พิมพ์เสน่หา 5
ตอนที่ ๕ สัญญามะลุลี

ศศินเงยหน้าขึ้นรับสายลมที่ลอยมาผะแผ่ว ก่อนถอนหายใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มาอย่างไม่คาดฝัน เมื่อสิ่งที่ตำรวจอยากได้มากที่สุดกลับอยู่เพียงเอื้อม ชายหนุ่มหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ในชั่วโมงที่แล้วที่ได้เปิดเผยความลับของตัวเองหมดไส้หมดพุง ชนิดที่ตัวเองก็ไม่คาดคิดว่าจะยอมเปิดปากบอกออกมามากมายเพียงนั้น

แต่ที่คาดไม่ถึงที่สุดคงเป็นเรื่องของเด็กหญิงขายพวงมาลัยที่อยู่ข้างกาย เธอรู้ที่ลับที่ใช้ซุกซ่อนยาร้ายเกือบทุกแห่ง เธอไม่ได้เผยความลับนี้ออกไปให้ใครหรือตำรวจรู้ตามคำขอร้องของปานแก้วที่ห่วงใยในความปลอดภัยของลูกสาว ซึ่งเธอได้สัญญากับแม่ไว้ว่าจะเข้าไปยุ่งเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเพื่อนของตัวเองเท่านั้น

“กลัวหรือเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ พลางหันไปมองอีกฝ่ายที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาตอบ ในดวงตากลมโตฉายแววสงสัยกับคำถามที่ส่งมา เขาจึงขยายความให้อีกฝ่ายหายสงสัย

“เรื่องที่เธอบอกที่ซ่อนยาของนายเบิ้มไง กลัวว่าเขาจะมาทำร้ายเธอไหม”

ไอศวราครางอือในลำคอด้วยท่าทางลังเล หากเธอตอบว่าไม่กลัวก็ดูจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความรู้สึกในใจ ความจริงแล้วเด็กหญิงหวาดกลัวมาตลอดว่า นายเบิ้มจะมาเอาเรื่องที่เธอทำให้เขาขาดรายได้ รวมถึงขาดลูกมือที่เป็นเด็กในชุมชนเพื่อแพร่กระจายยาร้ายที่ทำลายชีวิตผู้คนไปมากมาย

ศศินเห็นเด็กหญิงไม่ตอบก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงกลัว ชายหนุ่มจึงลูบเรือนผมสีดำยาวสลวยเพื่อปลอบโยน พลางส่งยิ้มนุ่มละมุนให้คนที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้ง “ไม่ต้องกลัวนะ จะไม่มีใครมาทำอะไรเธอได้”

ทั้งที่ศศินเป็นคนแปลกหน้า และการพบกันครั้งแรกก็ไม่โสภาเท่าไรนัก แต่ไอศวรารู้สึกเหมือนกับว่า เขาเป็นคนชิดใกล้ เธอรู้สึกวางใจในรอยยิ้มนุ่มนวลชวนมองที่บางครั้งก็มีรอยเศร้าแฝงมาให้รู้สึกได้ และผู้ชายตรงหน้าก็มีบรรยากาศที่เหมือนกับปานแก้วทำให้เด็กหญิงไพล่คิดไปว่า สัมผัสของพ่อคงเป็นแบบนี้ด้วยกระมัง

มือของพ่อที่วางบนศีรษะคงใหญ่แบบนี้ และอ้อมแขนของพ่อก็คงอบอุ่นแบบเดียวกัน...

“เอาล่ะ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ ฉันจะรีบให้พวกเขาจัดการพวกนายเบิ้มให้เร็วที่สุด” ศศินผละมือจากเรือนผมนุ่ม ก่อนคลี่ยิ้มให้ไอศวราที่พยายามตามหาความเหมือนของพ่อจากผู้ชายตรงหน้าที่ให้ความรู้สึกอุ่นวาบเข้าไปในใจ

“เธอส่งฉันแค่หน้าบ้านก็พอ ฉันจำทางออกได้” ชายหนุ่มมองเด็กหญิงด้วยสายตาอ้อยอิ่ง ก่อนตัดสินใจอำลาด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ยกมาอ้างอยู่ในใจ

“ฉันไปก่อนนะ ไอศวรา”

ไอศวรามองดูคนตัวสูงโย่งที่กำลังเดินห่างออกไปอย่างตัดสินใจไม่ถูก เธอควรเรียกรั้งอีกฝ่ายไว้ดีก่อนหรือไม่ เพราะหากไม่มีเรื่องของนายเบิ้มเข้ามา เด็กหญิงก็ตัดสินใจว่าจะมอบของสิ่งหนึ่งให้เขา เพื่อให้ความรู้สึกบางอย่างในใจเลือนหายไปเสียที แต่อีกใจหนึ่งก็แย้งว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะอย่างไรเธอคงได้พบเขาอีก แล้วเธอค่อยมอบของสิ่งนั้นให้เขาภายหลังก็คงไม่สาย

เด็กหญิงเดินวนไปมาอยู่หน้าบ้านเนิ่นนาน แต่พอสายตาเหลือบไปเห็นอีกฝ่ายที่กำลังเดินลับไปกับเงามืดก็ตัดสินใจวิ่งกะโผลกกะเผลกเข้าไปในบ้านท่ามกลางสายตางุนงงของผันกับปานแก้วที่คุยกันถึงสิ่งที่พวกตนได้กระทำ แล้วเด็กหญิงก็คว้าของที่ต้องการมอบให้ศศิน ก่อนเร่งฝีเท้าออกไปข้างนอก เพื่อตามเจ้ากรรมนายเวรที่เธอต้องชดใช้หนี้ให้

“คุณ! คุณศศิน! รอก่อน!”

เสียงเรียกของไอศวราทำให้เจ้าของชื่อหันกลับไปมอง แล้วเฝ้าดูร่างเล็กที่เดินแกมวิ่งตามมา ก่อนหยุดยืนตรงหน้า โดยสองมือของเธอประคองมาลัยพวงใหญ่ไว้แนบอก ชายหนุ่มทรุดเข่าลงข้างหนึ่ง เพื่อให้สายตาของเขาอยู่ในระดับเดียวกับเด็กหญิง พลางทอดสายตามองดวงหน้าพริ้มเพราที่ขึ้นริ้วสีแดงระเรื่อบนเนียนแก้มด้วยความสงสัย

“มีอะไรหรือ”

ไอศวราทำท่าอึกอัก พูดอะไรไม่ออกยามอยู่ต่อหน้าคนที่ตัวเองจะมอบของให้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เธอเตรียมคำพูดไว้มากมาย จนกล้าพอที่จะตามหาคู่กรรมของตัวเองว่ากลับไปแล้วหรือยัง และเมื่อไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เด็กหญิงจึงยื่นพวงมาลัยในมือให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

“พวงมาลัย? เธอให้ฉันหรือ” ศศินเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก พลางมองดูใบหน้าซับสีแดงระเรื่อที่เดาว่า คงไม่ได้มาจากการวิ่งตามเขาเสียแล้ว

“คุณจะรับมาลัยของหนูได้ไหมคะ” ไอศวราเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม แล้วเงยหน้าขึ้นส่งสายตาเว้าวอนให้ชายหนุ่มใจอ่อนยวบ และยอมยื่นมือไปรับพวงมาลัยพุ่มสวยจากมือเล็ก

“อืม...ฉันรับมาแล้ว เธอคงจะบอกเหตุผลได้แล้วสินะว่าให้พวงมาลัยฉันทำไม”

ไอศวราสูดลมหายใจลึก แล้วยกมือขึ้นพนมระหว่างอก ก่อนก้มศีรษะไหว้อีกฝ่ายที่ทำหน้าตกใจกับการกระทำที่คาดไม่ถึง พลางยื่นมือไปรับดอกวันทาที่ตกลงมาบนฝ่ามือของตัวเองพอดิบพอดี

“ไอศวรา!?”

“หนูขอโทษกับสิ่งไม่ดีทั้งหลายที่ทำกับคุณไป ทั้งเรื่องที่หนูกระโดดตัดหน้ารถเพื่อหลอกเอาเงินคุณ และเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้คุณไม่พอใจ” เด็กหญิงเอ่ยเสียงรัวเร็ว แล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายที่ส่งแววตาตกใจปนคาดไม่ถึง โดยยังไม่ถอนมือออกจากฝ่ามือใหญ่

“หนูเอามาลัยมาขอขมาคุณ และอยากให้คุณอภัยให้หนู”

จะมีเด็กสักกี่คนที่คิดเอาพวงมาลัยมาขอขมาผู้ใหญ่แบบไอศวรา จะมีคนสักกี่คนที่ระลึกถึงความผิด แล้วเอ่ยคำขอโทษด้วยความจริงใจเช่นนี้ ชายหนุ่มพิศมองเด็กหญิงที่ทำหน้าหวาดหวั่นราวกับว่าคำตอบของเขาจะเป็นคำสั่งประหารชีวิตเสียอย่างนั้น

เธอไม่รู้เลยหรือว่า ฉันไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเธอเลยแม้แต่น้อย ไอศวรา...ศศินอยากเอ่ยคำนี้ออกไปนัก แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะเงียบ แล้วเบือนสายตาจากดวงหน้าพริ้มเพราไปยังสื่อกลางที่อีกฝ่ายขออภัย

“เธอร้อยมันเองงั้นหรือ”

คำถามของศศินทำเอาไอศวราหลบตาวูบ ครั้นเธอจะพูดปดกลับไปก็ระลึกได้ว่าจะเป็นการก่อบาปกับอีกฝ่ายอีก เด็กหญิงจึงตอบความจริงด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม “ความจริงหนูร้อยมาลัยไว้ให้คุณแล้ว แต่ป่านนี้มันคงถูกเหยียบเละตอนที่เราหนีอาเบิ้มกัน”

อ้อ! ตอนนั้นนั่นเอง...ศศินครางรับรู้ในใจ ชายหนุ่มได้คำตอบแล้วว่า เหตุใดไอศวราจึงออกตามหาเขา ซึ่งหากไม่เกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน เขาก็คงได้พวงมาลัยที่มาจากฝีมือของเด็กหญิงที่พยายามเรียงร้อยใส่ความรู้สึกของตัวเองไว้เป็นแน่

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอรับมาลัยอันนี้เป็นของมัดจำก่อนแล้วกัน”

“ของมัดจำ?” ไอศวราเอียงคองมองด้วยความสงสัย ในใจก็นึกหวั่นไปว่าเขาคงไม่อภัยให้เธอ

“ฉันจะรอพวงมาลัยฝีมือเธอ แล้วฉันจะรับคำขอขมาจากเธอ”

เด็กหญิงมองคู่กรรมของตัวเองตาโต แล้วหลุดเสียงพึมพำออกมาอย่างอดไม่ได้ “คนอะไรเรื่องมากจัง”

คนเรื่องมากกลั้วหัวเราะในลำคออย่างขบขัน ก่อนยกมาลัยในมือขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมจรุงจิต ก่อนคลี่ยิ้มน้อย เขาชอบมาลัยพวงนี้ เพราะไอศวราใช้มันมาขอขมาเขา แต่เขาจะดีใจมากกว่านี้ หากได้รับมาลัยที่เรียงร้อยด้วยมือเล็กที่ถูกกอบกุมอยู่ในอุ้งมือใหญ่

“ฉันชอบดอกกุหลาบสีเหลืองนะ ถ้าแซมมาในพุ่มมะลิด้วยก็ดี”

“เรื่องมาก!” เสียงเล็กหวานสะบัดใส่อย่างหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะจากคนเรื่องมากอีกครา

“จะขอโทษคนอื่นเขาทั้งทีก็ทำให้มันดีหน่อยสิ ฉันรอมาลัยของจริงจากเธออยู่นะ ไอศวรา”





“กลับได้เสียทีนะ” สุ้มเสียงดุที่ดังขึ้นกลางความมืด ทำเอาคนที่ปล่อยจิตปล่อยใจล่องลอยไปกับกลิ่นหอมของมาลัยที่อยู่ในมือสะดุ้งโหยง

“พี่เอ...” ศศินขานชื่อพี่สาวคนโตที่เฝ้ารอน้องชายกลับบ้านด้วยสุ้มเสียงแผ่วเบา และข้างกายของเธอก็มีพี่เขยที่ส่งยิ้มแห้งแล้งมาให้ พลางขยับปากงึมงำให้น้องชายภรรยารู้ว่า พิโรธรอบแรกหล่นลงกลางศีรษะนายตำรวจหนุ่มเรียบร้อยแล้ว จะเหลือแต่คนเพิ่งกลับนี่ล่ะที่ยังไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง

“พี่เอยังไม่เข้านอนอีกหรือครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อน พลางเดาเอาว่า ความลับอะไรสักอย่างที่พวกเขาพยายามปกปิดเอาไว้แตกออกเป็นที่เรียบร้อย แต่สุรางคนางค์ไม่ตอบคำถาม นอกจากจดจ้องผ้าปิดแผลบนท่อนแขนของเขาตาเขม็ง

“แขนไปโดนอะไรมาซี”

คำถามของพี่สาวที่ทำตัวเปรียบเหมือนแม่ ทำเอาศศินรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว ก่อนฝืนใจยิ้มตอบกลับไป ทั้งที่เริ่มรู้ชะตากรรมแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ”

“พี่ให้ซีตอบใหม่ได้นะ” สุรางคนางค์เลิกคิ้วขึ้น แต่คนปากแข็งทำเพียงยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดใจ และเมื่อรู้ว่าทำอะไรน้องชายของตัวเองไม่ได้ก็หันมาลงกับสามีของตัวเองแทน

“คุณปรีดี”

“จ๋า!” นายตำรวจสะดุ้งโหยง แล้วหันไปยิ้มประจบภรรยาด้วยท่าทางหวาดหวั่น พลางเดาได้ว่าพิโรธลูกที่สองน่าจะลงกลางศีรษะของเขาแทนที่จะเป็นน้องชายภรรยา

“คุณไสหัวไปนอนที่ไหนก็ได้นะ พิจารณาความผิดของตัวเองไปซะ”

“คุณคนางค์ อย่าทำร้ายผมแบบนี้สิ คุณก็รู้ว่าผมนอนคนเดียวไม่ได้” ปรีดีร้องอุทธรณ์เสียงโหย เรียกอาการหมั่นไส้จากคู่ชีวิตที่นึกบ่นในใจว่า ไม่โดนเธอขย้ำจนเละก็ดีถมไปแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เลิกพาน้องชายฉันไปเจ็บตัวได้แล้ว อ๊ะๆ หรือว่าคุณอยากให้ฉันเนรเทศออกจากบ้านตลอดชีวิต”

“โอ...ไม่ๆ คุณคนางค์ อย่าทำอย่างนั้นเลย ขอร้องล่ะ”

ศศินรีบปลีกตัวออกจากคู่สามีภรรยาที่คงลืมไปเรียบร้อยแล้วว่ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วย แต่พอชายหนุ่มเดินขึ้นไปถึงชั้นบนก็เห็นพรพิมล หลานสาวจอมแสบยืนเท้าคางอยู่บนหัวบันได พร้อมทั้งฉีกยิ้มแป้นมาให้

“น้าซีไปบู๊กับผู้ร้ายมาอีกแล้วสิท่า หนูได้ยินเสียงแม่อาละวาดมาถึงข้างบนเลย”

“แล้วแม่เรารู้ได้ยังไงว่าน้าไปจับผู้ร้าย” คนไม่ชอบบทบู๊เอ่ยถามหลานสาวตัวดีที่คงเตรียมคำตอบรอไว้เสร็จสรรพ ไม่อย่างงั้นเจ้าตัวคงไม่มายืนรอทักทายเขาแบบนี้แน่

พรพิมลกลั้นหัวเราะไว้ในลำคอ ยามนึกถึงตอนที่แม่ลงมือฝากรอยรักไว้เต็มท่อนแขนของพ่อ เอ...หรือควรจะเรียกว่ารอยพิโรธดีหนอ ก็คุณพ่อของเธอร้องโหยหวนเสียงดังลั่นปานนั้น “วันนี้หนูกับแม่ไปหาพ่อ เพื่อจับผิดว่าพ่อเอางานอะไรให้น้าซีทำ แล้วบังเอิ๊ญ...บังเอิญที่ลูกน้องของพ่อดันทะเล่อทะล่าเข้ามารายงานเรื่องที่น้าซีบาดเจ็บ โดยไม่ดูเลยว่าคุณนายสุรางคนางค์ก็อยู่ด้วย และก็บึ้ม!”

ศศินอยากส่งเสียงขบขันตามแม่หลานสาวอยู่ไม่น้อย แต่ในใจอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ทำให้พี่เขยต้องมาเจ็บตัวเพราะเรื่องของเขา ดูท่าคืนนี้เขาจะพูดคุยธุระกับอีกฝ่ายไม่ได้เสียแล้ว คงได้แต่รอให้ถึงวันพรุ่งนี้โดยเร็ว เพื่อจัดการเรื่องที่ค้างคาให้เสร็จสิ้น แล้วเขาจะได้พาใครบางคนไปเที่ยวได้อย่างสบายใจเสียที





ไอศวราไม่ได้ข่าวของศศินมานานกว่าสองเดือนแล้ว ซึ่งข่าวที่ไม่อยากได้ยิน อย่างข่าวของเสี่ยวิวัฒน์ที่ถูกจับกลางโรงงานผลิตยาผิดกฎหมาย หรือข่าวการดวลปืนที่ลือกันว่า ยิงกันหูดับตับไหม้ระหว่างตำรวจกับพลพรรคของนายเบิ้มจนโดนวิสามัญฆาตกรรมกันยกกลุ่มกลับลอยเข้าหูให้เด็กหญิงรู้สึกขัดอกขัดใจแทน

ดวงตากลมโตมองมาลัยที่เหี่ยวเฉาไปพวงแล้วพวงเล่าด้วยอารมณ์ห่อเหี่ยว ศศินสัญญาว่าจะรับมาลัยขอขมาฝีมือเธอ แต่จนป่านนี้ เขาก็ไม่มาเสียที และยังคำสัญญาที่ให้ไว้เป็นมั่นเหมาะว่า หากเธอยอมทำตัวเป็นเด็กดีหนึ่งอาทิตย์ แล้วจะพาไปเที่ยวนั่นอีก ดูท่าเขาคงลืมคำสัญญาของตัวเองไปแล้วกระมัง

“คนไม่รักษาสัญญา” เสียงเล็กบ่นงึมงำกับตัวเอง แล้วเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยก็ดังแว่วเข้าหูทำให้เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงทันที

“บ่นหงุงหงิงอะไรอยู่คนเดียวน่ะเรา”

“คุณศศิน!”

รอยยิ้มที่ปะปนไปด้วยความดีใจระคนประหลาดใจต่อการปรากฏตัวของคนที่ทำตัวหายสาบสูญทำให้ชายหนุ่มคลี่ยิ้มละมุน ก่อนหันไปค้อมศีรษะทักทายปานแก้วที่มีสีหน้าซีดเซียวผิดไปจากที่เคย เธอยิ้มให้เขา พลางวางมือจากมาลัยที่กำลังเรียงร้อยลง

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”

“ครับ พอดีมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นนิดหน่อยก็เลยไม่ได้แวะมาหาเลย”

คำตอบนี้เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มตระเตรียมไว้ใช้แก้ตัวกับไอศวรา พลางนึกย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนที่เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นมากมาย จนคนใจเย็นและมีสติดีอยู่เสมออย่างเขาถึงกับทำอะไรไม่ถูก

หลังจากที่ศศินคุยเรื่องความคืบหน้าของคดีตลาดโภคเจริญกับพี่เขย พวกเขาก็ตกลงวางแผนบุกทำลายโรงงานผลิตยาร้ายของเสี่ยวิวัฒน์ และที่ซ่อนยาตามที่ต่างๆ ในชุมชน โดยทั้งนี้ พวกเขาได้รับการช่วยเหลือจากชายเก็บของเก่าที่เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เป็นที่ชังของนายตำรวจหนุ่มมานาน ซึ่งจะเป็นเพราะท่าทางรู้เท่าทัน หรือการชอบขัดของอีกฝ่ายก็ไม่อาจทราบได้ ทำให้ปรีดีนึกอยากเตะฝากความรักอีกฝ่ายสักผาง แต่เจ้าตัวก็รู้ทันและหลบได้ทุกที

และเรื่องเฮฮาของคู่กัดแต่ชาติปางก่อนนี้เองทำให้ศศินเผลอคลายความระมัดระวังลง จนโดนนายเบิ้มที่ซุ่มรอโอกาสคิดบัญชีแค้นลอบทำร้าย โดยการใช้มีดแทงเข้าที่ชายโครง เรื่องราวจึงลุกลามไปไกลกลายเป็นการก่อให้เกิดเหตุวิสามัญฆาตกรรมตามมา

ครั้นพอคุณดวงมาลย์รู้ว่าลูกชายคนเล็กบาดเจ็บ คุณนายก็จับเครื่องบินลงมาจากเชียงใหม่ และคาดโทษลูกเขยที่ชอบพาบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนไปเจอแต่เรื่องอันตราย ซึ่งอาการบาดเจ็บครั้งนี้ดูจะร้ายแรงกว่าครั้งไหน จนนายตำรวจหนุ่มได้แต่ทำหน้าจ๋อย เถียงแก้ต่างให้ตัวเองไม่ออก

และด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้าของคุณดวงมาลย์ ศศินจึงจำต้องกลับเชียงใหม่ตามคำรบเร้าของมารดา เหตุผลหนึ่งก็เพื่อให้ท่านคลายกังวลว่า ชายหนุ่มไม่ได้เจ็บหนักเจียนตาย จนต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน

แต่ใครจะรู้เล่าว่า ศศินต้องใช้เวลานานถึงสองเดือน กว่าจะหลบสายตาของคุณดวงมาลย์ลงมาได้!

“พอดีผมติดหนี้บางอย่างไว้กับไอศวราน่ะครับ เลยต้องรีบมาทำตามสัญญาก่อนที่โดนใครบางคนงอนเอาน่ะครับ” ชายหนุ่มพูดพลางเหลือบสายตาไปมองเด็กหญิงขายพวงมาลัยที่เบนหน้าหนีด้วยอาการแง่งอน

“ติดหนี้อะไรกัน ฝ่ายเราต่างหากที่ติดหนี้คุณไว้ คุณช่วยเหลือพวกเราให้หลุดพ้นจากคนเลวพวกนั้น ถ้าไม่ได้คุณ เราคงต้องอยู่ในนรกแห่งนี้ต่อไปจนตาย” ปานแก้วคลี่ยิ้มน้อย แล้วกวาดตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาห่วงใย

“เห็นพี่ผันบอกว่าคุณถูกแทง แผลหายแล้วหรือคะ” คำถามของปานแก้ว ดึงสายตาของไอศวราที่กำลังงอนคนผิดสัญญาให้หันไปมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

“ไม่ได้เจ็บหนักมากมายอะไรครับ เป็นแค่แผลถาก” แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดต่อออกไปอีกว่า เพราะแผลถากอันนั้นทำให้เขาต้องโดนเย็บไปหลายเข็ม และโดนกักตัวไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน จนทำให้ไม่ได้มาหาไอศวราตามสัญญา

“แล้วถ้าไม่ได้ไอศวรากับพี่ผันให้ข้อมูลของพวกนายเบิ้มกับตำรวจ เรื่องราวคงไม่จบลงด้วยดีแบบนี้ พี่ชายของผมก็ฝากขอบคุณมา และอยากมอบเกียรติบัตรให้กับไอศวรา แต่เห็นทางคุณปฏิเสธ เพราะอย่างนั้น ผมเลยคิดจะพาไอศวราไปเที่ยวเป็นการขอบคุณแทน” แล้วศศินก็ดันเด็กสองคนที่ยืนเกาะเอวหลบอยู่ด้านหลังของเขาให้ออกมาเจอหน้าเพื่อนใหม่ที่เขาอยากแนะนำให้รู้จัก

“ขอโทษที่แนะนำตัวช้านะครับ นี่หลานของผมที่จะพาไปเที่ยวด้วยกัน คนโตชื่อพรพิมล ส่วนคนเล็กชื่ออัษฎาวุธครับ”

พรพิมลกับอัษฎาวุธยกมือไหว้แม่ค้าขายพวงมาลัยตามมารยาทที่ต้องเคารพผู้อาวุโส แต่สายตาของเด็กทั้งคู่จับจ้องไปยังลูกสาวของแม่ค้าด้วยแววตาที่แตกต่างกันไป

สำหรับอัษฎาวุธ เด็กชายยังอ่อนเดียงสาเกินกว่าจะแยกแยะอะไรได้ เขารู้แค่ว่าจะได้พี่สาวหน้าตาน่ารักเพิ่มขึ้นมาอีกคน และเขาก็หวังว่านิสัยของอีกฝ่ายจะไม่เป็นเด็กขี้แกล้งเหมือนลูกพี่ลูกน้อง

แต่สำหรับพรพิมล เธอเป็นเด็กที่มีความคิดอ่านเกินวัย เด็กหญิงจะประมวลหาเหตุผลอันได้แบบมาจากปรีดีผู้เป็นพ่อ ก่อนตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป ซึ่งเธอติดใจท่าทีของศศินที่ยอมลงทุนลงแรงพาเด็กที่ไหนไม่รู้ไปเที่ยว เพื่อตอบแทนเรื่องที่อีกฝ่ายแจ้งเบาะแสคนร้ายในคดีที่พ่อของเธอทำอยู่ อันเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่น่าเชื่อถือเท่าไรสำหรับเด็กช่างคิดอย่างเธอ

ที่สำคัญคือ เขาลงทุนลงมาจากเชียงใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ทั้งที่เด็กหญิงรู้ดีว่าในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา หากน้าชายไม่ถูกพ่อเรียกตัวให้มาช่วยงาน เขาก็ไม่ค่อยอยากเข้ากรุงเทพฯ เสียเท่าไร เธอเลยอดสงสัยในการกระทำครั้งนี้ไม่ได้

ปานแก้วมองดูเด็กชายหญิงด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู แล้วหันไปมองไอศวราที่ทำท่าทางสนใจของตอบแทนของศศินที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นการบังคับเธอให้ตกปากอนุญาต โดยไม่สามารถปฏิเสธได้เสียมากกว่า

“ไอศวรา หนูอยากไปเที่ยวไหมจ๊ะ”

เจ้าของชื่อเหลือบตาไปทางแม่ด้วยสายตากึ่งขออนุญาตอยู่ในที หญิงสาวจึงยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีดำนุ่ม ก่อนคลี่ยิ้มละมุนให้ลูกสาวด้วยความรักท่วมท้น ไอศวราทำอะไรหลายอย่างให้เธอมากมายเหลือเกิน แต่เธอไม่เคยตอบแทนความดีของลูกสาวตัวน้อยเลยสักครั้ง

“ลูกจ๋า แม่อนุญาตให้ไปเที่ยวได้นะ ถ้าหนูอยากไป”

ดวงตากมโตทอแววระยับเหมือนแสงดาวบนฟ้า หลังจากได้ยินคำอนุญาตของแม่ แต่หากเด็กหญิงไปเที่ยวกับศศินและเพื่อนใหม่ต่างวัยทั้งสอง แล้วใครล่ะจะช่วยเหลือแม่ของเธอเร่ขายพวงมาลัยในตลาด ดังนั้น เธอจึงยังลังเลที่จะลุกขึ้นไปหาชายหนุ่มที่เฝ้ารอคำตอบ

“แต่ก่อนไป ไอศวราต้องไปเรียกลุงผันให้มาช่วยแม่ขายพวงมาลัยก่อนนะ”

ถ้อยคำสุดท้ายของปานแก้วทำให้ไอศวรายิ้มออกมาได้ เด็กหญิงรู้ดีว่าผันจะไม่มีทางปฏิเสธคำขอร้องของสองแม่ลูกเด็ดขาด เพราะเขายังติดหนี้บุญคุณพวกเธอไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไกล่เกลี่ยความเข้าใจผิด ระหว่างชายขี้เมาปากตะไกรกับคู่กรณีในตลาด หรือสหกรณ์บาทาจากอดีตกลุ่มอันธพาลที่ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมไปเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา และอีกหลายเรื่องราวที่บรรยายออกมาไม่หวาดไม่ไหว

“งั้นเดี๋ยวหนูมานะจ๊ะ” ว่าแล้วร่างเล็กก็ไถลตัวลงมาจากเก้าอี้นั่ง ก่อนวิ่งไปหาชายเก็บของเก่าที่เธอรู้ดีว่า ในยามตะวันสายโด่งแบบนี้ เจ้าตัวจะนอนเมาค้างอยู่ที่ไหน




Create Date : 25 มีนาคม 2555
Last Update : 20 มกราคม 2557 16:18:32 น.
Counter : 237 Pageviews.

2 comments
  
มารายงานตัวอ่านค่ะ ขอบคุณค่า
โดย: พลอย IP: 71.56.232.26 วันที่: 29 มีนาคม 2555 เวลา:7:14:59 น.
  
สวัสดีค่ะ คุณพลอย
ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมนะคะ
โดย: ฌา วันที่: 30 มีนาคม 2555 เวลา:12:22:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog