Group Blog
All Blog
### ความทุกข์เกิดจากความคิดปรุงทั้งนั้น ###
















“ความทุกข์เกิดจากความคิดปรุงทั้งนั้น”

ความทุกข์เกิดจากความคิดปรุงทั้งนั้น

 ถ้าเราควบคุมความคิดปรุงได้

 การตายของร่างกายจะไม่เข้ามาในใจเรา

จะหยุดอยู่ที่กาย ความแก่ก็หยุดอยู่ที่กาย

 ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็หยุดอยู่ที่กาย

เพราะใจไม่ไปคิดถึงมัน ปฏิบัติไปเรื่อยๆ

 ต่อไปจะควบคุมความคิดได้ รู้ว่าเบรกอยู่ตรงไหน

 ส่วนใหญ่ไม่รู้กัน รู้แต่คันเร่ง ไม่รู้ว่าเบรกอยู่ตรงไหน

 เวลาทุกข์มากๆจึงเบรกไม่ได้ หยุดไม่ได้

งานปฏิบัติทางศาสนานี้มีวันสิ้นสุด

ไม่ต้องนั่งสมาธิเดินจงกรมไปตลอด

เมื่อเสร็จกิจแล้วจะนั่งก็ได้ ไม่นั่งก็ได้ ผลเท่ากัน

น้ำเต็มแก้วแล้ว จะเติมไม่เติมก็เท่ากัน เต็มแล้ว

 แต่เนื่องจากร่างกายกับจิตยังเกี่ยวข้องกันอยู่

กายเป็นอะไรก็ส่งให้จิตรับรู้ ก็ต้องบรรเทา

นั่งนานๆก็ต้องลุกขึ้นมาเดิน เดินนานๆเมื่อยก็ลงไปนั่ง

 เปลี่ยนอิริยาบถ ไม่ได้นั่งไม่ได้เดินเพื่อดับกิเลสดับความอยาก

 เพราะไม่มีให้ดับ เหมือนไฟเมื่อดับหมดแล้ว

มีน้ำเหลืออยู่ก็ไม่รู้จะไปดับอะไร ไฟไม่มีให้ดับแล้ว

 นั่งสมาธิเดินจงกรมก็เพื่อความสบาย

ระหว่างธาตุขันธ์กับจิต เพราะยังเกี่ยวข้องกันอยู่

 ถึงแม้จะไม่มีกิเลส ถ้าคิดมากๆพูดมากๆก็เหนื่อยได้

ก็ต้องพัก หยุดคิดสักระยะหนึ่ง

พอได้พักสักระยะหนึ่งก็จะสดชื่นเบิกบาน

ขอให้ทำไปเรื่อยๆ การปฏิบัติสำคัญที่สุด

อย่างอื่นก็มีหมดแล้ว ได้ยินได้ฟังแล้ว

ได้ศึกษาแล้ว แผนที่ก็มีดูแล้ว ก็ต้องออกเดินทาง

 มีอะไรสละได้ก็สละไป เลิกได้ก็เลิกไป ใจกล้าๆหน่อย

 ไม่ต้องกลัว อย่าไปเสียดายสิ่งต่างๆที่เรามี

 เช่นสถานภาพ เป็นคนระดับนั้นระดับนี้

มาอยู่แบบคนใช้ กวาดพื้นถูพื้นล้างส้วม

 ถือว่าเป็นการปฏิบัติ เป็นการลดละทิฐิ

ลดละกิเลสลดละความหลง ความยึดติดในตัวตน

 ในฐานะ ว่าเรามีฐานะสูงทำงานอย่างนี้ไม่ได้

 พระที่ไปวัดป่าบ้านตาดต้องถูพื้นเป็นทุกคน

ต้องเข็นน้ำเป็นทุกคน ต้องปัดกวาดเป็นทุกคน

มีนายพลจะเอาลูกมาบวช จะเอาคนรับใช้มาด้วย

ท่านให้เลือกเอาว่าจะเอาใครมา

 จะเอาลูกมาหรือเอาทหารมา ให้เลือกเอา

แต่มาทั้ง ๒ คนไม่ได้ การทำงานที่ไม่ผิดศีลผิดธรรม

ไม่มีสูงไม่มีต่ำ เราสมมุติกันขึ้นมาเอง

 งานล้างส้วมก็เป็นงานที่ดี

 เพราะทำให้มีส้วมสะอาดใช้กัน

 ถ้าไม่ล้างก็จะสกปรก

ของสกปรกก็ออกมาจากตัวเรา

ของเขาของเราก็เหมือนกัน

 ถ้าใช้ปัญญาจะไม่รังเกียจมันก็มาจาก

ของที่เรากินเข้าไปจะน่ารังเกียจได้อย่างไร

หลวงตาท่านเล่าตอนที่ท่านปฏิบัติหลวงปู่มั่น

 ตอนใกล้มรณภาพ ท่านว่า

เวลาหลวงปู่มั่นถ่ายลงบนที่นอน

ท่านต้องช้อนด้วยมือใส่กระโถนเอาไปล้าง

 ท่านไม่คิดอะไร เป็นแค่ธาตุเท่านั้น

ร่างกายก็เป็นธาตุ ที่ถ่ายออกมาก็เป็นธาตุเหมือนกัน

 เวลาตักเข้าปากกินกันได้

เวลาออกมากลับแตะไม่ได้ โง่ขนาดไหน

พยายามต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ

ส่วนใหญ่เกิดจากความเห็นผิด

 คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้

ครูบาอาจารย์ที่เรากราบไหว้ทุกวันนี้ ท่านก็ทำได้

ทำมาแล้ว เราจะไปทางนั้น ทำไมเราไม่ทำ

ถ้าไม่ทำก็ไปไม่ได้ ถ้าคิดอย่างนี้แล้ว

จะไม่มีอะไรขวางกั้นเราได้ ส่วนใหญ่เกิดจากกิเลส

ที่บรรลุช้าเร็วต่างกัน เพราะกิเลสหนาบางต่างกัน

 ไม่ได้อยู่ตรงไหน อยู่ตรงนั้น

ที่ยากก็เพราะกิเลสหนา ที่ช้าเพราะปัญญาทึบ

ถ้ากิเลสบางปัญญาแหลมคมก็จะเร็วและง่าย

 ไม่มีอะไรทำให้ยากนอกจากกิเลส

ขาดปัญญาก็ทำให้ช้า ปัญญาเกิดจากการได้ยินได้ฟัง

 พอได้ยินได้ฟังแล้ว ก็นำเอามาพิจารณาอยู่เรื่อยๆ

 อย่าฟังแบบเข้าหูซ้ายออกหูขวา

ถ้านำเอาสิ่งที่ได้ยินได้ฟังในวันนี้ไปคิดอยู่เรื่อยๆ

ก็จะกระตุ้นให้เราปฏิบัติ พอเห็นผลก็จะเกิดฉันทะวิริยะ

 ทีนี้ไม่ต้องมีอะไรมากระตุ้น จะไปเอง

 เหมือนทำงานแล้วได้รับเงินเดือน ก็จะมีกำลังใจทำ

 ถ้ายังไม่ได้เงินเดือน ก็สองจิตสองใจ จะทำดีไม่ดี

ให้ปฏิบัติจนเห็นผลสักครั้งหนึ่ง ให้จิตขาดจากอารมณ์

 จากความโลภความโกรธความหลง

 จากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ให้สงบตัวลง

 แม้เพียงชั่วขณะหนึ่ง ก็จะได้กำลังใจอย่างมหาศาล

จะเร่งทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ทำอย่างอื่น

 เพราะช่วยเราไม่ได้ ฟังเทศน์ฟังธรรมก็ช่วยเราไม่ได้

 ครูบาอาจารย์ก็ช่วยเราไม่ได้ มีเราเท่านั้นที่ช่วยได้

อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ เราต้องปฏิบัติเอง

ถาม ที่นั่งแล้วมันไม่สงบนี่ เป็นเพราะปัญญาคิดใช่หรือไม่

ตอบ ที่ไม่สงบเพราะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ไม่อยู่กับกรรมฐานที่กำหนดไว้

อยู่ได้แวบเดียวแล้วก็เผลอไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้

 บางทีกว่าจะมารู้สึกตัวก็ ๑๐ นาที ๒๐ นาทีผ่านไปแล้ว

ถ้ารู้แล้วรีบดึงกลับมา ก็ยังพอมีโอกาส

ไปอยู่ที่กลัวๆจะช่วยได้มาก

เวลากลัวมากๆจะระลึกถึงพุทโธอย่างเดียว

 จะอยู่กับพุทโธๆ ไม่กล้าไปคิดอะไรเลย

 ภายใน ๒ – ๓ นาทีก็รวมลงได้

ความกลัวช่วยทำให้จิตสงบได้เร็ว

แต่ต้องกล้าๆ ถ้ากลัวสติจะแตก

คิดว่าเกิดมาก็ต้องตาย ตายแบบได้กำไร

ดีกว่าตายแบบขาดทุน ตายแล้วได้ความสงบก็คุ้มค่าแล้ว

 ประวัติของครูบาอาจารย์แต่ละองค์ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น

 ต้องต่อสู้กับความยากความลำบาก ความว้าเหว่

 ความเปล่าเปลี่ยว ความหวาดกลัว

แต่คุ้มค่ากับการลงทุน หุ้นตัวนี้ไม่มีลง มีแต่ขึ้นอย่างเดียว

 ขอให้มั่นใจ อย่าไปขายทิ้งเป็นอันขาด.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

.........................

กัณฑ์ที่ ๒๙๙ วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๐

 (จุลธรรมนำใจ ๘)

“ใจเป็นใหญ่”











ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพด่ะ




Create Date : 02 เมษายน 2559
Last Update : 2 เมษายน 2559 11:36:41 น.
Counter : 985 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ