พิษเสน่หา 25
๒๕ ทางแห่งลิขิต

เจ้าชายชัยนเรนทร์เล่าเรื่องที่พระองค์ประสบเมื่อคืนให้เจ้าหลวงวิวัสวัตกับราเชนฟัง อีกทั้งยังเล่าแถมไปด้วยว่าที่นี่มีการวางยามป้องกันแน่นหนา ไม่ให้คนนอกล่วงเข้าไปยังอารามฝ่ายในได้ ซึ่งหากในนั้นมีแต่นางชีธรรมดา คงไม่มีความจำเป็นอันใดที่ต้องรักษาเวรยามให้เข้มงวดเช่นนั้น นอกเสียจากว่ามันจะเป็นที่ประทับของสตรีสีน้ำเงินทั้งหมด

เจ้าหลวงวิวัสวัตขยับองค์ไปมาด้วยท่าทางกระสับกระส่าย พอพระองค์รู้ว่าที่นี่มีพี่น้องที่สาบสูญ ก็ทรงอยากโลดแล่นเสด็จไปหาเหล่าพี่น้องที่พลัดพราก แต่ติดที่ว่าเจ้าชายชัยนเรนทร์นำสาส์นของสตรีปริศนาคนนั้นฝากมาถึงพระองค์ ด้วยข้อความที่ทำให้ปวดร้าวราชหฤทัย พระองค์จึงจำต้องข่มพระทัยอยากพบที่อัดแน่นอยู่ภายในไว้

“วิวัสวัต...” เจ้าชายชัยนเรนทร์ตรัสเรียกด้วยความเป็นห่วง ต่ออาการนิ่งเงียบของพระสหาย

“ข้า...ไม่เป็นอะไร” กว่าเจ้าหลวงวิวัสวัตจะตรัสตอบออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน พระองค์ถอนปัสสาสะเฮือกใหญ่ ก่อนผินพักตร์ไปยังพระสหายทั้งสอง

“สตรีสีน้ำเงินมีใจที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้เหล่าบุรุษ เมื่อพระพี่นางไม่อยากพบข้า...ข้าก็จะไม่ไปพบ แต่ธรรมเนียมราชประเพณียังต้องมีอยู่ เมื่อทาลางทูรทวงสิทธิ์ให้กับมเหสีของเขา ข้าก็จะให้...ให้พวกนั้นได้รู้ว่าเจ้าของบัลลังก์สีน้ำเงินนั้นเป็นใคร”

“จะใช้สิริกัญญางั้นหรือ” ราเชนข่มอาการใจหายที่พุ่งวาบเข้ามา แล้วถามออกไปเสียงเบาหวิว ชายหนุ่มสังหรณ์ใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าสักวันจะต้องส่งเธอคืนสู่บัลลังก์ แต่ไม่คิดว่าเวลาที่ต้องตัดสินใจจะมาถึงรวดเร็วเพียงนี้

ใช่...ตอนแรกเขาคิดจะส่งสิริกัญญากลับคืนบัลลังก์สีน้ำเงิน แต่ยิ่งนานวันเขากลับทำใจปล่อยเธอไปไม่ได้ อยากกักเก็บเธอไว้ให้มิดชิดในคฤหาสน์ปาเยนทร์ เหมือนดั่งเช่นที่ท่านจินดาเฝ้าปกปิดธิดาของท่าน ไม่ให้ใครได้แย่งไป

เจ้าหลวงวิวัสวัตจับได้ถึงกระแสเสียงที่แปลกไปของราเชน พระองค์หันไปสบกับดวงตาสีถ่านที่สงบราบเรียบ ไม่มีริ้วรอยความรู้สึกใดปรากฎให้เห็น เรียวโอษฐ์ที่ปิดสนิทจึงหยักยกขึ้น ก่อนแย้มสรวลออกมา ด้วยทรงรู้แล้วว่าพระสหายที่มีจิตใจแข็งแกร่งดั่งหินผา กำลังถูกพิษของสตรีสีน้ำเงินกัดกร่อน

“หากนางยอมนั่งบนบัลลังก์มันคงเป็นเรื่องดี ดีต่อกูราและปามะห์ เจ้าว่างั้นไหม ราเชน”

ราเชนได้แต่นิ่งงันไปโดยหาคำใดมาตอบโต้ไม่ได้ เขาไม่เคยลืมสัตย์ที่สาบานไว้กับปามะห์ เมื่อภัยใดย่างกรายเข้ามา ปาเยนทร์ก็เปรียบเหมือนปราการด่านแรกที่ต้องปัดภัยนั้นให้พ้นไป และการส่งตัวสิริกัญญากลับคืนบัลลังก์สีน้ำเงินก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อมิให้ศรแห่งเทพสงครามพุ่งเข้าหาแผ่นดินสีทอง

...แต่หัวใจของเขาเล่าจะจัดการเช่นไร เมื่อใจไม่ต้องการส่งตัวเธอไป

“ข้าต้องพิสูจน์ว่าสิริกัญญาเป็นสายเลือดลำดับที่เท่าไร ถ้าใกล้เคียงยิ่งกว่าองค์โสม ข้าจำต้องพานางกลับไป แต่อีกทางหนึ่งที่ข้ายังไม่เห็นจุดหมาย...” เจ้าหลวงวิวัสวัตตรัสพลางถอนปัสสาสะออกมาเฮือกใหญ่

ใช่ว่าพระองค์อยากจะทำลายหัวใจของเพื่อน แต่หน้าที่ของพระองค์นั้นต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด ลิขิตของผู้ที่เกี่ยวข้องกับสีน้ำเงินนั้นมีแต่ความเศร้าสร้อย “...เราต้องตามหาสมเด็จพระราชินีให้พบ อัญเชิญพระองค์กลับคืนบัลลังก์สีน้ำเงิน ซึ่งข้าไม่รู้เลยว่าจะไปตามหาพระองค์ได้ที่ไหน”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


“สิรี...”

เสียงหวานเสนาะหูและแรงเขย่าที่ต้นแขน ปลุกเจ้าของชื่อที่เผลองีบหลับให้ตื่นขึ้นมา ดวงตาสีน้ำเงินกะพริบปริบ เพื่อปรับสภาพว่าตัวเองอยู่ในความจริงหรือความฝัน จนกระทั่งรับรู้ว่าเป็นที่ใด จึงยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่แสดงเค้าความง่วงงุนและอ่อนเพลียไปมา จนคนที่จับจ้องกิริยาของเพื่อนมาตลอดขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย

ในหลายวันที่ผ่านมา สิริกัญญามักจะงีบหลับในช่วงเวลาที่พวกเธอปล่อยให้เจ้าหญิงแสงอัปสร ทำการบ้านด้วยองค์เองเสมอ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะหลายครั้งบริมาสก็มักแอบงีบหลับในเวลานี้ แต่ไม่บ่อยเหมือนเพื่อนแน่

“เป็นอะไรไปน่ะ ท่าทางของเจ้าดูเพลีย ๆ พิกลนะ”

“ช่วงนี้ข้านอนดึกน่ะ”

“นอนดึก!?” บริมาสขึ้นเสียงสูงด้วยความสงสัยหนักขึ้นไปอีก ก่อนนั่งลงข้างตัวเพื่อน “ทำไมต้องนอนดึก เจ้าทำอะไรอยู่งั้นหรือ”

ความช่างสงสัยของคุณหนูพระจันทร์ทำให้สิริกัญญาคลี่ยิ้มออกมา เพราะมันแฝงด้วยความเป็นห่วงจนสัมผัสได้ “ศึกษางานหัวหน้าคนรับใช้ของที่บ้านน่ะ อีกไม่นานพี่ปลายมาศจะออกแสวงบุญแล้ว ข้าต้องรับช่วงต่อโดยการจำชื่อคนรับใช้ในบ้านให้หมด และต้องไปทำความรู้จักพูดคุยกับพวกเขา เพื่อสร้างความคุ้นเคยด้วย” แต่นั่นยังไม่รวมถึงการฝึกพิเศษกับมานัย ที่ทำให้ร่างกายของเธอปวดระบม และได้รอยแผลฟกช้ำกลับมาไม่เว้นวัน

“ท่าทางจะเป็นงานที่หนักเอาการนะ คนรับใช้บ้านเจ้ามีเป็นร้อย มีบ้านใหญ่โตมโหฬารก็ลำบากอย่างนี้แหละ” คุณหนูพระจันทร์ครางอือในลำคอกับภาระหน้าที่ของเพื่อน

ในความรู้สึกของบริมาส ตำแหน่งหัวหน้าคนรับใช้มิได้ต่ำต้อยอย่างที่หลายคนเข้าใจเลยสักนิด มันก็เหมือนอาณาจักรแห่งหนึ่งที่มีประชาชนเป็นคนรับใช้ และผู้ปกครองคือหัวหน้าคนรับใช้ ดังนั้นภาระหน้าที่และความรับผิดชอบก็ไม่แตกต่างไปจากผู้ปกครองแผ่นดินเสียเท่าไร

“แล้วเจ้ามีธุระอะไรหรือ ถึงเข้ามาปลุกข้า หรือเจ้าหญิงทรงทำการบ้านเสร็จแล้ว”

คำถามของสิริกัญญาทำให้บริมาสร้องอ้อ ด้วยเกือบลืมจุดประสงค์ที่ปลุกเพื่อนให้ตื่นจากนิทรารมย์ หญิงสาวส่งม้วนกระดาษผูกด้วยเกลียวไหมสีทองให้เพื่อนรับไป “หมายกำหนดการของเจ้าหญิงแสงอัปสรมาแล้วล่ะ”

สิริกัญญาดึงเกลียวไหมออกแล้วคลี่ม้วนกระดาษดูหมายกำหนดการ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นตารางเรียนของเจ้าหญิงแสงอัปสรเสียมากกว่า แล้วสายตาของหญิงสาวก็หยุดลงบนชื่อสถานที่ที่ทำให้ต้องขมวดคิ้วมุ่น และมันก็เรียกเสียงหัวเราะจากบริมาสที่เฝ้าสังเกตอาการของเพื่อนตั้งแต่แรก

“หัวเราะอะไรบริมาส” หญิงสาวตวัดสายตาขุ่นเคืองไปยังคุณหนูพระจันทร์ที่คงเปิดดูหมายกำหนดการก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ยักคิ้วหลิ่วตาให้ด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์แสนกล

“วิชาการเรือนเราต้องไปที่คฤหาสน์ปาเยนทร์ด้วยล่ะ”

“แล้วไง” สิริกัญญาเอ่ยเสียงเรียบ และแสร้งทำทีไม่เข้าใจคำพูดแฝงความนัยของเพื่อน ก่อนม้วนกระดาษเก็บกลับตามเดิม

“ข้าได้ยินพวกคุณหนูคนอื่นเขาคุยกันว่าเจ้าปาเยนทร์กลับมาจากบูกิตแล้วล่ะ เห็นเขาบอกต่อกันมาว่าอาการป่วยทุเลาลง จนหมอทางโน้นอนุญาตให้กลับมารักษาตัวที่นี่ต่อ”

“งั้นหรือ กลับบ้านได้แล้วสินะ” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ซึ่งบริมาสเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ความจริงว่าราเชนถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ ดังนั้นพอเห็นแววตาของเพื่อนที่คลายความขุ่นเคืองลง หลังจากได้ยินว่าเขากลับบ้านได้แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่งเสียงล้อเพื่อนออกมาทันที

“ฮั่นแน่! เป็นห่วงล่ะสิ” บริมาสเย้าเสียงสนุก และส่ายนิ้วดักหน้าเพื่อนที่จะอ้าปากเถียงทันที “อย่ามาทำตัวเป็นคนปากไม่ตรงกับใจต่อหน้าข้าที่รู้ใจเจ้าเลยน่า เป็นห่วงเขาก็บอกว่าห่วง ไม่งั้นเจ้าจะเสียใจกับคำพูดของตัวเองภายหลัง”

“พูดมีสาระกับเขาก็เป็นด้วยนะ”

คุณหนูคนงามหุบยิ้มฉับกับคำของเพื่อนที่ยอกย้อนกลับมา แล้วแยกเขี้ยวใส่ทันที “เดี๋ยวเถอะ!”

สิริกัญญาหัวเราะคิกกับอาการค้อนคว่ำทางสายตา ก่อนถายหายใจออกมาแผ่วเบา เมื่อยอมรับว่าตัวเองห่วงใยต่ออาการบาดเจ็บของราเชน ทั้งที่เขาเป็นบุคคลต้องห้ามที่เธอไม่ควรนึกถึง “เป็นห่วงแล้วได้อะไรล่ะ ยังไงก็มีคนห่วงเขามากมายอยู่แล้ว”

“แหม...สิริกัญญาก็น้อยใจเป็นด้วยแฮะ” บริมาสทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่อยากเชื่อว่าเพื่อนที่ไม่เคยแสดงอาการน้อยใจจะเผยความอ่อนไหวของตัวเองออกมาให้เห็น “แต่เจ้าช่วยให้ความสำคัญกับตัวเองหน่อยเถอะ เจ้าแกล้งทำหรือไม่รู้กันแน่ว่าเจ้าปาเยนทร์น่ะพึงใจในตัวเจ้ามากแค่ไหน ถึงเจ้ากับเขาจะเจอกันนับครั้งได้ก็ตามทีเถอะ”

“ก็เหมือนที่เขาทำกับผู้หญิงคนอื่นนั่นแหละ” สิริกัญญาเอ่ยแย้งอย่างไม่เห็นด้วย อีกทั้งการพบเจอระหว่างเธอกับเขาในแต่ละครั้งก็ไม่ดีเท่าไร และเมื่อนึกถึงการพบกันครั้งแรกระหว่างเธอกับราเชนขึ้นมา มือเรียวก็ยกขึ้นกุมหน้าอกด้วยท่าทางเผลอไผล ซึ่งปลายนิ้วของเธอสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้ามาตลอดสิบปี

“เจ้าปาเยนทร์ไม่เคยรุกเข้าหาใครก่อน ยกเว้นเจ้านะ”

“เข้าข้างกันเข้าไป เขาให้สินบนอะไรเจ้าหรือเปล่า บริมาส”

“แหม...” บริมาสพ่นลมหายใจใส่จมูกกับถ้อยคำเหน็บแนมของเพื่อน

“ไม่ต้องมาหงมาแหมหรอกจ้ะ เจ้าเอาเวลาที่มายุ่งเรื่องของเข้าไปยุ่งเรื่องของตัวเองดีกว่า เจ้าจะทำยังไงกับผู้ชายคนเดียวของเจ้า หน้าตาก็ไม่รู้จัก แล้วจะไปตามหาเขายังไง”

พอบริมาสโดนจี้เรื่องตัวเองบ้าง ก็ได้แต่ขยับริมฝีปากมุบมิบอย่างหาคำใดมาตอบโต้ไม่ได้ สิริกัญญาหัวเราะหึในลำคอ คุณหนูจอมซนเลยส่งสายตาค้อนคว่ำแถมให้อีกรอบ แล้วห่อไหล่ลงด้วยท่าทางอับจน เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาท่านพระอาทิตย์ของเธอได้ที่ไหน

“ข้าจะลองไปที่ป่าปัจฉิมอีกครั้ง จะไปที่นั่นทุกวันเพื่อให้ได้เจอเขา”

“พ่อเจ้าคงยอมหรอก” สิริกัญญาดับความหวังของเพื่อน ชนิดที่ทำให้คุณหนูช่างฝันแผ่บรรยากาศมืดมนออกมา หญิงสาวจึงส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนตบลงบนหลังมือของอีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ

“ถ้าไปคนเดียว ท่านเสนาบดีอาจไม่ยอม แต่ถ้าเราไปกันหลายคนก็คงพอทำให้ท่านหายห่วง และยอมให้เราไป...ข้าจะช่วยตามหาผู้ชายเพียงคนเดียวของเจ้า บริมาส”

คุณหนูพระจันทร์มองเพื่อนสีน้ำเงินด้วยน้ำตาคลอเบ้า ก่อนโผเข้ากอดอีกฝ่ายอย่างซาบซึ้งใจ หากเธอเอาเรื่องนี้ไปพูดให้คุณหนูคนอื่นฟัง คงไม่มีใครยอมช่วยเธออย่างเพื่อนคนนี้แน่ ดีไม่ดีอาจหาว่าเธอเพี้ยนไปอีกต่างหาก และซ้ำร้ายถ้าบิดารู้เรื่องนี้ ท่านคงเร่งรีบหาคู่ดูตัวให้เธอสักคน แล้วจับบังคับหมั้นเพื่อให้เธอเลิกฝันถึงพระอาทิตย์ของเธอแน่

“ขอบใจนะสิรี...เจ้าช่วยข้าตั้งหลายอย่าง แต่ข้ายังไม่เคยช่วยอะไรเจ้าเลย” บริมาสเอ่ยเสียงสั่นเครือ พลางกระชับกอดเพื่อนสีน้ำเงินแน่นขึ้นไปอีก

“อย่าคิดมากน่า เจ้าเป็นเพื่อนข้านะ ถ้าเพื่อนเดือดร้อน ข้าก็ต้องช่วยสิ” สิริกัญญากลั้วหัวเราะในลำคอ พลางลูบแผ่นหลังบอบบางของคุณหนูคนงามที่ขี้แยขึ้นมากะทันหัน แต่คำพูดถัดไปของคนในอ้อมแขน ก็ทำให้หญิงสาวนึกอยากกลับคำขึ้นมา

“อย่าห่วงเลยนะสิรี ข้าจะตอบแทนด้วยการทำให้เจ้ากับเจ้าปาเยนทร์ได้คู่กันเอง”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


หลังจากที่เจ้าหญิงแสงอัปสรทรงทำการบ้านเสร็จ ก็เป็นเวลาที่สองพระพี่เลี้ยงรู้ดีว่าจะมีกลุ่มลิงทะโมนมาชักชวนเจ้าของตำหนักวิหคสุบรรณออกไปเล่นข้างนอก ซึ่งวันนี้พลพรรคเจ้าชายชเยนทรนึกอยากออกไปเล่นนอกรั้ววัง สองพระพี่เลี้ยงเลยจับทหารยามรักษาตำหนักผู้โชคร้ายให้ไปช่วยคุมเด็กซนเพิ่มอีกสองคน

และสถานที่ที่พลพรรคเจ้าชายชเยนทรพาเจ้าหญิงแสงอัปสรกับสองพระพี่เลี้ยงมา คือจัตุรัสกลางเมืองที่มีแผงลอยวางขายทั่วลานกว้าง สำหรับบริมาสกับสิริกัญญานั้นคุ้นเคยกับจัตุรัสนี้ดี ด้วยเคยแอบมาเดินเที่ยวที่นี่บ่อยครั้ง แต่สำหรับเจ้าหญิงแสงอัปสรที่ไม่เคยเสด็จออกไปไหน ก็อดรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสถานที่แห่งนี้ไม่ได้

“พี่แสงอัปสร พี่สิรี พี่บริมาสมาทางนี้”

เจ้าชายชเยนทรกวักหัตถ์ให้คนสูงวัยกว่า ที่มัวแต่เหม่อมองฝูงคนตามเข้าไปในตรอก โดยแต่ละคนพากันเดินเรียงแถวลัดเลาะไปตามถนนคับแคบ และมีทหารยามรักษาตำหนักวิหคสุบรรณปิดท้าย ซึ่งสถานที่ที่พวกเขาโผล่เข้าไปคือลานกว้างอีกแห่งที่คราคร่ำด้วยกลุ่มเด็กหลากวัย

“พวกเราเจ้าชัยมาแล้ว!”

คำเรียกขานของเด็กกลุ่มหนึ่งที่หันมาเห็นกลุ่มที่เข้ามาใหม่ ทำให้สิริกัญญารู้สึกแปลกใจไม่น้อย ด้วยเธอจำได้ว่าชื่อนั้นเป็นพระนามของเจ้าชายชัยนเรนทร์ ยามเสด็จออกตรวจเมือง แต่เธอก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก นอกจากมองเด็กกลุ่มใหม่ที่วิ่งเข้ามาห้อมล้อม และทักทายเจ้าชายน้อยด้วยท่าทางสนิทสนมคุ้ยเคย

“เจ้าชัยไปไหนมา ไม่มาเที่ยวที่นี่ตั้งนาน”

“ติดเรียนน่ะ แล้วอาจารย์ก็ให้การบ้านเยอะมาก”

เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากสมาชิกจอมซน ก่อนสะกิดให้เจ้าชายหันพักตร์ไปทางน้องสาวของอาจารย์ที่กำลังแย้มยิ้มหวาน จนต้องยกหัตถ์ขึ้นปิดโอษฐ์ที่ทรงเผลอนินทาให้คนใกล้ตัวพระอาจารย์ได้ยิน

“ให้การบ้านเยอะ หรือว่าไม่ยอมทำกันแน่คะ” สิริกัญญาเลือกที่จะใช้คำสามัญกับเจ้าชายน้อย เพราะเธอคิดว่าเจ้าชายทรงเสด็จมาเที่ยวที่ลานกว้างนี้ในฐานะคนธรรมดาสามัญ

“ให้การบ้านเยอะ…” เจ้าชายชเยนทรทรงลากเสียงยาว แล้วหันไปขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกในพลพรรค เรียกเสียงหัวเราะจากพระพี่เลี้ยงที่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของเด็กซุกซนกลุ่มนี้ดี

“เอาเถอะค่ะ เรื่องนี้ก็อยู่ในพิจารณาของพี่ปลายมาศ แต่ถ้าไม่รีบทำการบ้านให้เสร็จ เห็นทีรอบหน้าคงต้องใช้เวลานานกว่าจะออกมาได้”

คำขู่ของพระพี่เลี้ยงสีน้ำเงิน ทำเอาคนไม่ชอบทำการบ้านคอย่นกันเป็นแถบ เจ้าหญิงแสงอัปสรที่ทรงเฝ้าทอดพระเนตรดูการโต้เถียงระหว่างพลพรรคเด็กซน กับหนึ่งในพระพี่เลี้ยงของพระองค์ก็หลุดเสียงสรวล พลางส่งสายพระเนตรสมน้ำหน้าไปยังเด็กซนที่พร้อมใจกับส่งสายตาค้อนแปดตลบมาให้

“งั้นข้าก็โชคดีที่ทำการบ้านเสร็จทุกวัน เลยออกมาเล่นได้ตลอด”

“พี่แสงไม่ต้องมาข่มทับหรอก มีพี่สิรีกับพี่พระจันทร์ช่วยทำการบ้านตั้งสองคนก็เสร็จเร็วสิ”

เจ้าหญิงแสงอัปสรบีบพระนาสิกเจ้าชายน้อย พลางบิดส่ายไปมาด้วยท่าทางหมั่นไส้ “แต่พวกเจ้ามีกันตั้งแปดคน แบ่งงานกันทำแล้วค่อยมาลอกการบ้านกันทีหลังก็ได้”

“เป็นคำแนะนำที่ไม่ดีเท่าไรเลยค่ะ การบ้านของใคร คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่เข้าใจแล้วมาปรึกษาหารือกันก็ว่าไปอย่าง” สิริกัญญาเอ่ยขัด พลางส่งยิ้มหวานให้กับพลพรรคเจ้าชายชเยนทร “ดังนั้นทำการบ้านเองดีกว่านะคะ เพราะถ้าพี่ปลายมาศรู้เข้า คงได้เจอเรื่องสยดสยองชนิดลืมไม่ลงแน่”

คนถูกขู่พากันนึกภาพพระอาจารย์ที่ชอบยิ้มใจดี แต่นิสัยดันไม่เข้ากับรอยยิ้มด้วยอาการขนพองสยองเกล้า เพราะแต่ละคนล้วนเคยเจอปลายมาศโกรธมาแล้วทั้งนั้น ชายหนุ่มไม่พูดกับลูกศิษย์ของตัวเองนานเป็นเดือน จนคนผิดร้องไห้ฟูมฟายขอโทษว่าจะไม่ทำผิดอีก แล้วตอนนั้นเองที่จะได้รับการปลอบโยนกับคำขอโทษจากพระอาจารย์ ที่สอนให้รู้ว่าควรขอโทษเมื่อทำผิด

“เจ้าชัยว่าเราเลิกพูดเรื่องการบ้านเถอะ มาถึงที่นี่ทั้งทีก็ไปเล่นกันดีกว่า”

“เล่น?” น้ำเสียงที่ปนไปด้วยคำถามของคนสูงวัย เรียกรอยยิ้มจากพลพรรคคนซน

“นั่นไง”

เจ้าชายชเยนทรบุ้ยใบ้ไปทางเด็กคนอื่นที่จับกลุ่มกันเล่นเกมที่แตกต่างออกไป ซึ่งสิริกัญญากับบริมาสรู้จักเกือบทุกเกม ยกเว้นเจ้าหญิงแสงอัปสรที่เคยเล่นเกมบางอย่างจนนับชนิดได้ แล้วดวงเนตรสีน้ำตาลไหม้ของเจ้าชายน้อย ก็ทอดพระเนตรมองทหารยามรักษาตำหนักวิหคสุบรรณ ด้วยแววเนตรที่คนถูกจ้องเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดีขึ้นมารำไร

“พวกพี่แสงจะไปเล่นอะไรก็ได้นะ พวกเขาพร้อมรับพวกพี่ให้เข้าไปเล่นด้วยอยู่แล้ว แต่เจ้าชัยขอยืมตัวคนของพี่แสงหน่อยนะ”

“เจ้าชัยจะเอาคนของพี่ไปทำอะไร”

“เจ้าชัยเคยบอกเพื่อน ๆ ที่นี่ว่าจะพาคนสอนดาบมาให้ คนของพี่แสงเก่งดาบพอดีเลย”

เจ้าหญิงแสงอัปสรพยักพักตร์อย่างเข้าใจ ก่อนปรายพระเนตรไปยังทหารยามรักษาตำหนักวิหคสุบรรณ ที่ยิ้มไม่ค่อยออกเท่าไร เมื่อสายตาพลัดไปเห็นเด็กแถบนี้ที่พากันหูผึ่งด้วยความสนใจ หลังจากได้ยินว่าจะมีคนมาสอนดาบ ซึ่งจำนวนของเด็กที่สนใจมีมากเกินกว่าที่คนสองคนจะรับไหว

“ดูแลน้องข้าให้ดีนะ” เจ้าหญิงทรงตรัสเสียงหวานกับทหารประจำองค์ ก่อนดึงสองพระพี่เลี้ยงไปยังกลุ่มที่เล่นกระโดดเชือกทันที ทิ้งให้ทหารผู้โชคร้ายทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้วยไม่อาจปฏิเสธคำสั่งของเจ้าชีวิตได้เลย

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ในเวลาไม่นาน ลานกว้างซึ่งเป็นสนามเด็กเล่นก็ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน โดยส่วนแรกนั้นโดนพลพรรคเจ้าชายชเยนทรยึดไว้เป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้เด็กที่สนใจวิชาดาบมาดูการเรียนเบื้องต้นจากครูสอนจำเป็น ที่งัดเอาวิชารำดาบมาสอน ซึ่งพวกเขาคิดว่ามันคงดีกว่าเอาวิชาต่อสู้ที่หักหาญกำลังกันมาสอนเด็กพวกนี้

ส่วนที่เหลือยังเป็นการจับกลุ่มแยกประเภทการเล่นตามเดิม ซึ่งจุดเด่นของส่วนนี้โดนกลุ่มกระโดดเชือกแย่งไปหมด ด้วยว่าในกลุ่มนั้นมีคุณหนูสูงศักดิ์สามคนที่เล่นกระโดดเชือกเก่งยิ่งกว่าที่เด็กหลายคนคาด

เกลียวเชือกหมุนไกวไปมาพร้อมกับการร้องเพลงประกอบ ซึ่งในแต่ละรอบจะไม่มีการร้องเพลงซ้ำกันเลยสักรอบ และพอถึงช่วงสุดท้ายของเกม ทุกคนในวงเชือกก็จ้องจับจังหวะจบ เพื่อชิงความเป็นที่หนึ่ง โดยของรางวัลของเกมในรอบนี้ คือเม็ดมะยมแช่อิ่มสิบสองไม้ แล้วคนที่คว้าที่หนึ่งไปก็คือคุณหนูพระจันทร์ที่ชนะติดต่อกันเป็นรอบที่สาม

บริมาสหัวเราะอย่างสนุก และรับของรางวัลมาในฐานะของผู้ชนะ ก่อนแจกจ่ายของรางวัลของตัวเองให้เด็กในกลุ่มที่มีจำนวนเท่ากับของรางวัล ดังนั้นทุกคนจึงหยุดเล่นกระโดดเชือกชั่วคราว แล้วหันมาจัดการของรางวัลของคุณหนูพระจันทร์ด้วยกัน

“ที่นี่สนุกดีเนอะ” เจ้าหญิงแสงอัปสรตรัสเสียงหอบ พลางประทับนั่งลงบนพื้น โดยไม่กลัวเปื้อนฝุ่นดังเช่นเด็กคนอื่น

“ที่นี่เป็นสนามเด็กเล่นที่เศรษฐีคนหนึ่งสร้างไว้ค่ะ และที่มาสร้างไว้ในที่นี้ก็เพราะอยากให้พวกเขาได้พบกับความสนุกบ้าง” บริมาสอธิบายอย่างผู้รู้ในประวัติของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมันเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นในสมัยเด็ก ที่สงสัยว่าทำไมถึงมีสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่อยู่ในชุมชนคนเข็ญใจได้

เจ้าหญิงแสงอัปสรทรงทอดพระเนตรโดยรอบ พลางนึกดำริอยู่ในหทัยว่าพระองค์ไม่เคยรู้เลยว่าที่นี่ยังมีเด็กที่อยู่ในครอบครัวยากจนอยู่มาก ด้วยไม่เคยเสด็จออกมายินยลว่านอกรั้ววังนั้นเป็นเช่นไร อีกทั้งเด็กที่นี่ยังมีไมตรีจิตยิ่งกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในวังหลวงเสียอีก

“เราจะทำอะไรให้พวกเขาได้บ้างไหมนะ” เจ้าหญิงทรงหลุดคำพึมพำออกมา และทำให้บริมาสแย้มยิ้มกว้าง

“ง่ายนิดเดียวค่ะ เราก็แค่ช่วยดูแลรักษาสนามเด็กเล่นนี้ให้คงความเป็นสนามเด็กเล่นต่อไป ไม่ให้ผู้มีอำนาจบาตรใหญ่เข้ามายึดมัน เพื่อเป็นที่อำนวยความสะดวกเฉพาะตน”

เจ้าหญิงแสงอัปสรขมวดพระขนงเข้าหากันกับคำพูดท่อนหลังของพระพี่เลี้ยงพระจันทร์ “เจ้าพูดเหมือนกับว่ามีใครบางคนคิดจะยึดที่นี่อยู่อย่างนั้นแหละ”

“ลูกหลานของเจ้าของที่ดินค่ะ เขาไม่ต้องการให้พวกเราเข้ามาเล่นในนี้เหมือนกับพ่อของเขา หม่อม...เอ๊ย! ข้าคิดว่าเจ้าชัยก็รู้เรื่องนี้ และพยายามจัดการอะไรบางอย่างตามลำพัง” อย่างน้อยบริมาสก็เคยเป็นเด็กถิ่นนี้มาก่อน ย่อมมีหูตามากพอที่จะสืบความเป็นไปของคนที่อยู่ในนี้

“เด็กอย่างพวกเราไม่มีกำลังพอที่จะต่อต้านผู้ใหญ่เห็นแก่ตัวได้หรอกค่ะ” สิริกัญญาเอ่ยต่อคำพูดของเพื่อนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นอกเสียจากว่าเราจะยืมมือผู้ใหญ่ด้วยกันมาช่วย”

“งั้นข้าคิดว่าข้ารู้แล้วล่ะว่าตัวข้าสามารถทำอะไรได้”

บริมาสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่สามารถดึงเจ้าหญิงแสงอัปสรมาเป็นพวกได้สำเร็จ ทั้งที่ตอนแรกหญิงสาวนึกปรึกษากับสิริกัญญาอยู่นานสองนาน ว่าจะทำอย่างไรให้เจ้าหญิงเสด็จมาที่นี่ และเกิดความผูกพันให้อยากปกป้องสนามเด็กเล่นแห่งนี้ แล้วเจ้าชายชเยนทรก็ทรงขี่ม้าขาวมาช่วยพวกเธออย่างไม่คาดฝัน

แต่ความคิดของคุณหนูพระจันทร์ต้องสะดุดไป เมื่อสายตาพลัดไปเห็นใครบางคนกำลังส่งยิ้มนุ่มละมุนมาให้เธอ “เดี๋ยวข้ามานะท่านแสง สิรี รู้สึกว่าข้าจะเจอคนรู้จักน่ะ” หญิงสาวผุดลุกขึ้นทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายผละจากไป ก่อนวิ่งตามหลังผู้ชายแปลกหน้า แต่ไม่แปลกในความคุ้นรู้สึก

บริมาสวิ่งตามผู้ชายที่คิดว่าเป็นพระอาทิตย์ของเธอไปอย่างไม่คลาดสายตา แต่อีกฝ่ายนั้นก็เดินเร็วเสียจนหญิงสาววิ่งตามไม่ทัน พอโดนฝูงคนเบียดเข้ามามากขึ้น สายตาของเธอก็พลัดหลงไปจากเขา ได้แต่ยืนเคว้งอยู่กลางฝูงชนที่เดินผ่านไปมาด้วยความผิดหวังที่ไม่อาจตามติดเขาไปได้ หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่กำลังล้นออกมา ก่อนปาดเช็ดน้ำตาที่ปริ่มไหล

พระอาทิตย์ของเธอโดนราหูกินเสียแล้ว...

“ร้องไห้ทำไม” เสียงทุ้มดุดังขึ้นจากเบื้อหลัง พร้อมกับหัตถ์ใหญ่ที่เอื้อมมาประทานเช็ดน้ำตาให้ บริมาสหันกลับไปมองเจ้าของเสียงอย่างรวดเร็ว พลางจดจ้องอีกฝ่ายที่ส่งสายพระเนตรเอื้อเอ็นดูตอบกลับมา แล้วความหดหู่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็มลายหายไป เหลือแต่อาการพองในอกด้วยความดีใจ

“พระจันทร์คิดว่าจะไม่ได้เจอท่านพระอาทิตย์เสียแล้ว” หญิงสาวตอบกลับเสียงเครือ พลางมองเจ้าหลวงวิวัสวัตที่วันนี้ไม่ได้ปกปิดพักตร์ให้อยู่ใต้ผ้าคลุมดังเช่นคราแรก ดังนั้นเธอจึงได้เห็นว่าพระอาทิตย์ของเธอเป็นผู้ชายที่มีดวงหน้างดงามดุจภาพเขียน อันไม่เข้ากับเสียงทุ้มดุที่ทำให้คิดว่าพระอาทิตย์ของเธอคงมีใบหน้าเหี้ยมหาญ

แต่จะว่าไปใบหน้าที่งดงามดั่งเทพพระอาทิตย์ ก็แฝงความองอาจและหยิ่งทะนงไว้พอสมควร ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่จะปรากฏอยู่ในตัวคนธรรมดาสามัญ คุณหนูคนงามจึงเดาเอาว่าอีกฝ่ายคงมีฐานะ หรือบางทีอาจเป็นขุนนางจากรัฐไหนสักรัฐ

“ถ้าถึงเวลาที่ลิขิต แม้จะอยู่ไกลกันสุดขอบฟ้า หนทางก็จะเปิดให้เราได้พบกันเอง รอจนกว่าเส้นทางนั้นจะเปิดให้เราได้ไหม”

กระแสเสียงหวานที่เอ่ยถึงความนัยที่แฝงมา จับหัวใจของบริมาสยิ่งกว่าถ้อยคำหวานของเหล่าคุณชาย ที่เคยเข้ามาเกี้ยวพาราสีเธอเสียอีก และเธอก็พยักหน้ารับคำนั้นอย่างไม่ลังเล

“พระจันทร์จะรอค่ะ”




แหงบ ๆ กลับไปไล่ล่าตอนจบต่อ



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2551 18:08:14 น.
Counter : 879 Pageviews.

31 comments
  
ไหงเป็นงั้นได้ละคะ คุณหนูน่ะ แย่งบทหวานจากสิรีไปหมดแล้ว เมื่อไหร่จะเห็นสิริหวานซะทีคะ
โดย: น้อง IP: 124.121.187.131 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:41:05 น.
  
นั่นสิคะ ปล่อยคุณหนูพระจันทร์มาหวานคนเดียวได้ไงล่ะคะ
แล้วสิรีล่ะ เดี๋ยวเกิดต้องกลับบ้านเมืองตัวเอง เจ้าปาเยนทร์จะเศร้านะคะ รีบให้ออกมาหาความหวานเก็บไว้บ้างเถอะค่ะ
โดย: pumpam IP: 58.8.76.42 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:44:26 น.
  

คู่คุณหนูพระจันทร์นี่โรแมนติกดีนะค่ะ

ท่านอาทิตย์น่ารักแถมไม่เจ้าชู้ด้วย

หวังว่าคู่สิรีคงหวานไม่แพ้กัน และห้ามปาเยนทร์

เจ้าชู้นะ
โดย: nekojung IP: 58.9.77.206 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:18:24 น.
  
มีความสุขมากๆๆนะค่ะ สุขภาพกายเเละใจเเข็งเเรงค่ะ


glitter-graphics.com

โดย: รวิษฎา วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:05:36 น.
  
โดย: เลขาตัวซน วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:09:58 น.
  
สุขสันต์วันเกิดนะค่ะ ขอให้มีแต่ความสุข เงินทองไหลมา เทมานะค่ะ

โดย: Candydolls วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:31:46 น.
  



สุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรงครับ
โดย: zunzero วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:33:38 น.
  


ขอให้มีความสุขมากๆ คิดสิ่งใดขอให้สมหวังนะคะ
โดย: ทรายะจัง วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:0:59:50 น.
  
แวะมาส่งความสุขก่อนเข้านอน
สุขสันต์วันเกิดมาก ๆๆๆ



โดย: =Lord Gary= วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:00:07 น.
  
โดย: somnumberone วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:41:23 น.
  
ขอให้มีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง

สมหวังในทุกสิ่ง ตลอดไปนะคะ

สุขสันต์วันเกิด นะคะ..

กาน..
โดย: saykan@_@ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:53:11 น.
  
Photobucket

สุขสันต์วันเกิดนะคะ เกิดวันเดียวกันเลยคะ
โดย: the river of Aquarius วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:2:10:25 น.
  


สุขสันต์วันเกิดจ้า แก่ขึ้นอีกปีแล้วดีใจด้วยนะ อิอิ
เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ แบ่งปันความสุขให้ผู้ด้อยโอกาส
สิ่งสำคัญ โทรบอกรักคุณแม่ ว่าเราดีใจแค่ไหนที่ได้เกิดมา


ว่างๆ จะแวะมาอ่านนะคะ เป็นบล็อกของนักเขียนด้วยชอบจัง
แต่ช่วงนี้ภารกิจเยอะ งานแยะ หาเวลาว่างยากจัง
โดย: หมูอ้วน (pigarea ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:51:10 น.
  


お誕生日おめでとう!
สุขสันต์วันเกิด
มีความสุขมากๆ
เดหลีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
โดย: เดหลี (เดหลีสีแดง ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:10:16 น.
  
โดย: kanok_noi วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:24:36 น.
  


แวะมา Say Happy Birthday!!!!! ครับ
ช่วยรับเค้กวันเกิดด้วยครับ
เอาไป 2 ก้อนเลยนะ



เก็บภาพประทับใจจากวัดพระแก้ว – พระบรมมหาราชวัง มาฝากด้วยครับ

ภาพประทับใจจากวัดพระแก้ว – พระบรมมหาราชวัง

ดูบรรยากาศแบบเต็มๆ คลิกที่ภาพได้นะครับ

มิสเตอร์ฮอง



โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:06:27 น.
  
สุขสันต์วันเกิดค่ะ
ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ ^^

โดย: Charlotte Russe วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:17:54 น.
  

โดย: a_mulika วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:30:55 น.
  
Happy Birthday นะค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ ปล. ตามมาเยี่ยมชมค่ะ

โดย: Takaw (Takaw ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:10:50:22 น.
  

ขอให้มีความสุข...สดชื่น...สมหวัง

กายและใจแข็งแรง

เป็นที่รักของทุกคนนะคะ


โดย: ปักเป้าจุด วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:21:03 น.
  
โดย: joblovenuk วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:21:16 น.
  
center>

โดย: Yoawarat วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:42:54 น.
  


::::::: H A P P Y :: B I R T H D A Y :::::::


ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ

โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:47:55 น.
  

Happy Birthday 2U



โดย: Yoawarat วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:48:32 น.
  
สุขสันต์วันครบรอบวันเกิดค่ะ เจนนี่ขอให้คุณเจ้าของวันเกิดวันนี้ มีความสุขมากๆน่ะคะ คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมหวังดังใจปรารถนา เจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงานน่ะคะ เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง สุขภาพแข็งแรงตลอดปีและตลอดไปค่ะ เพี้ยง เพี้ยง เพี้ยง

ป.ล. ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าของบล็อคค่ะ ว่างๆก็แวะมาทักทายเจนนี่ได้เสมอน่ะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ




โดย: สาวอิตาลี วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:19:06 น.
  
โดย: จูมงแห่งกูกูยอ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:25:21 น.
  
สุขสันต์วินเกิดค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆกับครอบครัว และสุขภาพแข็งแรงทั้งใจและกายค่ะ


         
โดย: แม่น้องแปงแปง (แม่น้องแปงแปง ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:06:43 น.
  
สุขสันต์วันเกิดค่ะ มีความสุขมากๆ นะค่ะ เจอที่อ่านนิยายอีกที่แล้วสิเรา สอบเสร็จแล้วจะแวะมาอ่านนะค่ะ
โดย: veeda วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:24:32 น.
  


ป้าเชิญนางฟ้าแสนสวย...มาอวยพรวันเกิดนะค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
และเหตุการณ์ดีๆรวมทั้ง...
ความรักที่ที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ
หวังว่าคงจะไม่ช้าไปนะคะ
*********
*****


โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:07:04 น.
  

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:21:17 น.
  



สุขสันต์วันเกิดค่ะ
ขอให้มีความสุข
ขอให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
ขอให้มีเงินทอง
ขอให้มีแต่คนรักและเมตตาค่ะ


^ ^


โดย: โสดในซอย วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:32:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog