พิษเสน่หา 12
๑๒ หมานิสัยไม่ดี

สิริกัญญาขยับตัวไปมาอย่างอึดอัดกับสายตาของราเชนที่จับจ้องมา เขาจ้องเธอมาอย่างนี้นับตั้งแต่มานัยขอตัวลงจากรถม้าหลังจากผ่านรั้ววังไปไม่นาน และมันก็ทำให้ความอดทนของหญิงสาวเริ่มหมดลงทุกที

“หน้าข้ามีอะไรติดอยู่งั้นหรือคะ”

ราเชนมองดวงตาสีน้ำเงินที่จ้องตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา แล้วระบายลมหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า บทสนทนากับมานัยยังอยู่ในความคิดองเขาตลอด โดยเฉพาะเรื่องที่ปลายมาศถูกทดลองยาพิษมาตั้งแต่เด็ก

“ทำไมปลายมาศต้องทดสอบยาพิษ แล้วท่านจินดารู้หรือเปล่า” ชายหนุ่มหลุดคำถามที่ค้างคาใจออกไป เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่เป็นถึงองคมนตรีแห่งปามะห์จะไม่รู้เรื่องนี้

“ถ้าเรื่องทดสอบยาพิษของพี่ปลายมาศ ท่านพ่อรู้ดี” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยท่าทางเรียบเนือย พลางเบือนสายตาไปทางอื่น

“แล้วเรื่องที่เจ้าถูกทำร้าย หรือเรื่องที่ปลายมาศถูกวโรดมทรมานล่ะ”

สิริกัญญากำกระโปรงแน่นกับคำถามที่พุ่งตรงเข้ามา เธอจำได้ว่าตอนเด็กเคยถูกพี่น้องคนอื่นกลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง แต่เธอจำไม่ได้แล้วว่าพวกพี่น้องเลิกแกล้งเธอตอนไหน ครั้นพอมารู้ตัวอีกที ปลายมาศก็สะบักสะบอมแทนเธอแล้ว

“ข้าไม่ค่อยโดน พี่ปลายมาศต่างหากที่โดนบ่อยกว่าข้า”

“แล้วเจ้าสองคนพี่น้องก็ยังทนอยู่ในนั้นได้”

คำถามที่สองทำให้สิริกัญญาหันกลับมาสบตากับดวงตาสีถ่านอีกครั้ง ถ้าคิดแบบไม่มีอคติแล้ว หญิงสาวคิดว่าเจ้าปาเยนทร์ก็เป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง เขาทุกข์ร้อนและเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพของเธอกับปลายมาศ หลังจากรู้ว่าพวกเธอเจออะไรในบ้านหลังนั้น

“ข้าอยู่ในบ้านหลังนั้นได้เพราะมีท่านพ่อกับพี่ปลายมาศ” ...และปลายมาศก็อยู่ได้เพราะมีเธอกับท่านจินดาเช่นกัน

“ข้าไม่เข้าใจ” ราเชนโต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าความพลุ่งพล่านในใจนี้มาจากไหน เขารู้แค่ว่าตัวเองห่วงหญิงสาวตรงหน้า ที่แม้จะบอกว่าตัวเองไม่ได้ถูกทรมานเหมือนพี่ชาย แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่ถูกกระทำทารุณ

“เขามีบ้านที่ได้รับพระราชทานมาจากเจ้าหลวง และบ้านหลังนั้นก็เตรียมพร้อมให้คนเข้าไปอยู่ได้ตลอด แต่เขาก็ไม่พาเจ้าออกมา มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ทนอยู่ให้ถูกทรมานไปทำไม”

ดวงตาสีน้ำเงินทอแววอ่อนลงเล็กน้อย ใจจริงของเธอมีความเห็นเหมือนกับราเชน แต่เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งคิดถึงบางอย่างได้ว่าที่ที่เธอควรอยู่คือที่ไหน “ข้าไปไม่ได้”

“ทำไม”

“หากข้าไป คนที่ต้องรองรับอารมณ์ผิดปกติของเหล่าพี่น้องของข้าก็คือเหล่าคนรับใช้ในบ้าน ข้าเป็นลูกของท่านพ่อจะต้องรับผิดชอบต่อทุกชีวิตที่อยู่ในปกครองเช่นเดียวกัน นี่คือหน้าที่ของข้าที่เกิดมาเป็นลูกของเจ้านาย”

ราเชนนิ่งงันไปกับคำตอบที่ไม่คาดคิด ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ไม่รู้แม้แต่ชาติกำเนิดอันสูงส่งของตัวเอง แต่เธอกลับมีสำนึกของเจ้ามหาชีวิตอยู่เต็มเปี่ยมในจิตใจ แล้วเมื่อโดนพูดแบบนี้ใส่ เขาจะขัดขืนเจตนารมณ์นั้น โดยการหาทางกักตัวเธอไม่ให้กลับไปยังบ้านหลังนั้นได้อีกหรือ

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก พลางมองร่างบอบบางที่นั่งเหยียดหลังตรงอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาถูกใจผู้หญิงคนนี้ตรงไหนนะ ทั้งที่เธอไม่ใช่แบบที่เขาชอบ ซ้ำยังอายุน้อยกว่าตั้งเกือบรอบ แล้วสาเหตุที่เขาเข้าไปเกี่ยวพันกับเธอก็เป็นเพราะสายเลือดที่เขาสนใจเท่านั้น

ทั้งที่ไม่น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ แต่ทำไมเขากลับละสายตาไปจากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้

“เจ้าทำให้ข้าทึ่งได้ตลอดเลยนะ คุณหนู”

สิริกัญญาหรี่ตามองคนที่กำลังหัวเราะด้วยน้ำเสียงมีเลศนัยอย่างไม่ไว้วางใจ และเมื่อสังเกตเห็นแววตาบางอย่างในดวงตาสีถ่าน สังหรณ์ส่วนลึกก็เตือนให้เธอขยับตัวถอยหนีทันที แต่ราเชนนั้นว่องไวพอใช้ เขาคว้าร่างโปร่งบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง พร้อมกับปิดประทับริมฝีปากบางที่กำลังจะส่งเสียงร้องอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ เมื่อถูกคนแข็งแรงกว่าบังคับจูบอีกรอบ มือเรียวพยายามดึงทึ้งเส้นผมยาวสลวยของเจ้าปาเยนทร์เต็มแรง แต่เขากลับรวบมือทั้งสองข้างของเธอไว้ด้านหลัง แล้วบังคับให้เธอแหงนหน้ารับริมฝีปากที่กดลงมาอย่างถนัดถนี่

“ท่านราเชนขอรับ”

เสียงคนสนิทของเจ้าปาเยนทร์ขัดอารมณ์ของคนที่อยู่ด้านในได้ชะงัดนัก ชายหนุ่มถอนหายใจดังเฮือก แล้วยอมผละออกจากริมฝีปากจิ้มลิ้มของหญิงสาวอย่างเสียดาย แต่เขายังไม่ยอมคลายวงแขนจากร่างโปร่งบางที่เริ่มดิ้น เพื่อให้หลุดจากพันธนาการแข็งแรงอีกครั้ง

“รู้หรือเปล่าว่ายิ่งดิ้นจะทำให้ข้ามีอารมณ์อยากแกล้งคุณหนูต่อ” คำขู่ของเขาได้ผลโดยไม่ต้องทดลองให้เห็น หญิงสาวถลึงตาใส่คนที่รังแกเธออีกจนได้

“ข้าอุตส่าห์นึกว่าท่านเป็นคนดีขึ้นมาแล้วเชียว” สิริกัญญาขบฟันกรอดอย่างแค้นเคือง

“ข้าไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก ข้าชอบทำให้ผู้หญิงร้องไห้”

“ข้าเกลียดท่าน!” หญิงสาวร้องประท้วงด้วยเสียงที่เหมือนกระซิบ อย่างน้อยเธอก็มียางอายจนไม่กล้าพูดเสียงดังให้คนเบื้องนอกได้ยิน

“งั้นข้าจะทำให้เจ้าเกลียดข้ามากกว่านี้ เกลียดข้าจนเต็มหัวใจเลยดีไหม”

ร่างโปร่งบางเบี่ยงตัวหนี เมื่อริมฝีปากเรียวบางเริ่มไล่เรื่อยผ่านแนวคางลงมาถึงซอกคอ แต่คนที่ถูกจับขึงมือไว้ด้านหลัง และนั่งพาดอยู่บนหน้าตักแข็งแรงก็ทำอะไรไม่สะดวกนัก แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะยังเข้าข้างสิริกัญญาอยู่บ้าง เมื่อเสียงของบุคคลที่สามดังขัดจังหวะขึ้นมาอีกครั้ง

“เฮ้ย! ราเชน เมื่อไหร่จะลงมาจากรถเสียที ข้ารอจนเมื่อยแล้วนะ”

แม้จะเป็นเวลาเพียงชั่วครู่ แต่สิริกัญญาก็ใช้ช่วงที่ราเชนชะงัก และเผลอคลายมือจากการเกาะกุมดิ้นหลุดจากพันธนาการมีชีวิตทันที หญิงสาวผลักร่างสูงใหญ่ให้ห่างจากตัวเต็มแรง จนอีกฝ่ายเสียหลักล้มเอาศีรษะฟาดกับผนังรถจนเกิดเสียงดังโครมออกไปถึงข้างนอก และด้วยความคับแค้นที่ถูกเหยียดหยาม มือเรียวจึงฟาดเข้าที่ใบหน้าคมคายเต็มแรง ก่อนผลุนผลันลงมาจากรถ แล้วปะทะเข้ากับเจ้าชายชัยนเรนทร์ที่ทำพักตร์ประหลาด

“พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่ในนั้นน่ะ”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


เสียงสรวลยังดังไม่หยุดหลังจากที่เจ้าชายชัยนเรนทร์ได้ทรงเป็นพยานในเหตุการณ์ระทึกขวัญ ซึ่งไม่มีใครเชื่อแน่ว่าหนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งปามะห์จะถูกผู้หญิงตบหน้า และนั่นก็ทำให้คู่กรณีทั้งสองไม่ยอมมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไป

สิริกัญญานั้นอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ที่มีคนมารับรู้ว่าเธอถูกผู้ชายมือไวทำอะไรตอนอยู่ในรถม้า โดยเฉพาะคนผู้นั้นคือเจ้าชายชัยนเรนทร์ที่แม้ไม่มีใครไขความกระจ่างให้ทราบ แต่ดวงเนตรของพระองค์กลับบอกว่ารู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

ส่วนราเชนนั้นส่งสายตาหงุดหงิดใส่คนต้นเรื่อง ที่ทำให้เขาพลาดท่าต่อผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่น่าให้อภัย เขาไม่คิดเลยว่าสิริกัญญาจะมีแรงมากถึงขนาดทำให้เขามึนไปวูบหนึ่ง แรงตบของเธอทำให้เขาไพล่คิดไปถึงแรงต่อยของปลายมาศ จนเขาได้ความรู้มาอย่างหนึ่งเลยว่าอย่าทำให้พี่น้องคู่นี้โกรธ อารมณ์ของทั้งคู่รุนแรงเหมือนพายุเลยทีเดียว

“โทษทีนะที่เสียมารยาท”

ในที่สุดเจ้าชายชัยนเรนทร์ก็ควบคุมอารมณ์ได้ พระองค์ทอดพระเนตรหญิงสาวที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วแลเลยไปยังสหายสนิทที่มีสีหน้าไม่แตกต่างกันเท่าไร และมันก็ช่วยไม่ได้ที่เจ้าชายจะทรงเผลอปล่อยเสียงสรวลออกมา เมื่อได้เห็นรอยแดงรูปฝ่ามือบนใบหน้าคมคาย

“ยังไม่เลิกอีกหรือไง” ราเชนเริ่มตีหน้าหงิกที่ยังโดนล้อเลียนทางสายตาไม่เลิก และนั่นก็ทำให้เจ้าชายโบกหัตถ์วุ่น

“เฮ้ย ๆ อย่าโกรธกันสิ ข้าแค่เห็นว่ามันเป็นเรื่องประหลาดเท่านั้นเอง”

“ประหลาดยังไง”

“ก็เจ้าโดนผู้หญิงตบหน้า” ดวงเนตรสีน้ำตาลไหม้ทอแววระยิบระยับ ซึ่งหากคนพูดไม่ได้ดำรงพระยศเป็นเจ้าชายคงได้มีรายการแจกหมัดอย่างไม่ต้องสงสัย

“แล้วไง”

“เอาเถอะ ข้าจะพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกัน แต่เจ้าคงต้องหาคำตอบสำหรับคนอื่นให้ดีกับรอยที่อยู่บนหน้านั่น” เจ้าชายตรัสเสียงขลุกขลักอย่างที่เดาได้ว่าคงทำพระทัยกลั้นเสียงสรวลไว้ไม่อยู่ แล้วพระองค์ก็ทรงเดินนำไปยังห้องพักของปลายมาศ ที่ตอนนี้เจ้าของห้องชั่วคราวกำลังยืนตากลมอยู่ริมระเบียงในสภาพเหมือนคนเข้าภวังค์

“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะปลายมาศ”

เสียงเปิดประตูตามด้วยเสียงทักห้าวห้วนของเจ้าชายชัยนเรนทร์ทำให้เจ้าของชื่อหลุดจากภวังค์ แล้วหันไปทำหน้ามุ่ยใส่เจ้าชายอย่างที่ไม่มีใครกล้าทำ แต่เขาต้องเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างโปร่งบางของคนที่มีความสัมพันธ์ชิดใกล้ที่สุดตามหลังเจ้าชายเข้ามา

“สิริกัญญา” ปลายมาศขานชื่อน้องสาวแผ่วเบา ก่อนผละจากประตูระเบียงไปหาน้องสาวที่คลี่ยิ้มตอบ

“มาได้ยังไงน่ะ”

“ข้าให้ราเชนไปรับน้องสาวเจ้ามาเอง” เจ้าชายชัยนเรนทร์เป็นฝ่ายตอบข้อสงสัย แต่คนถามกลับขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก และไม่รู้สึกยินดีที่เห็นน้องสาวมาเยี่ยมตัวเองถึงตำหนักเจ้าชาย

“จะมาทำไม เดี๋ยวก็กลับแล้ว” คนเพิ่งหายป่วยเอ่ยเสียงอ่อน ในวังหลวงมีผู้คนมากหน้าหลายตา และเขาไม่รู้ว่าใครจะรู้ความหมายในสีของดวงตาของน้องสาวต่างมารดาบ้าง ที่น่าเป็นห่วงคือเขาไม่รู้เลยว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู โดยเฉพาะคำสั่งลับที่เจ้าหลวงแห่งทาลางทูรส่งไปยังสายลับทุกคน ที่ซุกซ่อนอยู่ตามรัฐต่าง ๆ ที่ให้เริ่มทำการสังหารพวกสีน้ำเงินที่มีชีวิตรอดอีกครั้ง

“ไอ้ที่เดี๋ยวน่ะ อีกสามวันต่างหาก”

“กระหม่อมพักวันเดียวก็หายแล้ว ไม่สบายแค่นิดหน่อยเอง” ปลายมาศโต้กลับอย่างไม่ยอมความ เวลานี้จะให้เขานิ่งเฉยได้อย่างไร เมื่อล่วงรู้ถึงแผนการร้ายของทาลางทูรแบบนี้

“ไม่สบายที่ไหนล่ะ” เจ้าชายหลุดคำสบถออกมา เมื่อคนหัวแข็งไม่ยอมทำความเข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร “เจ้าน่ะโดนพิษเชียวนะ เข้าใจคำว่ายาพิษไหม”

สิริกัญญากะพริบตาปริบ มองการโต้เถียงเป็นเด็ก ๆ ของปลายมาศกับเจ้าชายชัยนเรนทร์ เธอพอรู้อยู่บ้างจากการบอกเล่าของพี่ชายว่าเคยทะเลาะกับเจ้าชายเรื่องความเห็นไม่ตรงกันบ่อยครั้ง แต่เมื่อได้มาเห็นของจริงแบบนี้แล้ว เธอคิดว่าเหมือนเด็กไม่ยอมโตทะเลาะกันมากกว่า หญิงสาวเหลือบสายตาไปทางราเชนที่ทำหน้าเบื่อหน่ายกับบทโต้เถียงที่ไม่มีใครยอมลงให้ แล้วเขาก็หันมาสบตาเข้าพอดีจนเธอสะดุ้ง

“เราไปนั่งรอสองคนนี้กันเถอะคุณหนู อีกนานล่ะกว่าจะจบ” ชายหนุ่มพูดพลางเดินนำไปยังโซฟาชุดที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับประตูระเบียง

สิริกัญญายอมเดินตามคนตัวสูงไปแต่โดยดี เพราะดูจากท่าทางที่เจ้าชายชัยนเรนทร์ทรงงัดเอาเรื่องอื่นมาอ้าง ทำให้เดาว่าคงอีกนานตามที่ราเชนว่า หญิงสาวโคลงศีรษะไปมาอย่างงุนงง เธอคิดว่ารู้จักพี่ชายมากกว่าใคร แต่พอมาเห็นพี่ชายในอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่เคยเห็น ก็เริ่มคิดได้ว่าเธอรู้จักพี่ชายมากแค่ไหนกัน

และเพียงเวลาไม่นาน เจ้าชายชัยนเรนทร์ก็ทรงเริ่มมองหาแนวร่วม เจ้าชายหันขวับไปมาแล้วสบเนตรเข้ากับน้องสาวของคนหัวแข็งที่กะพริบตาปริบกับดวงเนตรคมวาวของพระองค์

“ปลายมาศโดนทรมานด้วยยาพิษบ่อยไหม สิริกัญญา”

เมื่อเจอคำถามอย่างไม่ทันตั้งตัว คนถูกถามก็ได้แต่นั่งอึ้ง ก่อนหันไปมองคู่กรณีของเจ้าของคำถามที่ส่งสายตาวาววาบไม่แพ้กัน หญิงสาวชักยิ้มไม่ค่อยออกเท่าไร เธอเกรงเจ้าชาย แต่ก็กลัวพี่ชายด้วย ถึงกระนั้นเธอควรตอบไปตามตรงคงดีกว่าการตอบเข้าข้างใครบางคน

“พี่ปลายมาศไม่เคยถูกทรมานด้วยยาพิษเพคะ”

คำตอบของสิริกัญญาไม่ได้ทำให้เจ้าชายชัยนเรนทร์พอพระทัยเลยแม้แต่น้อย พระองค์หรี่เนตรลงอย่างไม่อยากเชื่อว่าสองพี่น้องคู่นี้จะปกป้องคนร้าย ทั้งที่พระองค์เห็นอยู่ทนโท่ว่าคนของพระองค์ถูกทรมานร่างกาย และยังถูกทรมานด้วยยาพิษอีก แล้วพระองค์จะทำอย่างไรที่จะต้อนจำเลยให้จนมุมได้ล่ะ

“ไม่ได้ถูกทรมานด้วยยาพิษได้ยังไง หรือว่าปลายมาศมันแจ้นไปทดสอบพิษด้วยตัวเอง”

คำตรัสที่เดาสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ทำให้คนที่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังมีสีหน้าเปลี่ยนไป คราวนี้เจ้าชายชัยนเรนทร์ทรงชะงักกึก พลางทอดพระเนตรมองปลายมาศ ที่ทำท่าราวกับว่าเรื่องที่ปิดไว้มานานนมได้แตกลงเสียแล้ว ราเชนกลั้วหัวเราะในลำคออย่างถูกใจ เขาคิดจะเฉลยให้สหายเก่าแก่รับรู้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ แต่เจ้าชายก็ดันโพล่งขึ้นมาจนเขาไม่ต้องอ้าปากพูดเลยสักนิด

“ให้ตายเถอะ! อย่าบอกนะว่าเจ้าทดสอบยาสารพัดพิษที่ข้านับได้ร่วมร้อย กับที่ไม่รู้อีกหลายร้อยด้วยตนเอง ทำไปทำไม! บ้าหรือเปล่า!”

ปลายมาศส่ายหน้ากับพระนิสัยชอบเฉลียวของเจ้าชาย แล้วตรงไปนั่งโซฟาชุดที่มีราเชนกับสิริกัญญานั่งอยู่ก่อนแล้ว หลังจากต้องยืนโต้คารมกับเจ้าของตำหนักที่ตัวเองมาพักอยู่นาน แล้วเจ้าชายขี้โวยวายก็สาวพระบาทตามมาหาเรื่องคนปากหนักต่อ

“นี่เจ้ามีอะไรปกปิดข้าอีกบ้างเนี่ย”

คำถามของเจ้าชายชัยนเรนทร์ทำให้ปลายมาศชะงัก ริมฝีปากเรียวคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “ปิดอะไรก็ทรงรู้หมด ไม่รู้จะปิดอะไรแล้ว”

“แล้วกว่าจะรู้น่ะมันใช้เวลาเท่าไหร่ฮะ” เจ้าชายชัยนเรนทร์ขบทนต์ดังกรอด แล้วนึกถึงเรื่องที่ทรงรู้ พระองค์รู้ความลับของปลายมาศได้ถึงครึ่งหรือยังก็ไม่อาจทราบได้

“ไม่รู้ล่ะ สามวันนี้เจ้าต้องพักอยู่ที่นี่กับสิริกัญญา ข้าส่งคนไปแจ้งท่านจินดาแล้ว”

สองพี่น้องหันขวับไปมองคนชอบบังคับที่ส่งสายพระเนตรมาว่าไม่รับคำปฏิเสธเด็ดขาด แต่ถึงจะตอบปัดไปก็คงรั้นที่จะทำตามคำตรัสอยู่ดี สำหรับปลายมาศน่ะชาชินกับพระนิสัยนี้ของเจ้าชายชัยนเรนทร์อยู่แล้ว ส่วนสิริกัญญาได้แต่อ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก เธอไม่เคยค้างนอกบ้านมาก่อน และไม่อยากค้างด้วย เธอจึงหันไปมองพี่ชายอย่างขอความช่วยเหลือ

“กระหม่อมยังพอเข้าใจว่าต้องถูกกักบริเวณ แต่สิริกัญญามาเกี่ยวอะไรด้วย”

“เพื่อความปลอดภัย” เจ้าชายตรัสพลางกอดพระอุระ แล้วพระองค์ก็ขยายความเมื่อเห็นสายตาไม่เชื่อถือของคนดื้อ “พอเจ้าไม่อยู่ ก็มีใครไม่รู้ปล่อยงูเข้าบ้านจนน้องเจ้าเกือบถูกงูกัด ข้าไม่ไว้วางใจคนในบ้านนั้น”

ปลายมาศหันไปมองสิริกัญญาเต็มสายตา แล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากันเมื่อสังเกตเห็นรอยแผลที่เพิ่มขึ้นของน้องสาว “แผลที่ปากไปโดนอะไรมา สิริกัญญา”

คนถูกถามนิ่งอึ้งเมื่อโดนถามอย่างไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเหลือบสายตาไปยังตัวต้นเหตุที่รับน้ำชาจากนางกำนัลที่แย้มยิ้มหวานให้อีกฝ่ายจนเกินงาม และมันก็ทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้

ริมฝีปากเรียวบางแย้มยิ้มหวานให้พี่ชายที่ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกปม ยิ้มหวานของสิริกัญญาเป็นเหมือนสัญญาณบอกว่าเธออารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก และจะไม่ดีมาก ๆ หากมันหวานเยิ้มยิ่งกว่านี้

“โดนหมานิสัยไม่ดีกัดค่ะ”

‘หมานิสัยไม่ดี’ สำลักน้ำชาที่กำลังจิบพรวด พลางไอแค่กเมื่อน้ำชาร้อนทะลักเข้าจมูกจนต้องวุ่นวายหาผ้ามาซับ ปลายมาศปรายตามองคนร้อนตัว และเจ้าชายชัยนเรนทร์ที่เม้มโอษฐ์ไม่ให้หลุดเสียงสรวลออกมา แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่า ‘หมานิสัยไม่ดี’ ตัวไหนกัดน้องสาวของเขา ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกแล้วยิ้มเนือย เขาไม่อยากให้ราเชนมาเกี่ยวข้องกับน้องสาวสีน้ำเงินเลย

“เสียชื่อน้องสาวครูฝึกสุนัขหมด สิริกัญญา”

“ไม่เป็นไรค่ะ วิธีปราบหมานิสัยไม่ดีมีตั้งมากมาย หรือพี่จะสอนวิธีปราบหมาเพิ่มก็ได้นะคะ”

คำตอบของสิริกัญญาเรียกรอยยิ้มจากคนหวงน้องที่ทำตาพราวระยับ ‘หมานิสัยไม่ดี’ ที่จะโดนปราบเริ่มอยู่ไม่สุข แต่จะให้ร้องแรกแหกกะเชอก็ใช่ที่ สองพี่น้องคู่นี้จะได้เล่นงานเขาได้ถนัดถนี่น่ะสิ ราเชนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตรงข้ามกับเจ้าชายชัยนเรนทร์ที่กลั้นเสียงสรวลไว้ไม่อยู่จึงหลุดเสียงคิกคักออกมา

เจ้าปาเยนทร์อาจจะโดนปราบจนอยู่หมัดก็คราวนี้นี่แหละ!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สุดท้ายเจ้าชายชัยนเรนทร์ก็ทรงบังคับให้สองพี่น้องอยู่ในตำหนักของพระองค์จนได้ แม้แต่สิริกัญญาที่หาข้ออ้างว่าเธอไม่มีชุดผลัดเปลี่ยน ก็โดนปัดว่าในตำหนักนี้มีชุดของพระชายาที่สิ้นพระชนม์ไปเก็บไว้หลายชุด ครั้นโต้ว่าไม่อาจเอื้อมใช้ชุดของพระชายา พระองค์ก็ตรัสว่าจะให้นางกำนัลตัดชุดใหม่ให้ แถมยังทรงรับรองว่าเสร็จทันเย็นนี้ให้สิริกัญญาได้ใส่แน่ ทำเอาหญิงสาวยอมแพ้ ขอใส่ชุดที่มี ดีกว่าสิ้นเปลืองตัดชุดใหม่ โดยพี่ชายแอบส่งสัญญาณทางสายตาบอกมาว่ามีมากขนาดใส่ได้มากกว่าสามวันเลยทีเดียว

แล้วไม่นานหลังจากนั้นมหาดเล็กก็เข้ามารายงานว่าเจ้าหลวงจะเสด็จมา สีหน้าของผู้ชายในห้องเริ่มมุ่ยลงคล้ายไม่อยากจะต้อนรับเจ้าชีวิตของตนเท่าไรนัก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งราเชนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ข้าว่าขอตัวกลับก่อนดีกว่า ตอนนี้ไม่อยากเจอหน้าตาแก่”

“เฮ้ย ๆ อย่าปล่อยให้ข้ารับหน้าคนเดียวสิ”

“กระหม่อมกับน้องขอกลับบ้านตอนนี้จะทันไหมพระเจ้าค่ะ” ปลายมาศเอ่ยออกมาบ้าง

“พวกเจ้าอย่าเห็นแก่ตัวกันแบบนี้สิ” เจ้าชายชัยนเรนทร์ตรัสเสียงฉุนที่จะโดนทิ้งให้รอรับเสด็จเจ้าหลวงเพียงพระองค์เดียว ยิ่งเป็นเจ้าของตำหนักก็ทำให้ไม่อาจหนีไปได้แบบราเชนกับปลายมาศ

“ขืนข้าอยู่ ตำหนักนี้ร้อนแน่”

“สายไปแล้ว...สายไปแล้ว เพื่อนรัก” เจ้าชายชัยนเรนทร์ส่ายพักตร์เมื่อวรองค์คุ้นตาเสด็จเข้ามา พร้อมกับร่างบางระหงของสตรีสูงศักดิ์นางหนึ่ง ที่ทำให้สิริกัญญาเบิกตากว้างอย่างนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอ

บริมาส บุตรีท่านเจ้าคุณมหาดไทยหันมาสบตากับสตรีนางเดียวที่อยู่ในห้อง ท่าทางของเธอเรียบเฉยเหมือนกับไม่รู้จักกับสิริกัญญามาก่อน แต่แล้วเธอก็ระบายยิ้มนุ่มนวล และแอบขยิบตาส่งให้เพื่อนลับ ๆ จนอีกฝ่ายเผลอกระตุกยิ้มออกมาอย่างขบขัน

อย่างไรเสียคุณหนูจอมซนก็ไม่ยอมทิ้งนิสัยเดิมอยู่ดี

ทุกคนที่อยู่ในห้องลุกขึ้นทำความเคารพองค์เจ้าหลวงแห่งปามะห์ แล้วเจ้าชายชัยนเรนทร์ก็เชิญให้เจ้าหลวงประทับนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวที่พระองค์ทรงประทับเมื่อครู่ ก่อนประทับลงบนโซฟายาวตัวเดียวกับปลายมาศ ส่วนบริมาสเดินตรงไปนั่งโซฟายาวตัวเดียวกับสิริกัญญาโดยไม่มีใครบอก

“ไม่เห็นมีใครบอกข้าเลยว่าปลายมาศอยู่ที่นี่ด้วย” เจ้าหลวงตรัสขึ้นหลังจากที่ทุกคนจับจองที่นั่งกันได้หมด “ถ้าเพื่อนเก่าของข้าไม่แวะเวียนมาบอก ก็คงไม่มีใครคิดจะไปรายงานสินะ” สุรเสียงของพระองค์ดูดุดัน แต่อีกหนึ่งพระองค์กับสองคนพร้อมใจกันถอนหายใจเฮือก อย่างไม่รู้สึกรู้สากับบรรยากาศกดดันที่เจ้าหลวงแผ่มา

“กระหม่อมไม่เห็นความจำเป็นต้องไปรายงาน” ราเชนเอ่ยขึ้นก่อนเป็นคนแรก

“กระหม่อมไม่คิดว่าฝ่าบาทจะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็เสียชื่อฉายาหูผีจมูกมดที่ลูก ๆ ตั้งให้หมด” ตามด้วยเจ้าชายชัยนเรนทร์ที่อ้างเหตุผลสารพัด และไม่วายกัดพระบิดาที่แยกเขี้ยวส่งกลับมา

“กระหม่อมอยากพักผ่อนอย่างสงบพระเจ้าค่ะ” สุดท้ายคือปลายมาศที่พูดไปยิ้มไป แต่คำพูดที่เขาเอ่ยทำเอาคนฟังสะอึก เพราะความนัยที่แอบแฝงอยู่นั้นบอกว่าหากเจ้าหลวงเสด็จมา จะรบกวนเขาจนไม่ได้พักผ่อน และสิ่งที่ตอบกลับมาคือเสียงสรวลอย่างถูกใจของพระองค์ ที่ไม่มีทีท่าถือโทษโกรธเคืองแต่อย่างใด

“ปากดีกันทั้งสามคนเลยนะ ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนลงโทษไปนานแล้ว” องค์เจ้าหลวงตรัสพลางข่มขู่ตบท้าย แต่หนึ่งพระองค์กับสองคนรู้ดี

ขู่ไปงั้น...ไม่เคยเห็นลงโทษสักที

แล้วความสนใจของเจ้าหลวงก็เบนไปยังสิริกัญญาที่ส่งสายตาตื่นเต้นกับการได้พบตัวจริงของผู้ปกครองแห่งปามะห์ที่เธอนับถือ เธอจำชายชราผู้มีดวงตาแน่วนิ่ง และรอยยิ้มอ่อนละมุนผู้นี้ได้ดี เขาคือคนที่เธอพบในป่าตะวันตกเมื่อตอนเด็ก และมอบแรงบันดาลใจให้เธอหันมาสนใจงานเมือง และแววเนตรของเจ้าหลวงก็บ่งบอกว่าทรงจำเด็กหญิงที่ชอบใส่ชุดเด็กผู้ชายได้ พระองค์ขยิบเนตรให้โดยที่คนช่างสังเกตไม่ทันรู้

“อา...สาวน้อยคนนี้คือน้องสาวของปลายมาศสินะ ชื่ออะไรล่ะ”

“สิริกัญญาเพคะ” หญิงสาวตอบด้วยท่าทีกระตือรือร้น

“สิรี...” เจ้าหลวงขานชื่อเด็กชายชาวป่า พลางแย้มโอษฐ์กว้าง “...กัญญา...สิริกัญญา เป็นชื่อที่ไพเราะมาก สาวน้อย”

“ขอบพระทัยเพคะ” เสียงหวานที่ตอบรับกับคำชมของเจ้าหลวงทำให้ราเชนคิ้วกระตุก ตะกอนบางอย่างถูกกวนขุ่นขึ้นมา และเขาก็รู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย

“เจ้าสนใจจะเข้ามาเป็นนางห้ามบ้างไหม สิริกัญญา”

สายตาร้อนระอุของคนสองคนพุ่งตรงไปยังเจ้าหลวงที่ส่งเสียงสรวลอย่างขบขัน พระองค์ไม่แปลกพระทัยกับสายตาของปลายมาศ เท่ากับของเราเชนที่มีริ้วรอยหึงหวงโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ และเจ้าชายชัยนเรนทร์ก็สังเกตเห็นท่าทางของพระสหายจึงทรงกระแอมเรียกสติ

“ทรงมีนางห้ามจนเกือบล้นวังแล้วนะพระเจ้าค่ะ อย่าให้สาวน้อยคนนี้ต้องไปรบรากับสาว ๆ เจ้ามารยาพวกนั้นเลย...พ่อ” คำขานสุดท้ายเรียกรอยยิ้มจากเจ้าหลวงที่ไม่ค่อยได้ยินพระโอรสเอ่ยเท่าไรนัก ทั้งที่พระองค์ทรงโปรดให้ลูก ๆ เรียกขานพระองค์ด้วยถ้อยคำสามัญ มิใช่คำราชาศัพท์ที่ชวนให้รู้สึกห่างเหิน

“หรือพวกเจ้าจะช่วยแบ่งเบาเอาไปสักสองสามคนดีล่ะ พวกนางชอบส่งสายตาปรอยเวลาพวกเจ้าเข้าไปหาข้าทุกที” คำตรัสกึ่งจริงกึ่งเล่นทำเอาคนฟังทำหน้ายู่ เจ้าชายชัยนเรนทร์กับราเชนแสดงอาการไม่อยากรับพระราชทานเต็มที่ ยกเว้นปลายมาศที่ยังคงแย้มยิ้มที่ไม่รู้ว่าเขาตอบรับหรือปฏิเสธ

“ถึงกระหม่อมจะไม่ได้บวชตามที่หวัง แต่ก็คิดจะถือเพศพรหมจรรย์ไปตลอดชีวิตพระเจ้าค่ะ” คำตอบนั้นเป็นการปฏิเสธอย่างนิ่มนวล และถือว่ารอดตัวไปแล้วหนึ่งคน ด้วยเขาแสดงปณิธานไว้แน่วแน่ตั้งแต่ถูกจับมัดมือชกให้รับตำแหน่งสำคัญในวัง

คราวนี้ก็เหลืออีกหนึ่งพระองค์กับหนึ่งคนที่ยังไม่มีข้ออ้าง

“กระหม่อมมีความสามารถพอที่จะหาคู่ชีวิตเองได้” ราเชนตอบสั้นได้ใจความ และเป็นคำตอบเดิมทุกครั้งที่เขาถูกเจ้าหลวงเร่งเร้าให้หาคู่ดูตัว

“อ๊ะ ๆ เจ้าอย่าตอบแบบเดียวกับเพื่อนเจ้านะ เจ้าชัย พ่ออุตส่าห์พาว่าที่พระชายามาให้เจ้ารู้จัก”

สายตาทุกคู่เบือนไปยังบริมาสที่กะพริบตาปริบ ทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าตัวเองได้รับเกียรติให้เป็นว่าที่พระชายา รอยยิ้มดั่งเทพธิดาแย้มขึ้นอย่างเชื่องช้า จนบุรุษที่ได้พบเห็นต้องหลงใหลกับความงามที่เปรียบดังนางสวรรค์ แต่คำพูดของเธอทำเอาสวรรค์ที่ถูกก่อขึ้นด้วยรอยยิ้มล่มลงในพริบตา

“หม่อมฉันว่าฝ่าบาทคงแก่จนเลอะเลือนแล้วกระมัง ถ้าจำไม่ผิดฝ่าบาทให้หม่อมฉันมาค้างคืนกับสิริกัญญาเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาไม่ใช่หรือเพคะ”


คุยท้ายเรื่อง
สองสามเดือนที่ผ่านมา แอบแวบไปเล่นเกมมาค่ะ เลยทำให้ไม่ได้เขียนนิยายไปพักหนึ่ง จะว่าไปก็น่าเสียดายเหมือนกัน เพราะความบ้าเกม(ที่เพิ่งเป็นครั้งแรก) เลยทำให้ไม่ได้เขียนนิยาย แต่ก็ได้กำไรมาเล็ก ๆ น้อย ๆ คือได้พล็อตนิยายเรื่องใหม่มาอีกสองเรื่อง เลยต้องรีบจดพล็อตไว้กันลืม ถ้ามีเวลาเขียนสงสัยคงต้องรีบเคลียร์นิยายเรื่องเก่า ๆ ที่เขียนค้างไว้ จะได้เขียนนิยายเรื่องใหม่เร็ว ๆ

แล้วเราก็มานั่งขัดอกขัดใจตัวเอง ที่เขียนไม่เร็วเอาเสียเลย


แอบสปอยล์เรื่องนี้ต่อ เห็นบอกว่าเรื่องเริ่มสนุกขึ้น มันเป็นเพราะได้เวลาที่สิริกัญญาเริ่มบ้าแล้ว (เอ๊ะ! ใช้คำนี้ดีไหมหว่า ) แต่ฌาก็คิดว่า ช่วงหลัง ๆ ตัวนางเอกมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ หลังจากมืดมนมานาน ที่น่าหนักใจก็คือ เนื้อเรื่องกับชื่อเรื่องมันไปคนละทิศคนละทางกันแล้วสิ

"พิษเสน่หา" มันมีตรงไหนที่เกี่ยวกันบ้าง(ฟะ)เนี่ย

อยากคิดชื่อใหม่หรอกนะ แต่ไม่มีเซ็นส์ด้านการตั้งชื่อเอาเสียเลย ตอนแรกกะจะเปลี่ยนเป็น "ลำนำรักสีน้ำเงิน" แต่พอไปถามน้อง ก็โดนเบะปากกลับมา หาว่าเชยเชียว ชื่อก็ไม่ดึงดูดตาคนอ่าน หาชื่อที่มันดีกว่านี้ได้มะ แล้วเราก็เกิดอาการว้าก ก็คนมันไม่รู้จะตั้งชื่อยังไงนี่หว่า มาตั้งให้เลยไหมล่ะ น้องก็เบะปากกลับมาอีกรอบ แล้วก็เปลี่ยนประเด็นเรื่องเฉย สรุปแล้ว สงสัยชื่อเรื่องใหม่คงต้องถือคติว่าตนเป็นที่พึ่งเห็นตเสียแล้วกระมัง

แต่ความจริงก็อยากหาคนแถว ๆ นี้ช่วยคิดชื่อเรื่องเหมือนกัน

คงไม่หายหัวไปไหนอีกแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้มีความอยากจะเขียนเยอะแยะหลายเรื่องไปหมด เลยต้องเขียนเท่านั้น เพื่อที่จะได้เขียนเรื่องใหม่ที่สุมอยู่ในหัวบานเบอะ

ช่วยตามอ่านกันต่อไป อย่าเพิ่งเบื่อก่อนนะคะ



Create Date : 16 ธันวาคม 2550
Last Update : 16 ธันวาคม 2550 2:36:49 น.
Counter : 454 Pageviews.

6 comments
  
มาต่อเร็วเร็วนะ
โดย: bee IP: 125.26.239.60 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:7:39:15 น.
  

อยากรู้วิธิ ปราบหมานิสัยไม่ดีของสิริกัญญาค่ะ

มาต่อเร็วๆนะ เปิดดูทุกวันเลย

จริงๆ ชิ่อ พิษเสน่หา นี่ก็ดึงดูด ดีนะ

ยังไงอีกนานกว่าจะจบ ค่อยๆหาก็ได้
โดย: nekojung IP: 58.9.83.71 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:9:51:35 น.
  
ไม่เบื่อค่ะ แต่นานจังกว่าจะมา
โดย: Jane IP: 99.231.14.28 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:12:00:16 น.
  
Am'' I came here ereyday look for you.

I like it'
and I'll keep continue read your writing for now and then.
Thank you for good story.
โดย: jintana IP: 71.255.58.136 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:12:44:16 น.
  
อัพเร็วๆ นะคะ จะเป็นกำลังใจให้
โดย: T.J. IP: 125.25.174.133 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:20:22:34 น.
  
อย่าหายไปนานแบบนี้อีกนะ รีบมาต่ออีกไวไว กำลังสนุก
โดย: บ้านกาญ IP: 222.123.144.169 วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:20:34:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog