พิษเสน่หา 6
๖ เทพธิดาบนยอดไม้

สิริกัญญานั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง โดยไม่สนใจหนังสือที่ตัวเองเปิดอ่านเท่าไรนัก เธอมัวแต่คิดถึงเรื่องของปลายมาศที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่คนสนิทของพี่ชายกลับมารายงานอาการของเจ้านายก็ทำให้ใจของเธอไม่อยู่กับตัว

ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าปลายมาศมีนิสัยอย่างไร ในเมื่อนิสัยของเธอถอดแบบออกมาจากพี่ชายคนนี้เป็นพิมพ์เดียวกัน และเธอเดาได้ว่าความอดทนต่อความทรมานที่รุมเร้าคงถึงขีดสุดแล้ว

เสียงวี้ดว้ายของเด็กชายหญิงพอช่วยดึงความสนใจของสิริกัญญาออกมาจากเรื่องของปลายมาศได้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองว่าวหลากสีสันที่บินว่อนอยู่บนท้องฟ้า และมันทำให้เธอนึกถึงเรื่องสมัยเด็กขึ้นมา

ตอนที่สิริกัญญายังเป็นเด็กหญิงอายุแปดขวบ ปลายมาศมักพาเธอไปเล่นกับเหล่าลูกชายหญิงของคนรับใช้เป็นประจำ มันเป็นลานโล่งหลังคฤหาสน์ที่ท่านทั้งหลายไม่ค่อยชอบมาเท่าไรนัก โดยเฉพาะลูกท่านที่มักจะไปเล่นอยู่ที่ลานสนามม้าที่ถูกดัดแปลงให้เป็นสนามกีฬาที่เล่นได้ทุกประเภท ลานโล่งหลังบ้านจึงเปรียบเสมือนอาณาเขตของสองพี่น้องไปโดยปริยาย

พอนึกถึงเรื่องเก่าขึ้นมาก็ทำให้หญิงสาวเผลอยิ้ม ตอนนั้นเด็กหญิงสิริกัญญาซุกซนยิ่งกว่าใครในกลุ่มลูกคนรับใช้เสียอีก ยิ่งถูกพี่ชายจับแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหวก็เข้าทางเด็กซนพอดี เด็กหญิงตัวน้อยเล่นวิ่งไล่จับกับเด็กผู้ชาย ปีนต้นไม้ ลงไปจับปลาจนสกปรกมอมแมมกลับบ้านเป็นประจำ และก็โดนแม่บุญธรรมดุทุกครั้งกับนิสัยซนเป็นลิงทะโมน แต่เธอไม่ได้ถูกห้ามว่าไม่ให้ไปอีก

สิริกัญญาเลิกเล่นแบบเด็กผู้ชายเมื่อตอนอายุสิบสาม เพราะเธอถูกแม่บุญธรรมจับให้ใส่กระโปรงตั้งแต่ตอนนั้น แต่เธอก็ยังไม่เลิกซุกซน ไปเล่นกับลูกคนรับใช้ทั้งชุดกระโปรงอย่างนั้น และมอมแมมกลับบ้านจนโดนห้ามว่าหากสกปรกกลับมาอีก จะถูกห้ามไม่ให้ไปเล่นกับลูกคนรับใช้ เธอเลยลดความซนของตัวเองลง เพื่อที่จะออกไปเล่นกับเพื่อนในครั้งต่อไปได้อีก

หญิงสาวมองว่าวสองตัวที่กำลังเสียดสีกันไปมา แล้วสายป่านของว่าวตัวหนึ่งก็ขาดผึง และร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างหมดท่า แต่ลมเจ้ากรรมดันพัดว่าวสายขาดอันนั้นให้ปลิวไปติดอยู่บนยอดไม้ และเธอก็เดาได้ว่าเจ้าของว่าวอันนั้นต้องชะเง้อคอมองว่าวของตัวเองตาละห้อยเป็นแน่

ร่างโปร่งบางลุกขึ้นจากโต๊ะหนังสือของตัวเอง แล้วข้ามผ่านกรอบหน้าต่างออกไปด้านนอกด้วยท่าทางคล่องแคล่วไม่แพ้ลูกคุณหนูคนงาม และถ้าแม่บุญธรรมของเธอมาเห็นคงเอ็ดตะโรกับการกระทำที่ไม่สมเป็นกุลสตรีอีกแน่ แต่เธอจะสนทำไมล่ะ ในเมื่อคนดูไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ถึงแม้ว่าบางทีก็อยากได้ยินเสียงดุว่าเช่นที่เคยได้ยินบ่อย ๆ ในสมัยเด็ก

หลังคฤหาสน์แห่งนี้เป็นที่อยู่ของเหล่าคนรับใช้ร่วมร้อยคน มีทั้งเด็กเล็กที่วิ่งซุกซนไปมา และเด็กโตที่ได้รับความเมตตาจากท่านจินดาส่งให้ไปศึกษาหาความรู้ภายนอก หลายคนแต่งงานไปโดยมี่ท่านเป็นผู้ใหญ่ให้ บ้างก็ได้ดีจนรับราชการอยู่ในรั้ววังก็มาก และคนเหล่านั้นไม่เคยลืมบุญคุณท่าน คอยแวะมาเยี่ยมเยียนท่านกับเพื่อนเก่าอย่างสิริกัญญาที่ชอบหมกตัวอยู่แต่ด้านหลังของคฤหาสน์โดยไม่ยอมออกไปไหน

สิริกัญญาเดินลัดเลาะไปยังต้นไม้เจ้าปัญหา และได้เห็นเด็กชายหญิงหลายคนยืนรุมล้อมต้นไม้นั้น ทุกคนพากันแหงนคอมองดูว่าวอันเล็กที่ติดอยู่บนยอดไม้ แล้วเธอก็เห็นเด็กชายคนหนึ่งซึ่งจำได้ว่าเป็นหัวโจกของเด็กกลุ่มนี้กำลังปีนต้นไม้ขึ้นไป

“ทำอะไรกันน่ะ” เสียงหวานเจือแววดุทำให้ทุกคนสะดุ้งและหันไปมองเจ้าของเสียงทันที

“ท่านกัญญา” เด็กทุกคนเกรงหญิงสาวคนนี้ โดยเฉพาะยามที่ดวงตาสีน้ำเงินทอแววดุ

“จอม เจ้าขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเด็กชายวัยสิบขวบที่ทำท่าละล้าละลังอยู่ด้านบน ใบหน้ามอมหงอยลง แล้วเจ้าตัวก็ชี้นิ้วขึ้นไปบนยอดไม้สูงที่มีว่าวติดอยู่

“ข้าจะขึ้นไปเอาว่าวที่ติดอยู่บนยอดไม้ขอรับ ท่านกัญญา”

“ลงมาจอม มันสูงเกินไป เจ้าปีนขึ้นไปไม่ได้”

“แต่...” จอมท้วงอย่างอิดเอื้อน แต่ก็ยอมปีนลงมาตามคำสั่งของหญิงสาว พวกเขารู้ดีว่ายามสิริกัญญาใจดีก็ยิ่งกว่านางฟ้า แต่ดุน่ะพอกันกับพายุเลยทีเดียว

สิริกัญญาก้าวเดินไปรับร่างของเด็กชายจอมลงมา แล้ววางลงบนพื้น เธอกวาดตามองเด็กแต่ละคนที่ทำหน้าผิดหวังที่ไม่สามารถเอาว่าวลงมาได้ จอมถึงกับบ่นหงุงหงิงกับหญิงสาว

“ว่าวของเจ้ากล้ามัน ท่านปลายมาศสอนให้มันทำว่าวอันแรก ข้าปีนต้นไม้ขึ้นไปเอาได้นะท่านกัญญา”

มือเรียวตบลงบนหัวทุย แล้วมองเด็กชายกล้าที่มีสีหน้าเสียดายยิ่งกว่าใคร เพราะมันเป็นว่าวอันแรกของเขา และยังเป็นว่าวที่ปลายมาศสอนให้ทำ

“อันตรายเกินไป เดี๋ยวเราจะปีนขึ้นไปเอง”

สิริกัญญาไม่พูดพร่ำทำเพลงมากนัก ร่างโปร่งบางปีนขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยท่าทางคล่องแคล่วยิ่งกว่าเด็กผู้ชาย จนเด็กหลายคนพากันมองด้วยทึ่งปนอึ้ง เธอใช้เวลาไม่นานในการปีนขึ้นไปบนยอดไม้ และคว้าเอาว่าวป่านขาดลงมา ท่ามกลางเสียงเฮของเด็ก ๆ แต่แล้วหญิงสาวต้องหน้าเสีย เมื่อกระโปรงด้านในเกี่ยวกับกิ่งไม้แหลม เธอใช้แรงดึงชายกระโปรงให้หลุด แต่ก็ทำให้กิ่งไม้ที่เกาะอยู่ไหวยวบอย่างน่ากลัว

“ท่านกัญญา!” เสียงเรียกของเด็ก ๆ ดังอยู่เบื้องล่าง หญิงสาวจึงส่งว่าวของกล้าลงพื้นไปก่อนตัวเอง แล้วหันไปดึงกระโปรงที่ติดอยู่กับกิ่งไม้ต่อ

ให้ตายสิ! ปลายมาศอุตส่าห์เตือนแล้วว่าอย่าใส่กระโปรงปีนขึ้นต้นไม้ เธอก็ไม่เคยฟัง แล้วต้องมานั่งสำนึกทีหลังว่าควรฟังคำเตือนของพี่ชายเสียตั้งแต่แรก สิริกัญญาขบฟันกรอด ขืนพลาดท่าตกม้าตายตอนจบก็แย่สิ ที่บ้านหลังนี้มีคนที่จะซ้ำเติมเธอมากมายเสียด้วย

ขอให้ลงไปได้ทีเถอะ แล้วคราวหน้าจะไม่ใส่กระโปรงปีนต้นไม้อีกเด็ดขาด!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


การมาเยือนคฤหาสน์ท่านจินดาเป็นครั้งที่สองของราเชน ปาเยนทร์ สร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าของบ้านยิ่งนัก และท่านก็ทราบจุดประสงค์ของเจ้าปาเยนทร์ว่ามาด้วยสาเหตุอะไร ท่านรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยที่เจ้าชายชัยนเรนทร์รับตัวปลายมาศที่ไม่สบายไว้ในตำหนักจนกว่าจะหาย ท่านกลัวลูกชายจะเฉามือตาย เพราะความเอ็นดูเกินเหตุของเจ้าชายกับเจ้าหลวงมากกว่า

แต่ที่น่ากลุ้มคือพระดำรัสของเจ้าชายที่ให้สิริกัญญาเข้าพบนี่สิ ถึงจะบอกว่าเป็นการเข้าเยี่ยมพี่ชายที่ทรงได้ยินว่าสนิทกันมาก แต่จะทรงมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้

“ถ้าปลายมาศไม่สบาย เจ้าชายน่าจะส่งตัวเขากลับมาพักที่บ้านนะคะ” แสงสุรีย์แย้มยิ้มหวาน โดยเก็บซ่อนความไม่ชอบใจไว้ภายใน เจ้าชายชัยนเรนทร์คงเห็นรอยแผลที่มือของปลายมาศ และล่วงรู้ถึงยาพิษที่นางใช้แล้วเป็นแน่

“พระองค์เอาแต่ใจ และนั่นก็คนโปรด” ราเชนยิ้มน้อย ปิดบังความรู้เท่าทันไว้ในใจ เพราะคนที่ทำให้ปลายมาศมีสภาพย่ำแย่แบบนั้นคือลูกชายของแสงสุรีย์ ดีไม่ดีคนเป็นแม่ด้วยนั่นแหละที่มีส่วนรู้เห็นในการทรมานลูกเลี้ยง

“ปลายมาศไปทำอะไรให้กันนะ ถึงได้ทรงโปรดปรานชนิดริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม”

คำถามของแสงสุรีย์ทำให้ราเชนอยากหัวเราะ เขามองไม่ออกเลยว่าปลายมาศถูกถนอมตามที่อีกฝ่ายว่าไว้ตรงไหน ที่เขาเห็นน่ะ คือคนที่โดนใช้ให้ทำงานหนักยิ่งกว่าตำแหน่งพระอาจารย์ วันไหนที่ว่างจากการสอนหนังสือก็จะถูกทั้งเจ้าหลวงกับเจ้าชายชัยนเรนทร์พาเที่ยวรอบเมือง แล้วไอ้คำว่าเที่ยวที่ว่าก็คือการลงไปเล่นวิ่งไล่จับกับพวกผู้ร้ายที่ประชาชนร้องเรียนเข้ามา จนเจ้าตัวอยากจะลาออกเสียหลายครั้งหลายหน แต่คำร้องไม่เคยผ่านเสียที

“เรื่องนั้นคงต้องไปถามเจ้าหลวง หรือไม่ก็เจ้าชายชัยนเรนทร์ ข้าไม่ได้ถูกใจเขาเหมือนสองพระองค์” ราเชนพูดพลางยกมือลูบรอยช้ำบนริมฝีปากที่ถูกต่อย แล้วกระตุกยิ้ม

แสงสุรีย์มองราเชนอย่างจับสังเกต จากคำบอกเล่าของญาติที่เป็นรพะสนมฝ่ายขวาบอกมาแค่ว่าเขาเป็นหนุ่มรูปงามที่มีนิสัยเจ้าสำราญธรรมดา ส่วนอำนาจที่เขามีนั้นเป็นมรดกตกทอดจากเจ้าปาเยนทร์คนเก่าที่สั่งสมไว้ อีกทั้งศรศิลป์ยังไม่กินกันกับองค์เจ้าหลวงเสียด้วย

หลายคนเชื่อว่าหลังสิ้นองค์เจ้าหลวงไป เขาจะกลายเป็นเจ้าอำนาจใหม่ที่หากคิดอยากครองบัลลังก์ปามะห์ก็ทำได้ง่าย ดังนั้นถึงจะไม่ชอบท่าทีบางอย่างของเขาก็ควรคบหาเพื่อผลประโยชน์ของญาติจะดีกว่า

“เรื่องของปลายมาศ ข้ายังพอเข้าใจ แต่สิริกัญญาไปเกี่ยวข้องอะไรด้วย นางไม่เคยแม้แต่จะออกจากบ้าน เจ้าชายชัยนเรนทร์จะอยากพบนางไปทำไม”

“นางเป็นน้องสาวของปลายมาศนี่” ราเชนตอบอย่างไม่ยี่หระ ดูจากท่าทางของแสงสุรีย์แล้ว เธอคงอยากกีดกันสิริกัญญาออกจากเขาและจากทุกคนสุดชีวิต เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ความหมายของคำว่าเลือดสีน้ำเงินหรือไม่ และถึงรู้เขาก็ไม่เชื่อว่าแสงสุรีย์ปกปิดเลือดสีน้ำเงินด้วยความเป็นห่วง ริ้วรอยที่ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาสีแดงคือความริษยาอันรุนแรง

“น้องสาวของปลายมาศมีตั้งหลายคน เจ้าชายชัยนเรนทร์ก็ทรงรู้จัก”

ราเชนแย้มยิ้มกว้าง คำพูดของแสงสุรีย์เข้าล็อคที่เขาวางไว้พอดี “เพราะน้องสาวของปลายมาศ ท่านรู้จักหมดแล้วทุกคน ยกเว้นสิริกัญญา ท่านเลยอยากเห็นหน้านาง”

แสงสุรีย์ชักหน้าตึงที่ถูกราเชนสวนแทงมา เจ้าปาเยนทร์ไม่ธรรมดาอย่างที่เธอได้ยินมาเสียแล้ว แค่คำพูดที่เผลอเพียงเล็กน้อย เขาก็ใช้ตรงจุดนั้นให้เป็นประโยชน์ได้ อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็เป็นลูกสิงห์...ลูกที่จะไว้ลายสิงห์ตามพ่อของมัน

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะส่งนางไปให้ในวันพรุ่งนี้”

ราเชนยิ้มพราย พลางแสร้งค้อมตัวลงอย่างสุภาพ “ขออภัย เจ้าชายชัยนเรนทร์บอกให้ข้าพานางไปส่งถึงมือท่านด้วยตัวเอง บ่ายวันพรุ่งนี้ข้าจะส่งรถม้ามารับนาง”

แสงสุรีย์จิกเล็บลงกลางฝ่ามือ แล้วแย้มยิ้มหวานตามมารยาท “ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนด้วย และได้โปรดคืนนางมาในสภาพที่สมบูรณ์เหมือนขาไปนะคะ ท่านราเชน นางยิ่งอ่อนต่อโลกมาก ไม่รู้หรอกว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดีต่อตัวนาง”

สิ่งที่ไม่ดีต่อตัวสิริกัญญาคงเป็นราเชน ปาเยนทร์ที่ขึ้นชื่อว่ามือไวกับผู้หญิง คนที่ถูกกันท่าจึงกลั้วหัวเราะขบขัน พลางโคลงศีรษะไปมา “ถ้านางเป็นสาวสวย รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นชวนถนอมข้าก็ไม่อาจรับประกันได้ ข้าชอบชมสิ่งสวยงามน่ะ”

ดวงตาสีแดงพราวระยับขึ้นโดยที่เดาไม่ออกว่าเจ้าของดวงตาคู่นั้นกำลังคิดอะไร ริมฝีปากสีแดงเหยียดยิ้มจนเกือบเป็นเส้นตรง พร้อมกับเสียงหัวเราะที่บาดลึกเข้าไปในโสต “ขอให้ท่านชมชอบแต่สิ่งสวยงามต่อไปนะคะ เพราะของธรรมดาน่ะไม่คู่ควรกับท่านหรอก”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


“ยัยงูแก่” ราเชนบ่นพึมพำกับตัวเองหลังจากขอตัวกลับ โดยไม่ยอมให้ใครไปส่งเช่นเดิม จากการสนทนาเมื่อครู่ทำให้เขารู้เลยว่าแสงสุรีย์เป็นผู้หญิงที่มีแววอันตราย ดวงตาของเธอแผดเผาด้วยไฟกิเลสมากมาย จนเขารู้สึกสะอิดสะเอียน และนึกสงสัยว่าท่านจินดาแต่งงานกับเธอได้อย่างไร

แต่ถ้าดูจากนิสัยของท่านจินดาก็พอเดาได้ว่าทำไมท่านถึงยังไม่เบื่อแสงสุรีย์ ถึงแม้เธอจะมีอายุเท่ากับคหบดีเฒ่า แต่รูปร่างหน้าตาของเธอยังสาวและสวยอยู่มากทีเดียว เรือนกายที่เย้ายวนใจนั้นได้ผูกมัดบุรุษผู้มากราคะอย่างท่านจินดาไว้ ทำให้ท่านไม่อาจหลุดพ้นจากบ่วงเสน่หาของเธอได้

ชายหนุ่มเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทางที่เขาเดินเมื่อคืน และได้พบกับสิริกัญญาเข้าระหว่างทาง ในใจส่วนลึกเขาอยากพบเธออีก ผู้หญิงคนนั้นมีบางอย่างที่ต้องตาต้องใจเขามาก ถ้าไม่นับเรื่องดวงตาสีน้ำเงินที่เขาสนใจอยู่ ความดื้อรั้นไม่ยอมลงให้ก็เป็นส่วนหนึ่งล่ะ เพราะผู้หญิงทุกคนที่เขารู้จักไม่มีใครทำแบบเธอเลยสักคน

“ท่านกัญญา!”

เสียงเล็กแหลมของเด็กหลายคน เรียกความสนใจจากราเชนให้หันไปมอง โดยเฉพาะชื่อที่เด็กพวกนั้นเอ่ยถึงก็ทำให้เขากวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อโดยไม่รู้ตัว แต่ที่พบมีเพียงเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังเงยหน้ามองบางสิ่งบางอย่างด้วยความตกใจ

ว่าวอันเล็กลอยลงมาจากบนฟ้าเหมือนใบไม้ที่ถูกปลิด และราเชนก็ได้เห็นว่าใครเป็นคนปลิดใบไม้สีขาวลงมา ชายหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างขบขันเมื่อเห็นใครบางคนอยู่บนต้นไม้ ท่าทางของเธอกำลังลำบากเลยทีเดียวกับกระโปรงยาวที่อาจจะขาดคามือกับการยื้อแย่งกับกิ่งไม้

และแสงแดดยามเย็นที่สาดส่องลงมาบนร่างโปร่งบาง ทำให้เขาเห็นอีกฝ่ายเป็นนางฟ้าแสนซนองค์หนึ่งที่หล่นลงมาบนต้นไม้ และหาทางลงไม่ได้ เพราะทำปีกหาย ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ พลางเงยหน้ามองสาวน้อยที่ทำหน้าบิดเบี้ยวคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“เกิดอะไรขึ้น” คำถามของชายแปลกหน้าทำให้เด็กทุกคนสะดุ้งโหยง พวกเขามัวแต่สนใจคนบนต้นไม้ จนไม่รู้เลยว่ามีคนอื่นเข้ามา

จอมที่เป็นหัวโจกของกลุ่มรีบออกหน้าแทนเพื่อน ด้วยการโค้งตัวลงต่ำตามคำสอนของพ่อแม่ ที่ให้ทำเวลาอยู่ต่อหน้าเจ้านาย “ท่านกัญญาขึ้นไปเก็บว่าวให้พวกข้าขอรับ แต่ท่านลงมาไม่ได้”

“เท่าที่เห็นก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ รู้ว่าลงไม่ได้จะขึ้นไปทำไม” ราเชนครางรับรู้ในลำคอ แต่เขาก็ละสายตาจากนางฟ้าแสนซน มายังเด็กชายที่เอ่ยค้านเสียงดัง

“ไม่ใช่ขอรับ!” จอมเงยหน้าขึ้นมองราเชนด้วยสายตาแน่วนิ่ง และมีรอยเทิดทูนต่อหญิงสาวที่ตัวเองกล่าวถึง “ท่านกัญญาปีนต้นไม้เก่งกว่าพวกข้าอีกขอรับ ท่านเห็นว่าว่าวขึ้นไปติดบนที่สูงเกินไปเลยขึ้นไปเก็บให้”

“ถ้าข้าไม่ช่วยคุณหนูของพวกเจ้าก็ออกจะเป็นคนใจร้ายไปหน่อย ว่างั้นไหม” ราเชนกลั้วหัวเราะกับความใจดีของตัวเอง พลางถอดเสื้อนอกส่งให้เด็กชายคนกล้าถือไว้ แล้วพับแขนเสื้อขึ้นสูงถึงข้อศอก เพื่อเตรียมขึ้นไปช่วยคนบนต้นไม้

“แต่ถ้าคุณหนูของพวกเจ้าไม่ยอมลงมาก็อย่ามาโทษข้านะ”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


“มีอะไรให้ข้าช่วยไหมคุณหนู”

เสียงทุ้มที่สิริกัญญาจำได้แม่น แม้จะไม่อยากจำทำให้เธอหันไปมองต้นเสียงอย่างตกใจ ราเชนมาอยู่บนกิ่งไม้ด้านล่างตัวเธอตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ และยังทำท่าจะปีนขึ้นมาอยู่บนกิ่งเดียวกับเธออีก ทำให้คนติดแหงกอยู่บนต้นไม้รีบรั้งลั่น

“อย่าขึ้นมา! เดี๋ยวมันหัก!”

“ตัวข้าไม่น่าจะหนักมากจนทำให้มันหักได้นะ” ราเชนขมวดคิ้วเข้าหากัน พลางมองกิ่งอวบใหญ่ที่สามารถรองรับน้ำหนักคนสองคนได้อย่างสบาย

“ท่านขึ้นมาทำไม” สิริกัญญาไม่ยอมตอบ นอกจากส่งคำถามกลับไป

“เห็นใครบางคนทำท่าจะร้องไห้ที่ลงต้นไม้ไม่ได้เลยคิดจะขึ้นมาช่วย” ชายหนุ่มเอ่ยเย้า พลางมองกระโปรงเจ้าปัญหาที่ยังติดอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่และดึงไม่ออก

คนที่ทำท่าจะร้องไห้จริงเม้มปากแน่น หญิงสาวไม่พูดโต้ตอบอะไรนอกจากหันไปดึงกระโปรงของตัวเองต่อ และไม่มีทีท่าว่าจะขอร้องให้ราเชนช่วยเสียด้วย

“ให้ข้าช่วยไหม”

ไม่มีคำตอบจากคนใจแข็ง และมันทำให้คนหวังดีพ่นลมหายใจอย่างหน่ายใจ ผู้หญิงต่อให้นิสัยต่างกันอย่างไร แต่ความเจ้าทิฐินี่มีเหมือนกันหมด

“ตามใจ ถ้าอยากอยู่เป็นเทพธิดาค้างฟ้าทั้งคืนข้าก็ไม่ห้ามล่ะ ลมกลางคืนมันหนาวถึงใจเชียวนะ คุณหนู” ไม่วายที่ราเชนจะหยอกเย้าตบท้าย และไต่ลงอย่างไม่สนใจคนใจแข็งเช่นกัน

สิริกัญญาเหลือบมองอีกฝ่ายที่ปีนลงไปตามคำพูด และคำเย้าแหย่ของเขาก็ทำให้เธอฉุนขาด หญิงสาวมองกระโปรงของตัวเอง แล้วสบถอย่างเจ็บใจ “ไอ้กระโปรงบ้านี่!”

ถ้าดึงดี ๆ ไม่ยอมออกก็ฉีกมันให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ เธอจะได้ไม่ต้องมาเป็นตัวตลกให้คนอื่นหัวเราะเยาะอยู่แบบนี้

“ให้ตายสิ…อารมณ์รุนแรงเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ”

เสียงทุ้มที่ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมือแกร่งที่ฉุดมือเรียวเล็กไม่ให้ฉีกกระโปรงตัวเอง ทำให้สิริกัญญาตกใจเป็นรอบที่สอง เธอเห็นว่าราเชนไต่ลงไปกับตา แต่ทำไมเขาถึงยังอยู่ตรงนี้ราวกับไม่ได้ไปไหน

“เกลียดข้ามาก จนไม่อยากขอให้ข้าช่วยเลยหรือไง สิริกัญญา” ราเชนคลี่ยิ้มเล็กน้อย แล้วกวาดตามองไปทั่วใบหน้านวลเนียนที่ไม่มีรอยยิ้มให้เห็น ก่อนหยุดลงที่ผ้าปิดแผลบนแก้มด้านซ้าย

“แก้มไปโดนอะไรมา” ชายหนุ่มพูดพลางยื่นมือไปแตะใบหน้าซีกซ้ายแผ่วเบา

สิริกัญญามองต้นเหตุรอยแผลบนใบหน้าด้วยสายตาขุ่นเคือง ก่อนเบนหน้าหนีจากอุ้งมือใหญ่ โดยไม่ตอบคำถามอะไร และท่าทีของเธอก็ทำให้เจ้าปาเยนทร์ขมวดคิ้วยุ่ง ดวงตาสีดำทอแววดุขึ้นมา แล้วจับคางมนบังคับให้หญิงสาวหันมาสบตาตอบ

“บทเรียนเมื่อวานคงไม่ได้ทำให้คุณหนูสำนึก” เจ้าปาเยนทร์หัวเราะเสียงเยียบเย็น และดึงใบหน้านวลเนียนเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อน “อยากจะตอบคำถามของข้าดี ๆ หรือจะตอบหลังจากที่ข้าสั่งสอนคุณหนูอีกสักรอบ”

สิริกัญญาเม้มปากแน่นกับข้อเสนอของราเชนที่ไม่ดีสำหรับเธอเลยสักข้อ เธอไม่รู้ว่าเขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร แต่ที่รู้คือเธอจะต้องพบเรื่องย่ำแย่ยิ่งกว่าเมื่อเช้าหากโดนเขาจูบอีกรอบ หญิงสาวถอนหายใจเฮือกอย่างเจ็บใจตัวเองที่ต้องเลือกเรื่องแย่น้อยกว่า เพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกพิษรักแรงหึงของพี่สาวทุกคนที่หมายตาผู้ชายตรงหน้า

“ไม้เกี่ยวหน้า” หญิงสาวตอบเสียงห้วน พลางเบือนหน้าหนีจากดวงตาคมดุที่จับจ้องมา

ราเชนเลิกคิ้วขึ้นกับคำตอบที่ไม่อยากเชื่อเท่าไร เมื่อเช้าปลายมาศพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคำแก้ตัวของเขาเกี่ยวกับบาดแผลบนมือเป็นเรื่องโกหก ดังนั้นเขาจึงคิดว่าคนน้องก็ต้องโกหกเกี่ยวกับบาดแผลบนใบหน้าเช่นกัน ชายหนุ่มตัดสินใจดึงผ้าปิดแผลเพื่อพิสูจน์ความจริง แล้วเขาก็ได้รับคำตอบจากรอยแผลที่แตกต่างจากคำพูดของสิริกัญญา

บาดแผลบนแก้มข้างซ้าย เป็นรอยคล้ายถูกของมีคมบางอย่างบาดยาวตั้งแต่โหนกแก้มจนถึงสันกราม และรอบรอยแผลนั้นช้ำจนเป็นสีม่วงคล้ำอย่างน่ากลัว นิ้วแกร่งไล้ไปตามรอยแผลแผ่วเบา ผิวเนื้อบางส่วนเริ่มสมานเข้าหากัน แต่บางส่วนยังมีเลือดซึมออกมาให้เห็น ชายหนุ่มละจากบาดแผลแล้วมองคนโกหกที่เบนหน้าหนีโดยไม่พูดอะไร

“ใครทำร้ายเจ้า”

ทำร้าย…ไม่เคยมีใครพูดคำนี้กับสิริกัญญาเหมือนกับที่ราเชนเอ่ย บาดแผลทุกแห่งบนร่างกายของเธอ ล้วนแต่เป็นรอยที่เกิดจากการถูกทำโทษ ซึ่งเธอไม่อาจเอ่ยแย้งให้ตัวเองได้เลยว่าถูกทำร้าย

“ท่านแสงสุรีย์งั้นเหรอ” ถึงราเชนจะเดามั่ว แต่ดูท่าเขาจะเดามาถูกทาง เมื่อเห็นดวงตาสีน้ำเงินไหวระริกขึ้นมาวูบหนึ่ง ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรต่อ นอกจากดึงชายกระโปรงด้านในที่ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนขาดเป็นรูกว้าง แล้วอุ้มร่างบอบบางไต่ลงมาจากยอดไม้

“ปล่อย…ข้าปีนต้นไม้ลงเองได้”

ราเชนไม่โต้ตอบอะไร นอกจากกระชับร่างบอบบางไว้ในวงแขนแน่นขึ้น สิริกัญญาดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงจนเหนื่อย และเมื่อไม่สามารถหลุดจากพันธนาการของเจ้าปาเยนทร์ได้ หญิงสาวจึงยอมสงบลงอย่างไม่เต็มใจ

“เป็นเด็กดีได้เสียทีนะ” ราเชนมองหญิงสาวในวงแขนอย่างเอ็นดู แต่สายตายังไม่คลายจากรอยแผลน่ากลัวบนแก้มเนียน แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อนึกถึงคนที่ฝากรอยแผลนี้ไว้บนใบหน้าของสิริกัญญา

เมื่อก่อนราเชนไม่เคยคิดจะสนใจเรื่องราวภายในครอบครัวของท่านจินดาเลยสักนิด จนเมื่อได้รับรายงานว่ามีชาวทาลางทูรมาที่บ้านของท่าน ซึ่งเป็นช่วงที่ข่าวเรื่องเจ้าหลวงแห่งปามะห์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งหลุดออกไปพอดี มันทำให้เขาเอาตัวเข้ามาเกี่ยวพันกับครอบครัวนี้ เพื่อดูความเคลื่อนไหวของคนภายใน แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหลังจากได้พบสิริกัญญา

สายเลือดสีน้ำเงินที่ถูกปกปิดไว้ในคฤหาสน์ขององคมนตรีแห่งปามะห์ อยู่นอกเหนือแผนการของราเชน ชายหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้น หากมีคนรู้เรื่องของสิริกัญญา และคราวนี้มันจะไม่ใช่แค่สงครามระหว่างสองรัฐ แต่จะพ่วงรัฐที่สามเข้ามายุ่งด้วยอย่างที่ทาลางทูรมีเป้าหมายจะทำ แล้วถ้าทำสำเร็จ ปามะห์จะลำบาก

เด็กชายหญิงเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่ออยู่ด้านล่างวิ่งกรูเข้าไปห้อมล้อมคนสองคนที่ลงมายืนอยู่บนพื้นด้วยความดีใจ พวกเขาพากันใจหายใจคว่ำที่ทั้งคู่ยังไม่ลงมาจากต้นไม้ จนกระทั่งราเชนอุ้มสิริกัญญาลงมาแล้วนั่นแหละ จึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ราเชนรับเสื้อนอกคืนมาจากเด็กชายจอม แล้วหันไปมองสิริกัญญาที่ส่งยิ้มละมุนให้กับเด็กชายหญิงที่พากันล้อมรอบตัวเธอด้วยท่าทางห่วงใย ความจริงเขาก็ห่วงเธออยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องรอยแผลและสายเลือดสีน้ำเงินในตัวเธอ

“พรุ่งนี้บ่ายเตรียมตัวไว้ให้พร้อมนะ ข้าจะส่งคนมารับ”

สิริกัญญาละสายตาจากกลุ่มเด็กชายหญิง แล้วหันไปสบกับดวงตาสีถ่านของราเชน ท่าทางของเขาดูเป็นการเป็นงานขึ้นมา ผิดไปจากที่ได้เห็นในครั้งแรก

“รับไปไหนคะ” หญิงสาวตัดสินใจเอ่ยถามไปแผ่วเบา

“เข้าวัง” ราเชนตอบสั้นห้วน และเมื่อได้เห็นคิ้วของคู่สนทนาขมวดยุ่งจึงขยายความต่อ “ไปเยี่ยมปลายมาศ เขาไม่สบาย เจ้าชายชัยนเรนทร์เลยรับตัวเขาให้พักผ่อนอยู่ที่ตำหนักของพระองค์”

ท่าทีของสิริกัญญาดูจะไม่แปลกใจที่รู้ว่าปลายมาศไม่สบาย ซ้ำยังโล่งใจเสียด้วยซ้ำที่พี่ชายอยู่ที่อื่น แทนที่จะกลับมานอนพักที่บ้าน และนั่นทำให้ราเชนสงสัยฐานะของสองพี่น้องในบ้านหลังนี้ พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับเป็นทาสมากกว่าจะเป็นลูกของท่านจินดา มันเกิดอะไรขึ้นกับคนคู่นี้กัน

“ดีแล้ว” เสียงพึมพำหลุดออกมาแผ่วเบา และราเชนก็ได้ยิน

“เจ้าชายก็ว่าดี” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงค่าตอบแทนที่วโรดมจะได้รับที่บังอาจไปยุ่งกับคนโปรดของเจ้าชายชัยนเรนทร์

“แผลของพวกเจ้าน่ะ ข้ากับเจ้าชายกับเอาคืนให้เท่าตัวเลย”



Create Date : 13 กันยายน 2550
Last Update : 13 กันยายน 2550 19:11:02 น.
Counter : 468 Pageviews.

6 comments
  
สนุกมากค่ะ ๐๐๐๐๐๐

โดย: ฟ้า IP: 220.221.249.71 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:20:07:58 น.
  
incredibles!!! payen is holding kanya while he is climbing down the tree, superb!!! anyway, this is funny story ja..
โดย: ninja IP: 137.224.235.22 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:20:58:40 น.
  
สนุกมากค่ะ รบอ่านทุกวันเลยน่ะค่ะ
โดย: sofar IP: 203.113.77.73 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:22:43:23 น.
  


Wow!!
โดย: Tik IP: 71.246.116.32 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:23:49:35 น.
  
สนุกมากกกก อีกคนคะ
โดย: wn IP: 222.123.132.67 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:1:41:17 น.
  
น่าจะเอาตัวไปเลยนะคะ มาเอาวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย อาจมีแผลเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ค่ะ น่าเป็นห่วงจริงๆ
โดย: pumpam IP: 58.8.70.7 วันที่: 14 กันยายน 2550 เวลา:10:24:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog