พิษเสน่หา 4
๔ พี่กับน้อง

เสียงหาวหวอดพร้อมกันทำให้คนสองคนมองหน้ากันอย่างสงสัย ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำคล้ายไม่ได้นอนมาทั้งคืน และยังริ้วรอยบางอย่างในดวงตาของทั้งคู่ก็ทำให้รู้ว่าต่างมีเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ

“เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอสิรี” ปลายมาศเอ่ยทักน้องสาวก่อน พลางวางช้อนลงหลังจากจัดการอาหารเช้าเสร็จ

พวกเขาสองพี่น้องมักทานอาหารเช้ากันสองคนแบบนี้มานานหลายปีแล้ว หลังจากที่เดือนฟ้า แม่บุญธรรมของทั้งคู่ละเรื่องทางโลก แล้วไปบำเพ็ญธรรมในอารามที่ไกลจากตัวเมือง เพื่อหลบหลีกความวุ่นวายที่ผู้คนในคฤหาสน์หลังนี้จะเอามาให้

“พี่ปลายมาศก็นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอคะ” สิริกัญญาตอบกลับด้วยคำถาม และเฝ้ารอฟังว่าพี่ชายจะพูดอะไรต่อ

“เมื่อคืนพี่มัวแต่จัดการเรื่องขโมยเลยไม่ได้นอน” ชายหนุ่มตอบโดยปกปิดความจริงไว้ครึ่งหนึ่ง เขาบอกน้องไม่ได้หรอกว่าหลังจากจัดการกับขโมยได้ ก็ถูกเจ้าชายชัยนเรนทร์ลากไปเป็นเพื่อนดื่มเหล้า กว่าจะโดนปล่อยตัวกลับมาก็ปาเข้าไปย่ำรุ่ง มันจึงเป็นสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงไม่ได้นอน

“แล้วทางสิรีล่ะ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า พี่เห็นเจ้าหนึ่งกล้าหงอยลงยังไงไม่รู้”

หนึ่งกล้าคือสุนัขที่โดนราเชนปราบเสียอยู่หมัด และไม่ใช่แต่มันเท่านั้นที่โดนปราบ สิริกัญญาเองก็โดนผู้ชายคนนั้นสั่งสอนให้รู้ถึงผลของการขัดใจเจ้าปาเยนทร์ ผู้เอ่ยปากอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ หญิงสาวแม้มปากแน่น เมื่อรอยสัมผัสยังไม่เลือนหายไปเสียที เธอเพียรล้างรอยที่ถูกประทับด้วยน้ำหลายหน แต่ก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่ลบเลือนไป

“สิรี”

เสียงของปลายมาศฉุดสติของสิริกัญญาให้กลับคืนมา หญิงสาวมองรอยยิ้มละมุนที่ประดับอยู่บนใบหน้าของพี่ชายอยู่เป็นนิจ ก่อนตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจมานาน “สิรีเจอราเชน ปาเยนทร์ในบ้านเราเมื่อคืน”

รอยยิ้มของปลายมาศเลือนลงไปเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีทีท่าแปลกใจที่รู้ว่าราเชนมาเดินเล่นอยู่ในบ้าน และตรงจุดนั้นนั่นแหละที่ทำให้สิริกัญญาสงสัย “ปกติถ้ามีคนภายนอกลอบเข้ามา พวกหนึ่งกล้าก็จะไปรุมต้อนผู้บุกรุก ถ้าไม่หนีกระเจิดกระเจิงก็ต้องบาดเจ็บกลับไปไม่มากก็น้อย แต่ตอนสิรีไปเจอราเชน ปาเยนทร์ เขากลับไม่เป็นอะไรสักอย่าง พี่ปลายมาศส่งสัญญาณออกคำสั่งไม่ให้พวกมันจัดการเขาใช่ไหมคะ”

ดวงตาสีน้ำเงินที่มองดูผาดเผินแล้วดูเหมือนผืนมหาสมุทรยามสงบ แต่ปลายมาศกลับสังเกตเห็นแววคลุ้มคลั่งในดวงตา ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสิริกัญญากับราเชนกันแน่ เพราะน้องสาวที่ไม่เคยเอาอารมณ์นำหน้า กลับควบคุมอารมณ์บางอย่างที่คุโชนอยู่ในใจไม่ได้เลย

“เพราะเขาเข้ามาทางหน้าบ้าน เป็นแขกของท่านพ่อ” นั่นเป็นคำตอบที่ปลายมาศให้ได้ แต่ดูจากท่าทางของสิริกัญญาแล้ว เธอไม่พอใจกับคำตอบนี้เลย

“แขกที่ไหนมาเดินเล่นบ้านคนอื่นตอนดึก”

“เพราะเขาคือราเชน ปาเยนทร์ไง”

สิริกัญญาเม้มปากแน่นขึ้นไปอีก หญิงสาวไม่ชอบคำตอบแบบกำปั้นทุบดินของปลายมาศเอาเสียเลย เพราะผู้ชายคนนั้นคืราเชน ปาเยนทร์ เลยมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นอย่างนั้นหรือ จะเดินเล่นในบ้านของใครก็ได้ โดยที่เจ้าของบ้านก็ขับไล่ไม่ได้ จะบังคับจูบผู้หญิงคนไหนก็ได้ ถึงแม้หญิงคนนั้นจะไม่ยินยอมพร้อมใจงั้นหรือ

ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!

“ถ้าเขาไม่ใช่ราเชน ปาเยนทร์ก็คงโดนพวกหนึ่งกล้ารุมต้อนแล้วใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามเสียงแผ่วเบา พลางเบือนหน้าหนีจากดวงตาสีฟ้าครามของผู้เป็นพี่ชายที่จ้องมองมาอย่างสงสัย

“เป็นอะไรไปน่ะสิรี เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” ปลายมาศถามอย่างห่วงกังวล น้องสาวของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ราเชนทำอะไรกับเธอกันแน่นะ

“ราเชนทำอะไรน้อง”

คำถามของปลายมาศจี้เข้ากลางใจของสิริกัญญา แล้วภาพที่ถูกเจ้าปาเยนทร์บังคับจูบก็ผุดขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง หญิงสาวยกมือขึ้นถูริมฝีปากอย่างลืมตัว และรีบลดมือลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง

ปลายมาศเบิกตากว้างเมื่อเห็นท่าทางอาการของน้องสาว ถึงสิริกัญญาจะไม่พูดออกมาให้เขารู้ แต่จากการแสดงท่าทางเมื่อกี้ก็ทำให้เดาออกว่าราเชนทำอะไรไว้ เขารู้ชื่อเสียงของเจ้าปาเยนทร์ดีว่ามือไวกับผู้หญิงมากเพียงไร ถ้าให้เปรียบแล้ว ราเชนก็เหมือนมดที่พอรู้ว่ามีน้ำตาลอยู่ที่ไหนก็เข้าไปหาแล้วกินทันที

“เขาบังคับฝืนใจน้องใช่ไหม” คำถามนี้ปลายมาศไม่ได้ต้องการคำตอบ เขารู้จักนิสัยของสิริกัญญาดีเท่ากับที่รู้จักนิสัยของราเชน

“ให้ตายสิ!” ชายหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัด เขาไม่น่าปล่อยราเชนให้เข้าในอาณาเขตของตัวเองเลย

ข่าวเรื่องพ่อค้าเพชรชาวทาลางทูรไม่ได้หลุดไปถึงเจ้าชายชัยนเรนทร์เท่านั้น แม้แต่ราเชนที่เป็นพระสหายของเจ้าชายจิ้งจอกก็รู้เรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาจึงแวะมาหาท่านจินดาเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของคนในบ้านนี้ โดยที่คนอื่นพากันเข้าใจว่าเจ้าปาเยนทร์อาจมีใจเอนเอียงไปทางพระสนมฝ่ายขวา และมันก็เป็นผลพวงให้สองพี่น้องออกไล่จับผู้บุกรุกที่แอบเข้ามารอบบ้านจนไม่ได้นอนไปตามกัน

“ถึงเราจะโมโหไป เราก็ทำอะไรเขาไม่ได้ไม่ใช่หรือคะ”

พอได้ยินสิริกัญญาพูดแบบนั้น ปลายมาศก็สงสารน้องขึ้นมา แล้วเขาก็นึกไปเจ้าปาเยนทร์ที่ทำอะไรผิดวิสัย เพราะถึงแม้เขาจะมีสัมพันธ์รักกับผู้หญิงไปมากมาย แต่ความสัมพันธ์เหล่านั้นก็เกิดขึ้นจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย ไม่มีการบังคับขืนใจอย่างเช่นที่เขาเดาจากท่าทางของน้อง

“เอ่อ...ท่านปลายมาศ...ท่านกัญญา” เสียงเรียกตะกุกตะกักของหญิงรับใช้ดังขัดจังหวะการสนทนาของสองพี่น้อง ทั้งคู่หันไปมองอย่างสงสัย เพราะโดยปกติแล้วจะไม่ค่อยมีคนมากวนพวกเขาตอนทานอาหารเช้าเท่าไรนัก นอกเสียจากจะมีเรื่องด่วนจากบ้านใหญ่

“มีอะไรหรือจิตตี” ปลายมาศเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน และรอยยิ้มอ่อนโยนของเขาก็ทำให้หญิงรับใช้รู้สึกผ่อนคลาย พลางรู้สึกปลาบปลื้มที่ชายหนุ่มจำชื่อของเธอได้ ทั้งที่เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เพียงวันเดียว

“ท่านแสงสุรีย์เรียกท่านกัญญาไปพบเจ้าค่ะ”

สองพี่น้องลอบมองหน้ากัน พลางคิดไปต่าง ๆ นานาว่าแสงสุรีย์เรียกตัวสิริกัญญาไปทำไม ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ค่อยอยากเสวนากับเธอเท่าไรนัก และการเรียกพบแต่ละครั้งของแม่เลี้ยงก็มักจะเป็นการลงโทษเธอทุกที

“ไปเรียนท่านแสงสุรีย์ว่าเดี๋ยวเราจะไป”

พอพูดจบสิริกัญญาก็รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาฉับพลัน หญิงสาวลูบแขนของตัวเองไปมา พลางขมวดคิ้วยุ่ง เธอรู้สึกไม่ดีกับการเรียกตัวของแสงสุรีย์ในครั้งนี้เสียแล้ว เหมือนกับว่าจะมีเรื่องร้ายแรงตามมาจนชีวิตไม่ปกติสุข เธอได้แต่ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เรื่องมันร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่นี่ก็เกินพอ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


เรือนดาราพรายเป็นอาคารก่อด้วยอิฐชั้นเดียว และตั้งอยู่กลางสระบัวสีม่วง อันเป็นดอกไม้ที่แสงสุรีย์โปรดปรานมากที่สุด ท่านจินดามอบเรือนนี้ให้กับภรรยาเอกเมื่อครั้งที่แต่งงานกัน โดยเริ่มแรกเดิมทีมันก็ตั้งอยู่บนพื้นดินธรรมดา แต่แสงสุรีย์ก็เอามาแต่งเติมจนกลายเป็นอาคารกลางน้ำอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

สิริกัญญามองอาคารกลางน้ำด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีเท่าไรนัก ความหวาดกลัวหวนกลับมาอยู่ในจิตยามมองสระบัวที่ออกดอกชูช่อสวย มันเคยทำให้เธอเกือบตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ยามถูกมือของใครต่อใครกดหน้าลงไปในน้ำ เพื่อลงโทษด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ท่านและลูกท่านทั้งหลายไม่พอใจ

ปลายมาศเองก็เคยมีความทรงจำไม่ดีกับอาคารหลังนี้ เพราะเมื่อก่อนเขามักจะถูกเหล่าพี่ชายพี่สาวฉุดกระชากให้มาเป็นของเล่นในห้องลับ ห้องที่มีแต่เครื่องทรมานครบครันที่ถูกต่อเติมขึ้นใหม่โดยที่ท่านจินดาก็ไม่รู้ ท่านไม่รู้หรอกว่าภรรยาเอกมีรสนิยมผิดปกติไปจากคนธรรมดา และลูก ๆ ที่สืบเชื้อสายจากเธอมาก็สืบทอดนิสัยนี้มาจากผู้เป็นแม่ไม่ผิดเพี้ยน

ใครหลายปีที่ผ่านมา การลงโทษของแสงสุรีย์ทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่โชคยังดีที่สองพี่น้องไม่ต้องรองรับอารมณ์วิปริตของแม่เลี้ยงอีก ส่วนคนโชคร้ายที่ต้องร้องโหยหวนอยู่ภายในห้องทรมานก็มักเป็นนักโทษการเมืองบ้าง หรือไม่ก็เป็นคนที่พระสนมฝ่ายขวาไม่ถูกใจ จึงส่งมาให้พระญาติใช้เป็นของเล่นยามว่าง

สองพี่น้องเดินผ่านสะพานไม้โค้ง อันเป็นทางเชื่อมจากแผ่นดินไปสู่อาคารกลางน้ำ ก่อนผ่านเข้าไปยังประตูกระจกที่เปิดกว้างคล้ายเชื้อเชิญพวกเขาให้เข้าไป และในห้องกว้างนี้ก็มีร่างของแสงสุรีย์ในชุดสีแดงเข้มยืนหันหลังรออยู่ โดยภายในนั้นมีเหล่าลูกชายลูกสาวของเธอที่นิยมความรุนแรงไม่แพ้กันรออยู่ด้วย

ไม่สิ...ลูกสาวของแม่เลี้ยงคนอื่นก็นั่งตีหน้าบึ้งอยู่ในนี้ด้วย

“อ๊ะ!” ปลายมาศอุทานขึ้นมาแผ่วเบา เมื่อถูกรวบแขนจากทางด้านหลัง แล้วถูกลากให้ถอยห่างจากสิริกัญญาที่หันขวับมาตามเสียงร้องของพี่ชาย

“แม่ไม่ได้เรียกเจ้ามาไม่ใช่เหรอ ปลายมาศ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นริมหู เขาคือวโรดม ลูกชายคนโตของแสงสุรีย์ที่ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้ากองพันทหารราบที่ชอบคัดง้างกับผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์บ่อยครั้ง

“ไม่เป็นไร ปล่อยเขา วโรดม” แสงสุรีย์หันมาปรามลูกชาย แล้วมองสองพี่น้องด้วยสายตาเหมือนงูแก่ที่กำลังจับจ้องเหยื่อ

วโรดมทำท่าฮึดฮัดและไม่ยอมปล่อยของเล่นของตัวเอง ปลายมาศถูกจับให้เป็นของเล่นของเขามาตั้งแต่เด็ก และก็น่าจะเป็นตลอดไป หากของเล่นชิ้นนี้ไม่ถูกเจ้าชายชัยนเรนทร์แย่งไป มันทำให้เขาแค้นจนแทบกระอักเลือดเลยทีเดียว

สิริกัญญามองพี่ชายด้วยความเป็นห่วง แต่ดวงตาสีฟ้าครามที่จ้องตอบกลับมาบอกให้เธอห่วงตัวเองดีกว่า เพราะเป้าหมายของแสงสุรีย์คือตัวเธอไม่ใช่เขา นั่นทำให้หญิงสาวหันกลับไปมองแม่เลี้ยงที่ยุรยาตรเข้ามาใกล้ลูกทาสด้วยรอยยิ้มที่ชวนหวั่นใจ รอยยิ้มหวานที่มักแย้มเยือนออกมายามลงโทษหรือทรมานลูกเลี้ยงที่น่าชังของตัวเอง

“ได้ยินมาว่าเมื่อคืนมีขโมยเข้าบ้าน” แสงสุรีย์เริ่มต้นด้วยคำถาม ดวงตาสีแดงที่จับจ้องมาเหมือนกับจะแผดเผาให้คนถูกจ้องกลายเป็นขี้เถ้า

“ค่ะ” สิริกัญญาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอคุ้นชินกับท่าทีของแม่เลี้ยงเสียแล้ว

“จับได้ไหม”

“จับได้ค่ะ”

สิ้นคำตอบของสิริกัญญา เสียงฝ่ามือที่กระทบผิวเนื้อฉาดใหญ่ก็ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ แล้วเสียงหัวเราะคิกคักของเหล่าลูกสาวก็ดังขึ้น ปลายมาศอุทานแผ่วเบา และพยายามขืนจากการจับกุมของวโรดมไปหาน้องสาว แต่หัวหน้ากองพันทหารราบยื้อยุดฉุดไว้จนแขนของชายหนุ่มเจ็บแปลบและไร้ความรู้สึกไป

“นี่คือบทลงโทษของคนโกหก”

สิริกัญญายังคงมึนงงและพูดอะไรไม่ออก เมื่อครู่เธอรู้สึกว่าโลกมืดมัวไปในพริบตา ซีกหน้าข้างซ้ายเจ็บจนชาจากฝ่ามือของแสงสุรีย์ที่ตบลงมา แล้วต่อมาเธอก็ได้กลิ่นเลือดพร้อมกับของเหลวบางอย่างที่เอ่ออยู่ตรงบริเวณคาง ก่อนหยดลงบนปกเสื้อ และพอเธอตั้งสติได้ก็สังเกตเห็นแหวนรูปเขี้ยวสัตว์ที่หันหัวเข้ามาในฝ่ามือ

“ข้าโกหกอะไรคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเบา

“เมื่อคืนเจ้าอยู่ที่ไหน”

“ข้าตรวจดูบริเวณบ้านพร้อมกับหนึ่งกล้า” สิริกัญญาตอบไปตามความจริง เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองไปโกหกแม่เลี้ยงเรื่องอะไร

“แล้วเจ้าก็จะบอกข้าว่าพบขโมยและจับเขาส่งเทศบาลเมืองสินะ”

“ไม่ใช่ค่ะ พี่ปลายมาศพามิตรสอง สามนที ฟ้าสี่ และห้าพรรณออกติดตามผู้บุกรุกที่หนีไปได้ ส่วนข้าตรวจดูความสงบเรียบร้อยภายในบ้าน”

นี่เป็นความจริงที่สิริกัญญาทำเมื่อคืน เธอตรวจตรารอบบ้านจนไปพบกับราเชน ปาเยนทร์ และผู้บุกรุกอีกชุดที่รีบหนีออกนอกบ้านไปก่อนจะโดนยามเฝ้าบ้านไล่ตะเพิด

“ไม่ใช่เพื่อไปดักพบใครหรือไง ท่านพ่ออุตส่าห์เรียกเจ้าให้ไปพบเจ้าปาเยนทร์ก่อนหน้าท่านแม่กับพวกข้าเชียวนะ”

คำกล่าวหาของอรัญญา ลูกสาวคนโตของแสงสุรีย์ทำให้สิริกัญญาสะดุดกึก เธอเม้มปากแน่นโดยไม่คิดเอ่ยแก้ตัว เพราะไม่มีใครในห้องนี้หรอกที่จะเชื่อคำพูดของลูกทาส เธออยากบอกให้ทุกคนในที่นี้รู้ว่าตัวเองไม่มีจิตคิดพิศวาสราเชน ปาเยนทร์คนนั้นเลยแม้แต่น้อย เธอชังเขาเสียด้วยซ้ำ

หนุ่มรูปงามที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพ!

“เจ้าไปทำอีท่าไหน เจ้าปาเยนทร์ถึงมอบจุมพิตดูดดื่มให้แบบนั้น”

จุมพิตดูดดื่มงั้นเรอะ!

สิริกัญญาตะโกนลั่นในใจ แล้วหันขวับไปมองอรัญญาที่ตวัดเสียงห้าวหวน โดยเก็บซ่อนความไม่พอใจไว้ข้างใน เธออยากบอกพี่สาวต่างมารดาคนนี้เสียเหลือเกินว่าตัวเองถูกเขาบังคับขืนใจ แต่พูดไปใครจะเชื่อล่ะ

“ข้าไม่ได้ทำอะไร”

“อ้อ! ถ้าไม่ได้ทำอะไร เจ้าปาเยนทร์จะมาสนใจคนหน้าตาธรรมดาอย่างเจ้างั้นรึ”

คนถูกกล่าวหาไม่ได้หันไปมองว่าพี่สาวคนไหนเป็นผู้พูด พวกเธอเหล่านี้กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความอิจฉาริษยา หญิงสาวเดาได้ว่าพี่สาวที่อยู่ในห้องนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่แสงสุรีย์เกณฑ์มาเพื่อราเชน ปาเยนทร์ และพวกเธอก็คงหวังว่าตัวเองจะเป็นที่ต้องตาต้องใจของคนที่ได้ตำแหน่งเจ้ามาด้วยการแต่งตั้ง

“ราเชน ปาเยนทร์เป็นคนเจ้าชู้ ขอให้เป็นผู้หญิงก็ยุ่งด้วยหมด”

ใช่...ยุ่งจนคนอื่นเดือดร้อนเลยทีเดียว สิริกัญญาต่อคำนั้นในใจ

“ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าพูดนะปลายมาศ” แสงสุรีย์หันไปส่งสายตาเยียบเย็นกับลูกเลี้ยงอีกคน

“เป็นความผิดของข้าเองท่านแสงสุรีย์ ถ้าข้าตรวจดูรอบบ้านให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง คงพบราเชน ปาเยนทร์ก่อนสิริกัญญา”

“ปกป้องน้องรักดีจังนะ จะบอกว่าให้ลงโทษตัวเองแทนน้องล่ะสิ” วโรดมกลั้วหัวเราะอย่างหมายมาด เขาหันไปมองมารดาเพื่อขอคำอนุญาต และก็ได้รับการพยักหน้าตอบกลับมา

“ถ้าอยากโดนลงโทษแทนก็ตามใจ แต่เพลามือหน่วยนะวโรดม เขายังต้องไปสอนหนังสือให้กับเจ้าชายชเยนทรตอนบ่าย อย่าให้ทางนั้นติได้ว่าเราเอ็นดูเขาน้อยไป”

วโรดมร้องอะฮ้าอย่างถูกใจ นับตั้งแต่ปลายมาศมีเจ้าชายชัยนเรนทร์คอยให้ท้าย เขาก็ทำอะไรกับน้องชายต่างมารดาคนนี้ไม่สะดวกเท่าไร ถึงรอบนี้จะเล่นแบบหนำใจไม่ได้ เขาก็จะฝากรอยท้าทายเจ้าชายให้รู้ว่าปลายมาศเป็นของเล่นของเขาเท่านั้น

“พี่ปลายมาศ” สิริกัญญาขานชื่อพี่ชายอย่างห่วงใย เมื่อเห็นเขาถูกลากไปยังทางที่ตรงสู่ห้องทรมาน

ปลายมาศยิ้มนุ่มละมุนให้น้องสาว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องดีหรือร้ายเขาก็มักจะยิ้มอย่างนี้ จนกลายเป็นรอยยิ้มประจำตัวไปเสียแล้ว “พี่ไม่เป็นไร กลับไปรอที่บ้าน” ชายหนุ่มเว้นจังหวะไปเล็กน้อย พลางหันไปมองแม่เลี้ยงที่ยังรักษาความเย็นชาได้ดีเสมอ

“ได้ใช่ไหมครับ” คำถามนี้เขาจงใจส่งไปให้แสงสุรีย์

ดวงตาสีแดงปรายตามองไปทางปลายมาศ ก่อนเบือนไปทางสิริกัญญาที่มีดวงหน้าฟกช้ำไปแถบหนึ่ง แล้วสะบัดหน้าให้พ้นจากการจับจ้องของดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้น ดวงตาที่เหมือนกับเมียทาสของท่านจินดา มันช่างขัดหูขัดตาเธอเสียเหลือเกิน

“ได้”

“ท่านแม่น่าจะลงโทษนางให้หนักกว่านี้” พี่สาวคนไหนของสิริกัญญาไม่รู้ประท้วงขึ้น

“นั่นไงล่ะ บทลงโทษของนาง” แสงสุรีย์แย้มยิ้มหวาน พลางปรายตามองไปทางปลายมาศที่มีสีหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเอง ลูกชายคนนี้ก็ขัดหูขัดตาเธอ เป็นแค่ลูกนางชี แต่กลับได้รับความรักจากท่านจินดามากมาย แล้วยังถูกปฏิบัติราวกับว่าผู้เป็นสามีจะให้ลูกชายคนนี้ผู้นำคนต่อไปของบ้านหลังนี้ ซึ่งเธอจะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้

“ยามใดที่นางทำผิด แม่จะลงโทษพี่ชายที่แสนดีคนนี้ นางคงทรมานยิ่งกว่าโดนด้วยตัวเองเสียอีก”

เสียงหัวเราะแหลมกรีดแทงเข้าไปในใจของสิริกัญญา และมันก็ถูกซ้ำเติมด้วยเสียงหัวเราะของเหล่าพี่น้องที่เธอไม่คิดจะนับญาติด้วย หญิงสาวกำมือตัวเองแน่น พลางซุกซ่อนพายุอารมณ์อันเกรี้ยวกราดไว้มิดชิด มันสั่งสมมากขึ้นจนน่าหวาดว่าจะระเบิดเข้าสักวัน

“ไม่ต้องห่วงพี่ กลับบ้านไป” ปลายมาศเรียกสติของน้องสาว แล้วส่งสายตาบังคับให้เธอทำตาม

“ไม่ต้องห่วงหรอก สิริกัญญา พี่ชายคนนี้จะเล่นกับพี่ชายสุดที่รักของเจ้าอย่างทะนุถนอมที่สุด ไปรอรับอยู่ที่บ้านไม้โกโรโกโสนั่นเถอะ”

สิริกัญญามองคนพูดด้วยสายตาไร้ความรู้สึก แล้วหันหลังกลับไปอย่างไม่สนใจปลายมาศอีก เธอต้องเก็บหัวใจไว้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทำร้ายหัวใจของเธอ และเธอจะต้องเย็นชายิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายล่วงรู้ถึงความรักที่ซุกซ่อนในใจ

เธอจะสาปส่งสวรรค์ที่มอบความทุกข์ทรมานไม่สิ้นสุดนี้ให้ และเธอจะขอสาปราเชน ปาเยนทร์ ตัวต้นเหตุที่ทำให้พวกเธอสองพี่น้องต้องถูกลงโทษอย่างไม่มีเหตุผล เธอจะขอเกลียดชังเขาไปจนวันตาย!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สิริกัญญานั่งรอปลายมาศที่ยังไม่ยอมกลับมาอย่างร้อนรน เธอไม่สนใจบาดแผลบนใบหน้าของตัวเองเท่ากับพี่ชายที่ไม่รู้ว่าจะถูกวโรดมทรมานวิธีไหนบ้าง ยิ่งเวลาล่วงมาถึงตอนเที่ยงก็ยิ่งทำให้กระวนกระวายหนัก เพราะวโรดมนั้นถือได้ว่ามีวิธีการทรมานที่โหดเหี้ยมพอกันกับแสงสุรีย์เลยทีเดียว ถึงแม้จะโดนปรามว่าให้เล่นอย่างระวัง แต่คนถูกทรมานคงมีสภาพที่ไม่น่าดูชมล่ะ

และแล้วการเฝ้ารอของสิริกัญญาก็จบลง เมื่อคนรับใช้ชายคนสนิทของปลายมาศอุ้มเจ้านายของตัวเองมายังเรือนไม้ของสองพี่น้อง สภาพของชายหนุ่มยังดูดีอยู่ทุกประการ ยกเว้นดวงหน้าอิดโรยและผ้าคลุมมือสีขาวที่บัดนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

“พี่ปลายมาศ” สิริกัญญาถลันไปหาพี่ชายที่ปรือตาขึ้น และยิ้มละมุนให้

“อะไรกัน ยังไม่ทำแผลอีกเหรอสิรี ผู้หญิงมีแผลที่หน้าน่ะ ไม่ดีนะ” เสียงของปลายมาศแหบแห้งไม่สดใสเช่นเคย

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ” สิริกัญญาพูดพลางเบี่ยงตัวให้คนรับใช้พาไปยังห้องนอนของเขา แต่ปลายมาศส่งเสียงครางแย้งแล้วเบือนหน้าให้คนรับใช้พาไปยังเก้าอี้ไม้ที่มีเบาะนุ่มปูรองทับไว้หลายชั้นในห้องนั่งเล่น และเมื่อคนรับใช้วางร่างของเขาลง หญิงสาวก็เริ่มส่งคำถามออกไปทันที

“เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงของสิริกัญญาห้าวห้วน ซึ่งจะเอ่ยออกมายามที่พื้นอารมณ์ของเธอไม่ดี คนรับใช้ต่างขยาดกับพายุสีน้ำเงินที่นานทีจะเกิดขึ้นสักครั้ง แต่มันก็รุนแรงจนยากจะพรรณนาเลยทีเดียว

คนรับใช้ของปลายมาศทำท่าอึดอัด เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายตัวเอง เขารู้แค่ว่าปลายมาศถูกวโรดมจับไปเล่น เลยรีบไปรอคนที่เดินซวนเซออกมาจากอาคารกลางน้ำด้วยมือที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ครั้นพอชายหนุ่มเห็นคนสนิทถลาเข้ามารับก็ทรุดฮวบหมดแรงทันที เขาเลยต้องอุ้มปลายมาศกลับบ้านตามคำเรียกร้องอย่างรวดเร็ว

“ไปเตรียมรถม้าเถอะติณ อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงเราจะเข้าวัง”

“แต่ท่านปลายมาศ...” คนรับใช้พยายามหาข้อขัดแย้ง แต่เมื่อได้เห็นดวงตาสีฟ้าครามที่ทอแววอ่อนโยนอยู่เป็นนิจเปลี่ยนเป็นดุดัน เขาก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความขยาด เจ้านายของเขาเวลาโกรธขึ้นมาก็เหมือนกับคนน้องนั่นแหละ อาจจะน่ากลัวยิ่งกว่า จนเรียกได้ว่าปีศาจมาจุติเลยทีเดียว

“ไปเถอะ เดี๋ยวเราจะทำแผลให้พี่ปลายมาศเอง” คำสนับสนุนของสิริกัญญาทำให้คนรับใช้รีบไปทันที และพอลับร่างบุคคลที่สามไป หญิงสาวก็ลุกขึ้นไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมานั่งตรงหน้าพี่ชาย พร้อมกับจ้องใบหน้าอิดโรยเพื่อรอคำตอบ

“วโรดมเล่นแบบเบาะ ๆ น่ะ” ปลายมาศยิ้มเนือย พลางยื่นมือให้น้องสาวทำแผลอย่างรู้หน้าที่

“เล่นเบาะ ๆ จนเลือดโชกเลยหรือคะ” สิริกัญญาถามกลับเสียงเรียบ พลางเช็ดเลือดที่ส่งกลิ่นฉุนจมูกอย่างรวดเร็ว แล้วเธอก็อุทานออกมาแผ่วเบา เมื่อเห็นรอยแผลของพี่ชาย

“พี่คะ...” หญิงสาวเรียกพี่ชายเสียงสั่น

“ไม่เป็นไร พี่ชินแล้ว” ปลายมาศตอบเสียงนุ่ม และหากมือของเขาไม่เปื้อนเลือดก็อยากลูบใบหน้าของน้องสาวให้คลายความกังวลลง

“ต่อให้ชินยังไงมันก็เจ็บ...” ดวงตาสีน้ำเงินหลุบต่ำลง พลางกัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้หลุดเสียงสะอื้นออกไป “...เจ็บไปถึงหัวใจเลยทีเดียว” พูดได้แค่นั้น น้ำตาก็รินไหลลงมา

“รู้ไหมสิรี ทำไมเราถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้” คำถามของปลายมาศทำให้สิริกัญญาเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มของพี่ชายยังกระจ่างใส และพัดพาความขุ่นมัวให้หายไป “เพราะสวรรค์ต้องการฝึกความอดทนของเรา เพื่อรับมือกับสิ่งที่หนักหน่วงยิ่งกว่าในภายภาคหน้า”

“สิรีเป็นแค่คนธรรมดา ความอดทนของสิรีก็เป็นแบบคนธรรมดา”

ปลายมาศยิ้มน้อย พลางไล้ข้อนิ้วไปตามแนวคางของน้องสาว “น้องเป็นอะไรที่มากกว่าคนธรรมดา และถ้าเป็นไปได้ พี่ก็อยากพาน้องกลับไปเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น กลับบ้านที่แท้จริงของเรา”

“สิ่งที่ควรจะเป็น? บ้านที่แท้จริงของเรา? พี่ปลายมาศหมายถึงอะไร”

คำถามของสิริกัญญายังไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มต้องตอบตอนนี้ ยังมีหลายอย่างที่ซุกซ่อนความจริงในอดีตไว้มากมาย เขาจะต้องสืบหาเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด เพื่อไขความกระจ่างตัวตนของตัวเองและน้องสาวต่างมารดาผู้นี้ เมื่อนั้นพันธนาการที่ผูกรั้งพวกเขาไว้ก็คงจะคลายลง

“สิรีรีบทำแผลให้พี่เถอะ ถ้าชักช้าเดี๋ยวเจ้าชายชเยนทรต้องซักไซ้ไล่เรียงยาวแน่” ปลายมาศเบี่ยงประเด็นไปอย่างเนิบนาบ และสิริกัญญาก็รู้นิสัยของพี่ชายดี จึงไม่รั้นถามเพื่อเค้นความ

“ที่ถามน่ะคงไม่ใช่เรื่องไปช้าหรอกค่ะ แต่คงเป็นแผลบนมือนี่ต่างหากว่าไปโดนอะไรมา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงพี่ปลายมาศจะตอบว่าอะไรคะ” หญิงสาวพูดพลางส่ายหน้ากับบาดแผลบนมือของพี่ชายที่ไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรตอบกลับไปดี

“บอกว่าโดนหมากัดเป็นไง”

“ต่อให้เป็นคนโง่ก็ไม่เชื่อหรอกค่ะ คนที่ฝึกสุนัขให้ดุยิ่งกว่าเสือมีหรือที่จะโดนมันกัดได้”

ปลายมาศกลั้วหัวเราะอย่างขบขันกับการย่นจมูกใส่ของน้องสาว แล้วถอนหายใจเฮือกอย่างหนักใจ เขาไม่กังวลกับคำถามของเจ้าชายชเยนทรหรอก เพราะท่านว่าง่ายและฉลาด ถ้าเขาไม่อยากตอบก็ไม่เค้นถาม ผิดกับเจ้าชายชัยนเรนทร์ที่จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้เลยผ่านแน่

นึกแล้วก็น่าหนักใจจริง ๆ



Create Date : 30 สิงหาคม 2550
Last Update : 5 กันยายน 2550 18:33:51 น.
Counter : 666 Pageviews.

3 comments
  
โดย: Tik IP: 71.255.57.128 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:0:36:43 น.
  
สนุกๆค่ะ รีบมาลงเร็วๆนะคะ
โดย: ตัวเล็ก IP: 58.33.190.239 วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:16:51:46 น.
  
สัญญาไม่ได้นะคะ แต่จะพยายามเขียนออกมาให้ลงได้อย่างน้อยอาทิตย์ละตอน
โดย: ฌา วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:19:26:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog