พิษเสน่หา 30
๓๐ ของแทนใจ

ความเงียบเข้าครอบคลุมลงมาอีกครั้ง และคราวนี้มิรันตีไม่ได้รู้สึกอึดอัดเช่นคราครั้งแรก แต่เป็นสิริกัญญาที่หัวใจเริ่มหนักอึ้ง เมื่ออีกไม่กี่ก้าวจะถึงห้องนอนของราเชน ผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด และเธอไม่ชอบที่เขาทำให้เธอเป็นแบบนี้เลย

“อึ๊!” เสียงร้องของมิรันตีฉุดสติของสิริกัญญาให้คืนกลับมา แล้วหันไปมองเจ้าของเสียงที่ทำหน้าเจ็บปวดทรมานจนน่าเป็นห่วง

“เป็นอะไรไปหรือมิรันตี” หญิงสาวขยับตัวเข้าไปถามคนที่คู้ตัวลงต่ำ

“ข้า...ข้าปวดท้อง” มิรันตีเค้นคำพูดออกมาอย่างลำบาก พลางเงยหน้าขึ้น แล้วส่งสายตาวิงวอนให้สิริกัญญาที่เริ่มเห็นลางไม่ดีขึ้นมารำไร “ข้า...ข้าฝากเจ้าเอาสำรับพวกนี้ไปให้พี่ชายคนเดียวได้ไหม”

สิริกัญญามองถาดสำรับอาหารที่มีร่องสำหรับรองรับถาดซ้อนกันได้หลายชั้น ก่อนหันไปมองมิรันตีที่สะดุ้งเฮือกขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้ววางถาดสำรับของตัวเองซ้อนลงบนถาดของหญิงสาวอย่างไม่รอคำตอบ

“ห้องของพี่ข้าอยู่ข้างหน้านั่นแหละ...ข้าไปก่อนนะ! ไม่ไหวแล้ว!” มิรันตีพูดได้แค่นั้นก็วิ่งหนีไปชนิดไม่เห็นฝุ่น ทิ้งให้สิริกัญญายืนเคว้งอยู่ตามลำพังด้วยสีหน้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ดวงตาสีน้ำเงินมองถาดอาหารที่ถูกยัดเยียดมาด้วยความหนักใจ ทั้งที่เธอไม่อยากอยู่ตามลำพังกับผู้ชายคนนั้น แต่สวรรค์ก็ช่างกลั่นแกล้งเธอนัก แล้วคราวนี้เธอจะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อจะเผ่นหนีอย่างที่มิรันตีทำก็ทำไม่ได้ ครั้นจะหาสาวใช้ของบ้านหลังนี้ เพื่อให้ยกสำรับเข้าไปให้ราเชนแทนเธอ ก็ไม่มีเงาสาวใช้คนใดโผล่มาให้เห็นสักคน

ทีตอนไม่เรียกก็โผล่หน้ามาให้เห็นสลอน ทีตอนต้องการความช่วยเหลือ ก็พากันหายจ้อยไปราวกับนัดกันไว้...สิริกัญญาได้แต่บ่นพึมพำ แล้วตัดสินใจก้าวเดินต่อไป เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้น เธอจะได้รีบกลับไปห้องครัวตามเดิม

ร่างโปร่งบางหยุดลงตรงหน้าประตูไม้สักดำลงลายทองด้วยท่าทางลังเล พลางภาวนาขอให้อีกฝ่ายนอนหลับอยู่ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องพูดคุยอะไรกับเขา แล้วมือเรียวบางก็ผลักประตูเข้าไปโดยไม่เคาะ ด้วยไม่อยากให้คนข้างในที่อาจตื่นอยู่รู้สึกตัว แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่เธอคาด เมื่อเจ้าของห้องนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง และเขาก็กำลังมองผู้เข้ามาใหม่ด้วยสายตาแปลกใจ นับตั้งแต่ได้ยินเสียงเปิดประตู

“สิริกัญญา...”

ตอนแรกราเชนไม่พอใจ ที่อีกฝ่ายเปิดประตูห้องเข้ามาโดยไม่เคาะ แต่พอได้เห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร ก็ให้รู้สึกไม่น่าเชื่อ ว่าอีกฝ่ายจะยอมมาถึงห้องนอนของเขาด้วยตนเองตามลำพังเช่นนี้

“ข้าเอาสำรับกลางวันมาให้ค่ะ บังเอิญว่ามิรันตีท้องเสียเลยเอามาเองไม่ได้” หญิงสาวจำต้องเอ่ยออกไปตามมารยาท พลางกวาดสายตามองหาที่วางสำรับ “จะให้ข้าวางสำรับไว้ที่ไหนดีคะ”

“เอาไปวางไว้ที่โต๊ะเล็ก” ชายหนุ่มพูดพลางชี้นิ้วไปยังโต๊ะชุดขนาดเล็ก ที่มีเก้าอี้ตั้งอยู่สองตัวตรงข้ามเตียง สายตาก็จดจ้องร่างโปร่งระหงที่เดินตัวเกร็งด้วยสายตาขบขัน แล้วนึกไปยังแม่น้องสาวตัวดี ที่ไม่น่าเปิดโอกาสให้ผู้หญิงหน้าไหนเข้ามาหาเขาถึงห้องนอนได้

“ข้าเสร็จธุระแล้ว ขอตัวเลยแล้วกันนะคะ”

ราเชนเม้มริมฝีปาก พยายามกลั้นหัวเราะไว้สุดกำลังกับท่าทางที่อยากจะเผ่นหนีไปเสียโดยเร็วของสิริกัญญา แต่เมื่อน้องสาวส่งเนื้อมาให้ถึงที่แบบนี้ คิดว่าเขาจะปล่อยให้เนื้อหนีไปได้อย่างนั้นหรือ

“เดี๋ยวก่อนสิ เจ้ามาช่วยข้าพยุงไปที่โต๊ะก่อน ข้าลุกไม่ไหว” ชายหนุ่มส่งสายตาวิงวอนที่ทำให้หญิงสาวไพล่นึกไปถึงท่านผู้หญิงกับมิรันตีขึ้นมา คนบ้านนี้มีดวงตาที่เหมือนกันเหลือเกิน เพราะแม้ปากจะพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงหวานหู แต่ดวงตากลับบังคับให้คนถูกขอร้องต้องตกปากรับคำอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ข้ามีหน้าที่แค่ส่งอาหารค่ะ”

“แล้วเจ้าจะปล่อยให้คนป่วยนอนหิวอยู่บนเตียง ต้องสูดแต่กลิ่นอาหารที่เจ้านำมายั่วยวนอย่างนั้นหรือ” ราเชนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็นำมันกลับไปเสียเถอะ”

ถึงสิริกัญญาจะไม่ชอบราเชน แต่หญิงสาวก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ ทั้งที่อยากทำใจแทบขาด ดวงตาสีน้ำเงินกลิ้งกลอกไปมาอย่างไม่ไว้วางใจ ฤทธิ์ของชายหนุ่มใช่ย่อยเสียที่ไหน มือไวเป็นที่หนึ่ง ชอบบังคับก็เท่านั้น ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากเข้าใกล้เขา ไม่อยากให้หัวใจของตัวเองต้องไขว้เขวไปมากกว่านี้

“นำมันกลับไปเถอะสิริกัญญา ข้าไม่กิน”

สิริกัญญาถอนหายใจอย่างหมดทางเลือก หญิงสาวเดินตรงไปยังเตียงกว้างที่มีร่างสูงใหญ่ลอบยิ้มอย่างสมใจ ก่อนหยุดอยู่ริมเตียง และรอให้ราเชนขยับลุกขึ้น แล้วทิ้งขาลงมาข้างเตียงด้วยท่าทางทุลักทุเล สีหน้าท่าทางเจ็บปวดของเขาในยามขยับตัวแต่ละที ทำให้เธอทนมองต่อไปไม่ได้ ต้องเข้าไปช่วยพยุงตัวเขา ซึ่งนั่นเป็นช่วงที่กวางสาวตัวน้อย ๆ เข้ามาติดบ่วงพรานพอดี

ท่อนแขนแข็งแรงที่ไม่ได้ลดทอนกำลังลงยามเจ็บไข้ตวัดเข้าที่เอวบอบบาง แล้วดึงร่างนุ่มนิ่มที่โดนฉุดอย่างไม่ทันตั้งตัวให้ล้มลงบนหน้าตักกว้าง และสิริกัญญาก็ไม่มีเวลาได้ร้องอุทานออกมา เมื่อริมฝีปากอิ่มเอิบที่ซีดเซียวลงมาก ประทับปิดลงมาบนกลีบปากบางอย่างรวดเร็ว

เพราะอย่างนี้นี่แหละเธอถึงไม่ชอบราเชน...สิริกัญญาร้องครวญในใจ เมื่อโดนเขาใช้กำลังบังคับจูบอีกครั้ง หญิงสาวดิ้นขัดขืนให้ตัวเองหลุดจากอ้อมแขนแข็งแรง ที่ยิ่งกระชับกอดเธอแน่นขึ้น จนไม่เหลือช่องว่างให้ขยับหนีได้อีก

“ถ้าดิ้นมาก มันจะปลุกอารมณ์ข้านะ สถานที่ยิ่งเอื้ออำนวยอยู่ด้วย” ราเชนผละจากริมฝีปากบาง พลางกระซิบที่ริมหูด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า สิริกัญญาหอบฮั่กพูดอะไรไม่ออก ครั้นพอเธอรวบรวมสติได้มากพอที่จะบริภาษอีกฝ่าย ริมฝีปากก็ถูกประกบปิดอีกครั้ง

“อิ๊!!”

เกลียด! เกลียดที่สุด!! หญิงสาวร้องต่อว่าคนเจ้าสำราญในใจ และเริ่มใช้มือประทุษร้ายบ่ากว้างที่ไม่ได้สะทกสะท้านไปกับแรงทุบของเธอเลย แล้วราเชนก็รุกหนักขึ้น โดยแทรกปลายลิ้นผ่านเรียวปากนุ่มที่ให้รสหวานฉ่ำยิ่งกว่าน้ำผึ้ง

ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างขึ้นกับการุกรานแบบใหม่ หญิงสาวทั้งงุนงงและสับสน หัวใจเต้นรัวเร็วจนคิดว่าตัวเองคงจะตายไปเสียก่อนที่เขาจะถอนริมฝีปากออก แล้วน้ำตาก็พาลไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันไหลผ่านเนียนแก้มและริมฝีปาก จนรู้สึกว่าจูบนี้ช่างให้รสหวานปนเค็มนัก

“สิริกัญญา...” ราเชนผละจากริมฝีปากนุ่มนิ่ม ด้วยสัมผัสได้ถึงรสน้ำตา ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงินที่ทอแววโกรธขึ้งอย่างแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายร้องไห้ และมันก็ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

อ้อมแขนแข็งแรงคลายแรงกอดรัดลง ทำให้คนที่หาช่องทางตอบโต้ ยกมือขึ้นตบใบหน้าคมคายไปเต็มฉาด ก่อนผลักตัวออกห่างจากพันธนาการที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว แต่น่าเสียดายที่แรงตบของสิริกัญญา กลับกลายเป็นการปลุกราเชนให้ตื่นจากอาการตกตะลึง ชายหนุ่มตวัดร่างบอบบางลงกับเตียง แล้วใช้ตัวเองกดทับ ซึ่งการกระทำนี้แลกมาด้วยอาการเจ็บแปลบที่แผลเก่า และดูท่าบาดแผลที่ยังไม่สมานเข้าหากันจะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง

“ให้ตายสิ...” ชายหนุ่มถอนหายใจดังเฮือก พลางยิ้มให้กับหญิงสาวที่เปลี่ยนจากสายตาโกรธขึ้ง มาเป็นหวาดหวั่นแทน “วิธีการใหม่ของเจ้านี่ทำเอาข้าทำอะไรไม่ถูกไปเลย”

“ท่านรังแกข้า”

แม้สิริกัญญาจะพูดด้วยน้ำเสียงสั้นห้วน แต่ราเชนก็สัมผัสได้ถึงความหวาดหวั่น ต่อการคุกคามของเขาที่หางเสียง ชายหนุ่มคลี่ยิ้มน้อย พลางซุกหน้าลงกับบ่าบอบบาง เพื่อปกปิดความเจ็บปวดที่อาจแสดงออกมาทางสีหน้า ดูท่ากรรมจะตามสนองคนขี้แกล้งเข้าเสียแล้ว เมื่อความเจ็บปวดจากแรงกระแทกเมื่อครู่ไม่จางหายไป

“ข้าไม่ได้คิดรักแกเจ้า แค่อยากกอด...อยากจูบให้หายคิดถึงไม่ได้หรือไง”

“โปรดทำกับคนรักของท่านเถอะ” หญิงสาวโต้กลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ ราเชนคลี่ยิ้มน้อย ใจหนึ่งก็นึกอยากบอกเธอเหลือเกิน ว่าคนที่เขาอยากให้รักตอบนั้นเป็นคนใจร้ายมาก ไม่ยอมสนใจความรู้สึกของเขาเสียที

“ข้ากำลังรอความรักจากเจ้าหญิงองค์หนึ่งอยู่ แต่ไม่รู้ว่านางจะยอมเปิดใจให้ข้าได้ตอนไหน”

หัวใจของสิริกัญญากระตุกวูบขึ้นมาอย่างใจหาย และรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา ก่อนผลักร่างที่ทาบทับออกไปเต็มแรง แล้วผุดลุกขึ้นหนี เมื่ออีกฝ่ายยอมผละออกไปตามแรงผลักของเธอแต่โดยดี

ร่างโปร่งบางกระโจนลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วเผ่นไปที่ประตูเพื่อหนีจากคนขี้แกล้ง แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบแลไปเห็นร่างสูงใหญ่นอนคู้ตัว กุมหน้าอกด้วยท่าทางเจ็บปวด ความคิดที่จะปลาสนาการก็พลันหมดไป

หญิงสาวมองคนเจ็บบนเตียงด้วยท่าทางลังเล ก่อนตัดสินใจกลับไปที่เตียงอย่างแช่มช้า เธอชะโงกหน้ามองราเชนที่แสดงสีหน้าบอกถึงความเจ็บปวด ชนิดที่รู้ว่าไม่ได้แกล้งทำแน่ ชายหนุ่มขบริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงไว้ และลืมตาขึ้นมา เมื่อสัมผัสได้ถึงมือเรียวบางที่แตะลงบนใบหน้า

“ท่านเจ็บจริงหรือเปล่า” อย่างน้อยสิริกัญญาก็อยากถามเพื่อความแน่ใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีแรงตอบ นอกจากคลี่ยิ้มกลับไปเท่านั้น

สิริกัญญาถอนหายใจเฮือกออกมา แล้วขึ้นไปบนเตียงเพื่อพยุงร่างสูงใหญ่ให้กลับไปนอนหมดแรงอยู่บนหมอนหนานุ่ม โดยไม่วายบ่นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความสะใจออกมาเล็กน้อย “นี่ล่ะ ผลของการชอบแกล้งผู้หญิง กรรมเลยตามมาล้างแค้นท่าน”

ราเชนนึกคันปากอยากจะโต้กลับไปนักว่าผู้หญิงที่เขาชอบแกล้งก็มีอยู่คนเดียว และคนที่ทำให้เขาเจ็บก็คือตัวตนพูดนั่นแหละ แต่ขืนพูดออกไปตอนนี้มันคงลดความน่าสงสารลงมาก ดีไม่ดีเธอคงพาลทิ้งเขาไปโดยไม่แล ซึ่งเขาไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นเลย

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


ราเชนผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า เมื่อความเจ็บบรรเทาลง หลังจากได้อยู่เฉย ๆ ไม่เที่ยวไปหาเรื่องรังแกใครแบบคราแรก แล้วชายหนุ่มก็จ้องมองคนที่วิ่งวุ่นกับอาการบาดเจ็บของเขาด้วยสายตาอ่อนละมุน ซึ่งสาวใช้ของเขาที่สิริกัญญาวิ่งออกไปตามหาถึงที่แห่งใดก็ไม่ทราบ ก็ลอบสังเกตเห็นท่าทางของเจ้านาย เธอจึงส่งยิ้มให้สิริกัญญาที่เงยหน้าขึ้นมองเธอพอดี

“มีอะไรหรือจ๊ะ” สิริกัญญาเอ่ยถามอย่างสงสัยในรอยยิ้มแปลกประหลาดของสาวใช้ และได้รับการส่ายหน้าตอบกลับมา

“สิริกัญญา...” เสียงทุ้มนุ่มที่ยามนี้แฝงแววออดอ้อน ทำให้สิริกัญญานึกอยากเผ่นหนีไปให้ไกล เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นรอยยิ้มแปลกของสาวใช้ และไม่ต้องได้ยินน้ำเสียงของราเชนที่ใช้เรียกชื่อของเธอ

“นี่สิริกัญญา ข้าหิวข้าวแล้วนะ”

“ก็ลุกขึ้นมาทานสิคะ อาหารก็เตรียมพร้อมตั้งนานแล้ว” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่ไยดี และเตรียมลุกขึ้นจากเตียง หากไม่มีมือหนาฉุดรั้งข้อมือไว้

“ข้าไม่มีแรงลุกหรอก เจ้าช่วยพยุงข้าหน่อยสิ”

คนถูกขอร้องหรี่ตามองรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของคนเจ้าเล่ห์อย่างไม่อยากไว้ใจเท่าไรนัก แม้จะมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่สามารถรังแกเธอได้อีก แต่ดวงตาของเขาก็ยังบอกความหมายได้ ว่าหากขัดใจเจ้าปาเยนทร์คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก หญิงสาวถอนหายใจเฮือกและใช้วิธีเดิมที่ตนแสนถนัด นั่นคือการนิ่งเงียบ และยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่าย เพื่อความปลอดภัยของตนเอง

สาวใช้เข้ามาช่วยประคองราเชนอีกด้าน แต่ก็ถูกดวงตาคมกริบหยุดไว้ก่อนที่เธอจะเข้ามา เธอจึงถอยหลังให้สิริกัญญาทำหน้าที่พยุงชายหนุ่มไปยังโต๊ะทานอาหารตามลำพัง

“อาหารเริ่มเย็นแล้วนี่” ราเชนเอ่ยทักเมื่อสิริกัญญาพาเขาไปนั่งที่โต๊ะอาหารเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มจับมือของหญิงสาวที่กำลังจัดแจงเอาอาหารออกมาไว้ แล้วหันไปทางสาวใช้ที่ก้าวเข้ามาอย่างรู้หน้าที่ “เอาสำรับใหม่มาสองที่นะ”

“สองที่?” สิริกัญญาทวนคำด้วยความงุนงง แล้วมองเจ้าของมือที่ยึดจับมือเธอไว้มั่น

“เอามาสองที่ทำไมคะ”

“สำหรับเราสองคนไง”

ดวงตาสีน้ำเงินเบิกขึ้นด้วยความตกใจ แล้วส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ค่ะ ข้าจะกลับไปทานกับคนอื่น”

“นี่เจ้าจะให้ข้าทานคนเดียวหรือไง” ราเชนย้อนถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และยึดสองมือที่พยายามดึงให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาแน่นขึ้นอีก

“ท่านก็ทานกับสาวใช้ไปสิคะ”

“ข้าไม่อยากโดนครหาว่าเป็นสมภารที่กินไก่วัดตัวเอง” ชายหนุ่มพูดพลางกระดกลิ้นทีหนึ่ง ก่อนดึงร่างบอบบางที่พยายามขืนตัวหนีให้เข้ามาใกล้ แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “แต่ถ้าเป็นลูกไก่ที่อยู่ในกำมือก็ไม่แน่”

ใบหน้าขาวปรากฏริ้วสีแดงขึ้นมาที่โหนกแก้ม และมันก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อสาวใช้ที่ยังไม่ยอมไปไหน หลุดเสียงหัวเราะคิกกับไก่ที่ราเชนอยากกิน ราเชนกลั้วหัวเราะในลำคออย่างไม่อายเช่นคนตรงหน้า ก่อนเงยหน้ากระซิบเสียงเบาให้คู่กรณีได้ยินเพียงสองคน

“เจ้ามีทางเลือกสองทางนะสิริกัญญา จะยอมถูกข้าจูบเพื่อแลกกับอิสระที่เจ้าอยากได้ หรืออยู่เป็นเพื่อนทานข้าวกับข้า แลกกับที่ข้าจะไม่จูบเจ้า จะเลือกเอาทางไหน”

ท่าทางของราเชนบอกให้รู้ว่าทำจริงทั้งสองทางเลือก และเขาก็บังคับให้เธอเลือกแล้วว่าจะต้องเดินทางไหน หญิงสาวขบริมฝีปากแน่น และลดแรงต่อต้านลง จนเหลือแต่การยืนจ้องหน้าคนเจ็บ ที่ไม่ยอมหยุดแผลงฤทธิ์ด้วยท่าทางโกรธเคือง แล้วชายหนุ่มก็บุ้ยใบ้ไปให้สาวใช้ยกสำรับออกไปทันที

ครั้นพอลับร่างของสาวใช้ มือหนาก็ยกขึ้นเกลี่ยพวงแก้มที่แต้มสีเรื่อไปมา รอยแผลที่แสงสุรีย์กระทำไว้ เลือนหายลงไปมากจนแทบมองไม่เห็น แล้วชายหนุ่มก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายแต่งหน้ามาบางเบา ซึ่งน่าแปลกที่เขาชอบตอนที่เธอทำตัวเป็นลูกสาวชาวบ้านธรรมดา มากกว่าตอนเป็นลูกสาวประธานองคมนตรีแห่งปามะห์

“อย่าทำหน้าบูดบึ้งแบบนั้นสิ ไม่สวยเลยนะ”

“ข้าไม่ได้อยากสวยนี่คะ” แม้จะลดท่าทีต่อต้านลง แต่ใช่ว่าสิริกัญญาจะยอมลดฝีปากลงด้วยเสียเมื่อไร

“ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสวย” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มน้อย พลางเหน็บปอยผมที่ตกลงมาไปทัดไว้ริมหู เขาไม่อยากให้ผู้ชายคนใดมองผู้หญิงคนนี้เลย อยากเก็บเธอไว้ให้อยู่แต่ในนี้ แล้วมือหนาก็ล้วงสิ่งที่เก็บกับตัวไว้ตลอดเวลาออกมา

สิริกัญญาก้มลงมองหวีเสียบสีเงิน ที่ประดับด้วยเม็ดไพลินยืนอยู่ท่ามกลางหินปะการังสีขาวด้วยความสงสัย ว่าราเชนเอาออกมาทำอะไร แล้วดวงตาสีน้ำเงินก็เบิกกว้างขึ้น เมื่อชายหนุ่มเอามาหวีเสียบอันนั้นมาสางผมให้อย่างเชื่องช้า ก่อนประดับลงบนเรือนผมของเธอ

“ของสิ่งนี้ข้าตั้งใจเอามาฝากเจ้า และมันก็ช่วยข้าให้รอดพ้นมาจากความตาย” ราเชนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง และกอบกุมมือเรียวบางไว้มั่น “มันเป็นเหมือนของแทนใจ ที่ย้ำเตือนว่าเจ้าได้ชีวิตข้าไว้”

“ข้าไม่ได้ช่วยอะไรท่านเสียหน่อย” หญิงสาวเอ่ยงึมงำเสียงเบา พลางหลบดวงตาสีถ่านที่ส่งแววจริงจังออกมาจนยากจะสบตาตอบได้

ริมฝีปากอิ่มเอิบดั่งสตรีแย้มยิ้มละมุน และดึงร่างบอบบางให้ก้มตัวลงมาใกล้ “เจ้าช่วยเหลือข้าสิริกัญญา...” ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้ พลางกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ตอนที่ข้าหลงอยู่ในความมืดมิด ข้ารู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงของเจ้าเรียกชื่อของข้า เสียงของเจ้านำข้าออกมาจากวังวนนั้น”

“อุ๊ย! ขอประทานโทษเจ้าค่ะ”

เสียงกึ่งอุทานที่ไม่มีแค่เสียงเดียว เรียกความสนใจจากสองคนที่อยู่ในห้องให้หันไปมอง แล้วสิริกัญญาก็หน้าขึ้นสีอีกครั้ง เมื่อผู้มาใหม่ที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่สี่คน กำลังมองมาทางเธอกับราเชนด้วยความสนใจ มากกว่าจะตกใจในภาพที่เห็น

สาวใช้ทั้งสี่แย้มยิ้มให้กับสิริกัญญาที่พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่ราเชนก็ยังขืนไว้ไม่ยอมปล่อย ซึ่งหญิงสาวก็เดาได้ว่าภาพที่เหล่าสาวใช้ได้เห็นจะถูกพูดผ่านกันไปปากต่อปาก และหากมันไปในแง่ร้าย เรื่องก็คงกลายเป็นว่าเธอมาให้ท่าราเชนถึงห้องนอน แค่คิดก็ทำให้เธอส่งสายตาโกรธเคืองไปยังต้นเหตุ ที่แย้มยิ้มอย่างสมใจที่มีคนมาร่วมเป็นพยานในการกระทำของเขา

“หึหึ โมโหหิวหรือไง ถึงได้จ้องข้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างนั้น” ราเชนถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า และพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างสุดกำลัง เพื่อที่จะไม่ให้หญิงสาวต้องอกแตกตาย ด้วยความโมโหโกรธาไปเสียก่อน

“ของกินมาแล้ว นั่งลงเถอะเด็กดี”

สิริกัญยาดึงมือออกจากการเกาะกุมของราเชน ที่ยอมปล่อยออกมาอย่างว่าง่าย แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่อีกตัวด้วยท่าทางแช่มช้า ทั้งที่ใจจริงเธออยากกระแทกตัวลงนั่ง เพื่อระบายอารมณ์ที่เวียนวนอยู่ในอก แต่ก็ติดตรงที่ยังมีสาวใช้ที่พร้อมใจกันอยู่ปรนนิบัติทั้งสี่คนคอยจดจ้อง หญิงสาวจึงต้องรักษามารยาทในฐานะผู้มาเยือนอย่างจำใจ

ขอให้กรรมตามสนองราเชนอีกสักรอบ มันคงทำให้เธอหายขัดเคืองไปได้อีกมากเลยทีเดียว!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


กว่าสิริกัญญาจะได้ออกมาจากห้องของราเชน หญิงสาวก็เปลืองเนื้อเปลืองตัว โดนให้เขาหลอกลวนลามท่ามกลางสายตาของสาวใช้ที่พากันแย้มยิ้มให้ โดยไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือเลยสักคน หญิงสาวได้แต่นึกขัดเคืองในใจที่ชายหนุ่มทำตามสัญญาที่ให้ไว้นั่นอย่างมั่นเหมาะ ว่าจะไม่จูบเธอ แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำอย่างอื่นด้วย ดังนั้นเธอจึงต้องช่วยเหลือตัวเอง ปัดป้องไม่ให้เขาลวนลามเธอได้ตามใจชอบ ซึ่งมันกลับกลายเป็นภาพหยอกล้อของคู่รักหนุ่มสาว ในสายตาของคนมองได้อย่างไรก็ไม่อาจทราบได้

“เหนื่อยหรือเจ้าคะ” สาวใช้คนหนึ่งถามเสียงเบา และกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ให้หญิงสาวสีน้ำเงินต้องรู้สึกอับอายไปมากกว่านี้ แต่คนถูกถามก็ทำเพียงคลี่ยิ้มตอบ โดยไม่พูดอะไร นอกจากทำสีหน้าเหนื่อยอ่อนให้เห็น

“นอกจากคุณหนูแล้ว ก็มีท่านสิริกัญญาเป็นคนแรกนี่แหละค่ะที่ท่านราเชนแกล้ง” อีกคนเสริมต่อให้ด้วยน้ำเสียงรื่นเริง แต่คนถูกแกล้งไม่รู้สึกสนุกตามไปด้วยแน่ และเสียงหัวเราะคิกคักของเหล่าสาวใช้ก็เงียบลง เมื่อกลุ่มพระพี่เลี้ยงที่นำมาโดยอรัญญาเดินตรงมาทางพวกเธอ ด้วยท่าทางเหมือนกับโกรธใครมาสักสิบชาติ

“ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” อรัญญาพูดด้วยน้ำเสียงห้าวห้วน พลางมองน้องสาวต่างมารดาที่โต้สายตากลับมาด้วยท่าทีนิ่งเฉย

“ตรงนี้หรือว่าตรงไหนคะ”

อรัญญากำพัดในมือแน่น เมื่อได้ยินวาจาหาญกล้าของน้องสาวทาส หญิงสาวกรีดยิ้มหวาน ก่อนปรายตามองไปยังสาวใช้บ้านปาเยนทร์ด้วยแววตาดุดัน จนคนถูกจ้องพากันหดคอด้วยความหวาดกลัว เธอพยักหน้าให้คุณหนูที่ตามมาเข้าไปประกบอีกฝ่าย ก่อนหมุนตัวเดินนำไปยังสวนกว้างที่อยู่ด้านข้าง ทิ้งให้สาวใช้บ้านปาเยนทร์พากันมองตามด้วยความเป็นห่วง

“ไปบอกคุณหนูมิรันตีเถอะว่าท่านสิริกัญญาถูกพาตัวไป”

ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นหลังจากที่หญิงสาวสีน้ำเงินถูกหอบหิ้วหายเข้าไปในสวนกว้าง ซึ่งขณะนี้คนถูกหิ้วไม่ได้มีท่าทีหวาดหวั่นเลยว่าตัวเองจะถูกกระทำทารุณอะไรอีก นอกจากถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับจุดอ่อนของสวนกว้างที่กว้างเกินไป จนบางทีก็เหมาะกับการลากใครบางคนมากระทำการบางอย่าง เช่นที่เธอกำลังจะโดนอยู่ในไม่ช้านี้

และไม่ทันที่สิริกัญญาจะได้ตั้งตัวรับมือกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ภาพตรงหน้าก็เหมือนกับจะดับวูบไปครู่หนึ่ง แล้วอาการชาก็ลามไล้ไปทั่วซีกหน้าขวาอันเกิดจากแรงมือของพี่สาวต่างมารดาที่มีสีหน้าพอใจขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากได้ระบายอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองออกไป

“ฉาดนี้สำหรับความไม่เจียมตัวของเจ้า”

ดวงตาสีน้ำเงินกะพริบปริบไปมา เพื่อให้ภาพเบื้องหน้าชัดขึ้น ก่อนเบือนหน้าหันกลับไปมองเจ้าของดวงตาสีแดงที่เต็มไปด้วยเพลิงริษยา หญิงสาวเคยสงสัยนักว่าเหตุใดอรัญญาจึงได้จงเกลียดจงชังเธอนัก ทั้งที่อีกฝ่ายก็มีทุกสิ่งทุกอย่างเหนือกว่าน้องสาวทาสผู้นี้

“ไม่เจียมตัว...” สิริกัญญาทวนคำของพี่สาวต่างมารดาแผ่วเบา และน่าแปลกใจที่เธอรู้สึกสงบนิ่งมาก ทั้งที่ตามปกติเธอจะเดือดดาลอยู่ในใจทุกครั้ง ต่อความไร้เหตุผลของอีกฝ่ายที่กระทำกับเธอ

“เป็นลูกทาสก็สวมควรอยู่แบบทาส ไม่ใช่มาเผยอหน้าเทียบเคียงลูกเจ้านาย”

ถ้อยคำของอรัญญากรีดแทงเข้าไปในใจของสิริกัญญา ซึ่งย้ำเตือนถึงสถานะของเธอที่ไม่เคยลืม หญิงสาวไม่เคยหวังให้โชคชะตาพัดพาเอาสิ่งดีเข้ามาในชีวิต เพราะเธอกลัวว่าสิ่งดี ๆ เหล่านั้นจะอยู่กับเธอได้ไม่นาน

“ข้าทราบสถานะของตัวเองดีค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไปใกล้ชิดเจ้าปาเยนทร์” อรัญญาจับคางของน้องสาวต่างมารดาแล้วบีบแน่น

เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ทำสายตาหยิ่งทะนง ทั้งที่เป็นเพียงลูกทาส มันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเสมอ ด้วยดวงตาคู่นี้มักทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนด้อยค่า แล้วการเข้ามาของราเชน ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำปมอันนั้นให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

“ข้าไม่ได้อยากใกล้ชิดเขา” สิริกัญญาตอบกลับพลางนิ่วหน้ากับแรงบีบที่ปลายคาง

“แต่ก็เห็นอยู่กับเขานานสองนานนี่ ทำอย่างไรล่ะถึงทำให้เขาสนใจได้”

เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่อรัญญารู้สึกไม่ชอบใจ ทั้งที่เธอมั่นใจในเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเอง และจริตมารยาที่ทำให้ผู้ชายหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นมานักต่อนัก แต่ทำไมราเชนจึงไม่ปรายสายตามองมาทางเธอเลยสักนิด เธอมีอะไรด้อยกว่าน้องสาวคนนี้กัน!

“ไม่ถามพี่ข้าดูล่ะว่าทำไมถึงสนใจนาง” เสียงเล็กที่ดัดให้แหลมขึ้น คล้ายจะจงใจทิ่มแทงคนถามดังขัดขึ้นมาได้อย่างถูกช่วง และมันก็ฉุดสายตาทุกคู่ให้หันไปมองคุณหนูบ้านปาเยนทร์ ที่เดินเชิดหน้าเข้ามาพร้อมกับคุณหนูพระจันทร์

บริมาสเดินเข้าไปกระแทกไหล่คุณหนูที่ยึดแขนเพื่อนตัวเองไว้ พลางโปรยยิ้มหวานให้เหล่าคุณหนูที่ถลึงตาตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ “ไม่ต้องถามพี่ชายของเจ้า ข้าก็พอเดาออกนะว่าทำไมเขาถึงไม่แลเลยไปหาใครบางคน”

มิรันตีปรายตามองคู่กรณีของสิริกัญญาแต่ละคนด้วยสายตาหมิ่นแคลน แล้วคลี่ยิ้มออกมา “ที่ข้าส่งสิริกัญญาไปหาพี่ชาย ก็เพราะไว้ใจว่านางจะไม่ให้ท่าพี่ชายของข้า” ...แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กสาวจะไว้ใจในตัวพี่ชายว่าจะไม่ทำอะไรอีกฝ่ายไป

“ถ้าใครมีปัญหาก็มาหาข้าได้เสมอ เพราะหากข้าจะสนับสนุนใครสักคนให้มาเป็นพี่สะใภ้ ข้าก็เลือกที่จะสนับสนุนสิริกัญญา”

คำประกาศกร้าวของคุณหนูบ้านปาเยนทร์ เป็นเหมือนข่าวร้ายสำหรับผู้หญิงทุกคน ยกเว้นบริมาสที่อยากให้เรื่องราวมันเป็นไปเช่นนี้อยู่แล้ว หญิงสาวหันไปยิ้มหวานให้เพื่อนที่เบิกตาด้วยความตกตะลึง และทำสีหน้าเหมือนกับว่าตัวเองติดโรคร้ายที่จะตายภายในเจ็ดวัน แล้วเธอก็หันไปมองอรัญญาที่จากไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด โดยไม่โต้ตอบอะไรกลับมาตามปกตินิสัยด้วยความแปลกใจ

“แปลกแฮะที่วันนี้พี่สาวเจ้าไม่ยักแผลงฤทธิ์”

“ไม่ใช่ถิ่นตัวเองนี่” สิริกัญญาตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วหันไปมองมิรันตีที่เข้ามากุมสองมือของเธอด้วยท่าทางสำนึกผิด

“ขอโทษนะสิริกัญญา เป็นเพราะข้าทีเดียวที่ทำให้เจ้าต้องโดนผู้หญิงคนนั้นทำร้าย”

“เจ้าก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นหวังจะเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าอยู่ แล้วดันไปตะโกนลั่นว่าจะให้สิริกัญญาไปไหน เพื่อนข้าเลยต้องมาเจ็บตัวแบบนี้” พอได้ที บริมาสก็พูดข่มทับความผิดของคุณหนูบ้านปาเยนทร์ พลางหันไปลูบซีกหน้าของเพื่อนที่แดงเถือกเป็นรูปรอยมือ แล้วบ่นครวญคล้ายกับตัวเองเป็นคนเจ็บเสียเอง

“ดูสิ เป็นรอยแดงเชียว เจ็บมากไหมสิรี”

“ก็ใครเป็นคนขอให้ข้าเปิดทางให้เพื่อนเจ้าไปหาพี่ชายข้าล่ะ ข้าก็เปิดทางให้แล้วไง” มิรันตีโต้กลับอย่างไม่ยอมความ เรื่องนี้หากจะหาคนผิด มันก็ไม่ใช่ตัวเธอแน่

สิริกัญญาชะงักคำที่จะปรามเพื่อนว่าอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แล้วหรี่ตามองคนแสนกลที่เริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดีขึ้นมารำไร ครั้นจะขยับตัวหนีให้ห่าง ก็ถูกยึดจับไว้มั่น “นี่ไง...ตัวการทั้งหมด” หญิงสาวข่มเสียงไม่ให้สั่น ก่อนบิดต้นแขนจอมวางแผนที่ร้องโอดโอยลั่น

“โอ๊ย! เจ็บนะสิรี!”

“เจ็บสิ จะได้จำเสียที” สิริกัญญาเอ่ยเสียงฉุน แล้วเพิ่มแรงบิดขึ้นไปอีก “ทีหลังจะได้ไม่ต้องมาทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก ทั้งที่คนเขาไม่ต้องการ” หญิงสาวพูดพลางสูดลมหายใจลึก ก่อนตะโกนออกไปดังลั่น เพื่อหวังจะให้ใครบางคนมาได้ยินคำนี้ด้วย

“ข้าไม่ได้ชอบเจ้าปาเยนทร์! ได้ยินไหม!”






เนื่องจากว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้ต่อเนต เป็นของผู้รับเหมา (ส่วนตัวเองอยู่คุมงานก่อสร้าง) แล้วคราวนี้เขากำลังจะย้ายออฟฟิซไปอยู่ไซต์อื่น พร้อมกับคอมที่ใช้ต่อเนตประจำก็จะถูกยกไปด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าจะโดนยกไปตอนไหน ดังนั้น ก็เลยรีบเข้ามาโพสต์เสียก่อน จะไม่ได้โพสต์ล่ะ

คาดว่าวันศุกร์จะเอามาลงอีกไม่ตอนก็สองตอน แต่เขียนไปเขียนมาชักสงสารตัวร้าย ฮือ....
เป็นเรื่องแรกเลยล่ะที่เขียนถึงตัวร้าย แล้วไม่อยากให้มันจบแบบอนาถนัก รู้สึกสงสาร แล้วก็ได้แต่งึมงำ ๆ "ถ้าไม่ใช่ตัวร้ายก็อยากให้มันจบลงดี ๆ" กระซิก ๆ



Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 20:08:22 น.
Counter : 751 Pageviews.

5 comments
  

แล้วปาเยนทร์ จะได้ยินมั๊ยนี่ จะรออ่านวันศุกร์

นะค่ะ
โดย: nekojung IP: 58.9.78.213 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:37:16 น.
  
อ่านจุใจทีเดียว 3 ตอนเลย แต่ก็หวานอย่างที่รอ แต่อยากได้มากกว่านี้อะ ทำไม่พระเอกนางเอกไม่ค่อยได้ใกล้ชิด รู้จักกันให้มากกว่านี้คะ อยากได้อีก ขออีกนะ..นะ.
โดย: น้อง IP: 124.121.187.158 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:07:34 น.
  
เพิ่งเข้ามาอ่านวันนี้ค่ัะ อ่านรวดเดียวสามสิบตอนเลย น่าติดตามมากๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ จะรออ่านต่อไปค่ะ
โดย: ฟรียา IP: 137.222.218.45 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:19:06 น.
  
วันนี้วันศุกร์แล้วนะค่ะ

รออ่าน...
โดย: L_K IP: 125.24.184.124 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:25:04 น.
  
ติดตามอ่านมาตลอดค่ะ
สนุกมากๆ เนื้อหาน่าติดตาม มีลำดับเรื่องที่ชวนสงสัย
เวลาเห็น จะคลิกอ่านเป็นเรือ่งแรกเลยทีเดียว

รออ่านอยู่นะคะ (ทวงด้วยคค่ะน วันนี้วันศุกร์ๆๆ อิอิ)
โดย: กุ๊กๆ IP: 58.8.13.90 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:28:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog