พิษเสน่หา 10
๑๐ เงาหลอนในใจ

เสียงดังโครมครามที่มีให้ได้ยินจนชาชิน แต่คนที่ต้องรับแรงอารมณ์เหล่านั้นไม่คิดจะชินชาไปด้วย เพราะหลังจากที่พายุในห้องนั้นสงบ ไม่ใครคนใดคนหนึ่งที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องจะต้องรับเคราะห์ เช่นเดียวกับสาวใช้คนเมื่อวาน ที่กรีดร้องจะเป็นจะตายเมื่อคุณหนูของตัวเองสั่งให้ไปกบดานอยู่ในซ่องนางโลม ซึ่งผลสุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นเป็นนางคณิกาในนั้น และไม่มีวันได้กลับมาที่นี่อีก

"เกิดอะไรขึ้น เสียงดังออกไปถึงด้านนอกเชียว" คำถามราบเรียบของสตรีที่ครองอำนาจสูงสุดในบ้านดังกังวานไปทั่วระเบียง มันทำให้เหล่าสาวใช้พากันหายใจโล่งขึ้น เมื่อคนที่สามารถยับยั้งพายุด้านในปรากฏตัวขึ้นมา

"ท่านแสงสุรีย์..."

"อรัญญาเป็นอะไรอีกล่ะ" แสงสุรีย์ปรายตาไปยังสาวใช้แต่ละคนที่ก้มหน้าหลบตา ทำท่าอึกอักไม่ยอมตอบ และเธอก็ไม่คิดรอคำตอบจากสาวใช้ผู้ขลาดเขลา

แสงสุรีย์เปิดประตูเข้าไปในห้องของลูกสาวคนโต และพบกับข้าวของที่ถูกทำลายจนเสียหายไปหลายอย่าง ทั้งเครื่องลายครามราคาแพง ผ้าม่านปักลายพญาหงส์ หมอนนับสิบใบที่ถูกคว้านไส้ในออกมาจนปลิวว่อนไปทั่วห้อง ซึ่งคนที่ทำลายข้าวของพวกนี้กำลังยืนหายใจหอบอยู่ท่ามกลางความเสียหายที่คำนวณมูลค่าไม่ได้

ดวงตาสีแดงหรี่มองลูกสาวคนโตที่ถอดแบบออกมาจากตัวเองไม่ผิดเพี้ยน ทั้งเรือนร่างเย้ายวนใจชาย หรือดวงหน้าหวานหยาดเยิ้มที่ซุกซ่อนความร้อนแรงไว้ภายใน ซึ่งทำให้บุรุษมากมายหลงใหลจนคลุ้มคลั่งมานักต่อนัก แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่อรัญญาไม่มีแบบแสงสุรีย์ คือความฉลาดแกมโกง และเจ้าแผนการดั่งงูพิษ ลูกสาวของเธอไม่เยือกเย็นและสุขุม อารมณ์ร้อนและหุนหันพลันแล่นเกินไป จนน่าหวั่นว่านิสัยนั้นจะทำให้แผนการที่เธอวางมายาวนานพังทลายลง

"โมโหอะไร อรัญญา"

"เด็กนั่นไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง ทั้งที่มันควรนอนซมเพราะพิษงูตั้งแต่เมื่อคืน" อรัญญาบ่นพึมพำให้มารดาฟัง พลางเขวี้ยงแจกันลายครามที่ถือค้างไว้ไปกระทบกับกำแพงจนแตกกระจาย

"เจ้าเอางูของแม่ไปเล่น" แสงสุรีย์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบดังเดิม ทั้งที่ความจริงเธอไม่พอใจเสียด้วยซ้ำที่ลูกสาวคนโตทำอะไรโดยไม่มาบอกกล่าว

"ข้าแค่อยากสั่งสอนเด็กนั่น เป็นแค่ลูกทาสแต่ดันอาจเอื้อมมายุ่งกับเจ้าปาเยนทร์ มันทำอะไรถึงทำให้เขาสนใจได้ ทั้งที่รูปร่างหน้าตาของมันสู้ข้าไม่ได้เสียด้วยซ้ำ" หญิงสาวระบายอารมณ์ด้วยความคับแค้นใจ

"เพราะเจ้าไม่เชื่อแม่ รีบร้อนเสนอตัวยั่วยวนเขาไวเกินไป ผู้ชายมักชอบเชยชมดอกไม้ที่กำลังแย้มกลีบบาน มากกว่าดอกไม้ที่บานเต็มที่" แสงสุรีย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่ต้องมาอบรมสั่งสอนลูกสาวใหม่อีกรอบ "หากเจ้าอยากครอบครองเจ้าปาเยนทร์ก็ต้องทำตามที่แม่บอก ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเสียเขาให้สิริกัญญา เด็กคนนั้นน่ะมีเสน่ห์ลึกลับที่ผู้ชายทุกคนอยากค้นหา เหมือนแม่ของนางนั่นแหละ...พวกสีน้ำเงิน"

"หมายความว่าไงคะท่านแม่"

คำถามของอรัญญาทำให้แสงสุรีย์รู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป เธอยิ้มพรายพลางยกพัดขึ้นมาแตะที่มุมปาก ความเป็นมาของพวกสายเลือดสีน้ำเงินควรลบเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์ได้แล้ว ตำนานเรื่องโอรสสวรรค์มันเป็นแค่เรื่องโกหกทั้งเพ และเธอนี่ล่ะที่จะเป็นคนทำลายตำนานนั้นเอง

"ท่านแสงสุรีย์เจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทที่อยู่กับแสงสุรีย์มาตั้งแต่ก่อนเธอแต่งงานเอ่ยเรียกเจ้านายตัวเองแผ่วเบา เมื่อสาวใช้หน้าห้องเข้ามารายงานเรื่องบางอย่างให้ทราบ

"มีอะไร รัชนี"

"ท่านสิริกัญญามาขอพบเจ้าค่ะ"

คำตอบนั้นทำให้คนฟังแปลกใจเล็กน้อย เพราะโดยปกติแล้วอีกฝ่ายมักไม่ค่อยย่างกรายเข้ามาทางเรือนด้านหน้า หากไม่ถูกเรียกตัว และนั่นก็ทำให้แสงสุรีย์รู้สึกไม่ชอบใจเท่าไร จึงตบด้ามพัดลงบนฝ่ามือเต็มแรง เด็กคนนั้นกำลังก้าวเดินออกนอกเส้นทางที่เธอขีดคั่น เธอคงต้องจับมาอบรมใหม่อีกครั้งเสียแล้ว

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


"ท่านแสงสุรีย์มาแล้วค่ะท่านกัญญา" เสียงสาวใช้ที่คอยชะเง้อคอมองอยู่หน้าห้องรีบผลุบเข้ามารายงานคุณหนูแห่งเรือนหลังที่มีบุคลิกแตกต่างไปจากเดิม เธอดูสง่าและน่ายำเกรงขึ้นจนไม่เหมือนลูกทาสที่หลายคนคุ้นเคย

"ขอบใจจ้ะ" สิริกัญญายิ้มละมุนให้สาวใช้ ก่อนเบือนสายตาไปยังแม่เลี้ยงที่ยุรยาตรเข้ามาด้วยท่วงท่าของนางพญา ซึ่งรัศมีของเธอได้ข่มทับความน่ายำเกรงของลูกเลี้ยงที่มีอยู่น้อยนิดจนมิด

"น่าแปลกใจจริง ๆ ที่เจ้ามาหาข้าถึงที่นี่ สิริกัญญา" แสงสุรีย์คลี่พัดออก แล้วยกขึ้นปิดเรียวปากสีแดงอิ่มที่แย้มยิ้มอย่างมาดร้าย

สิริกัญญาส่งยิ้มประชันตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางปรายตามองอรัญญาที่อยู่เบื้องหลังแม่เลี้ยงด้วยสายตาตำหนิติเตียน จนคนถูกมองเบิกตากว้าง เนื้อตัวสั่นระริกกับความหมายทางสายตาที่น้องสาวต่างมารดาส่งมา

"เจ้าทำสายตาอย่างนั้นกับข้าทำไม สิริกัญญา!"

"อรัญญา" แสงสุรีย์ปรามลูกสาวคนโตด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น โดยสายตายังไม่ละจากใบหน้าของลูกเลี้ยงที่มีบรรยากาศรอบกายแตกต่างไปจากเดิม

"มีธุระอะไร ถึงเข้ามาที่เรือนหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต"

"ข้าคิดว่ามีของบางอย่างที่น่าจะเป็นของท่านมาคืน"

สตรีผู้ทรงอำนาจสูงสุดกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ พลางเอียงคอเล็กน้อยเพื่อสังเกตลูกเลี้ยงอย่างละเอียดอีกครั้ง และมันก็ทำให้เธอลืมหายใจ เมื่อภาพของสตรีนางหนึ่งซ้อนทับลงมา ภาพของหญิงสาวที่มีดวงตาสีน้ำเงินดั่งพลอยไพลินน้ำงาม ซึ่งมีรอยยิ้มละมุนละไมประดับอยู่บนดวงหน้าหวานซึ้งอยู่เป็นนิจ

"จำข้าได้หรือไม่แสงสุรีย์ จำคนที่เจ้าวางยาให้ตายอย่างทรมานได้ไหม"

"สร้อยแสงจันทร์..."

สิริกัญญาชะงักกึกเมื่อได้ยินแสงสุรีย์เอ่ยชื่อของมารดาออกมา หญิงสาวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีแดงเลือด และได้พบระลอกคลื่นของอารมณ์ที่แปรปรวน อีกฝ่ายกำลังมองอะไรบางอย่างผ่านตัวเธอ

"น่าชิงชังนัก" เสียงเก็บพัดดังกลบคำพึมพำของแสงสุรีย์ที่ดึงสติกลับคืนสู่ความจริงได้ เธอตวัดสายตามองลูกสาวของผู้หญิงที่ตัวเองชิงชังอย่างกินเลือดกินเนื้อ นับวันเด็กตรงหน้ายิ่งเหมือนคนที่คอยตามหลอกหลอนมากขึ้นทุกที เหมือนทั้งดวงหน้าและกิริยาเลยทีเดียว

"เจ้าเอาอะไรมาให้ข้า สิริกัญญา" คำถามของแสงสุรีย์ดังขึ้น พร้อมกับที่สาวใช้คนสนิทก้าวขึ้นมาเบื้องหน้า เธอมองลูกเลี้ยงของเจ้านายเขม็ง และส่งสายตาบอกว่าหากเล่นอะไรพิเรนทร์ไม่พ้นโดนลงโทษแน่

"เอามันไปให้คุณรัชนี ติณ"

ติณมองห่อผ้าในมือ พลางทำหน้าเหยเก น้องสาวเจ้านายเล่นเขาเข้าให้แล้วไหมล่ะ งานนี้คงไม่พ้นถูกลงโทษทั้งเจ้านายและบ่าวเลยทีเดียว ชายหนุ่มมองเจ้านายสาวตาละห้อย ก่อนเดินไปหารัชนีที่ดึงห่อผ้าในมือไปอย่างไม่เกรงใจ ซึ่งเขาก็รีบเผ่นแผล็วไปหลบอยู่ด้านหลังสิริกัญญาที่ยังยืนหลังตรง ไม่สะทกสะท้านต่อดวงตาสีแดงที่แทบจะฆ่าเธอให้ตายทางสายตา

"อะไรอยู่ในห่อผ้า รัชนี"

บ่าวผู้ซื่อสัตย์เปิดห่อผ้าดูตามคำสั่งของเจ้านาย แล้วเธอก็กรีดร้องอย่างขวัญเสีย พร้อมทั้งขว้างห่อผ้าที่ตัวเองถือไปให้พ้นตัว จนสิ่งที่อยู่ในห่อผ้าที่สิริกัญญานำเอามาให้แม่เลี้ยงกระเด็นออกมาสร้างความขนพองสยองเกล้าให้ผู้พบเห็น

แสงสุรีย์หน้าตึงทันตาเห็นกับร่างไร้ชีวิตของสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ดวงตาสีแดงเฉกเดียวกับซากร่างอสรพิษตวัดขึ้นมองลูกเลี้ยงที่หลุดหัวเราะคิกออกมาแผ่วเบา ตรงข้ามกับดวงตาสีน้ำเงินที่ฉายแววสงบราบเรียบดุจผิวน้ำ

"คุณรัชนีเล่นล้วงไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนั้น ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่คงโดนกัดตายไปแล้วนะคะ"

รัชนีได้แต่ทำตาพองใส่หญิงสาวตรงหน้า โดยไม่สามารถบริภาษก่นด่าได้ เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังมีศักดิ์เป็นลูกสาวเจ้านาย บ่าวรับใช้อย่างเธอไม่ควรทำท่าเกรี้ยวกราดใส่ แต่มันก็อดเจ็บใจไม่ได้จริง ๆ ที่โดนเด็กรุ่นหลานกลั่นแกล้งจนขวัญกระเจิงแบบนี้

"เจ้าเอาซากงูตัวนี้มาให้ข้าทำไม สิริกัญญา"

"มันเป็นของท่านไม่ใช่หรือคะ"

แสงสุรีย์จ้องลูกเลี้ยงที่ตอบคำถามกลับมาช้าชัดเขม็ง เด็กคนนี้เปลี่ยนไป และอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอแล้ว หญิงสาวตบด้ามพัดลงบนฝ่ามือเป็นจังหวะ ก่อนแย้มยิ้มอย่างเยือกเย็น ซึ่งตรงกันข้ามกับอรัญญาที่กระสับกระส่ายไปมาอย่างร้อนรน สิริกัญญาไม่สามารถชี้ตัวคนผิดได้ เพราะไม่มีหลักฐานและเธอก็กำจัดมันไปตั้งแต่เมื่อวาน

"เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามันเป็นของข้า"

สิริกัญญาเบิกตาขึ้นเล็กน้อย แล้วหันไปจดจ้องอรัญญาที่ถลึงตาตอบกลับมาด้วยสายตาว่างเปล่า "ข้าไม่ทราบหรอกนะคะว่าท่านเลี้ยงงูพันธุ์ไหนไว้บ้าง เพราะข้าบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าคิด" หญิงสาวเน้นคำสุดท้ายลงไป และนึกขอบคุณตัวเองที่ระมัดระวังการพูดตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นเธอคงตายเพราะคำพูดของตัวเองเป็นแน่

"แล้วงูตัวนี้ก็ไม่ใช่พันธุ์ที่อยู่ในแคว้นเรา ขออภัยที่ข้าไม่ชำนาญเรื่องงูพอที่จะบอกได้ว่ามันเป็นพันธุ์อะไร และอยู่ที่ไหน แต่ข้าจำได้ว่าเคยเห็นพ่อค้างูที่ชื่อวรวิทย์แวะเวียนมาหาท่านบ่อยครั้ง ถ้าข้าจำไม่ผิด เขาเคยถูกสงสัยว่าลักลอบนำสัตว์ผิดกฎหมายเข้ามาด้วยไม่ใช่หรือคะ"

สุดท้ายสิริกัญญาก็สามารถตอบโต้แม่เลี้ยงได้ แม้จะยังไม่ดีเท่า แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายต้องใช้เวลาในการตั้งกระบวนตีตอบ และทั้งนี้ต้องขอบคุณปลายมาศที่สอนสั่งให้เธอจดจำชื่อกับใบหน้าของผู้ที่แวะเวียนมา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเธอในเวลานี้เป็นอย่างมาก

แสงสุรีย์คลี่พัดยกขึ้นปิดริมฝีปากสีแดงสดที่กำลังแสยะเหยียดด้วยความชิงชัง เธอถูกลูกเลี้ยงข่มขู่อย่างอุกอาจเสียแล้ว "ใช่...งูนี้เป็นของข้า แล้วสาเหตุที่เจ้าลักมันไปฆ่าล่ะ"

สิริกัญญากะพริบตาปริบกับข้อหาที่แม่เลี้ยงยัดเยียดมาให้ แต่เรื่องอะไรที่เธอต้องก้มหน้ารับข้อหานั้นด้วยล่ะ หญิงสาวแย้มยิ้มหวาน พลางปรายตามองไปทางอรัญญาอีกครั้ง "ขออภัยที่ข้าไม่ได้เป็นมือดีตามที่ท่านว่า เพราะท่านน่าจะรู้ว่าข้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายังเรือนหน้า และไม่รู้ด้วยว่าท่านเลี้ยงงูไว้ที่ไหน"

"เจ้าไม่น่าฆ่ามันเลย" แสงสุรีย์ถอนหายใจเฮือก เธอหาข้ออ้างมาลงโทษลูกเลี้ยงคนนี้อย่างเคยไม่ได้ เพราะจำเลยดันเป็นลูกสาวคนโตที่อำพรางคดีได้ย่ำแย่มาก การนำงูของเธอไปก็เท่ากับชี้ตัวแล้วว่าเป็นผู้ร้าย เพราะมีแต่บรรดาลูกชายลูกสาวของเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอเลี้ยงงูไว้ที่ไหน

"มันมีพิษแค่ทำให้คนถูกกัดตัวแข็งชาเท่านั้น ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแท้ ๆ"

"ข้าไม่รู้นี่คะ"

"เอาเถอะ..." แสงสุรีย์หุบพัดดังฉับ พลางเดินไปช้อนร่างสัตว์เลี้ยงแสนรักขึ้นมาประคองอย่างทะนุถนอมด้วยความอาลัย "ครั้งนี้ถือว่าทางฝั่งข้าหละหลวมเกินไป เลยมีคนแอบเอางูของข้าออกไป ข้าได้แต่หวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก เจ้าไปได้แล้ว สิริกัญญา"

"ท่านแม่!" อรัญญาร้องอย่างไม่พอใจที่มารดาปล่อยคนตรงหน้าไปอย่างง่ายดาย

"มีอะไร อรัญญา"

"สิริกัญญาฆ่างูของท่านแม่นะคะ ท่านแม่จะไม่ลงโทษนางเลยงั้นเหรอ"

"คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่คนที่รู้ว่าผิด แล้วยังทำต่างหากที่สมควรลงโทษ" อย่างน้อยแสงสุรีย์ก็ยังมีความยุติธรรมอยู่ในใจ ซึ่งมันทำให้เธอยังสามารถปกครองคนในบ้านหลังนี้อยู่ได้

"ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวลาก่อนนะคะ ท่านแม่แสงสุรีย์"

สิริกัญญาค้อมตัวลงอย่างแช่มช้าและงดงาม โดยไม่วายหันไปส่งยิ้มหวานให้พี่สาวที่ถลึงตาตอบอย่างเจ็บใจ คำพูดของแสงสุรีย์เหมือนเป็นการหักหน้าเธอต่อน้องสาวทาส ซึ่งเพิ่มความเกลียดชังในจิตใจให้เพิ่มมากขึ้น เด็กคนนั้นแย่งสิ่งที่ควรเป็นของเธอไปหมด ไม่ว่าจะเป็นความรักความเอ็นดูของท่านจินดา หรือของฝากบางชิ้นที่เธอเคยขอผู้เป็นพ่อไว้นานนม แต่กลับไปตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย โดยไม่ต้องไปออดอ้อนขอแต่อย่างใด

"อย่าไปยุ่งกับสิริกัญญาโดยที่แม่ไม่สั่ง" แสงสุรีย์เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบอย่างรู้ใจลูกสาว หลังจากลับร่างลูกเลี้ยงไป

"ทำไมคะ ท่านแม่กลัวมันหรือไง" อรัญญาย้อนถามอย่างไม่พอใจ

แสงสุรีย์หันไปมองลูกสาวที่ถูกโทสะเข้าครอบงำอย่างเชื่องช้า แล้วใช้ด้ามพัดตบลงบนใบหน้างามหยาดเยิ้มเต็มแรง อรัญญาหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด และรู้สึกถึงรสเลือดที่อยู่ในช่องปาก หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหน้า ก่อนหันไปมองมารดาที่ส่งสายตาเยียบเย็นออกมา

"ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำของเจ้า แม่จะถูกเด็กคนนั้นข่มขู่งั้นเรอะ"

"ท่านแม่..."

"อย่าคิดว่าเป็นลูกรัก แล้วแม่จะไม่ลงโทษเจ้านะ อรัญญา" แสงสุรีย์เอ่ยเสียงเรียบ ตรงข้ามกับมือเรียวบางที่กำพัดแน่น "ถ้าไม่อยากเสียทุกอย่างให้เด็กคนนั้น จงทำตามที่แม่สั่ง แล้วอย่าเอาสาวใช้ไปทำอะไรตามอำเภอใจอีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าแม่ไม่เตือน"

"ท่านแม่!"

แสงสุรีย์หมุนตัวเดินออกไปจากเขตของลูกสาว โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องที่ดังอยู่เบื้องหลัง รัชนีรีบก้าวเท้าเดินตามหลังเจ้านายด้วยความเป็นห่วง แม้ท่าทีของแสงสุรีย์จะสงบราบเรียบ แต่ด้วยความที่เป็นบ่าวรับใช้มานาน ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังกระวนกระวายต่อสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้

"ท่านแสงสุรีย์เจ้าคะ"

"สายตาของเด็กนั่นเหมือนกับสร้อยแสงจันทร์ ผู้หญิงน่ารังเกียจที่มอบความต่ำต้อยทิ้งไว้ในใจข้าตลอดมา" แสงสุรีย์บ่นพึมพำให้สาวใช้ฟัง พลางนึกไปถึงอดีตที่เคยทำให้เธอรู้สึกด้อยค่าเหมือนครั้งนี้ "หึ! พวกสีน้ำเงินคงคิดว่าตัวเองเป็นลูกเทพเจ้าเลยทำตัวสูงส่งเสียเต็มประดา มันก็มนุษย์ธรรมดาเหมือนกันนั่นแหละ ถูกฆ่าก็ตาย ไม่เห็นอยู่ยงคงกระพันตรงไหน"

"แล้วท่านแสงสุรีย์จะทำอย่างไรต่อไปคะ"

แสงสุรีย์ตบพัดลงบนฝ่ามือไปมาอย่างครุ่นคิด การทรมานอย่างโจ่งแจ้งไม่ใช่วิธีที่ดีนัก เธอนึกถึงวิธีดั้งเดิมที่ใช้ได้ผลเสมอมา นั่นคือการเสนอโอกาสให้เหล่าลูกเลี้ยงทั้งหลายได้กลั่นแกล้งลูกทาสอีก ไม่มีใครคิดแน่ว่าเธอจะอยู่เบื้องหลังเด็กพวกนั้น และจะว่าไปแล้วก็มีอยู่คนหนึ่งที่ดูแผนการของเธอออก คนนั้นคือลูกนางชีที่ท่านจินดาอุตส่าห์ไปรับมาอยู่บ้านหลังนี้ เด็กที่ดูเหมือนเป็นคนหัวอ่อนว่าง่าย แต่ดันฉลาดเฉลียวเกินวัย

พัดในมือถูกมือเรียวบางกำแน่นจนหักคามือ ปลายมาศล่วงรู้ความลับบางอย่างที่ทำให้เธอต้องรับเงื่อนไขของเขาอย่างช่วยไม่ได้

"คงต้องจัดการให้หมดทั้งพี่ทั้งน้อง เจ้าไปติดต่อหามือดีที่สุดมา ข้าต้องการให้สองพี่น้องนั่นตายอย่างแนบเนียนโดยไม่มีใครสงสัย"

"เจ้าค่ะ"

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สิริกัญญาระบายลมหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า หลังจากล่วงพ้นเข้าสู่อาณาเขตของตัวเองโดยไม่มีบาดแผลกลับมาเป็นครั้งแรก หญิงสาวหันไปมองคนสนิทของพี่ชายที่มีท่าทางไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก และเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเหยเกที่อีกฝ่ายพยายามส่งมาให้ เธอก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

"ทำหน้าดูไม่ได้เลยนะติณ"

"ก็คุณหนูเล่นอะไรพิเรนทร์" ติณเอ่ยเสียงอ่อย พลางนึกถึงถุงใส่งูที่ทำเอาคนสนิทของแสงสุรีย์ร้องแบบลืมแก่

"ทางฝั่งนั้นเล่นพิเรนทร์ก่อนต่างหาก เราแค่ขอเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างจะเป็นไร" หญิงสาวทิ้งเสียงหึลงลำคอ ความจริงเธออยากเล่นแรงกว่านี้เสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมา ก็ดูไม่คุ้มเอาเสียเลย เพราะตราบใดที่เธอยังไม่หลุดพ้นจากเงาอำนาจของแม่เลี้ยง เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้

"อื้อหือ ไม่น่าเชื่อเลยว่าข้าจะมาได้ยินคำพูดที่ไม่น่าหลุดออกมาจากปากเจ้าได้" เสียงหวานใสที่ดังขึ้นมากะทันหัน ทำให้ติณสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ตรงข้ามกับสิริกัญญาที่ยังรักษาท่าทางสงบนิ่งได้เป็นอย่างดี

"ท่านพี่รังสิมา"

เจ้าของชื่อหัวเราะคิกกับคำขานที่ฟังดูราบเรียบไร้อารมณ์ของน้องสาวต่างมารดา พลางเบือนสายตาไปยังคนรับใช้ที่ทำท่าทางกระอักกระอ่วนกับการถูกดวงตาคมวาวจับจ้อง เขาหันไปมองเจ้านายสีน้ำเงินตาละห้อย แล้วรีบค้อมคำนับลาหญิงสาวทั้งสองทันทีที่ได้รับอนุญาตให้ไปทางสายตา และเมื่อลับร่างบุคคลที่สามไป รังสิมาจึงเริ่มเอ่ยออกมาอีกครั้ง

"ข้าได้ยินว่าเจ้าไปที่บ้านใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต เลยรีบมาดูด้วยความเป็นห่วงว่าเจ้าจะโดนท่านแม่แสงสุรีย์ลงโทษอะไรหรือเปล่า" หญิงสาวพลางกวาดตามองน้องสาวต่างมารดาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าที่ยังดูสมบูรณ์ทุกประการ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยการถูกทำโทษให้เห็น ยกเว้นรอยแผลบนแก้มข้างซ้าย และมุมปากด้านล่าง

"แต่ดูท่าจะไม่โดนอะไรเลยนี่"

"ข้าแค่เอาของที่เป็นของท่านแม่แสงสุรีย์ไปคืน ทำไมต้องโดนลงโทษด้วยล่ะค่ะ"

รังสิมาเบิกตาขึ้นกับคำตอบโต้ของน้องสาว หากเป็นเมื่อก่อนอีกฝ่ายจะทำเพียงสงบปากสงบคำ ไม่คิดตอบโต้อะไรทั้งสิ้น มันเป็นไปตามคำพูดของแสงอรุณไม่ผิดเพี้ยน พี่ชายคนนั้นบอกว่าพื้นเพนิสัยของสิริกัญญาไม่ใช่พวกยอมคนเท่าไร ที่ทนยอมให้พี่น้องคนอื่นแกล้งมาตลอดก็เพราะทำตามคำสั่งของแม่บุญธรรม และยังมีปลายมาศคอยเป็นตัวห้าม เจ้าตัวจึงไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไรมาก

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่เล่นแรงจนเกือบตาย คงทำให้สิริกัญญาหมดความอดทน และเริ่มแผลงเดชที่เก็บงำไว้ออกมา แล้วเมื่อครู่รังสิมาก็ไปทันได้ยินน้องสาวคนนี้พูดข่มขู่แม่เลี้ยงอย่างไม่กลัวเกรงเลยว่าจะโดนลงโทษภายหลัง

"พอพี่ชายไม่อยู่ก็ออกลายเลยนะ แต่ข้ากลับชอบเจ้าแบบนี้มากกว่าแบบเงียบหงิมเสียอีก"

"ข้าไม่ได้เงียบหงิมอะไรนี่คะ แค่ไม่ค่อยชอบพูด"

"เจ้าถูกปิดปากไม่ให้พูดต่างหาก" รังสิมาขัดขึ้นทันทีที่น้องสาวต่างมารดาพูดจบ

สิริกัญญาหรี่ตามองพี่สาวที่ทำท่าเหมือนรู้อะไรบางอย่าง และเธอคร้านที่จะต้องมาสงสัยท่าทีกำกวม จึงเอ่ยปากถามออกไปโดยไม่อ้อมค้อม "ท่านพี่อยากพูดอะไรกันแน่คะ ข้าเขลาเกินกว่าจะเดาท่าทางของท่านออกว่าต้องการสื่อถึงอะไร"

"ข้าแค่ไม่ชอบเจ้า"

คำตอบตรงตัวของรังสิมาทำให้คนฟังถอนหายใจเฮือก ขนาดเธอพยายามอยู่อย่างสงบไม่ไปข้องแวะกับใครยังถูกเกลียดได้อีกนะ "ดังนั้นเมื่อวานจึงดึงความสนใจจากข้า เพื่อให้จิตตีเอางูมาปล่อยหรือคะ"

รังสิมาหลุดหัวเราะคิกกับคำถามที่ไม่อ้อมค้อมของน้องสาว "เจ้าคงไม่รู้ว่าพี่สาวคนนี้มีนิสัยไม่ชอบกลั่นแกล้งใคร อย่าเอาอคติที่มีต่อพวกขี้แกล้งมาเหมารวมว่าข้าเป็นแบบพวกนั้น ยังมีพี่น้องคนอื่นอีกหลายคนที่ไม่ได้แกล้งเจ้ากับปลายมาศ"

"แต่ก็อยู่เฉย ไม่ทำอะไรสักอย่าง" สิริกัญญาโต้กลับอย่างไม่ลดละ พลางมองพี่สาวต่างมารดาที่คลี่ยิ้มเยาะออกมา

"แล้วเจ้าคิดว่ามีใครทำอะไรกับแม่แสงสุรีย์ได้บ้างล่ะ ทั้งแม่เจ้า แม่ข้าหรือแม่ของใครอีกหลายคนที่ถูกกดดันจนต้องตายไป เจ้าคิดว่าเด็กอย่างพวกเราจะทำอะไรได้ นอกจากอยู่เฉย ๆ ไม่อย่างนั้นคงเป็นแบบพวกเจ้า"

ดวงตาสีน้ำเงินทอแววอ่อนลง หลังจากได้ยินคำพูดแบบเปิดอกของรังสิมาเป็นครั้งแรก แต่เธอคงไม่ลืมง่าย ๆ หรอกว่าพี่สาวคนนี้มักชอบข้องแวะกับการกลั่นแกล้งของพี่น้องคนอื่นเสมอมา

"เพราะพวกเราปล่อยให้เป็นแบบนี้เองไม่ใช่หรือคะ ให้ท่านแม่แสงสุรีย์มีอำนาจเหนือพวกเรา" ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่สิริกัญญาก็รู้ดีว่าทำไมแสงสุรีย์จึงมีอำนาจเหนือทุกคนโดยไม่มีใครกล้าขัดขืน เพราะผู้หญิงคนนั้นได้เพาะเมล็ดแห่งความหวาดกลัวชนิดฝังตัวลึกจนยากจะขุดออกมาได้

"เจ้าจะทำการปฏิวัติหรือไง" รังสิมาหลุดหัวเราะออกมา เมื่อนึกภาพคนเรียบร้อยทำการยึดอำนาจแม่เลี้ยง และคำพูดของเธอก็ทำให้คนฟังทำหน้าเหยเก

"ข้าคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้น"

"แต่พี่ชายของเจ้ามี"

สิริกัญญาเอียงคอมองคนที่เธอกล้าพูดแบบเปิดใจด้วยท่าทางสงสัย ปลายมาศในสายตาที่ทุกคนรู้จักเป็นแค่บัณฑิตหนุ่มที่เรียนจบก่อนมาตรฐานถึงสามปี และเข้ารับตำแหน่งเป็นอาจารย์ในวังด้วยอายุที่น้อยที่สุดจนถูกใครหลายคนเขม่นไปพักหนึ่ง แล้วถ้ารังสิมาพูดถึงอำนาจที่ปลายมาศสามารถใช้ต่อต้านแสงสุรีย์ได้ก็คงไม่ใช่อำนาจที่เกิดจากตัวเขา แต่เป็นอำนาจของผู้ที่หนุนหลังพี่ชายของเธอต่างหาก

"หมายถึงเจ้าชายชัยนเรนทร์กับองค์เจ้าหลวงหรือคะ"

"ถ้าเขารู้จักใช้อภิสิทธิ์ที่ได้รับมาจากทั้งสองพระองค์ก็คงทำได้อยู่หรอก อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปเป็นของเล่นของพี่วโรดม"

คำพูดของรังสิมาทิ่มแทงเข้าไปในใจของสิริกัญญาจนเธอรู้สึกเจ็บแปลบ อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเหตุใดปลายมาศจึงไม่ยอมใช้อำนาจนั้น และถ้าพี่สาวต่างมารดาคนนี้รู้ถึงสาเหตุนั้นคงไม่ชอบขี้หน้าเธอมากขึ้นไปอีก

"ข้าไม่รู้หรอกนะว่าทำไมแม่แสงสุรีย์ถึงเพ่งเล็งพวกเจ้าสองพี่น้องมากนัก แต่ถ้าเจ้าคิดจะทำตามใจตัวเองแบบเช่นวันนี้ก็ควรระวังตัวไว้ให้จงหนัก หรือไม่ก็หาผู้มีอำนาจที่สามารถคะคานอำนาจกับแม่แสงสุรีย์คอยหนุนหลัง" รังสิมาชะงักคำพูด เมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนแย้มยิ้มด้วยท่าทางที่ทำให้คนมองไม่อยากไว้ใจเท่าไร

"อย่างเจ้าปาเยนทร์ไง รู้สึกว่าเขาจะเข้ามาติดพันเจ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ ใช้เขาให้เป็นประโยชน์สิ"

สิริกัญญาชักหน้าตึงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อของราเชน ไม่ใช่เพราะเขาหรืออย่างไรที่ทำให้เธอต้องวุ่นวายแบบนี้ เธอไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนั้นอีก คนที่ส่องประกายแพรวพราวแบบนั้นทำให้เธอตาพร่าจนไม่อยากมอง

"ข้าเกลียดเขา"

รังสิมาหัวเราะเสียงดังกับคำตอบที่ไม่คาดคิด ผู้หญิงมากมายต่างหลงใหลเจ้าปาเยนทร์กันจะเป็นจะตาย แต่ดันมีคนหนึ่งที่เอ่ยตรงกันข้าม เธอมองน้องสาวต่างมารดาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

"คำที่อยู่ตรงกันข้ามกับเกลียดคือคำว่ารักนะ อย่าให้ใจเจ้าตาลปัตรไปอยู่อีกด้านหนึ่งได้ล่ะ"




พูดคุยช่วงท้าย
ตอนนี้เป็นหวัดงอมแงม(อีกรอบ) ขอโพสต์อย่างเดียว แล้วยกยอดไปคุยรอบหน้านะคะ

แหะ ๆ กลับไปนอนต่อแล้ว



Create Date : 28 ตุลาคม 2550
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 15:57:58 น.
Counter : 401 Pageviews.

6 comments
  
get well soon, author. my doubt is about the snake ja. when it tried to wrap her arm but didn't bite her immediately, was this the reaction of snake? till this update, i've lots of skeptic about her dad, how come her dad doesn't even know what is going on in his family? it's quite weird nah.

also, all people in this family are pretty weird and seems like they are abnormal. like to be punished and like to punish...
โดย: ninja IP: 137.224.235.22 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:16:42:39 น.
  
หายไปนานเลยนะ รอปาเยนทร์ทุกวันเลย
โดย: ji IP: 203.146.63.189 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:19:22:39 น.
  

หายไปนานนะค่ะ หายหวัดแล้วก็มาอัพต่อได้เรื่อยๆ

ใช่มั๊ยค่ะ พระเอกเราชอบแกล้งนางเอกจริงๆ ไม่สงสาร

กันบ้างหรือไงนี่ เรื่องนี้มันซับซ้อนดีจัง
โดย: nekojung IP: 58.9.82.154 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:20:17:14 น.
  
โดย: jintana IP: 76.198.227.8 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:8:05:29 น.
  
รอนานมากเลยค่ะ
อย่าหายไปนานอีกนะคะ
พักผ่อนเยอะๆนะคะ
(เอ๊ะ มันขัดกันยังไงก็ไม่รู้แฮะ)
โดย: pumpam IP: 58.8.79.236 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:13:02:57 น.
  
เมื่อไหร่จะต่อสักทีคะ? รอจนเหงือกแห้งแล้ว
โดย: LengYee-คนงาม IP: 202.28.12.49 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:21:34:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog