พิษเสน่หา 18
๑๘ สองพระพี่เลี้ยง (๑)

“อะไรกันเนี่ย!...” เสียงหวานใสของเทพธิดาจันทราบ่นครวญครางมาตลอดทาง นับตั้งแต่เดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร หรือบางทีคงเป็นตั้งแต่ได้ดูรายการวิชาเรียนที่เจ้าหลวงทรงให้มหาดเล็กนำมาให้

“...ว่าด้วยเจ้าผู้ปกครองรัฐเอย เศรษฐศาสตร์เอย แล้วอะไรอีกเนี่ย ลีลาศ การจัดดอกไม้ มารยาทบนโต๊ะน้ำอาหาร อ๊า...ข้าไม่ใช่เจ้าหญิงนะ ทำไมต้องมาเรียนวิชาพวกนี้ด้วย”

สิริกัญญาหัวเราะคิกกับเสียงโอดครวญของเพื่อนที่ทำท่าจะเป็นจะตายกับการเรียนนอกหลักสูตรเสียให้ได้ แต่สำหรับเธอแล้วดูเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากกว่า เธอเคยนึกบ่นครวญกับตัวเองบ่อยครั้งว่าทำไมถึงไม่ได้เรียนในระดับที่สูงขึ้น เรียนเพื่อเข้าไปรับราชการในวัง เป็นขุนนางหญิงคนแรกที่มีความสามารถไม่แพ้พวกขุนนางผู้ชาย

“อ๊ะ! มีไปเรียนนอกสถานที่ที่คฤหาสน์ปาเยนทร์ด้วยล่ะ”

คนที่มัวคิดอะไรเพลิน ชะงักเท้ากึกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะที่แฝงความนัยบางอย่างไว้ และนั่นก็ทำให้สิริกัญญานึกถึงคืนแรกที่บริมาสเค้นถามเธอเรื่องความสัมพันธ์กับเจ้าปาเยนทร์ เขาคนนั้นทำให้เธอวุ่นวายตลอด ขนาดแค่ชื่อยังทำให้ต้องถูกเพื่อนต้อนอย่างกับตัวเองเป็นนักโทษจนยุ่งยากใจมาแล้ว ถ้าเป็นไปได้ เธอก็ไม่อยากไปข้องแวะกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

“ดีจังเลยน้า สิริกัญญา” สุ้มเสียงที่ฟังดูเจ้าเล่ห์ และท่าทางยักคิ้วหลิ่วตาของคุณหนูคนงาม ทำให้คนถูกล้อเลียนคันไม้คันมืออยากจะฟาดอีกฝ่ายสักตุบสองตุบ แต่ติดที่ยังมีบุคคลที่สามที่คอยเหลือบมองมาทางพวกเธออยู่บ่อยครั้ง เธอเลยทำอะไรไม่ได้สะดวกนัก

“ห่วงตัวของเจ้าเองก่อนดีกว่า บริมาส” สิริกัญญาแย้มยิ้มหวาน ซึ่งทำให้คุณหนูพระจันทร์ยิ้มสะดุด เพราะเธอรู้ดีว่ารอยยิ้มชนิดนี้ของเพื่อนอยู่ในข่ายที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไร

“ข้าต้องห่วงอะไร”

สิริกัญญาหัวเราะคิก พลางนึกถึงดวงพักตร์เจ้าเล่ห์ของราชาแห่งปามะห์ขึ้นมา “เจ้าไม่ควรลืมว่าก่อนหน้านี้ตัวเองถูกเจ้าหลวงยัดเยียดตำแหน่งว่าที่พระชายาในเจ้าชายชัยนเรนทร์” พอหญิงสาวพูดประโยคนี้ ดวงหน้าของบริมาสก็ซับสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน

“แล้วดูเหมือนว่าพระองค์จะยังไม่เลิกหวังที่จะให้เจ้าเป็นพระชายาของเจ้าชาย”

“หมายความว่าไง” บริมาสเอ่ยถามเสียงแหบ ทั้งที่เธอพอรู้แล้วว่าเพื่อนต้องการพูดอะไร

“ก็เจ้าหลวงทรงให้พวกเราเรียนวิชาเฉพาะพวกนี้ไง พระองค์คงกะจะทรงเตรียมความพร้อมให้กับเจ้า แต่ให้เรียนคนเดียวก็กระไรอยู่ ข้าเลยโชคร้ายต้องมาเรียนเป็นเพื่อนเจ้าด้วย”

เขาว่าหัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าเสมอ และสิริกัญญาก็ไม่เคยผิดหวังกับสุภาษิตนี้ หญิงสาวหัวเราะคิกกับใบหน้าที่แดงจัดของเพื่อน เธอพอรู้อยู่ว่าคุณหนูคนงามก็ไม่ได้รังเกียจเจ้าชายชัยนเรนทร์เท่าไรนัก นิสัยก็ดูเข้ากันได้ดีทั้งสองฝ่าย แล้วยังหยอกกัดไปมาชวนให้คนมองรู้สึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย

“บ้า!” ในที่สุดบริมาสก็หาเสียงและคำพูดมาโต้ตอบเพื่อนได้ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งไปเพิ่มเสียงหัวเราะให้กับสิริกัญญามากกว่า หญิงสาวเลยวิ่งไล่ตีเพื่อนแก้ขวยแทน

“ถึงตำหนักวิหคสุบรรณแล้วครับ คุณหนูทั้งสอง” มหาดเล็กกระแอมเสียงเบา เพื่อดึงความสนใจจากสองสาวที่หลงลืมไปแล้วว่ามีบุคคลที่สามอยู่ด้วย และนั่นก็ทำให้ดวงตาสองคู่หันมามองเขาอย่างพร้อมเพรียง

“ต่อจากนี้คุณหนูต้องเข้าไปพบกับแม่นมของเจ้าหญิงที่ดูแลตำหนักนี้ทั้งหมด ท่านชื่อคุณผกาแก้ว ท่านจะบอกเรื่องที่คุณหนูทั้งสองควรรู้”

“แล้วท่านไม่เข้าไปพร้อมเราหรือคะ” สิริกัญญาเอ่ยถามอย่างสงสัย และเธอก็ได้เห็นรอยยิ้มบิดเบี้ยวที่มหาดเล็กส่งมาให้

“ข้าเข้าได้เพียงแค่นี้ ขอให้คุณหนูทั้งสองโชคดี” มหาดเล็กโค้งตัวลาทันทีที่พูดจบ แล้วรีบเดินย้อนกลับทางเดิมที่ตัวเองพาสองสาวมาปล่อยไว้หน้าตำหนักอย่างรวดเร็ว

“เจ้าหญิงแสงอัปสรทรงร้ายมากเลยหรือ บริมาส” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นมหาดเล็กรีบเผ่นหายราวกับว่าสถานที่ที่พวกเธอต้องเข้าไปเป็นสถานที่อันตราย

บริมาสกลั้วหัวเราะในลำคอ และไม่แปลกใจกับอาการของมหาดเล็กที่นำพาพวกเธอมาที่นี่ “ก็ไม่ร้ายกาจอะไรมากมายหรอก แค่ซน ดื้อ แล้วก็ขี้แกล้ง จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เลยดูน่าสงสารมากกว่า”

“วิธีการเรียกร้องความสนใจแบบเด็ก ๆ สินะ”

คุณหนูพระจันทร์พยักหน้ารับกับคำกล่าวของเพื่อน “ข้าเลยไม่ปฏิเสธที่จะมาที่นี่ แต่คงต้องดูล่ะว่าใครจะแกล้งใครกันแน่” เธอพูดพลางหัวเราะเสียงเหี้ยมที่ดูแล้วไม่เข้ากับใบหน้างามซึ้งที่กำลังแย้มยิ้มละมุนออกมา

“ข้าว่างานนี้คงสนุกกว่าที่คิดไว้ทีเดียว” สิริกัญญาหัวเราะแผ่วเบา พลางเดินตามเพื่อนเข้าไปตำหนักด้านใน ซึ่งตอนนี้มีนางกำนัลสามคนมารอรับพวกเธอแล้ว

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


เสียงหวีดร้องดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าภายในตำหนักวิหคสุบรรณ อันเป็นที่ประทับของเจ้าหญิงแสงอัปสร ทำให้ผู้ที่เดินผ่านไปมาถอนหายใจเฮือกด้วยความสงสาร ต่อชะตากรรมของสองพระพี่เลี้ยงที่เข้ามาใหม่ พวกเขาพากันเฝ้าคิดไปต่าง ๆ นานาว่าพระพี่เลี้ยงคู่นี้จะทนอยู่ได้นานสักแค่ไหน แต่หากพวกเขาได้เข้าไปเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ก็จะได้รู้ว่าเสียงร้องเหล่านี้ไม่มีเสียงใดเลยที่เป็นของสองพระพี่เลี้ยง

นับตั้งแต่เริ่มแรกที่บริมาสกับสิริกัญญาก้าวเท้าเข้าไปในตำหนักวิหคสุบรรณ สองสาวก็ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ และจากประสบการณ์ที่เคยเป็นเด็กซนมาก่อน เลยพอรู้อยู่บ้างว่าเจ้าหญิงแสงอัปสรคงไม่เป็นเด็กดีรอพระพี่เลี้ยงคนใหม่เฉย ๆ แน่

และสิ่งที่พวกเธอคิดไว้ก็เป็นจริง เมื่อด่านแรกของการต้อนรับสองสาว คือถังน้ำโคลนที่แขวนไว้เหนือประตูทางเข้าห้องโถง คนที่ไหวตัวกับด่านนี้ก่อน คือบริมาสที่เคยใช้วิธีเดียวกันต้อนรับเหล่าท่านชายที่มาเกี้ยวพาราสีถึงที่บ้าน แล้วมันก็ทำให้ท่านชายเหล่านั้นหนีกระเจิดกระเจิงไปอย่างไม่เป็นท่า

แต่การไหวตัวของบริมาสออกจะทำให้เหล่านางกำนัลที่ออกมาต้อนรับ และนำทางพวกเธอไปยังกับดักชั้นแรกต้องหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะคุณหนูคนงามใช้วิธีเตะประตูเข้าไปเต็มแรง ซึ่งนั่นช่วยให้พวกเธอไม่ต้องเปรอะน้ำโคลนที่ทั้งสกปรกและเหม็นฉุน หญิงสาวหันไปยิ้มหวานให้กับลูกสมุนของเจ้าหญิงแสงอัปสรที่พากันสะดุ้งโหยง กับดวงตาสีมรกตที่ทอแววดุ และคมกริบจนแทบจะแล่เนื้อพวกเธอได้

“เอาล่ะ ทีนี้พาพวกข้าไปห้องรับรองของจริง เพื่อพบคุณผกาแก้วได้หรือยัง”

“ต...ตามมาทางนี้ค่ะ”

สิริกัญญาหัวเราะคิกกับท่าทางหวาดผวาเกินเหตุของเหล่านางกำนัล ทั้งที่บริมาสแค่ขู่ออกไปเล่น ๆ เท่านั้น หญิงสาวเข้าไปกุมมือเพื่อน พลางมองนางกำนัลที่จ้ำพรวดนำหน้า แล้วกระซิบถามถึงสิ่งที่สงสัยทันที

“รู้ได้ยังไงว่าประตูนั่นเป็นกับดัก”

บริมาสหัวเราะคิก พลางยิ้มกว้าง “ก็พวกนางให้พวกเราเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้าไปเองน่ะสิ ที่บ้านข้าน่ะ สาวใช้จะเปิดประตูให้แขกเข้าไปในห้อง ไม่มีทางปล่อยให้แขกบริการตัวเองหรอก มันเสียมารยาท และข้าว่าธรรมเนียมนี้ ไม่ว่าที่ไหนก็มีเหมือนกัน”

บทเฉลยของคุณหนูคนงามทำให้สิริกัญญาร้องอ้อ เธอไม่เคยไปเป็นแขกของที่ไหนมาก่อน และไม่เคยต้อนรับแขกด้วย เลยไม่รู้เรื่องธรรมเนียมเท่าไร แต่แค่ด่านแรกของเจ้าหญิงแสงอัปสรก็ทำเอาผู้มาเยือนอยากกลับบ้านแล้ว ด่านต่อไปพวกเธอจะอยู่รอดจนได้พบพระพักตร์ของเจ้าหญิงจอมวายร้ายหรือไม่ ก็ไม่มีใครจะรับรองได้

แต่ที่รู้แน่คือสองพระพี่เลี้ยงไม่มีทางยอมแพ้เกมกลั่นแกล้งของเจ้าหญิงน้อยแน่!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


เหล่านางกำนัลพากันตัวหดลีบ เมื่อโดนสายตาของคุณผกาแก้วจดจ้องราวกับจะตำหนิโทษ หลังจากพาสองพระพี่เลี้ยงมาพบในห้องรับรองที่เธอเฝ้ารออยู่นานสองนาน ดวงตาของแม่นมผู้ชราสังเกตเห็นชายกระโปรงของพระพี่เลี้ยงคนใหม่เปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำโคลน ก็ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ

หญิงสาวสองคนนี้ได้รับการการันตีจากเจ้าหลวง ว่าสามารถรับมือรวมไปถึงดัดนิสัยเจ้าหญิงแสงอัปสรที่ตนเลี้ยงดูมาชนิดริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมได้ กระนั้นแม่นมเฒ่าก็ไม่ไว้ใจ และไม่อยากให้ผู้หญิงสองคนนี้มาล่วงเกินพระองค์หญิงของเธอ

“เชิญนั่งก่อนสิ คุณหนูบริมาส คุณหนูสิริกัญญา”

สองสาวนั่งลงตามคำเชิญของแม่นมเฒ่า พลางมองดูเหล่านางกำนัลที่กระวีกระวาดจัดชุดน้ำชาต้อนรับพระพี่เลี้ยงคนใหม่ เมื่อถูกสายตาคมกริบของแม่นมจับจ้องอีกครั้ง มันทำให้พวกเธอสังเกตเห็นว่านางกำนัลของที่นี่ไม่เต็มใจต้อนรับพวกเธอเท่าไรนัก

“เจ้าหลวงทรงบอกข้าว่าพวกคุณจะมาเป็นพระพี่เลี้ยง และอาจารย์สอนพิเศษให้กับเจ้าหญิง แล้วพระองค์ก็ทรงบอกอีกว่าได้มอบอภิสิทธิ์ทุกอย่างให้คุณหนูทั้งสองจัดการได้เต็มที่ กระนั้นข้าก็อยากจะขอร้องอะไรสักอย่าง”

“ถ้าพวกเราทำได้นะคะ” บริมาสตอบกลับไปเสียงหวาน หญิงสาวได้รับการบอกเล่าเรื่องราวของแม่นมเฒ่าผู้นี้มาจากผู้เป็นบิดามากมาย พลางเหลือบมองดูเพื่อนที่ยังนั่งนิ่งไม่โต้ตอบอะไร ราวกับว่าจะยกบทเด่นนี้ให้เธอรับไป

“พวกคุณทำได้แน่ค่ะ ถ้ามีความเห็นใจต่อเจ้าหญิง”

สิริกัญญากระตุกยิ้มกับคำพูดของแม่นมเฒ่า อีกฝ่ายคิดว่าพวกเธอเลวร้ายมากหรืออย่างไรกันนะ ถึงได้คิดว่าพวกเธอจะทำอะไรรุนแรง มันต้องเป็นฝ่ายเธอต่างหากที่ควรขอความเห็นใจจากคนตำหนักนี้ เพราะตั้งแต่เริ่มแรก คนของที่นี่ก็ต้อนรับพวกเธอด้วยวิธีการที่บ่งบอกว่าไม่อยากเป็นมิตรด้วยเท่าไร แต่แล้วหญิงสาวก็ชะงักความคิดในใจลง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างคลอเคลียอยู่ที่ขา

มือเรียวเผยอชายกระโปรงขึ้น และได้พบกับสัตว์สายพันธุ์หนึ่งที่ไม่ค่อยถูกโรคกับเธอเสียเท่าไร อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ ญาติของสิ่งที่อยู่ใกล้เท้าก็ทำเอาเธอเจ็บตัวจนช้ำไปหลายวัน ดังนั้นเมื่อเห็นมัน ความแค้นที่กักเก็บไว้ก็ถูกระบายออกมาทันที

เสียงกระทืบเท้าดังตึงของคนที่นั่งเงียบอยู่นาน ทำให้คนอื่นหันขวับไปมองด้วยความตกใจ แล้วทั้งห้องก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยียบ และรอยยิ้มหวานจ๋อยที่ชวนให้แต่ละคนพากันกลืนน้ำลายไม่ลง

“ขออภัยที่เสียมารยาทนะคะ” สิริกัญญาขยี้ส้นเท้าไปมา ก่อนผลักไสสิ่งที่อยู่ใต้เท้าให้คนอื่นในห้องได้เห็นว่ามันคือซากงูเขียวที่ถูกบี้จนหัวเละไม่เหลือซาก “บังเอิญว่าข้ากลัวงูน่ะค่ะ พอเห็นมันเลยเผลอเหยียบมันเข้า โชคดีที่เป็นตัวเล็ก หากเป็นตัวใหญ่ ข้าคงทำท่าเสียมารยาทมากกว่านี้”

“กลัวหรือ!?” บริมาสทวนคำพูดของเพื่อนอย่างไม่อยากเชื่อเท่าไร ก็ท่าทางของอีกฝ่ายนั้นตรงกันข้ามกับที่พูดเสียเหลือเกิน

คุณผกาแก้วตวัดสายตาไปยังนางกำนัลที่พากันหลบตาวูบอย่างจับผิด แม่นมเฒ่าอุตส่าห์หาทางช่วยเหลือเจ้าหญิงแสงอัปสร ไม่ให้ถูกสองพระพี่เลี้ยงใช้สิทธิอำนาจที่ได้รับจากเจ้าหลวง ทำอะไรพระองค์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก แต่นางกำนัลเหล่านี้กลับมาทำเสียเรื่องเสียก่อน แล้วอย่างนี้แม่นมเฒ่าจะไปพูดขอความเห็นใจอะไรจากพระพี่เลี้ยงทั้งสองได้

กิตติศัพท์ของบริมาสเกี่ยวกับนิสัยกระโดกกระเดกไม่เหมือนใคร เข้าหูคุณผกาแก้วอยู่บ่อยครั้ง เจ้าตัวคงไม่ยอมใจอ่อนให้กับเจ้าหญิงแสงอัปสร ดีไม่ดีจะโดนแกล้งกลับมาเสียด้วยซ้ำ ส่วนสิริกัญญานั้น แม่นมเฒ่าได้ยินมาว่าเป็นบุตรีของท่านจินดา คนที่เคยแสดงวิธีปราบเด็กดื้อ ที่ไม่เข้ากับรอยยิ้มที่แย้มอยู่เป็นนิจ ทำให้ท่านเดาว่าคงไม่ใจดีกับเจ้าหญิงจอมดื้อด้วยแน่

“เรื่องของข้าน่ะช่างมันเถอะ แต่มีงูแค่ตัวเดียวเองหรือ มันดูน้อยเกินไปหน่อยนะ” สิริกัญญากลั้วหัวเราะในลำคอ และนั่นก็ทำให้บริมาสลองมองดูตามพื้นใกล้ที่นั่งของตัวเองบ้าง แล้วเธอก็ได้เห็นพลพรรคงูเขียวออกมาวิ่งเล่นอยู่ทั่วห้องหลายสิบตัว

แม่นมเฒ่าร้องเสียงหลง แล้วชักเท้าขึ้นบนเก้าอี้ด้วยความขยะแขยง ดวงตาตวัดมองเหล่านางกำนัลที่ร้องวี้ดว้ายด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ดูท่าว่าคนปล่อยงูจะไม่ใช่ลูกสมุนของเจ้าหญิงน้อยเสียแล้ว เพราะแต่ละคนพากันขึ้นที่สูง เพื่อหนีสัตว์ที่ใช้ท้องคลานกันทุกคน

“หนีกันหมดอย่างนี้ ใครจะช่วยจับงูล่ะ” บริมาสชักเท้าขึ้นด้วยความขยะแขยงต่อสัตว์สายพันธุ์นี้เช่นกัน แม้มันจะมีรูปร่างเล็ก แต่ด้วยจำนวนที่เดาว่าคงเฉียดร้อย ทำให้อดนึกทึ่งในความเพียรพยายามของเจ้าหญิงไม่ได้

“ก็ให้เจ้าของตำหนักมาเก็บสิ”

คุณหนูพระจันทร์หันไปมองแม่นมเฒ่าทันที แต่ท่านส่ายหน้าไปมา ด้วยไม่รู้ว่าตอนนี้คนก่อเรื่องไปอยู่ที่ไหนแล้ว “ขออภัยด้วย เจ้าหญิงทรงหนีไปซ่อนองค์ตั้งแต่เช้า ป่านนี้ยังไม่มีใครตามพระองค์พบเลย”

“แต่ไม่ได้ออกนอกตำหนักใช่ไหมคะ” สิริกัญญาหันไปถามแม่นมเฒ่าที่พยักหน้าตอบกลับมา

เจ้าหญิงแสงอัปสรไม่โปรดออกไปนอกตำหนัก และไม่โปรดที่จะพบหน้าใคร ทรงยึดเอาตำหนักวิหคสุบรรณเป็นที่นอน ที่เรียน ที่เล่น แล้วให้นางกำนัลในตำหนักเป็นเพื่อน พากันสุมหัวแกล้งคนภายนอกที่คิดจะรุกรานเข้ามาในอาณาเขตของพระองค์ ซึ่งสิ่งที่ทรงกระทำทั้งหมดนี้ เริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เจ้าหญิงสูญเสียพระมารดาไป

“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ไม่ไกลหรอก แต่คุณผกาแก้วช่วยเรียกทหารมาจัดการงูพวกนี้หน่อยได้ไหมคะ จำนวนมากแบบนี้พวกเราคงจัดการเองไม่ไหว”

คุณผกาแก้วพยักหน้ารับอย่างยินดี ท่านไม่อยากแตะต้องสัตว์เลื้อยคลานชนิดนี้มากนัก แค่เห็นศีรษะของมันส่ายร่อนไปมาในอากาศก็ขนลุกจะแย่ แม่นมเฒ่าตะโกนเรียกทหารยามรักษาตำหนักที่มีอยู่ห้าคน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยพอ ๆ กับตำหนักอรินทรา ด้วยสาเหตุมาจากที่เจ้าหญิงไม่โปรดคนมาก ที่ตำหนักวิหคสุบรรณจึงมีสมาชิกที่สามารถนับนิ้วได้เลย

ครั้นพอทหารประจำตำหนักวิ่งเข้ามาในห้องรับรองด้วยท่าทางแตกตื่น และตะลึงกับกองทัพงูเขียวที่พอเดาได้ว่ามาจากใคร พวกเขาก็เริ่มจัดการกับอสรพิษน้อยทันที ส่วนสิริกัญญาก็ก้าวลงจากเก้าอี้ โดยหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับเจ้าตัวเล็กบนพื้น แล้วตรงดิ่งออกไปนอกห้อง เพื่อตามหาคนก่อเรื่องทันที

ดวงตาสีน้ำเงินกวาดมองไปโดยรอบ และได้เห็นชายกระโปรงของใครบางคนลับหายไปตรงมุมทางเดินที่ออกไปสู่สวนด้านข้าง ซึ่งหญิงสาวก็ลดฝีเท้าลง พลางเดินตามไปอย่างใจเย็น

“จะไปไหนน่ะสิรี” บริมาสวิ่งตามหลังเพื่อนมา พลางเอ่ยถามออกไปด้วยท่าทางเป็นห่วง สีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เธอเป็นกังวลว่าเจ้าตัวจะสั่งสอนเจ้าหญิงรุนแรงเกินไป

“ข้าไม่ชอบคนขี้แกล้ง” สิริกัญญาเอ่ยออกมาแผ่วเบา การกระทำของเจ้าหญิงแสงอัปสรทำให้เธอนึกถึงเรื่องสมัยเด็กขึ้นมา

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่น้องของหญิงสาวเอางูมาปล่อยในบ้าน มันเป็นงูเขียวหางไหม้เหมือนกับครั้งนี้ไม่ผิดเพี้ยน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองเหตุการณ์แตกต่างกัน คือเหตุการณ์นี้ไม่มีใครถูกงูกัด ส่วนเหตุการณ์ในครั้งนั้น แม่บุญธรรมของเธอถูกงูกัดไปห้าตัว

และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นท่านจินดาที่ยิ้มแย้มใจดีเสมอมา แสดงอารมโกรธดั่งพายุ ท่านสั่งลงโทษตั้งแต่เจ้านาย ซึ่งเป็นเหล่าพี่น้องที่ก่อเรื่อง ไปจนถึงเหล่าคนรับใช้ที่ไม่ห้ามเจ้านายของตัวเอง ที่สำคัญคือท่านไม่เว้นแม้แต่ภรรยาที่สั่งสอนลูกไม่ดี จนไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่น

“แล้วเจ้าจะทำยังไง” บริมาสหยั่งเชิงความเห็นของเพื่อน หากสิริกัญญาทำอะไรรุนแรงตั้งแต่วันแรก เห็นจะไม่เป็นการดีเท่าไรนัก

“ข้าไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก แต่เด็กไม่ดีต้องมีการลงโทษ”

“ก็นั่นแหละที่ข้าห่วง เจ้าจะลงโทษเจ้าหญิงแบบไหน” คุณหนูคนงามถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ วันแรกของการเป็นพระพี่เลี้ยงของเธอ เริ่มต้นไม่ค่อยดีเลย แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เข้ามายังตำหนักนี้ก็มีเรื่องเสียแล้ว

“ยังไม่รู้ ไว้ให้เจอพระพักตร์ก่อน เดี๋ยวคงรู้ว่าจะลงโทษแบบไหน”

ดวงตาสีน้ำเงินกวาดมองหาร่างเจ้าหญิงน้อยที่ไม่เคยเห็นพระพักตร์อย่างหมายมาด หญิงสาวรู้ตัวเองดีว่ากำลังจะพาลใส่พระองค์ เพราะเหตุการณ์นี้ซ้อนทับกับการกระทำของเหล่าพี่น้องของเธอพอดี แม้ว่าพักหลังเธอจะถูกแกล้งน้อยลง แต่มันก็เป็นเพราะพี่ชายเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับพี่น้องเหล่านั้น จนตัวเองต้องถูกกลั่นแกล้งเอง ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกคับแค้นใจเสมอมา

“ข้าลงโทษเจ้าหญิงเองดีกว่าไหม สิรี” บริมาสพอจับอารมณ์ของเพื่อนได้ว่าเป็นอย่างไร ยิ่งคำเปรยแรกที่หลุดออกมา ก็เดาได้ว่าเพื่อนกำลังรวมเจ้าหญิงแสงอัปสรเข้าพวกเดียวกับพี่น้องขี้แกล้งของตัวเอง

“ไม่” สิริกัญญาพูดพลางหยิบลูกหูกวางที่หล่นมาจากต้นมาถือไว้ พลางจ้องเขม็งไปยังพุ่มไม้หนาพุ่มหนึ่ง ก่อนขว้างมันไปเต็มแรง

“โอ๊ย!!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นหลังจากที่ลูกหูกวางพุ่งผ่านพุ่มไม้หนา บริมาสสะดุ้งโหยงกับความมือไวและตาไวของเพื่อน

สิริกัญญาก้าวพรวดเข้าไป แล้วดึงคอเสื้อของคนที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ออกมา “ขออภัยที่เสียมารยาทนะเพคะ แต่หม่อมฉันว่าเราคงมีเรื่องที่ต้องคุยกันยาวหน่อย” หญิงสาวพูดพลางส่งยิ้มหวานให้เจ้าหญิงน้อยที่ลูบพระนลาฎไปมาด้วยความเจ็บ ซึ่งตอนนี้พระองค์หันมาถลึงเนตรใส่อย่างโกรธเคืองแทน

“ปล่อยข้านะ!!”

“ยังปล่อยตอนนี้ไม่ได้เพคะ ไว้ให้หม่อมฉันคุยกับเจ้าหญิงเสร็จก่อน” มือเรียวเปลี่ยนจากการจับคอเสื้อฉลองพระองค์มาเป็นหิ้วบั้นพระองค์ไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่ง ก่อนเดินกลับเข้าตำหนักอย่างไม่สนใจเสียงร้องโวยวายของคนในอ้อมแขน

“อ้อ! ไม่สิ หลังจากที่เราคุยกันเสร็จ พระองค์มีเรียนวิชาคณิตศาสตร์ต่อ หลังจากนั้นก็เสวยพระกระยาหารเที่ยง แล้วเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์ พักยกด้วยเวลาน้ำชา ก่อนจัดการกับการบ้าน” หญิงสาวพูดพลางก้มลงมองเจ้าหญิงน้อยที่เงยพักตร์ขึ้นสบจ้องตอบด้วยรอยยิ้มนุ่มละมุน

“นั่นหมายความว่าหม่อมฉันยังปล่อยพระองค์ไปไม่ได้ จนกว่าจะเรียนเสร็จเพคะ”

“ปล่อยข้า! ข้าไม่เรียน...ปล่อยนะ! กรี๊ด!!” เจ้าหญิงแสงอัปสรตะโกนดังลั่น พลางดิ้นไปมา เพื่อให้หลุดจากการถูกหิ้ว แต่อีกฝ่ายนั้นแรงดีเหลือหลาย ยังคงยึดพระองค์ไว้แน่น

“เกิดอะไรขึ้น!” คุณผกาแก้วร้องถามหน้าตาตื่น หลังจากวิ่งตามเสียงร้องของเจ้าหญิงน้อยที่ไม่เคยตะโกนโวยวายเช่นนี้มาก่อน และภาพที่เห็นก็ทำให้แม่นมเฒ่าตกใจ แล้วหันไปมองเจ้าของรอยยิ้มหวานที่ยังทำท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณผกาแก้วมาพอดีเลย ห้องของเจ้าหญิงอยู่ทางไหนหรือคะ”

“เจ้าจะทำอะไร”

“ข้ามีเรื่องต้องตกลงกับเจ้าหญิงตามลำพัง ถ้าทำข้างนอกจะทำให้พระองค์อับอายเอา”

ตอนแรกคุณผกาแก้วจะไม่ยอมบอกทางให้สิริกัญญาพาเจ้าหญิงแสงอัปสรไปห้องส่วนพระองค์ แต่เมื่อเจอคำขู่ในประโยคหลัง แม่นมเฒ่าจึงรีบหันไปพยักหน้าให้นางกำนัลพาไปทันที ซึ่งพอไปถึง หญิงสาวก็ส่งสายตาปรามไม่ให้บรรดาลูกสมุนหรือแม่นมของเจ้าของตำหนักตามเข้าไป

“รออยู่ข้างนอกนี่แหละบริมาส ไว้คอยปลอบแม่นมไม่ให้วิตกไปมากกว่านี้” สิริกัญญาพูดเสียงเรียบ และเสริมต่ออีกประโยคเมื่อเห็นเพื่อนมีทีท่าไม่ไว้วางใจในตัวเธอเสียเท่าไร “ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่บทลงโทษต้องมีนะ”

บริมาสถอนหายใจออกมาพลางแค่นยิ้มส่ง “ถ้าเจ้าพูดอย่างนั้นข้าจะรออยู่ข้างนอกแล้วกัน อย่าบ้าให้มากนักนะ เจ้าหญิงยังทรงพระเยาว์อยู่” คำพูดแบบจันทร เด็กหนุ่มหน้าแฉล้มที่ไม่ได้ยินมานาน ทำให้คนที่ชอบปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่มบ้านป่าเปิดยิ้มกว้าง ก่อนหิ้วเจ้าหญิงแสงอัปสรหายลับเข้าไป

แล้วหลังจากนั้น ทุกคนก็สะดุ้งกับเสียงกรีดร้องของเจ้าหญิงน้อย ตามด้วยเสียงร้องไห้ยกใหญ่จนทำเอาแม่นมเฒ่าทรุดฮวบเป็นลมไป บริมาสนั้นแทบจะรับร่างแม่นมไม่ทัน พลางเบิกตากว้างกับเสียงร้องที่ลอดผ่านบานประตูมา ส่วนเหล่านางกำนัลก็พยายามทุบประตูห้องที่ลงดาลล็อคไว้ด้านใน พลางตะโกนรับคำขานของเจ้าหญิงที่ร้องขอความช่วยเหลือจากคนข้างนอก โดยที่ทำอะไรไม่ได้

สิริกัญญาทำอะไรกับเจ้าหญิงแสงอัปสรกันแน่!

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สิ่งที่เจ้าหลวงทรงคาดหวังดูจะให้ผลรุนแรงเกินไปหน่อย เพราะหลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ พระองค์ก็ทรงได้รับรายงานมาว่าพระธิดาเจ้าปัญหาเข้าเรียนครบ โดยไม่ขาดสักวิชา แถมพฤติกรรมเลวร้ายแต่เก่าก่อนที่เคยทำก็ไม่มีให้เห็นอีก ซึ่งดูเหมือนว่าสาเหตุนั้นจะมาจากเรื่องที่คุณผกาแก้วเข้ามาร้องเรียน เรื่องการกระทำของสิริกัญญาเมื่ออาทิตย์ก่อน

เจ้าหญิงแสงอัปสรก่อเรื่องตั้งแต่วันแรกตามที่เจ้าหลวงทรงคาดไว้ แต่ที่ไม่คาดคือคนที่ฉะกับพระธิดาของพระองค์เป็นคนแรกกลับกลายเป็นสิริกัญญา ไม่ใช่บริมาส อีกทั้งวิธีการออกจะรุนแรงอยู่เสียหน่อย เข้าทำนองเกลือจิ้มเกลือ และนั่นก็ทำให้คุณหนูพระจันทร์ไม่ต้องออกโรงทำอะไรสักนิด

“ตีก้นลูกข้าทุกครั้งที่ดื้อหรือทำผิด แถมยังทำให้แสงอัปสรไม่กล้าหือด้วยได้ สมกับเป็นลูกเจ้าเลยนะ จินดา” เสียงสรวลและคำตรัสที่ดังขึ้น หลังจากอ่านรายงานความประพฤติของเจ้าหญิงแสงอัปสรจบ เรียกสายตาของอีกคนที่อยู่ในห้องให้หันไปมองอย่างอ่อนใจ

“จะบอกว่าเดือนฟ้าเลี้ยงมาดี หรือมานัยสอนมาดีนะ นิสัยเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง” เจ้าหลวงทรงแย้มพระสรวล ซึ่งนั่นทำให้ท่านจินดาหรี่ตามองอย่างไม่อยากไว้ใจ “หรือจะเรียกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวดี ข้าจำได้ราง ๆ ว่าเมื่อก่อนก็มีคนทำแบบนี้กับน้องเล็กของข้าหลายคน หรือเจ้าว่าไง”

“เรื่องแบบนั้นกระหม่อมจำไม่ได้แล้ว” ท่านจินดาตอบกลับไปเสียงเบา แล้วหันไปจดจ้องกับงานของตัวเองต่อ แต่คำตอบของท่านก็ทำให้เจ้าหลวงถอนเสียงฉุน

“ฮึ! ทีเรื่องแบบนี้ทำเป็นจำไม่ได้ ส่วนไอ้เรื่องที่ไม่ควรจำก็จำได้จำดีนักนะ ลืมมันไปบ้างก็ดี สุขภาพจิตจะได้ดีขึ้นบ้าง ไม่ต้องมาส่งเสียงร้องครวญครางรำคาญหูข้าอีก”

ไม่วายที่เจ้าหลวงจะกัดตาเฒ่าคนดื้อที่ไม่ยอมปล่อยวางเรื่องสมัยอดีต แล้วพระองค์ก็ถอนปัสสาสะออกมา เมื่ออีกฝ่ายเริ่มกลายเป็นคนเจ้าน้ำตาอีกครั้ง

“เอ้า! ข้าไม่พูดก็ได้ ขอโทษที่ชอบขุดคุ้ยเรื่องเก่า ๆ ออกมา”

“พระองค์ไม่ผิดหรอกพระเจ้าค่ะ เป็นฝ่ายกระหม่อมเองที่ผิดมาตลอด ผิดมาตั้งแต่ต้น”

“จินดา...” เจ้าหลวงทอดพระเนตรสหายเก่าแก่ที่เอ่ยคำพูดที่ทำให้พระองค์รู้สึกผิดขึ้นมา

“แต่เมื่อพระองค์อยากทำให้มันจบ กระหม่อมก็จะทำให้มันจบด้วยเช่นกัน ได้โปรดวางพระทัยเถอะ ตาแก่จินดาคนนี้พูดแล้วไม่เคยคืนคำ...ไม่มีวัน”




ตอนนี้กำลังร้องไห้ที่ต้องยืดฉากหวานของสองพระนางออกไปอีก เพราะหาจุดลงตัวให้สองคนนี้ได้มีโอกาสหวาน ๆ ไม่ได้สักที ต้องมีเหตุการณ์อื่นมาคอยขวางกั้นตลอด แต่ว่าถ้ามีฉากหวานของสองพระนางคู่นี้ รับรองว่าจะเอาให้หวานถึงใจเลยทีเดียว



Create Date : 16 มกราคม 2551
Last Update : 16 มกราคม 2551 19:20:05 น.
Counter : 314 Pageviews.

3 comments
  
Ihope you come back soon.
โดย: Eing-UK IP: 81.153.194.89 วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:20:54:39 น.
  

เอ๋ เราเห็นนะเรื่องนี้รอตีพิมพ์นะ

ดีใจด้วยนะ ฉากหวานของพระเอกกับนางเอก

คู่นี้ เราว่า ต้องตบจูบตบจูบ น่าจะเหมาะกับปาเยนท์นะ
โดย: nekojunt IP: 58.9.83.171 วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:9:12:42 น.
  
ขอให้รีบลงตัวไวๆนะคะ อยากได้ฉากหวานค่ะ ฉากหวาน จะอดใจรอนะคะ
โดย: น้อง IP: 124.121.184.43 วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:9:41:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog