พิษเสน่หา 27 ๒๗ ดวงแก้วแห่งรัตติกาล เสียงเห่าคำรามของอารักษ์สี่ขาที่อยู่เบื้องนอก ปลุกแสงอรุณที่อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นให้ฝืนเปลือกตาขึ้น ด้วยเสียงนั้นดังอยู่ไม่ไกลจากตึกที่ชายหนุ่มพำนักอยู่เท่าไรนัก ร่างผอมบางขยับลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า และปลุกให้อีกคนที่นอนร่วมเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา จะไปไหนหรือคะ ท่านพี่ เสียงหวานเอ่ยอย่างงัวเงีย พลางผงกศีรษะขึ้นมองเจ้าของมือที่ลูบเรือนผมคนถามไปมาแผ่วเบา ไม่ได้ไปไหนหรอก นอนเสียเถอะรังสิมา ฝ่ามือผอมที่ลูบศีรษะเป็นเชิงกล่อม ทำให้รังสิมานึกถึงสมัยเด็ก แสงอรุณก็เคยกล่อมให้เธอนอนแบบนี้บ่อยครั้งยามที่เธอขอมานอนค้างกับพี่ชาย ซึ่งหากสิริกัญญามีปลายมาศที่เรียกว่าเป็นพี่ชายได้อย่างเต็มปาก ฝ่ายเธอก็มีแสงอรุณที่เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของเธอเช่นกัน และวันนี้รังสิมาก็มานอนเฝ้าไข้พี่ชายที่มีอาการทรุดหนักลงทุกวัน จนหญิงสาวกลัวว่าอีกฝ่ายจะทิ้งเธอให้อยู่ตามลำพังในคฤหาสน์ที่อ้างว้างแห่งนี้ ท่านพี่อย่าจากข้าไปไหนนะคะ อยู่กับข้านาน ๆ อย่าทิ้งข้าไป แสงอรุณมองน้องสาวคนละแม่ที่เอ่ยพึมพำแผ่วเบา แล้วหลับลงไปอีกคราด้วยสายตาอ่อนโยนปนสงสาร ด้วยฐานะของรังสิมาที่ถูกวางไว้ตั้งแต่เด็ก รวมถึงคำสอนต่าง ๆ นานาทำให้เธอต้องวางตัวเองให้สมฐานะพระชายา ที่ไม่รู้ว่าจะถูกเลือกให้อภิเษกกับเจ้าชายพระองค์ใด มันทำให้เหล่าพี่น้องพากันหมั่นไส้ และล้อเลียนเธอว่าเป็นพระชายาที่ถูกลืม และมีหลายครั้งทีเดียวที่น้องสาวของเขาคนนี้ต้องแอบไปร้องไห้คนเดียว จนในวันหนึ่งแสงอรุณไปพบรังสิมาแอบร้องไห้จากการถูกพี่น้องล้อเลียนเข้า ชายหนุ่มจึงบอกให้เธอหยุดร้องไห้ และสั่งให้เธอเชิดหน้ารับคำนั้นไป เพราะอย่างไรเสีย เธอก็ถูกกำหนดให้เป็นเจ้าหญิงพระชายา แม้ว่าตลอดชั่วชีวิตของเธอจะไม่ได้อภิเษกกับเจ้าชายพระองค์ใดเลยก็ตาม ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา หญิงสาวก็เชิดหน้ารับคำล้อเลียนอย่างไม่สะทกสะท้าน อีกทั้งยังหาวิธีโต้กลับคืนจนไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธออีก และเรื่องราวของน้องสาวคนนี้ ก็ทำให้แสงอรุณนึกไปถึงน้องสาวอีกคน ที่ไม่เคยแม้แต่พบปะพูดคุย ชายหนุ่มรู้สึกว่าฝ่ายนั้นทั้งน่าสมเพชและน่าสงสาร ด้วยถูกปิดตาปิดปาก พันธนาการร่างกายไม่ให้ทำอะไรได้ ซึ่งเขาก็เคยคิดว่าวิธีการของท่านจินดาออกจะใจร้ายเกินไปหน่อย หากให้สิริกัญญารู้จักตอบโต้เหล่าพี่น้องที่ชอบกลั่นแกล้งไปเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง คนเหล่านั้นก็คงจะรามือไปอย่างที่ทำกับรังสิมา และมันก็เป็นความโชคดีของน้องสาวสีน้ำเงิน ที่พอต่างคนต่างเติบโตขึ้น นิสัยที่เคยทำสมัยเด็กก็ลดน้อยลง แต่ก็มีบางคนที่ยังคงกระทำตามนิสัยเดิมอยู่ มันเป็นเพราะข้อตกลงที่ท่านจินดาให้ไว้กับแสงสุรีย์ทีเดียว ที่ทำให้ท่านจำต้องดูลูกสาวถูกกลั่นแกล้งอย่างทุกข์ทรมาน บางทีแสงอรุณยังเคยคิดว่านี่คงเป็นการแก้แค้นของผู้หญิงสีแดงคนนั้น ที่ต้องการทรมานท่านซึ่งเป็นที่ชิงชังของตนเอง ซึ่งคนที่น่าสมเพชที่สุดคงเป็นตัวท่านจินดา ที่ผูกมัดตัวเองไว้กับความทรมาน หากท่านเข้มแข็งกว่านี้อีกสักนิด เรื่องทุกอย่างก็คงไม่ดำเนินไปเช่นนี้ แสงอรุณมองน้องสาวที่หลับสนิทอีกครั้ง ก่อนลุกขึ้นจากเตียงโดยคว้าผ้าผืนบางมาคลุมไหล่ แล้วเดินออกไปดูอารักษ์สี่ขาเบื้องนอกว่ามันกำลังเห่าอะไร แต่พอเดินพ้นจากประตูห้องไปไม่ทันไร ก็ถูกตะครุบปิดปากจากด้านหลัง โดยแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มไม่ได้ดิ้นขัดขืน เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรง และกำลังพอที่จะต่อต้านอีกฝ่ายที่ดูท่าจะแข็งแรงกว่ากันมาก อีกทั้งคนลึกลับยังฝ่าด่านอารักษ์สี่ขา ที่ขึ้นชื่อด้านการจับขโมยเข้ามาได้ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่มีฝีมือมากทีเดียว ขอโทษ... เสียงทุ้มดุดังขึ้นจากผู้บุกรุกที่อยู่เบื้องหลัง พร้อมกับคลายแรงกดที่ปิดปากแสงอรุณไว้ลง ข้าไม่ต้องการทำร้ายใคร แต่ขออยู่เงียบ ๆ ในนี้สักพักได้ไหม คำสุดท้ายนั้นเป็นคำเชิงขออนุญาตจากเจ้าของตึกที่ตัวเองพลัดหลงเข้ามาอยู่ในที เจ้าหลวงวิวัสวัตเฝ้ารอท่าทีตอบสนอง จากร่างผอมบางในอ้อมพระพาหาด้วยความกังวล เพราะหากอีกฝ่ายมีท่าทีต่อต้าน พระองค์ก็จำต้องทรงใช้วิธีรุนแรงเข้าจัดการ แต่เมื่อเจ้าตัวพยักหน้าตอบรับอย่างเชื่องช้า พระองค์จึงคลายฝ่าพระหัตถ์ที่ปิดปาก และพระพาหาที่กอดรัดลง แสงอรุณหันไปมองผู้บุกรุกอย่างเชื่องช้า และแสงจันทร์จากภายนอกที่สาดส่องเข้ามา ก็ทำให้ชายหนุ่มได้เห็นสีตาของอีกฝ่ายถนัดชัด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที เมื่อคนที่ไม่สมควรอยู่ที่นี่มายืนอยู่ตรงหน้าเขา มือผอมบางกระตุกผ้าคลุมของผู้บุกรุกอย่างไม่เกรงใจ และได้เห็นดวงพักตร์ที่มีอาการตกพระทัยเล็กน้อยกับการกระทำที่ไม่บอกกล่าว ไม่น่าเชื่อ... ชายหนุ่มครางอือในลำคอแผ่วเบา เมื่อได้เห็นดวงพักตร์ที่คุ้นเคยเต็มตา เจ้าหลวงแห่งกูราเสด็จมาเยือนคฤหาสน์พรหมเทวากลางดึก ไม่ทราบว่ามีพระธุรอะไรหรือพระเจ้าค่ะ เจ้าหลวงวิวัสวัตแปลกพระทัยเล็กน้อยที่ชายหนุ่มตรงหน้ารู้จักพระองค์ ทั้งที่มีน้อยคนนักที่เคยพบพระพักตร์เจ้าหลวงแห่งกูรา ยิ่งแค่การได้เห็นสีพระเนตรก็เดาถึงฐานะของพระองค์ได้ ก็เป็นคนที่ไม่สมควรมองข้ามเลยทีเดียว แต่เจ้าหลวงก็เก็บความแปลกพระทัยนั้นไว้ พลางตรัสตอบคำถามไปตามตรง ข้ามาพบท่านจินดา ความลับไม่เคยมีในโลก เป็นสุภาษิตที่แสงอรุณเคยประจักษ์อยู่บ่อยครั้ง อันเนื่องมาจากงานที่เกี่ยวข้องกับเขา สิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นความลับ ชายหนุ่มก็สามารถขุดคุ้ยจนได้มันมา แล้วเขาก็รู้ว่าความลับแต่ละอย่างที่ท่านจินดาปกปิดไว้ สักวันจะต้องถูกใครบางคนขุดขึ้นมาเปิดเผยเช่นกัน เขาเคยบอกบิดาให้เตรียมทำใจไว้ ซึ่งท่านก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางซึมเศร้าว่าหากเป็นสิ่งที่ถูกลิขิต ท่านก็ยินยอมรับลิขิตนั้น ...และลิขิตของท่านจินดาก็มาถึงแล้ว การที่พระองค์เสด็จมาที่นี่ แสดงว่าทรงระแคะระคายบางอย่างเกี่ยวกับท่านพ่อ พูดอย่างนี้แสดงว่ามีเรื่องซ่อนเร้นสินะ แสงอรุณถอนหายใจแผ่วเบากับเรื่องซ่อนเร้นที่เจ้าหลวงแห่งกูราตรัสถาม ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังรู้ประวัติความเป็นมาของบิดาไม่หมด ทรงไปพบกับท่านพ่อเพื่อสอบถามสิ่งที่พระองค์สงสัยเถอะพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะนำทางไปเอง เสียงเคาะประตูห้องทำงานของท่านจินดา เรียกสายตาจากเจ้าของห้องให้หันไปมองผู้มาเยือนอย่างแปลกใจ แสงอรุณส่งยิ้มให้บิดาเล็กน้อย ก่อนกวาดสายตามองหาคนสนิทที่มักอยู่กับบิดาเป็นประจำ แต่เมื่อไม่พบก็ทำให้เดาได้ว่าคงถูกไล่ให้กลับไปพักผ่อนแล้ว ยังไม่นอนอีกหรือครับ พ่อกำลังจะเข้านอนแล้วจ้ะ แต่ลูกล่ะมาที่นี่ทำไม มีธุระด่วนอะไรหรือเปล่า ท่านจินดาตอบกลับเสียงละมุน พลางลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานตรงไปหาลูกชาย แต่ท่านต้องหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้มาตามลำพัง ลูกพาคนบางคนมาพบท่านพ่อครับ เจ้าหลวงวิวัสวัตทรงปรากฏองค์ออกมาจากเงามืด พลางทอดพระเนตรมองท่านจินดาที่นิ่งงันไปเช่นเดียวกับพระองค์ที่ได้เห็นดวงหน้าของท่านเต็มสายพระเนตร แม้อีกฝ่ายจะโรยราไปด้วยวัยที่มากขึ้น แต่ก็ยังเหลือเค้าความหนุ่มให้เห็น พระองค์ทรงค้อมคำนับให้ผู้สูงวัยกว่าอย่างไม่ถือยศศักดิ์ พลางตรัสด้วยท่าทางเหมือนกับรู้จักมักคุ้นกับประธานองคมนตรีแห่งปามะห์เป็นอย่างดี ไม่ได้พบกันนาน ท่านจินดา ท่านจินดายังคงเงียบงันด้วยความตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจพยักหน้ารับออกไป แล้วหันไปทางลูกชายที่ส่งสายตาขออภัย ต่อการพาคนที่ท่านไม่อยากพบอย่างไม่โทษโกรธเคือง กลับไปพักผ่อนเถอะ เจ้ายังไม่สบายอยู่นะ แสงอรุณ ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะครับ แสงอรุณค้อมตัวลาบิดา ก่อนหันไปค้อมคำนับให้เจ้าหลวงแห่งกูรา แล้วเดินออกไปโดยปิดประตูห้องให้สนิทดังเดิม หลังจากที่ข้ากลับมาปัญจปุระ ข้าก็ส่งคนตามหาท่านมาตลอด เพราะคิดว่าการหาตัวชายหนุ่มที่มีเรือนผมสีขาวคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่มันกลับกลายเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรไปเสียได้ เจ้าหลวงวิวัสวัตทรงตรัสขึ้น หลังจากบุคคลที่สามก้าวพ้นออกจากห้องไป ท่านคงย้อมสีผม เพื่อปกปิดตนเองสินะ ท่านจินดาคลี่ยิ้มน้อยอย่างยอมรับต่อลิขิตที่มาถึง และสำนึกว่าแม้แต่ตัวท่านก็ไม่สามารถลบเลือนตนเอง เช่นสายเลือดสีน้ำเงินที่ท่านต้องการลบล้าง และมันก็ทำให้ท่านนึกถึงใครบางคนที่กล่าวหาว่าท่านอ่อนแอและขี้ขลาด ไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริงที่ไม่มีวันเลิกติดตามตัวท่าน อีกทั้งปากท่านพูดว่าจะยอมรับความจริงเสียที แต่การกระทำของท่านดันเป็นไปในทางตรงกันข้าม เราไปที่ห้องพักผ่อนกันเถอะ เรื่องทุกอย่างมันยืดยาวมาก จนข้าต้องนั่งลำดับความว่าควรเริ่มกันที่ตรงไหน องคมนตรีเฒ่าพูดพลางเดินนำไปยังประตูอีกบาน ที่เชื่อมต่อไปยังอีกห้องหนึ่ง ซึ่งท่านใช้เป็นห้องสำหรับพักผ่อนหลังจากทำงานมาเหนื่อย ในห้องนั้นมีหนังสือจัดเรียงอยู่บนตู้ทรงสูงมากมาย จนดูเหมือนกับเป็นห้องสมุดที่ถูกย่อขนาดลงมา ท่านจินดาผายมือไปยังโซฟาชุดสีขาว พลางเดินตรงไปยังโต๊ทรงยาวที่วางโถชาหลากชนิด ก่อนชงชาเพื่อรับรองแขกด้วยท่าทางเคยชิน ราวกับว่ามีแขกมาหาท่านกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง ครั้นพอจัดการกับชารับแขกเสร็จ ท่านก็ตรงไปสมทบกับเจ้าหลวงวิวัสวัตที่ประทับนั่งรออยู่ก่อนหน้าทันที ขอตอบคำถามเมื่อครู่ก่อนนะ ท่านจินดาพูดพลางรินน้ำชาใส่ถ้วยชา ก่อนยื่นส่งให้เจ้าหลวงที่รับมาอย่างไม่เกรงพระทัย ในตอนนั้นข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในอาการครึ่งเป็นครึ่งตาย แต่ก็ได้ปัฐวิกรณ์ช่วยยื้อยุดฉุดชีวิตข้าให้อยู่ต่อในโลกใบนี้ มีคนบอกว่าเห็นท่านเข้าไปหาพี่ฑิคัมพรในปราสาทเทพบันเทิง ดวงตาสีฟ้าครามสบตอบดวงเนตรสีน้ำเงิน ที่ฉายแววเศร้ายามเอ่ยถึงพระเชษฐา ที่ไม่มีใครรู้ว่าสิ้นพระชนม์อย่างไร ใช่...ในตอนนั้นข้าตามหาฑิคัมพรอย่างกับคนบ้า พยายามเรียกหาเขาเพื่อให้เขาตอบกลับมา แล้วข้าก็พบเขายืนตายอยู่ตรงหน้าทางลับที่ส่งพวกเจ้าหนีออกมา เขาตายอย่างองอาจสมกับเป็นเชื้อสายเทพ จงอย่ากังวลเลยว่าเหล่าเชษฐาของเจ้าจะตายอย่างไร้เกียรติ แล้วพระศพ... เจ้าหลวงวิวัสวัตตรัสถามเสียงแผ่ว เพราะนอกจากศพของพวกกองทัพกบฎ ก็ไม่มีใครพบพระศพของเชื้อพระวงศ์สักพระองค์ ซึ่งมันทำให้บางคนคิดอย่างมีความหวัง ว่าเจ้าหลวงยังไม่สิ้นพระชนม์ตามข่าวที่ลือออกมา ถูกฝังอยู่ในอารามที่เจ้าไปเยี่ยมเจ้าปาเยนทร์นั่นแหละ ข้าคิดว่าเมื่อถึงเวลาจะบอกให้รู้ถึงที่ฝังศพ เพื่อพาทุกคนกลับไปนอนอย่างเป็นสุขที่บ้านเกิดของตัวเอง ท่านจินดาตอบพลางยิ้มนุ่มละมุน ยามนึกถึงอดีตเจ้าหลวงฑิคัมพรที่ท่านให้พบหน้าเฉพาะเวลาที่มีพิธีการสำคัญ ซึ่งแต่ละครั้งที่ท่านได้พบกับคนผู้นั้น ก็มักจะเห็นเขายิ้มแย้มสดใสเหมือนท้องฟ้ายามกลางวันจนท่านยังเคยนึกอิจฉา แล้วเรื่องของเหล่าภคินีที่ซ่อนองค์อยู่ในอาราม เรื่องของสิริกัญญาที่ท่านปกปิดไว้ในนี้ล่ะ ท่านคิดจะปิดข้าเหมือนเรื่องที่ฝังพระศพของเหล่าเชษฐาไปจนกว่าจะถึงเวลาด้วยอย่างนั้นหรือ รอยยิ้มนุ่มละมุนของท่านจินดาเลือนหายไป เมื่อเจ้าหลวงวิวัสวัตทรงตรัสถึงลูกสาวสีน้ำเงินที่ท่านพยายามปกปิดให้พ้นจากสายตาผู้หวังผลประโยชน์ในตัวเธอ ท่านมองดวงพักตร์เจ้าหลวงด้วยท่าทางนิ่งสงบ ข้าไม่คิดว่าเจ้าปาเยนทร์จะเป็นคนบอกเรื่องนี้ ส่วนเจ้าชายชัยนเรนทร์นั้นเป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ก็ไม่น่าบอกเรื่องลูกสาวของข้าให้เจ้ารู้เช่นกัน เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าข้าพบนางได้อย่างไร แต่นางเป็นลูกสาวของพี่สร้อยแสงจันทร์ใช่ไหม ทั้งที่เจ้าหลวงทรงมั่นพระทัยว่าสิริกัญญาเป็นลูกสาวของใคร แต่ก็ยังต้องการคำยืนยันจากปากขององคมนตรีเฒ่าที่นิ่งเงียบไปโดยไม่ตอบอะไร ท่านจิรัฐจินดา... ท่านจินดาระบายลมหายใจออกอย่างเชื่องช้า ก่อนยิ้มด้วยท่าทางเศร้า ข้าทิ้งชื่อนั้นไปนับตั้งแต่เดินจากกูรามา เพื่อเห็นแก่ข้าหรือฑิคัมพรที่ปลดปล่อยข้า ได้โปรดเรียกข้าว่าจินดา มันเป็นสิ่งที่เจ้าหลวงทรงคาดเดาไว้ตั้งแต่แรก แม้ท่านจินดาจะไม่เอ่ยยอมรับออกมาตามตรงว่าตัวเองเคยเป็นใครมาจากไหน แต่คำตอบนั้นก็บอกอะไรพระองค์ได้มากมาย พี่ฑิคัมพรไม่น่าทำผิดกฎ วิวัสวัต... ท่านจินดาเอ่ยเรียกพระนามของเจ้าหลวง ราวกับผู้ที่มียศฐานันดรเท่าเทียมกัน แล้วกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบดุจผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก ธรรมเนียมราชประเพณีถูกตราขึ้นเพื่อสร้างกฎระเบียบไม่ให้ออกนอกกรอบ ส่วนผู้ตรากฎนั้นก็คือผู้มีอำนาจสูงสุด ในขณะนั้นฑิคัมพรคือเจ้าแผ่นดิน เขารู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ การที่เขาปล่อยข้าให้เป็นอิสระ ก็เพราะต้องการสร้างยุคสมัยใหม่ กฎโบราณบางข้อไม่อาจนำมาใช้ในยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนไปได้ ฉันใดฉันนั้น เทพเจ้าก็ถึงคราวต้องกลับคืนสู่พิภพสวรรค์ ผู้สร้างประวัติศาสตร์อาจเป็นเทพเจ้า แต่ผู้สร้างปัจจุบันคือตัวเรานะ ในวันที่ท่านจินดาถือกำเนิด และได้รับดวงตาอันเป็นสีดั้งเดิมของชาวกูรา ที่หาไม่ได้อีกเลยในเหล่าเชื้อพระวงศ์ นับตั้งแต่เชื้อสายเทพเหยียบลงมาบนแผ่นดิน ท่านก็ถูกวางไว้ในจุดสูงสุดทันที และตรงที่แห่งนั้นทำให้ท่านมองเห็นการเกิดที่น่ายินดี และความตายที่น่าโศกเศร้า รวมถึงด้านมืดที่อยู่ในใจของมนุษย์ ที่เคยทิ้งพิษให้ท่านคลุ้มคลั่งมานักต่อนัก หากเจ้าอยากรู้จักสิริกัญญาในฐานะน้าหลาน ข้าคงไม่ขัดข้อง แต่หากเจ้าต้องการรู้จักลูกสาวตัวน้อยของข้าด้วยจุดประสงค์อื่น เจ้าก็จะได้รู้ว่าการเป็นศัตรูกับจินดาผู้นี้ต้องพบเจอกับอะไร มันเป็นคำท้าทายที่เจ้าหลวงวิวัสวัตมิหาญกล้าที่จะทรงรับไว้ ด้วยรู้ดีว่าพระพิโรธของเทพเจ้ามักนำพาแต่ความวอดวายมาสู่มนุษย์ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตรัสไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเชษฐา มันขัดกับกฎที่ตราไว้ ท่านจินดาถอนหายใจกับความดื้อดึงที่ตกทอดมาตามสายเลือดอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สีน้ำเงินแต่ละคน ลองได้ตัดสินใจจะทำอะไร ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ยึดไว้ไม่อยู่ รัฐไม่ได้ประกอบด้วยเจ้าหลวงเพียงพระองค์เดียวหรอกนะ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเจ้าหลวงสามารถบันดาลอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา แต่รัฐจะไม่เป็นรัฐ หากขาดแผ่นดิน ประชาชน และศรัทธา ตอนนี้กูรามีครบหมดแล้ว และประชาชนก็ได้เลือกเจ้าชีวิตของตนเองแล้วเช่นกัน คิดหรือว่าถ้าพาสิริกัญญาไป ประชาชนกูราจะยอมรับ ลูกสาวข้าไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขาศรัทธา และทาลางทูรก็สร้างบาดแผลให้กับกูรามามาก เจ้าคิดจะให้แผ่นดินนั้นต้องย้อมไปด้วยเลือดอีกหรือ...ยอมได้งั้นหรือ ...ไม่ ประโยคสุดท้ายของท่านจินดาฟังดูบีบคั้นเจ้านายเหนือแผ่นดินกูรายิ่งนัก พระองค์ต้องเค้นเสียงที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนอยู่นาน กว่าจะตรัสตอบคำถามนั้นได้ หากรักพวกเขาก็อย่าขัดศรัทธาที่ได้รับมา ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นเจ้าหลวงที่ดี เจ้าหลวงวิวัสวัตทรงแย้มโอษฐ์ยอมรับครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งก็คงเป็นมือที่สามที่คงไม่ยอมรับตามคำกล่าวของท่านจินดาเป็นแน่ ทาลางทูรคงไม่ยอมเข้าใจตามที่ท่านพูดหรอก ก็ปล่อยให้เขาไม่เข้าใจต่อไป กิจของกูราก็ส่วนของกูรา ทาลางทูรไม่มีสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง...โสมกลายเป็นคนของทาลางทูร ก็ไม่ใช่กูราอีกต่อไป ท่านจินดาขมวดคิ้วยุ่งกับปัญหาที่มาจากทาลางทูร ความจริงท่านไม่ค่อยเข้าใจความคิดของทางฝ่ายนั้นเสียเท่าไร ด้วยท่านเคยพบกับเจ้าหลวงแห่งทาลางทูรในสมัยที่ยังทรงเป็นเจ้าชายรัชทายาท แม้อีกฝ่ายจะมีความทะเยอทะยานเช่นเดียวกับบิดา แต่ก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายมากจนถึงขนาดออกคำสั่งฆ่าพวกสีน้ำเงิน อย่างที่อดีตเจ้าหลวงฑัญญะทรงเคยกระทำ แล้วตัวท่านล่ะ กำลังทำกิจของฝ่ายใด ตอนนี้ท่านทำตัวเป็นศัตรูกับทุกฝ่ายไปหมด ท่านมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ท่านจินดาหยุดหมุนถ้วยชา เมื่อได้ยินคำถามที่แม้แต่ตัวท่านก็ยังหาคำตอบไม่ได้ สิ่งที่ข้ากำลังทำอยู่นี้ อาจเป็นการทำเพื่อตัวเอง ข้าอยากชดเชยความผิดพลาดบางอย่างที่เคยกระทำในอดีต ท่านพูดพลางเงยหน้าขึ้นสบกับดวงเนตรสีน้ำเงินที่ทอแววไม่เข้าพระทัยตอบกลับมา แต่ขอให้รู้ไว้เถอะ วิวัสวัต...ตัวข้านั้นไม่เคยคิดทรยศต่อกูรา ...แม้ว่าอีกใจหนึ่งของท่านจะเคยเกลียดกูรา จนอยากทำลายแผ่นดินนั้นให้วอดวายไปเลยก็ตาม จนถึงตอนนี้ เจ้าหลวงวิวัสวัตก็ยังทรงนึกถึงคำตรัสของเชษฐภคินีที่กล่าวถึงเจ้าแห่งน่านฟ้ามืด พระพี่นางบอกว่าเขาเป็นคนที่น่าสงสาร โดนกักขังอยู่ในวังวนที่ไร้ทางออกของสิ่งที่เรียกว่ากฎประเพณี และพระองค์ก็ทรงคิดอย่างเดียวกัน ข้าคิดว่าการที่พี่ฑิคัมพรฝืนกฎประเพณี ไม่ใช่เพราะต้องการสร้างยุคสมัยใหม่ เจ้าหลวงทรงเว้นจังหวะการพูดไว้ จนกระทั่งท่านจินดาเงยหน้าขึ้นมอง จึงทรงพูดต่อด้วยสุรเสียงช้าชัด แต่เป็นเพราะท่านพี่ต้องการช่วยเหลือท่านมากกว่า พี่คงรักท่านมากจนถึงกับยอมฝืนกฎของราชวงศ์ ม่านน้ำเอ่อขึ้นบดบังดวงตาสีฟ้าครามที่มีแต่แววโศกเสมอมา เจ้าแห่งภาคกลางวันบอกเหตุผลที่ปลดปล่อยท่านมาแค่ว่า เพราะเทพเจ้าไม่มีความจำเป็นต่อยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป ซึ่งมันเป็นคำตอบที่ทำให้ท่านดีใจและผิดหวังในคราวเดียวกัน แล้วประธานองคมนตรีแห่งปามะห์ก็ห่อไหล่ลู่ลงด้วยความสะทกสะท้านใจ และคิดคำนึงถึงสิ่งที่ท่านอยากได้ยินจากโอษฐ์ของผู้ที่ไม่มีวันหวนคืนกลับ ความจริงไม่ได้น่ากลัวอะไร หากกล้าที่จะเผชิญกับมัน ข้ามีคำตอบสำหรับตนเองแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป เหลือแต่ตัวท่านที่ต้องค้นหาคำตอบที่แท้จริงสำหรับตัวเอง เจ้าหลวงทอดพระเนตรชายชราตรงหน้าที่ถูกความเศร้ารุมเร้ามานาน จนจิตใจเต็มไปด้วยบาดแผล ท่านเองก็เป็นที่รักของคนมากมาย และท่านก็คงรักพวกเขาด้วย อย่าทำอะไรให้พวกเขาเสียใจแล้วกัน มีเรื่องมากมายที่เจ้าหลวงวิวัสวัตอยากสอบถามให้กระจ่าง แต่เมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นท่าทางของท่านจินดา ก็ทรงไม่มีพระทัยอยากตรัสถามอะไรอีก พระองค์ทรงลุกขึ้น พลางค้อมคารวะให้กับอดีตเทพเจ้าของกูรา ซึ่งเคยถูกธรรมเนียมราชเพณีของเหล่าสีน้ำเงินทำร้ายจนกลายเป็นบาดแผลฝังลึก ข้าจะน้อมรับคำแนะนำของท่านไปพิจารณา แต่กระนั้นข้าก็ยังมีเรื่องอยากจะขอร้องท่านอีกอย่าง ในฐานะเจ้าแห่งภาคกลางวัน ท่านจิรัฐจินดา ชื่อที่ท่านจินดาหลีกหนีตลอดมา ถูกเอ่ยอย่างหนักแน่นจากเจ้าหลวงหนุ่มที่ใช้วาจากรีดซ้ำที่แผลเก่า ท่านเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า แล้วเบิกตากว้างเมื่อวรองค์สูงคุกพระชงฆ์ลงข้างหนึ่ง และทอดพระเนตรมายังท่านด้วยสายพระเนตรแน่วนิ่ง โปรดอวยพรกษัตริย์ของท่านด้วย นำเราไปสู่ทางออกที่ไม่ต้องเสียเลือดและเนื้อ เพื่อกูรา...เป็นครั้งสุดท้าย ก้อนแข็งบางอย่างจุกตันอยู่ที่ลำคอจนท่านจินดาพูดอะไรไม่ออก แล้วเงาของเจ้าหลวงฑิคัมพรที่เคยคุกพระชงฆ์ลงต่อหน้าท่าน เพื่อขอพรครั้งสุดท้ายก่อนที่เทพเจ้าจะจากแผ่นดินไปก็ซ้อนทับลงมา ครั้งนั้นเจ้าหลวงก็ขอให้แผ่นดินกูรามีแต่ความสงบร่มเย็น ซึ่งพรที่ท่านประทานให้กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม ริมฝีปากข้ามีแต่คำสาปที่จะทำร้ายแผ่นดินเจ้า ท่านจินดาหลุดเสียงพึมพำออกไป แต่ดวงเนตรของเจ้าหลวงวิวัสวัตยังมั่นคงดุจเดิม คำอวยพรจากเทพเจ้าคือกำลังใจให้เรายึดเหนี่ยว และก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง ท่านจินดายกมือขึ้นปิดหน้า แล้วหลุดเสียงสะอื้นไห้ออกมา ขอโทษ... ท่านพูดได้แค่นั้นก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางโงนเงน ก่อนเดินตรงไปยังเจ้าหลวงวิวัสวัตที่ก้มพระเศียรรอรับพร เสียงพึมพำคล้ายบทสวดดังขึ้นแผ่วเบาและรัวเร็ว พร้อมกับมือผอมบางที่แตะลงบนพระอังสาทั้งสองข้าง มันเป็นภาษาโบราณที่มีแต่เหล่านักบวชเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้และมีสิทธิ์แปลความ ซึ่งท่านจินดาก็แปลตบท้ายให้ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนจับใจความแทบไม่ได้ คงมีแต่ประโยคสุดท้ายเพียงประโยคเดียว ตอนที่ท่านประทานจูบลงบนพระนลาฎเท่านั้นที่ทรงได้ยิน จงเป็นแสงนำทางแก่ทวยราษฎร์ เปรียบดังนามของพระองค์ ขออวยพร... เสียงร้องโวยวายเบื้องนอก และพระทวารที่ถูกเปิดเข้ามาเต็มแรง ไม่ได้ทำให้เจ้าของห้องรู้สึกตกพระทัยแต่อย่างใด นอกจากถอนปัสสาสะด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนปรายพระเนตรไปยังพระพาหาข้างขวาที่ถูกห้อยรั้งไว้กับพระศอของเจ้าชายชัยนเรนทร์ ที่เสด็จเข้ามาอย่างพายุ แต่พายุนั้นก็หยุดชะงักลง เมื่อท่านจินดาโผล่ออกมาจากอีกด้านของฉากกั้นที่ใช้เป็นที่พักผ่อนยามเหนื่อยล้าจากการทำงาน ดูสิ เจ้าทำให้จินดาตื่นเลย ตาแก่นี่ยิ่งนอนไม่พอ เพราะเมื่อคืนโดนไอ้โม่งที่ไหนไม่รู้บุกบ้านอยู่ด้วย เจ้าหลวงตรัสต่อว่ามาเป็นชุด และเลิกพระขนงขึ้น เมื่อโอรสองค์โปรดไม่ได้โต้ตอบกลับมาตามปกติวิสัย เฮ้ย! โดนรอยยิ้มของจินดาสาปไปแล้วหรือไง ท่านเป็นใครกัน ท่านจินดา ช่วงนี้มักมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าชายชัยนเรนทร์ตรัสไม่ออกอยู่บ่อยครั้ง เช่นคราครั้งนี้ที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นว่าท่านจินดายังแย้มยิ้มได้อย่างปกติ ทั้งที่เมื่อคืนที่ผ่านมายังหันดาบใส่พระองค์โดยไม่แผ่จิตสังหาร อีกทั้งยังไม่ออมแรงให้ด้วย และที่สำคัญ คนที่บุกเข้าไปในคฤหาสน์พรหมเทวาด้วยกัน ก็ไม่ได้บอกอะไรให้รู้เลยสักอย่าง พระองค์จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้พบหรือไม่ได้พบท่านจินดากันแน่ ทรงถามตรงเสียจนกระหม่อมตั้งตัวไม่ทัน ท่านจินดาตอบพลางยิ้มละมุนละไม โดยไม่มีอาการหวั่นไหวที่ถูกจับความลับบางอย่างได้แสดงให้เห็น จินดาก็เป็นจินดา เจ้าหลวงตรัสแทนพระสหายที่มีอาการนิ่งสงบลงมาก หลังจากที่มีอาการจิตตกจนพาลหาเรื่องพระองค์อยู่นานหลายวัน พ่อ... เจ้าชายชัยนเรนทร์ตรัสเสียงลากยาว พลางยกพระพาหาที่ถูกห้อยต่องแต่งเป็นตัวประกอบ แผลนี่ไม่ได้เกิดจากตาแก่ใจดีแสนซื่อแน่ ข้าไม่ใช่พวกชอบคิดนะถึงได้มาถามตรง ๆ และข้าก็ไม่คิดว่าท่านจินดาจะเป็นศัตรูกับพ่อด้วย เจ้าหลวงทรงส่งเสียงสรวลอย่างถูกพระทัยกับคำตรัสของโอรส ก่อนหลิ่วเนตรไปทางองคมนตรีเฒ่า ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้าชาย พูดได้ถูกใจ งั้นพ่อจะตอบคำถามให้เป็นรางวัล ทรงตรัสพลาง กลั้นเสียงสรวลไปพลาง เมื่อนึกถึงดวงพักตร์ของโอรสยามรู้ตัวตนที่แท้จริงของท่านจินดา ทำความรู้จักไว้ให้ดีเถอะ นี่น่ะคืออดีตหัวหน้าหน่วยพิฆาต เจ้าชายชัยนเรนทร์เบิกเนตรกว้างกับคำตอบที่ได้รับ เสียงเล่าลือของอดีตหัวหน้าหน่วยพิฆาตผู้นี้ ขึ้นชื่อด้านการทำงานที่รวดเร็วและดุดัน อีกทั้งยังไม่มีความปราณีให้ศัตรู จนไม่ว่าอย่างไรทรงนึกภาพไม่ออก ว่าคนที่แย้มยิ้มใจดีอย่างท่านจินดา จะทำอะไรที่ตรงกันข้ามกับตัวเองได้ ล้อเล่นหรือเปล่าพ่อ...ท่านจินดานี่นะเป็นอดีตหัวหน้าหน่วยพิฆาต! จะล้อเล่นให้เปลืองน้ำลายทำไม เห็นอย่างนี้ก็เถอะ อย่าประมาทเชียวนะ จินดามันเคยฟันพ่อทั้งที่ยิ้มหวาน ๆ แบบนั้นนั่นแหละ แถมเมื่อก่อนมันยังเคยได้ฉายาจอมพิฆาตเจ้าน้ำตา เรื่องมันเป็นอดีตไปหมดแล้ว ท่านจินดาเอ่ยเสียงเบา ซึ่งคำพูดของท่านก็เป็นสิ่งยืนยัน ว่าเรื่องที่เจ้าหลวงตรัสออกมาเป็นความจริง แล้วท่านก็หันไปทางเจ้าชายด้วยท่าทางเนิบนาบ กระหม่อมต้องขอประทานอภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วย เพราะทรงปิดพักตร์เลยทำให้ไม่รู้ว่าเป็นพระองค์ เจ้าหลวงทรงทิ้งเสียงหึลงพระศอ กับคำเสแสร้งแกล้งสำนึกของอดีตหัวหน้าหน่วยพิฆาต ซึ่งฝ่ายเจ้าชายชัยนเรนทร์ก็ทำพระทัยเชื่อยาก ว่าต่อให้ไม่เอาผ้าปิดดวงพักตร์ องคมนตรีเฒ่าหน้าซื่อจะไม่หันดาบใส่พระองค์ แต่...กระหม่อมจำต้องทำตามหน้าที่ เพราะกฎของบ้านพรหมเทวาไม่ได้มีไว้ให้แหก ใบหน้าเปื้อนยิ้มกับวาจาที่ให้ความรู้สึกตรงกันข้ามกับรอยยิ้ม ทำให้เจ้าชายชัยนเรนทร์ทรงรู้แล้ว ว่านิสัยของปลายมาศกับสิริกัญญาถอดแบบมาจากใคร ที่แท้นิสัยโหดเงียบของสองพี่น้องคู่นั้นก็มาจากท่านจินดานั่นเอง เจ้าหลวงทรงพระสรวลกับท่าทางของโอรส ที่โดนฤทธิ์ของตาแก่คนซื่อเล่นงานไปเต็มเปา ภาวนาให้ปลายมาศรีบกลับมารับหน้าที่นี้คืนเถอะ รายนั้นใจดีกว่าตาแก่นี่เยอะ คู่บริมาสกับเจ้าหลวงวิวัสวัตนี่หวานเป็นระยะค่ะ ห้ามยาก (ชอบแย่งซีนคู่พระนางอยู่เรื่อย) แต่ว่าอาทิตย์หน้าก็จะได้เห็นฉากสิริกัญญากับราเชนตบจูบกันเสียที ตอนนี้กำลังมึนกับงานนิดหน่อย เอาเป็นว่าขอทิ้งตอนไว้แค่นี้นะคะ พบกันอาทิตย์หน้าค่ะ (ถ้าไม่โดนงานฆ่าตายเสียก่อน เฮ้อ...) รอคู่เจ้าปาเยนทร์กะสิริกัญญาอยู่ค่ะ
โดย: pumpam IP: 58.8.78.112 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:19:10 น.
|
Group Blog All Blog
Friends Blog |
|
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
รอคู่ราเชน กับ สิรี อยู่จ๊ะ แล้วอาทิตย์หน้าเจอกัน
นะจ๊ะ