปฏิบัติ ควรกำหนดเวลาไว้เลย

ว่าวันหนึ่งอาทิตย์หนึ่งหรือเดือนหนึ่ง

จะต้องปฏิบัติมากน้อยเพียงไร ก็ต้องทำไป

ทำบุญทำทานมากน้อยเพียงไร ก็ทำไป

ศีลที่ต้องรักษา ก็รักษาไป

ถ้ามีความเข้มงวดกวดขัน ก็จะทำให้ขยับไปได้เรื่อยๆ

 ช้าบ้างเร็วบ้าง ก็เหมือนกับการขับรถ

ไปเจอถนนโล่งก็ไปเร็ว เจอรถติดก็ช้าหน่อย

ก็ขยับไปทีละนิด ขยับไปทีละหน่อย

ก็เป็นไปตามสภาพ แต่อย่าไปโมโหโทโส

 ถ้ารีบร้อนอยากจะได้อะไรเร็วๆ

เมื่อไม่ได้ดังใจก็เกิดโทสะขึ้นมา

เกิดความโกรธขึ้นมา

 เวลานั่งแล้วเกิดคนโน้นคนนี้มารบกวน

คนนั้นทำโน่นทำนี่ตกเสียงดัง

 ก็ไปโกรธ ไปโมโหเขา

 ก็ต้องแผ่เมตตาให้อภัยเขา

 เขาไม่รู้เรื่องของเราหรอก

 เขาไม่รู้ว่าเราต้องการความสงบ

 เขาก็ใช้ชีวิตของเขาไปตามปกติ

เราต้องทำใจให้กว้างๆไว้ อย่าไปโกรธใคร

 อย่าไปหวังอะไรมาก อย่าไปหวังผลมาก

ให้สร้างเหตุไว้ก็แล้วกัน

ผลจะได้มากน้อย ก็ขึ้นกับเหตุ

 บางวันก็ได้มาก บางวันก็ได้น้อย

 แต่รับรองได้ว่าถ้าทำไปอย่างต่อเนื่อง

 ไม่หยุดไม่ถอย สักวันหนึ่งก็ต้องถึงจนได้

จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..................................

กัณฑ์ที่ ๒๒๘ วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๘

 (จุลธรรมนำใจ ๑)

“ไม่มีอะไรเป็นของเรา”







ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 12 กรกฎาคม 2559
Last Update : 12 กรกฎาคม 2559 6:56:17 น.
Counter : 761 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ