พิษเสน่หา 2
2 ราเชน ปาเยนทร์

“อุ๊ย! ท่านกัญญา”

เสียงคนรับใช้อุทานขึ้นแผ่วเบา และทำตะกร้าผ้าหล่นจากมือด้วยความตกใจที่จู่ ๆ ก็มีร่างโปร่งบางของใครบางคนโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง คนถูกเรียกหันมายิ้มขอโทษโดยไม่พูดอะไร แล้ววิ่งต่อไปด้วยท่าทางเริงร่า

สิริกัญญาวิ่งลัดเลาะผ่านพุ่มไม้ไปยังสวนบุษราคัม สวนหย่อนที่ถูกตกแต่งด้วยไม้ดอกสีเหลืองนานาชนิด มันเป็นส่วนหนึ่งของสวนสายรุ้งที่แบ่งแยกเขตตามสีของดอกไม้ต่าง ๆ และสวนบุษราคัมนี่ก็เป็นสวนดอกไม้ที่ท่านจินดาชอบพาแม่ของสิริกัญญามาเดินเล่นบ่อยครั้ง เธอจึงชอบที่นี่เป็นพิเศษ เพราะมันเป็นสวนแห่งความทรงจำของพ่อกับแม่

หญิงสาวพยายามปรับลมหายใจให้อยู่ในระดับปกติ แล้วเปลี่ยนท่าทางจากวิ่งมาเป็นเดินเมื่อถึงสวนบุษราคัม เธอพยายามจัดทรงผมกับเสื้อผ้าให้ดูดี ก่อนก้าวเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ แล้วกวาดตามองหาเงาร่างของพ่อ

“ไปดูซิว่าคุณหนูกัญญามาหรือยัง” เสียงของท่านจินดาทำให้สิริกัญญาชะเง้อหน้ามองหาต้นเสียง จนกระทั่งเห็นท่านยืนอยู่กลางลานโล่งของสวนบุษราคัม และกำลังสั่งคนรับใช้คนสนิทให้ไปตามลูกสาวคนโปรดมาอีกครั้ง

“ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ ลูกมาแล้ว” สิริกัญญาทอดเสียงหวาน พลางเดินตรงไปหาท่านจินดาที่แย้มยิ้มกว้างเมื่อเห็นลูกสาวสุดที่รัก

“โอ...สาวน้อยของพ่อ” ท่านจินดาเดินตรงไปกอดร่างบอบบางแน่น พลางตบศีรษะลูกสาวแผ่วเบา

“ตัวสูงขึ้นนะ”

“เด็กกำลังโตนี่คะ ท่านพ่อ”

คหบดีเฒ่าหัวเราะเสียงดังกับคำตอบที่ได้รับ พลางโอบบ่าเล็กให้เดินไปยังโดมหินอ่อนที่สิริกัญญาเพิ่งสังเกตเห็นว่ายังมีอีกบุคคลหนึ่งนั่งรออยู่ภายใน หญิงสาวรั้งตัวเองไม่ยอมเข้าไปในโดมหินอ่อนตามแรงดันของผู้เป็นบิดา และเธอก็เดาได้ว่านั่นคงเป็นแขกคนสำคัญที่ ‘ท่าน’ ทั้งหลายพยายามแต่งตัวสวยเพื่อเข้าพบ

“ท่านพ่อมีแขก”

“ไม่เป็นไรหรอก” ท่านจินดาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ พลางดันหลังลูกสาวที่ยังรั้นไม่ยอมเข้าไปตามเดิม

“ไม่สมควรค่ะ กัญญาไม่ควรพบแขกสำคัญของท่านพ่อก่อนนายแม่” หญิงสาวใช้ชื่อแทนคำเรียกตัวเอง ซึ่งเธอมักจะใช้ขอร้องท่านจินดายามเกิดเรื่องทำนองนี้ เธอไม่อยากถูกเหล่านายแม่ลงโทษลับหลังผู้เป็นพ่อ

“แล้วถ้าข้าเป็นฝ่ายมาขอพบ คุณหนูจะยอมให้เกียรติข้าได้เข้าพบไหม” เสียงทุ้มเข้มดังสลับกับการกลั้วหัวเราะทำให้สิริกัญญาหน้าตึง แล้วหันขวับไปมองแขกคนสำคัญของท่านจินดาที่ส่งยิ้มพรายมาให้

แขกของท่านจินดาเป็นชายหนุ่มที่มีดวงหน้าคมคาย ดวงตาดำราวถ่าน อีกทั้งยังพราวระยับยิ่งกว่าดวงดาวบนฟากฟ้า ริมฝีปากของเขาอมชมพูและอิ่มเอิบคล้ายสตรี ส่วนเส้นผมสีดำที่เหมือนขนนกกาน้ำนั้นยาวถึงเอว และถูกมัดรวบอย่างลวก ๆ โดยบางส่วนปกปิดใบหน้าส่วนหนึ่ง จนคนมองอยากเสยผมเหล่านั้นออกไป เพื่อให้เห็นใบหน้าคมคายได้แจ่มชัดขึ้น

รูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจสตรีทำให้หัวใจของสิริกัญญากระตุก แต่มันไม่ใช่ความหลงใหลยามแรกพบหรอก แต่เป็นความริษยาที่เกิดขึ้นในจิตใต้สำนึก

“ข้าไม่ใช่คนสูงค่าถึงปานนั้น ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีที่ท่านจะขอพบหรอกค่ะ” สิริกัญญาค้อมตัวลงต่ำ และก้มหน้ามองพื้น ไม่ยอมสบกับดวงตาคมที่จับจ้องมา

“ทั้งที่คุณหนูเป็นถึงบุตรีท่านจินดา องคมนตรีแห่งปามะห์น่ะหรือ”

บุตรีท่านจินดากระตุกยิ้มเยาะหยัน แล้วกลบเกลื่อนรอยยิ้มนั้นให้เลือนหายไปทันที แต่ก็ไม่รอดพ้นไปจากการสังเกตของอีกฝ่าย ชายหนุ่มหันไปมองท่านจินดาที่แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน แล้วตบหลังบอบบางของลูกสาวแผ่วเบา

“ท่านราเชนอย่าถือสาลูกสาวตัวน้อยของข้าเลยนะ นางยังเยาว์และไม่ค่อยได้พบปะผู้คนภายนอกเท่าไหร่ เลยพูดจาผิดแปลกจากคนอื่นไปบ้าง”

ราเชนกระตุกยิ้มเล็กน้อย ทั้งเขากับท่านท่านจินดาต่างรู้ดีว่าสิริกัญญายอกย้อนคำพูดกลับมา “ข้าไม่ถือสาเด็กหรอก แต่ท่านจินดาไม่คิดจะแนะนำสาวน้อยของท่านให้ข้าได้รู้จักหน่อยหรือ”

ท่านจินดากลั้วหัวเราะที่เห็นอีกฝ่ายมีความสนใจในบุตรีของตน จะด้วยเพราะมารยาทหรือจริงใจก็ตามแต่ เขาก็คิดจะแนะนำสิริกัญญาให้อีกฝ่ายรู้จักอยู่แล้ว

“นี่บุตรีคนที่สิบเก้าของข้า สิริกัญญา”

“เป็นชื่อที่ไพเราะมาก” เสียงทุ้มเข้มที่เจือดุเล็กน้อยมีรอยอ่อนหวานให้สัมผัสได้ มันทำให้สิริกัญญาเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่พบริ้วรอยอะไรบนใบหน้านั้น

“กัญญา นี่ท่านราเชน ปาเยนทร์ ลูกน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้างนะ”

คราวนี้สิริกัญญาถึงได้รู้แจ้งว่าชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์เหลือร้ายคนนี้คือใคร ไม่มีใครที่ไม่รู้จักราเชน ปาเยนทร์ ชายผู้เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งรูป ทรัพย์และสติปัญญา ผู้ชายที่เอ่ยปากอยากได้อะไรก็ต้องได้ เธอเคยได้ยินพวกพี่ชายคุยกับพี่น้องคนอื่นว่า เขาเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์ของปามะห์ และพ่อของราเชนผู้นี้นี่แหละที่เป็นคนผลักดันให้เจ้าหลวงองค์ปัจจุบันได้ขึ้นครองราชย์ ดังนั้นทุกคนจึงหวังอยากคบหากับเขา เพื่อให้เขาเป็นสะพานทอดไปสู่อำนาจ

ประวัติของอดีตเจ้าเคหาสน์ปาเยนทร์เต็มไปด้วยความองอาจอหังการ เขาเป็นหนึ่งในเสนาธิการที่วางแผนต้านกองกำลังของทาลางทูรเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว ครั้นเปลี่ยนรุ่นเจ้าเคหาสน์ ประวัติของเจ้าปาเยทร์คนใหม่ก็ลือกระฉ่อนยิ่งกว่าผู้เป็นบิดา

ก็ด้านความเจ้าชู้ของเขาไงที่ลือไปทั่วแคว้นปัญจปุระ!

“เคยได้ยินชื่อท่านจากเหล่าพี่สาวค่ะ” สิริกัญญาตอบอย่างสุภาพ หญิงสาวไม่มีท่าทางขัดเขินเอียงอายกับสายตาของราเชนทร์เหมือนสตรีนางอื่นที่ต้องหน้าแดงระเรื่อ หรืออ่อนระทวยต่อแววปรารถนาอันร้อนแรงที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังดวงตาคมเข้มคู่นั้น

ใช่! สิริกัญญาไม่เหมือนหญิงนางอื่น เธอได้ยินเรื่องของราเชนทร์มามากมาย ตัวตนของเขาเหมือนกับถูกสรรสร้างมาให้มีแต่สิ่งดีเยี่ยม มันทำให้เธอรู้สึกขัดหูขัดตาทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องราวของเขา และจากที่เคยเฉยเมยยามได้ยินเรื่องเล่าของเจ้าเคหาสน์ปาเยนทร์ ก็เปลี่ยนเป็นไม่ชอบใจ แล้วความรู้สึกนี้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความเกลียดชัง

เธอเกลียดคนที่ดีพร้อมอย่างราเชน ปาเยนทร์!

“ถ้าท่านพ่อไม่ว่าอะไร กัญญาขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวพูดพลางค้อมตัวลาแขกคนสำคัญ เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขา เพราะรังแต่จะเพิ่มความเกลียดในใจมากขึ้น เธอชังคนที่มีทุกสิ่งทุกอย่างตรงข้ามกับเธอราวฟ้ากับดิน

“โอ...สาวน้อยของพ่อ อยู่คุยเป็นเพื่อนพ่อกับท่านราเชนก่อนที่แสงสุรีย์จะมาไม่ได้เหรอ” ท่านจินดารีบรั้งลูกสาวที่ทำท่าจะผละหนี

“กัญญามีงานต้องทำ” พอถึงคราวดื้อ ท่านจินดาก็ขัดใจลูกสาวไม่ได้

“แล้วถ้าข้าขอให้คุณหนูสิริกัญญาอยู่คุยเป็นเพื่อนสักประเดี๋ยว” ราเชนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคหบดีผู้ชรา เขารู้สึกสนใจหญิงสาวตรงหน้าที่ผิดแปลกจากสตรีทั่วไป ดูเหมือนเธอจะไม่มีความสนใจในเพศตรงข้ามเอาเสียเลย

สิริกัญญาหันไปแค่นยิ้มกับเจ้าปาเยนทร์ ผู้ครองอำนาจอยู่เบื้องหลังของปามะห์ แล้วพูดตัดความสัมพันธ์อย่างไม่ใยดี “เดี๋ยวท่านราเชนก็จะได้เพื่อนคุยมากกว่านี้อีกค่ะ รับรองว่าไม่เบื่อแน่”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


“ขออภัยด้วยที่ลูกสาวข้าเสียมารยาทต่อท่านเช่นนี้” ท่านจินดาเอ่ยเสียงละห้อย หลังจากที่สิริกัญญาจากไป โดยที่ไม่มีใครห้ามได้ แม้แต่ราเชน

“ดูเหมือนนางจะไม่ชอบขี้หน้าข้าเท่าไหร่” ราเชนเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ เขาสังเกตเห็นแววตาจงชังในดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้น ดวงตาที่ไม่เหมือนใครในปามะห์

คหบดีเฒ่าถอนหายใจอย่างหนักอก พลางทำหน้าเหยเก “นางไม่ชอบหน้าผู้ชายทุกคนนั่นแหละ เห็นบอกว่าจะไปบวชชี ข้าล่ะกลัวใจลูกคนนี้จริง ๆ”

ราเชนหัวเราะเสียงดังกับคำบอกเล่าของผู้เฒ่า “ท่านก็เลยคิดจะยัดเยียดนางให้ข้า”

“เปล่า”

คำตอบของคหบดีเฒ่าผิดจากที่คาดไปมากทีเดียว ท่านจินดาน่าจะรู้ว่าเขามีชื่อเสียด้านผู้หญิงมากมายแค่ไหน หากไม่มีจุดประสงค์เพื่อให้เขาพึงใจในสิริกัญญา ชายชราก็ไม่ควรพาเธอมาให้เขาได้รู้จัก

“ข้าแค่อยากให้นางมีท่าทีสนใจผู้ชายบ้าง จะได้โล่งใจว่ายังหาทางให้นางแต่งงานได้ นี่ข้าต้องเสียลูกสาวให้กับทางอารามจริงหรือนี่” ท่านจินดาครางอืออย่างวิตกกังวล ขนาดราเชนที่ได้ชื่อว่าเป็นชายที่ทรงเสน่ห์ที่สุดแล้ว ยังไม่อาจทำให้หัวใจของสิริกัญญาหวั่นไหวได้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะไปหาชายคนใดมาทดสอบหัวใจของลูกสาวแล้ว

ราเชนหัวเราะเสียงดังขึ้นอีกเท่าตัว พลางนึกไปถึงสาวน้อยที่แย้มยิ้มหวานยามอยู่ต่อหน้าบิดา แต่พอรู้ว่ามีบุคคลอื่นอยู่ด้วย เธอก็ทำท่าเย็นชาออกมาทันที คล้ายไม่อยากให้ใครสัมผัสกับตัวตนที่อยู่ภายในของเธอ หญิงสาวหน้าตาธรรมดา แต่มีดวงตาที่สะดุดใจ ดวงตาที่แฝงแววรั้นที่ทำให้เขานึกอยากปราบพยศนัก

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


กว่าราเชนจะได้ออกจากเคหาสน์ของท่านจินดาก็ล่วงเข้าเวลาดึก ชายหนุ่มปฏิเสธการค้างคืนตามคำเชิญชวนของแสงสุรีย์ และรถม้าของท่านจินดาที่อาสาพาไปส่งถึงเคหาสน์ปาเยนทร์ โดยให้เหตุผลแค่อยากเดินกลับบ้าน

ไม่มีใครกล้าขัดความต้องการของราเชน เพราะรู้ผลของการขัดใจผู้อยู่เบื้องหลังบัลลังก์ปามะห์ดี ดังนั้นทุกคนจึงได้แต่ยืนส่งลาชายหนุ่มอยู่หน้าเคหาสน์ของตัวเอง

ราเชนเดินไปตามทางด้วยท่าทางเรื่อยสบาย แต่ดวงตากลับสังเกตรอบด้านอย่างละเอียด โสตคอยสดับฟังการเคลื่อนไหวที่อยู่เบื้องหลังความมืด ชายหนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อยกับกลุ่มคนที่สะกดรอยตามมา การที่เขาแวะมาเยี่ยมท่านจินดาถึงเคหาสน์แห่งนี้ คงล่วงรู้ไปถึงหูของใครหลายคน พวกนั้นเลยส่งคนมาดูความเคลื่อนไหวของเขา

“นั่นใคร” เสียงดุพร้อมดวงไฟที่ปรากฏขึ้นหลังม่านความมืด เรียกสายตาของคนที่เดินท่องราตรีให้หันไปมอง แล้วราเชนก็กระตุกยิ้มขึ้นมา เมื่อเจ้าของเสียงนั้นคือสิริกัญญาที่ขมวดคิ้วทันทีที่ได้เห็นเขา

“ราเชน ปาเยนทร์”

“ได้พบกันอีกแล้วนะคุณหนู” ชายหนุ่มโค้งตัวให้หญิงสาวที่มาปรากฏตัวตรงหน้าเล็กน้อย การมาของเธอทำให้ผู้สะกดรอยรีบเร้นตัวหลบเข้าสู่ความมืด เพราะเธอไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ยังนำพาสุนัขตัวโตที่แยกเขี้ยวคำรามในลำคอ เมื่อประสาทสัมผัสของมันสำเหนียกได้ถึงสิ่งผิดปกติที่อยู่รอบด้าน

“ทำไมท่านถึงยังอยู่ตรงนี้” สิริกัญญาเอ่ยเสียงขึง พลางกวาดตามองรอบกายด้วยท่าทางระแวดระวัง เสียงของสุนัขเฝ้ายามบอกให้เธอรู้ว่าที่นี่ไม่ได้มีแต่เธอกับชายหนุ่มตรงหน้า

“ข้ากำลังเดินเล่นน่ะ” ราเชนตอบด้วยท่าทางเรื่อยเฉื่อย เขาทำท่าไม่รับรู้ว่ามีบุคคลอื่นหลบซ่อนอยู่ในเงามืดเช่นลูกสาวเจ้าของบ้าน

“เดินเล่น!?”

เสียงนุ่มเปลี่ยนเป็นแหลมสูงทันทีที่ได้ยินคำตอบ สิริกัญญาไม่สนใจหรอกหากราเชนจะเดินเล่นไปไหนมาไหน แต่เขาดันมาเดินเล่นอยู่ในอาณาเขตของบ้านคนอื่นทำให้เธอไม่ไว้วางใจ หญิงสาวจึงหรี่ตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจับผิด แต่เขาก็ยังทำเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาให้เห็น

“ผิดรึ” ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะถาม พลางสังเกตดูปฏิกิริยาของหญิงสาวตรงหน้า เขารู้ว่าเธอไม่ชอบใจเท่าไรนักที่มีคนอื่นมาเดินเล่นอยู่ในเขตบ้านตัวเอง

สิริกัญญาถอนหายใจเฮือกใหญ่ และพยายามสะกดใจตัวเองไม่ให้วิ่งเต้นด้วยความชิงชัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมเป็นคนตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกขัดตาเสียเหลือเกิน “ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่ข้าคิดว่าหากท่านยังเดินเล่นอยู่นานกว่านี้ คงโดนพรรคพวกของเจ้าหนูตัวนี้รุมไล่” หญิงสาวพูดพลางวางมือลงบนศีรษะของสุนัขดุที่อ้าปากกว้างอวดคมเขี้ยวให้เห็น

ราเชนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มเคยได้ยินมาว่าเคหาสน์ของท่านจินดาเลี้ยงสุนัขดุ พวกมันเคยไล่ตะเพิดโจรกระจอก ที่แอบลักลอบเข้ามาในอาณาเขตชนิดหวิดตายมาแล้วหลายครั้ง จนไม่มีมือดีที่ไหนกล้าเสี่ยงคมเขี้ยวของยามเฝ้าบ้านของคหาบดีเฒ่าสักราย แม้แต่ทหารกล้าที่มั่นใจในฝีมือยังต้องยอมยกธงขาวกับความดุเกินเพศพันธุ์ของมัน

“ถ้าคุณหนูไม่สั่ง มันก็ไม่กัด”

“มันทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้นค่ะ และข้าไม่ใช่นายมัน” สิริกัญญายิ้มเย็น พลางหมุนตัวกลับอย่างไม่สนใจคนที่อาจโดนสัตว์เลี้ยงของตัวเองเล่นงานได้ตลอดเวลา และทันทีที่หญิงสาวหันหลังไป ยามเฝ้าบ้านหน้าขนก็กระโจนเข้าใส่คนแปลกหน้าของบ้านทันที

เจ้าเคหาสน์ปาเยนทร์โคลงศีรษะกับท่าทางไม่ใยดีของบุตรีท่านจินดา เธอเป็นสตรีคนแรกที่กล้าเมินราเชน ปาเยนทร์ และยังเป็นคนแรกที่กล้าให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาทำร้ายเขาโดยไม่คิดห้าม ชายหนุ่มหรี่ตามองสุนัขดุ พลางเบี่ยงตัวหลบคมเขี้ยวของมันอย่างรวดเร็ว แล้วฟาดขาเตะเข้ากลางลำตัวจนมันร้องลั่น เรียกให้เจ้าของต้องหันกลับมามองด้วยความตกใจ

ยามเฝ้าบ้านฝีมือดีแยกเขี้ยวขู่คำรามบุคคลที่มันคิดว่าเป็นศัตรูไปเรียบร้อย ร่างปราดเปรียวพุ่งเข้ากระโจนใส่อีกครั้ง และบิดตัวหลบขาของราเชนกลางอากาศ ก่อนลอยตัวลงยืนบนพื้น แล้วกระโดดเข้าโจมตีโดยไม่เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายตั้งตัวทัน

สิริกัญญามองการละเล่นของราเชนด้วยความตระหนก เขากำลังหยอกสุนัขของเธอที่โมโหร้ายขึ้นทุกทีที่ไม่สามารถทำอะไรผู้บุกรุกคนนี้ได้ รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายบอกถึงความสนุกที่ได้ออกกำลังยามดึก แต่ความกดดันที่แผ่ออกมารอบตัวเริ่มทำให้ยามเฝ้าบ้านสี่ขาแสดงอาการหวาด มันเปลี่ยนท่าทีเป็นโจมตีอย่างระมัดระวัง จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นหมอบลู่ยอมจำนนต่อผู้ที่มีกำลังเหนือกว่า

หญิงสาวกำกระโปรงของตัวเองแน่น ราเชนไม่ยี่หระต่อสุนัขของเธอเลยสักนิด อีกทั้งยังสยบมันได้ทั้งที่เหล่าพี่ชายของเธอไม่เคยมีใครทำสำเร็จ การกระทำของเขายิ่งเพิ่มความริษยาในใจให้มากขึ้น จนดวงตาสีน้ำเงินส่งแววชิงชังออกมาอย่างไม่ปิดบัง และตัดพ้อต่อสวรรค์ที่ลำเอียง แบ่งปันสิ่งดีให้มนุษย์ไม่เท่ากัน

ราเชนกำลังเดินเข้ามาใกล้ แต่สิริกัญญาไม่สามารถขยับกายไปจากตรงนี้ได้ ดวงตาของเขาตรึงขาเธอไว้ และรอยยิ้มที่เหยียดส่งมาทำให้หัวใจของเธอหนาวสั่น ท่าทางของหนุ่มเจ้าชู้ นิสัยเรื่อยสบายแปรเปลี่ยนไปพริบตา กลายเป็นท่าทางคุกคาม และส่งสัญญาณอันตรายให้คนที่ถูกจับจ้องหาทางหลีกหนี

“ยามบ้านนี้ดุสมคำร่ำลือ ต้องยกความดีความชอบให้กับคนสอน”

“ขอบคุณ” สิริกัญญาอยากกัดลิ้นตนเองนักที่เผลอโต้ตอบออกไป ตอนแรกเธอแค่อยากประชด แต่พอได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเจ้าเคหาสน์ปาเยนทร์ก็รู้ว่าตกหลุมพรางของเขาเข้าเสียแล้ว

“ถ้าท่านจินดารู้ว่าบุตรีท่านสอนหมามากัดแขก ท่านคงทำหน้าพิลึกนะ ว่าไหม”

ริมฝีปาบางขบเม้มเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรโต้ตอบกลับไปดี แต่ราเชนก็เป็นฝ่ายผิดเองไม่ใช่หรือที่มาเดินเล่นในบ้านคนอื่นยามวิกาลเช่นนี้ และถ้ามันเป็นอย่างนั้น ทำไมเธอจะต้องรู้สึกเหมือนแกะที่กำลังถูกหมาป่าต้อนด้วยล่ะ

“ท่านอยากพูดอะไรกันแน่”

“ข้าก็แค่อยากพูดว่าได้เวลากลับจริง ๆ เสียที และก็หวังว่าคงไม่มีสัตว์เลี้ยงของคุณหนูออกมาต้อนรับอีกก็เท่านั้น” ราเชนหัวเราะอย่างสนุก ท่าทีคุกคามที่เคยแสดงเมื่อครู่เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว คล้ายไม่เคยเกิดขึ้น

“ข้าจะเรียกคนรับใช้ให้ไปส่งท่านถึงนอกเขตบ้าน” หญิงสาวพูดพลางเตรียมตัวหันหลังกลับ แต่มือแกร่งที่คว้าต้นแขนไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้เธอต้องหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตามเดิม และนั่นก็ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูงจนคอเคล็ด

“ตัวคุณหนูนั่นแหละที่ต้องไปส่งข้า”

“สตรีไม่ควรอยู่กับบุรุษยามวิกาล” เสียงนุ่มโต้กลับอย่างไม่มีเยื่อใย

“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูก็ไม่ควรออกมาเดินเล่นตอนค่ำมืด”

คิ้วเรียวขมวดยุ่งอย่างไม่พอใจ ราเชนมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับเธอ “นี่มันบ้านข้า” พูดพลางดึงแขนของตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุม แต่มือของเขาก็แข็งแกร่งและมีกำลังมาก

“อย่าขัดใจข้าคุณหนู รู้หรือเปล่าว่าหากขัดใจเจ้าปาเยนทร์คนนี้แล้วจะเป็นยังไง” ราเชนเอ่ยเสียงดุ พลางดึงตะเกียงจากมือเรียวมาถือไว้ แล้วลากร่างบอบบางให้เดินตามแรงดึงกึ่งบังคับ

“แล้วทำไมข้าต้องรู้” สิริกัญญาทำเสียงขัดใจในลำคอที่ไม่อาจต้านกำลังของราเชนได้ พลางคว้าหาที่ยึดจับไม่ยอมไปตามแรงบังคับของผู้ทรงอิทธิพลมืด

“เพราะเรายังต้องคบหากันอีกนานไงล่ะ คุณหนู” ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะกับการต่อต้านที่ไร้ความหมาย ผู้หญิงตัวเล็กอย่างสิริกัญญาจะขัดขืนเขาไปได้นานเท่าไรกันเชียว และก็เพราะท่าทางของเธอนี่แหละที่ทำให้เขาคิดเอาชนะ

“ว้าย!”

สิริกัญญาหวีดร้องเสียงดัง เมื่อโลกทั้งโลกหมุนคว้างอย่างไม่ทันตั้งตัว ครั้นพอตั้งสติได้ก็รู้ว่าตัวเองถูกพาดอยู่บนบ่ากว้างของคนตัวสูง พื้นดินกับใบหน้าของเธออยู่ห่างกันมากจนต้องยึดอีกฝ่ายไว้แน่น แต่กระนั้นก็ไม่วายดิ้นไปมาอยู่บนบ่าแข็งแรง เพื่อให้ชายหนุ่มปล่อยเธอลงไป

“อย่าดิ้นมากนักสิ เดี๋ยวก็ตกหรอก” ราเชนเย้าด้วยน้ำเสียงสนุก พลางก้าวจ้ำโดยไม่ยอมปล่อยให้ร่างบอบบางบนบ่าได้มีโอกาสตั้งตัวขัดขืน”

“ทำไมท่านต้องมายุ่งกับข้า!” สิริกัญญาโต้กลับอย่างเหลืออดและไม่เข้าใจ คนอย่างราเชนน่าจะไปสานสัมพันธ์กับเหล่าพี่สาวที่สวยพริ้งของเธอมากกว่า เขาไม่น่ามายุ่งกับคนหน้าตาสุดแสนธรรมดาอย่างเธอเลย

“ต้องโทษท่านจินดาที่แนะนำคุณหนูให้ข้ารู้จัก และคุณหนูก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่ยอมใจข้า”

มันเป็นความผิดของเธอหรืออย่างไรกัน! สิริกัญญาสบถในใจอย่างคับแค้น หญิงสาวอยากหวีดร้องเพื่อระบายความร้อนในใจที่แทบแผดเผาทรวงอกจนมอดไหม้ แต่หากเธอทำอย่างนั้นก็จะกลายเป็นการทำลายตัวเอง ทุกคนจะรู้ว่าเธอถูกราเชนกระทำเรื่องน่าขายหน้า และนั่นยังไม่เท่ากับการถูกแสงสุรีย์ลงโทษ หากรู้เรื่องในคืนนี้

ไม่ว่าจะเป็นรูปการณ์ไหน สิริกัญญาก็มีแต่ความเสียเปรียบ หญิงสาวทุบบ่ากว้างเพื่อระบายอารมณ์ และประท้วงต่อการเอาแต่ใจของเจ้าเคหาสน์ปาเยนทร์ หญิงอื่นอาจตามใจเขาได้ แต่หญิงนั้นต้องไม่ใช่เธอ!

“ปล่อยข้า!”

แล้วร่างบอบบางก็ถูกปล่อยลงตามคำขอ ซึ่งก็เป็นตอนที่ราเชนหิ้วหญิงสาวมาถึงทางออกพอดี และทันทีที่เท้าของสิริกัญญาแตะพื้น เธอก็ยกมือขึ้นเตรียมฟาดใบหน้าคมคาย แต่ชายหนุ่มคาดการณ์การกระทำเช่นนี้ไว้อยู่แล้ว จึงยึดข้อมือเล็กไว้อย่างมั่นคง แล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามาปะทะกับแผ่นอกกว้าง

“นี่คือบทสั่งสอนสำหรับสตรีที่ขัดขืนปาเยนทร์”

พอสิ้นคำริมฝีปากอิ่มเอิบราวสตรีของราเชนก็บดเคล้าลงมาบนกลีบปากบางอย่างหนักหน่วง สิริกัญญาส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ และใช้มือที่ไม่ได้ถูกยึดดันกายออกจากเรือนกายแกร่ง แต่มืออีกข้างของชายหนุ่มที่ถือตะเกียงไว้ก็ใช้ท่อนแขนโอบเอวบางให้เข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น แล้วอ้อมแขนของเขาก็กลายเป็นพันธนาการอันแข็งแกร่ง บังคับขืนให้หญิงสาวต้องจำยอม

สิริกัญญาพยายามขัดขืนอย่างไม่ยอมแพ้ มือที่เคยดันกายแกร่งเปลี่ยนเป็นดึงทึ้งเส้นผมสีดำสวยของชายหนุ่มบอกถึงการประท้วง แต่ยิ่งเธอออกแรงมากเท่าไร ริมฝีปากที่บดเบียดลงมาก็รุนแรงมากขึ้น จนเรียวปากของเธอเจ็บระบม

“ฮึก!...”

ก้อนแข็ง ๆ มาจุกอยู่ที่ลำคอ พร้อมกับความร้อนผะผ่าวที่แผ่ลามไปทั่วใบหน้า ความโกรธกับความอับอายแล่นริ้วไปทั่วอณู เธอพยายามเบือนหน้าหนีสัมผัสร้อนเร่า แต่อีกฝ่ายก็ตามประกบไม่ยอมให้เธอได้เป็นอิสระ แล้วดวงตาสีน้ำเงินก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อสิ่งอ่อนนุ่มล่วงผ่านริมฝีปากเข้ามา

สัมผัสแรกของบุรุษทำให้สิริกัญญาทำอะไรไม่ถูก เธออยากต่อต้านราเชนจนสุดกำลัง แต่เรี่ยวของเธอก็ถดถอยลงไปเรื่อย ๆ จนแทบพยุงกายไว้ไม่อยู่ เธอไม่รู้ว่าจะขัดขืนผู้ชายคนนี้อย่างไร ได้แต่ใช้สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากพันธนาการของเขา

ราเชนสะดุ้งเฮือกกับความเจ็บแปลบตรงมุมปากล่าง แล้วเขาก็ได้ชิมเลือดของตัวเองที่เกิดขึ้นจากผู้หญิงตัวเล็กในวงแขน สิริกัญญาหายใจหอบ ทั่วทั้งร่างสั่นเทาเหมือนลูกนกที่กำลังเปียกปอน จนดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนที่กัดปากของเขาเมื่อครู่ แต่เลือดสีแดงที่เปรอะเปื้อนริมฝีปากของเธอก็เป็นหลักฐานชี้ตัวอย่างดี

“คุณหนูคงเป็นพวกชอบความรุนแรงสินะ” ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะขบขัน พลางปล่อยร่างบอบบางในวงแขนอย่างเสียดายกึ่งสงสาร สิริกัญญาไม่เคยคุ้นกับผู้ชาย ร่างกายของเธอบอกกับเขาอย่างนั้น

สิริกัญญาไม่อาจเอ่ยคำพูดอะไรออกไปได้ หญิงสาวได้แต่ตวัดดวงตาขุ่นเคืองใส่เจ้าเคหาสน์ปาเยนทร์ที่สอนให้รู้ว่าการขัดขืนเขาต้องเจอกับอะไร เธอกล้ำกลืนก้อนสะอื้น แล้วผละถอยห่างจากเขา แต่ราเชนก็ยึดมือเธอไว้ ก่อนยัดตะเกียงใส่มือเธอ

“จำไว้นะคุณหนู เจ้าปาเยนทร์ชอบลงโทษสตรีเช่นนี้ ถ้าอยากขัดขืนอีกก็ไม่ว่า”

หญิงสาวปัดมือแกร่งที่กอบกุมมือเธอไว้เต็มแรง แต่ราเชนไม่มีท่าทีสะทกสะท้านต่อแรงอันน้อยนิด ชายหนุ่มโค้งตัวให้อย่างล้อเลียน พลางลูบริมฝีปากล่างที่ยังมีเลือดไหลซึม อันเป็นรอยระลึกถึงความรุนแรงของกันและกัน

“แล้วพบกันใหม่ สิริกัญญา”

เสียงหัวเราะทิ้งท้ายของราเชนเสียดแทงเข้าไปในใจของสิริกัญญา มือเรียวถูริมฝีปากที่เจ็บระบมเพื่อลบรอยที่อีกฝ่ายทำไว้ แต่ยิ่งถูรอยนั้นก็เหมือนกับยิ่งฝังแน่น หญิงสาวหลุดเสียงสะอื้นอย่างเจ็บใจ

เขาหยามเกียรติ หมิ่นศักดิ์ศรีของเธออย่างไม่น่าให้อภัย...ราเชน ปาเยนทร์!




Create Date : 16 สิงหาคม 2550
Last Update : 5 กันยายน 2550 18:34:26 น.
Counter : 398 Pageviews.

4 comments
  
ลองพยายามโพสต์ดูในหน้าถนนนักเขียนแล้ว แต่ไม่ติดเลยสักกระทู้ ดังนั้นเรื่องนี้คงลงได้แต่ในบล็อกนะคะ
โดย: ฌา วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:18:35:36 น.
  
ราเชน ปาเยนทร์
โดย: Tik IP: 72.227.104.108 วันที่: 18 สิงหาคม 2550 เวลา:3:56:09 น.
  
น่าติดตามมั๊กมาก
โดย: benjoe IP: 222.123.131.222 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:21:23:56 น.
  
Tik - อยากบอกจังว่าตัวละครที่ฌาหมั่นไส้ที่สุดก็คือเจ้าปาเยนทร์คนนี้นี่ล่ะ

benjoe - จะขยันโพสต์ให้ติดตามต่อไปเลยล่ะค่ะ แต่ฝีมือยังไม่เก่งเท่าไร ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหรือเปล่า
โดย: ฌา วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:18:54:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog