ราชญี 4
๔ เจ้าหญิงกับราชา

การแอบฟังคนอื่นสนทนากัน ถือเป็นเรื่องไม่สมควรทำมาตั้งแต่แรก และเมื่อเจ้าหญิงชคันมาตรีได้ยินสาระทั้งหมดของบทสนทนานั้น ทำให้ทรงหวนนึกเสียพระทัยขึ้นมาครามครันกับการกระทำในเรื่องที่ไม่สมควร เพราะมันทำให้ความหวังที่มีอยู่ริบหรี่แทบจะดับวูบลงไป หลังจากที่ได้รับรู้ว่าหัวหน้าโจรสลัดกำลังปลดระวางตนเอง หรือหากจะพูดให้ถูกแล้ว คือเขากำลังถูกใครบางคนปลดระวาง ซึ่งจอมโจรก็ยินยอมให้ถูกปลดเสียด้วย

แม้พิษณุจะบอกว่าหัวหน้าโจรคนใหม่จะยังคงทำตามสัญญาเก่า แต่ใครเลยจะรู้เล่าว่าน้ำจิตน้ำใจของฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นเช่นไร อย่างน้อยคนกำลังถูกปลดระวางยังมีสายสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับพระราชาธิบดี แต่หัวหน้าโจรคนใหม่มีความเกี่ยวพันอะไรกับผู้ปกครองอาณาจักรล่ะ

ครอบครัวของของพระบิดาที่เจ้าหญิงชคันมาตรีรับรู้ มีเพียงเจ้าของโรงแรมจันทร์เพ็ญที่เก็บพระผ่านฟ้าซึ่งเป็นทารกที่ถูกทอดทิ้ง ให้เป็นลูกบุญธรรมร่วมน้ำนมกับพิษณุเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่มีใครที่พระองค์ทรงรู้อีก

เจ้าหญิงชคันมาตรีถอนปัสสาสะออกมาเฮือกใหญ่ และไม่มีกะจิตกะใจจะแอบฟังกลุ่มคนที่ถูกกั้นด้วยฉากไม้ฉุกระดาษเนื้อบางอีก วรกายเล็กประทับยืนขึ้นอย่างเชื่องช้าและไร้เสียงขยับไหว ก่อนลากพระบาทเสด็จจากที่ลับด้วยพระทัยที่หม่นหมองและหมดหวัง

หยาดอัสสุชลที่ถูกความท้อแท้กระแทกเข้าใส่ เอ่อล้นอยู่ที่ปลายหางพระเนตร และทำท่าจะปริ่มไหลออกมา แต่หัตถ์เล็กก็รีบปาดเช็ดมันออก ก่อนเชิดพักตร์ขึ้นให้สมกับที่ทรงเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ที่จะต้องไม่พริ้วไหวไปตามแรงลมเหมือนต้นอ้อ พระองค์จะต้องทำตนให้หนักแน่นดังเช่นแผ่นดินที่รองรับหมู่มวลชีวิต และให้เหมือนขุนเขาที่ทอดตระหง่านอย่างองอาจ

อย่างไรเสียการขอร้องพิษณุที่ดูเหมือนจะไม่ชอบจอมนางแห่งมาแกเซมบีลัน ที่แย่งตัวน้องชายร่วมน้ำนม ให้ไปผจญกับความตายที่รออยู่เบื้องหน้าทุกขณะ ก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นอยู่แล้ว ดังนั้นการต้องไปขอร้องกับหัวหน้าโจรคนใหม่ให้เป็นไม้เท้ากับสุนัข ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไรนักหรอก

เมื่อทรงดำริได้ดังนั้น ความหวังที่เกือบดับหายก็ทอแสงวูบวาบขึ้นมา และแม้เจ้าหญิงชคันมาตรีจะทรงเผื่อพระทัยไว้กับความไม่สำเร็จที่มีมากถึงเก้าในสิบส่วน แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะมีส่วนหนึ่งเผื่อไว้สำหรับข่าวดี เจ้าหญิงจึงรีบเร่งฝีพระบาทเพื่อไปหาข้อมูลของหัวหน้าโจรคนใหม่ทันที และคนที่จะตอบคำถามนี้ของพระองค์ได้ คงมีแต่เจ้าของโรงแรมจันทร์เพ็ญ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


เสียงพูดคุยของคนที่อยู่หลังฉากกั้นหยุดไปได้อึดใจใหญ่ แต่จังหวะการหยิบหมากเคลื่อนย้ายไปมาบนแผนที่ของพระผ่านฟ้า ยังคงดังอยู่ไม่หยุด มันเป็นจังหวะการเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอ ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป ซึ่งมันได้สะท้อนถึงวิธีการบริหารแผ่นดินของกษัตริย์ ที่ก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปกับกระแสพายุที่โหมพัดเข้ามา

“ไม่เข้ามาหรือ วิศวนาถ”

พระราชาธิบดีตรัสขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้คนสองคนที่จ้องตาวัดใจกันอยู่นานสองนานหันไปมองคนที่ปรากฏตัวออกมาทันทีที่ถูกเรียกชื่อ

“วิศวนาถ?” พิษณุเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ด้วยไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวในเวลานี้ ทั้งที่ข่าวล่าสุดบอกมาว่าผู้มาใหม่อยู่อีกทวีปหนึ่ง ซึ่งต้องใช้เวลานานแรมเดือนกว่าจะมาจอดพักเรือที่กรารูวา และกำหนดการที่ผิดพลาดไปจากที่คิด ทำให้หัวหน้าโจรหรี่ตามองอย่างจับสังเกตถึงความผิดปกตินี้ทันที

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า วิศวนาถ ทำไมลูกถึงกลับมาก่อนกำหนด แล้วตอนนี้ใครคุมเรือแทนเจ้า”

หัวหน้าโจรส่งคำถามออกไปเป็นชุด แต่วิศวนาถก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากหันไปมองพระราชาธิบดีที่ทรงแย้มสรวลตอบคำถามในดวงตาของเขา ชายหนุ่มนึกอยากรู้นักว่าทำไมผู้ปกครองอาณาจักรจึงล่วงรู้การคงอยู่ของเขาได้ ทั้งที่เขาคิดว่าปิดร่องรอยของตัวเองไว้แนบเนียนแล้ว

“เขาเป็นลูกชายของท่านงั้นหรือ” พหุรัตน์มองสองพ่อลูกสลับกันไปมาด้วยความสงสัย ก่อนหยุดลงที่หัวหน้าโจรที่หันมาสบตาตอบ

หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์ส่งสายตาไม่ใคร่อยากจะเชื่อถือเท่าไรว่าอีกฝ่ายจะมีลูกโตเป็นหนุ่มเช่นนี้ และดูจากอายุของคนเป็นลูกชาย น่าจะอยู่ในวัยประมาณสิบปลาย ซึ่งพอนับอายุของพิษณุแล้ว เขาต้องมีลูกตั้งแต่อายุสิบห้าถึงจะมีลูกโตขนาดนี้ได้

“เจ้ายังไม่รู้จักวิศวนาถนี่นะ พหุรัตน์” พระผ่านฟ้าหันไปส่งรอยแย้มสรวลให้ผู้อารักขา ที่ดูจะตกใจกับลูกชายตัวโตของพี่ชายร่วมน้ำนมเป็นอย่างมาก “งั้นก็แนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการเลยแล้วกัน เพราะคนที่จะมาแทนตำแหน่งหัวหน้าของพิษณุก็คือวิศวนาถคนนี้”

หัวหน้าโจรคนใหม่เป็นเด็กหนุ่มคนนี้งั้นหรือ? พหุรัตน์ได้แต่รำพึงกับตนเอง และสำรวจผู้มาใหม่แบบไม่เกรงใจ วิศวนาถถือว่าเป็นคนหนุ่มที่สูงกว่าวัยมาก ซึ่งดูจากที่กะโดยประมาณแล้วก็สูงไปถึงหกฟุตกว่า และด้วยท่าทางอกผายไหล่ผึ่งของเขา ทำให้ความสูงที่ดูเหมือนยักษ์นั้นไม่ประหลาดตาเท่าไร อีกทั้งยังช่วยเสริมให้เขาดูมีสง่าขึ้นมาด้วย

แต่พหุรัตน์ก็ไม่ค่อยอยากเชื่อนักหรอกว่าวิศวนาถจะเป็นลูกในไส้ของพิษณุ เขาทะเลาะกับหัวหน้าโจรมานานหลายปี จนรู้ไส้รู้พุงอีกฝ่ายหมดแล้วว่าซุกซ่อนอะไรไว้บ้าง และที่ขาดไม่ได้คือคู่อริของเขายังไม่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน อีกทั้งสิ่งที่ช่วยเสริมให้หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์มั่นใจ ว่าคนที่จะเป็นหัวหน้าโจรคนใหม่ไม่ใช่สายเลือดของพิษณุ ที่บางทีอาจเผลอไปปล่อยไข่ทิ้งไว้ที่ไหนตามที่เขาอยากกล่าวอ้าง ก็คือดวงหน้าของทั้งสองไม่มีเค้าเหมือนกันเลยสักนิด

พหุรัตน์ถอนหายใจเฮือกกับความแตกต่างราวฟ้ากับเหวของสองพ่อลูก พิษณุแยกเขี้ยวใส่หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์ เมื่อเดาความคิดที่ส่งผ่านมาทางสายตาของอีกฝ่ายได้ พระผ่านฟ้าทรงพระสรวลแผ่วเบาด้วยท่าทางรับรู้ ถึงสิ่งที่ผู้อารักขาของพระองค์จงใจส่งไปบอกอีกฝ่าย ส่วนผู้พาดพิงถึงอีกคนยังคงทำหน้านิ่ง แต่หากสังเกตให้ดีแล้ว ที่มุมปากของเขากระตุกยิ้มขึ้นมาครู่หนึ่ง และเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

เป็นใครก็ต้องรู้ว่าวิศวนาถไม่ใช่ลูกชายในสายเลือดของหัวหน้าโจรชื่อดัง เพราะคนพ่อนั้นมีรูปหน้าเหี้ยมหาญดุดัน ซึ่งพหุรัตน์เคยสงสัยอยู่หลายครา ว่าทำไมใบหน้าที่บ่งบอกว่าเป็นขุนโจรโฉดชั่วชัดเจนปานนั้น จะยังมีบางคนบอกว่าดูดีไปอีกแบบ อีกทั้งยังมีสาวน้อยสาวใหญ่เข้ามาติดพันมากมาย จนเป็นที่อิจฉาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เลยทีเดียว

ส่วนคนลูกที่ดูท่าจะได้เรียนวิชาหน้ากากไม้มาจากราชาสามัญชน ก็เรียกว่ารูปงามราวเทพบุตร ใบหน้าเรียวยาวรับกับดวงตาคมที่พอจะเรียกได้ว่าดุเหมือนพ่อ จมูกโด่งคมเป็นสัน และริมฝีปากหนาที่ยังคงปิดสนิท ไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดอะไรออกมาสักคำก็แดงสดคล้ายอิสตรี

ทุกสิ่งทุกอย่างของวิศวนาถถูกสรรสร้างมาอย่างลงตัว และมีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้าม แต่พหุรัตน์เชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงหน้าไหน กล้าเข้าใกล้ลูกชายของหัวหน้าโจรนักหรอก เพราะดวงตาสีน้ำเงินที่ลึกล้ำยิ่งกว่าห้วงมหาสมุทร เยือกยิ่งกว่าธารน้ำแข็ง และเต็มไปด้วยกลิ่นของความตายนั้น ได้กีดกันไม่ให้ใครสามารถเข้าไปใกล้เขาได้โดยง่าย

“ไม่ค่อยมีใครรู้จักวิศวนาถมากนักหรอก” พระราชาธิบดีตรัสต่อ หลังจากทอดพระเนตรเห็นว่าสงครามปะทะสายตาระหว่างขุนโจรกับนายทหารกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง “เขาไม่ชอบขึ้นฝั่งเท่าไร เพราะพออยู่บนบกทีไร ดาววินาศที่ควบคุมชะตาของเขา มักจะทำให้ใครต่อใครต้องดับดิ้นไปไม่มากก็น้อย ดังนั้นเจ้าอย่าไปจ้องเขามากนะ พหุรัตน์ เดี๋ยวมฤตยูจะลงกลางศีรษะเอา”

ใครกันหนอที่บอกว่าพระราชาธิบดีเป็นคนสุภาพ และไม่ชอบหาเรื่องใคร ในเมื่อพระดำรัสแต่ละคำของพระองค์ เป็นเหมือนท่อนไฟที่โยนลงไปในบ่อน้ำมัน เพียงแต่คนตรงหน้านี้เป็นธารน้ำแข็ง เลยดับไฟบนฟืนท่อนเล็กได้อย่างรวดเร็ว แล้วแผ่บรรยากาศเย็นเยียบให้คนในนี้หนาวเล่นแทน

“อย่าไปแกล้งวิศวนาถมากนักน่า เขาไม่ใช่ลิ่วล้อให้เจ้าแกล้งเล่นได้เหมือนก่อนแล้วนะ” พิษณุพ่นลมหายใจใส่จมูกด้วยท่าทางเบื่อหน่าย เพราะลูกชายของเขาชอบทำหน้านิ่งไร้อารมณ์แบบนั้น จึงได้ถูกคนที่อารมณ์ดีตลอดทั้งวัน และแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจแบบนั้นแกล้งเล่นเอา

“เมื่อกี้ข้าเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแอบฟังบทสนทนาของพวกท่านอยู่ข้างนอก” วิศวนาถคร้านที่จะต่อความยาวสาวความยืด จึงเปลี่ยนไปเรื่องอื่น เพื่อเบนความสนพระทัยของพระราชาธิบดี

“อ้อ! ชคันมาตรี ลูกสาวข้าเอง” กษัตริย์ดูจะไม่แปลกพระทัยกับคำบอกเล่านั้นเท่าไร ทรงตรัสตอบด้วยท่าทางปกติ ผิดกับอีกสองคนที่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความประหลาดใจที่รู้ว่าเจ้าหญิงมาแอบฟังการสนทนานี้ โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัวถึงการคงอยู่ของพระองค์เลยสักนิด

วิศวนาถเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ที่พระผ่านฟ้าทรงรู้เรื่องนี้ และท่าทางของว่าที่หัวหน้าโจรทำให้พระราชาถอนปัสสาสะออกมาแผ่วเบา พระองค์ทรงเลี้ยงดูลูกน้อยด้วยสองหัตถ์คู่นี้ และทรงใกล้ชิดกับเจ้าหญิงมากกว่าใคร จึงรู้ทั้งแนวคิดและสิ่งที่เจ้าหญิงรัชทายาทอย่างเจ้าหญิงชคันมาตรีจะกระทำ ดังนั้นรอยแย้มสรวลที่อยู่บนพระพักตร์จึงเลือนลงไปเล็กน้อย

“สงสัยหรือว่าทำไมข้าถึงปล่อยให้ชคันมาตรีมาแอบฟังเรื่องพวกนี้”

“ข้าแค่แปลกใจที่เด็กคนนั้นรู้ทางขึ้นชั้นนี้ ทั้งที่มันถูกเก็บเป็นความลับที่ทุกคนระวังไม่ให้ใครรู้” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ พลางจ้องตรงไปยังกษัตริย์ที่แย้มสรวลอย่างยอมรับข้อกล่าวหาทางสายตา “ข้าเลยนึกว่าต้องมีใครบางคนบอกทางลับนี้ให้นางรู้ ซึ่งคนที่รู้ก็มีอยู่ไม่กี่คน”

“ชคันมาตรีเป็นเด็กที่ฉลากและเฉลียว นางรู้ว่าพวกข้ามักจะหายตัวไปที่ใดที่หนึ่งเสมอ และเมื่อความสงสัยถูกจุดประกาย นางจะทำทุกอย่างเพื่อให้ข้อสงสัยนั้นคลายลง โดยไม่สนใจว่าจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายมากแค่ไหน” พระราชาธิบดีตรัสอธิบายอย่างเชื่องช้า พลางเอียงพระศอทอดพระเนตรคนที่ดูจะทำอะไรผิดแปลกไปจากทุกวัน

“เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็สู้ให้รู้ไปเลยดีกว่า เพื่อที่สายตาของข้าจะได้เฝ้าระวังภัยให้”

“แล้วท่านไม่คิดว่าข้าจะจัดการนางที่รู้ทางลับหรือไง”

คำถามของวิศวนาถเรียกเสียงพระสรวลจากพระผ่านฟ้า นี่ล่ะที่พระองค์ทรงสงสัยนัก ว่าเหตุอันใดคนไร้ใจจึงทำอะไรแปลกไปจากเดิม ชายหนุ่มไม่ได้จัดการเจ้าหญิงน้อยที่รู้สถานที่ซุกซ่อนของหัวหน้าโจร ทั้งที่หากเป็นรายอื่นที่พยายามหาแหล่งพักพิงของจอมโจรแล้ว เขาจะจัดการคนสอดรู้สอดเห็นทันที ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมาซุ่มฟังบทสนทนาอยู่นานสองนานเหมือนเจ้าหญิงชคันมาตรีหรอก

“ข้าน่าจะถามเจ้ากลับไปมากกว่าว่าทำไมถึงไม่จัดการชคันมาตรี ปล่อยลูกสาวข้าไปทำไม”

คำตรัสถามที่ถูกส่งกลับมาทำให้วิศวนาถชักหน้าตึงขึ้นมา ถ้อยคำนี้เป็นเหมือนคำเชิญชวนของพระผ่านฟ้า ให้ชายหนุ่มท้าทายความสามารถของผู้ที่มีเบื้องหลังอันน่าพิศวง ซึ่งเขารู้ดีว่ากษัตริย์มิได้ปล่อยช่องว่างให้เขาคิดเล่นงานเจ้าหญิงชคันมาตรีได้เลย

แต่ถึงจะไม่มีพระผ่านฟ้าคอยปิดช่องว่างนั้น วิศวนาถก็ยังคิดจะปล่อยเจ้าหญิงชคันมาตรีให้เสด็จผ่านหน้าไป โดยไม่ทำอะไรสักอย่างนอกจากเฝ้ามอง ชายหนุ่มคิดว่ามันน่าเสียดายเกินไป ที่จะให้เจ้าหญิงพระองค์น้อยสิ้นพระชนม์เสียตรงนี้ เพราะนับตั้งแต่ได้เห็นวรกายเล็กบอบบาง ที่ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดสีขาวล้วนวิ่งตัดผ่านหน้า ความรู้สึกหนึ่งก็ผุดขึ้นมาทันที

ความรู้สึกที่อยากเห็นเจ้าหญิงในชุดขาวตอนเจริญพระชันษาเต็มที่!

เมื่อไม่มีคำตอบกลับมา พระผ่านฟ้าจึงยักอังสาเล็กน้อย ก่อนหันไปทอดพระเนตรกลุ่มหมากต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงวุ่นวายจัดวาง ด้วยสายพระเนตรที่ไม่สามารถบอกได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“ชคันมาตรียังไม่รู้เรื่องอะไรมาก นางจะรู้ในสิ่งที่ข้าต้องการให้รู้เท่านั้น ดังนั้นตอนนี้เรารีบมาวางแผนปล้นเรือต่างชาติพวกนี้ แล้วให้กองทัพเรือมาแกเซมบีลันเล่นไล่จับกองเรืออันดามันของเราดีกว่า พี่น้องทั้งหลาย”

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


กองไฟกำลังเริงระบำอยู่รอบท่าเทียบเรือ ที่ถูกแปลงให้กลายเป็นลานฉลองวันคล้ายวันเกิดของโจรสลัดชื่อดัง และวันนี้เป็นวันที่เจ้าหน้าที่ของรัฐตัดใจทำเมินงานรื่นเริงครั้งนี้ เหล่าผู้ประกอบมิจฉาชีพจึงออกมาเสนอหน้าให้นายทหารที่ไล่ฟัดกันมานานได้แยกเขี้ยวใส่เล่นด้วยความครื้นเครง

พิษณุที่ถูกจับนั่งอยู่ที่โต๊ะประธานหัวเราะเสียงดังด้วยความถูกใจ กับของขวัญมากมายที่คนมากหน้าหลายตาเวียนสลับมามอบให้เขาไม่ขาดสาย บ้างก็เป็นคนรู้จัก บ้างก็เป็นกลุ่มกองเรือจากต่างแดนที่เคยเป็นหนี้บุญคุณจากการถูกช่วยเหลือให้พ้นจากอุบัติภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทะเล และเหล่าผู้ที่มีหนี้แค้นอย่างกองทัพเรือมาแกเซมบีลัน ที่มีพหุรัตน์เป็นผู้บัญชาการอยู่เบื้องหลัง ก็ยังขยันส่งของขวัญมาให้ทุกปี

แต่ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่หัวหน้าจอมโจรที่มีสตรีน้อยใหญ่รุมล้อม สายตาทุกคู่กำลังจับจ้องไปยังร่างสีขาวที่กำลังเริงระบำไปพร้อมกับเปลวไฟมากกว่า

“กำลังมองเจ้าหญิงชคันมาตรีด้วยความรู้สึกแบบไหนน่ะ วิศวนาถ” พิษณุเอ่ยขึ้นเสียงเบา เมื่อเหล่าสตรีที่รุมล้อมเขา พากันขอตัวไปทำอย่างอื่นทันทีที่รู้สึกถึงการคงอยู่ของใครบางคน ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดหลังที่นั่งของหัวหน้าโจร

คนไม่ชอบออกไปแสดงตัวในที่ที่แสงสว่างส่องถึง ไหวตัวกับคำถามที่กระแทกเข้าใส่ แต่วิศวนาถก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป นอกจากเบนสายตาออกจากร่างสีขาวที่หมุนเวียนเปลี่ยนคู่เต้นด้วยท่าทางสนุกสนาน ซึ่งพอทิ้งเวลาไปนานเข้า ก็ไม่มีผู้ชายคนใดเข้าไปขอเต้นรำกับเจ้าหญิงอีก ด้วยรู้สึกถึงสายตาเยียบเย็นจากที่ใดที่หนึ่ง ที่ทำให้ขนคอลุกชัน ดังนั้นพอเจ้าหญิงไร้คู่เต้น พระองค์ก็เสด็จกลับมาประทับนั่งตามเดิม ด้วยความสงสัยระคนเสียดาย

หัวหน้าโจรสลัดกลั้วหัวเราะในลำคอกับความเงียบที่ถูกส่งมาเป็นคำตอบ และนึกชื่นชมเหล่าจอมสตรีที่สามารถช่วงชิงหัวใจภักดิ์ของผู้ปกครองท้องทะเลไปได้ทุกรุ่น เหมือนกับว่ามันเป็นคำสาปที่ผูกพันผู้ปกครองแผ่นดินและผืนน้ำ มิให้แยกจากกันอย่างไรอย่างนั้น

แต่แล้วความคิดของพิษณุก็หยุดชะงักลง เมื่อเจ้าหญิงชคันมาตรีทรงลุกขึ้นและเสด็จมาหยุดอยู่ตรงหน้าจอมโจรที่เลิกคิ้วขึ้น พลางส่งคำถามไปทางสายตา ซึ่งเจ้าหญิงก็แย้มสรวลตอบกลับมา ก่อนยอบตัวให้ผู้อาวุโสที่ยังไม่รู้ว่าพระองค์มีกิจธุระอันใด

“เต้นรำกับข้าสักเพลงได้ไหมคะท่านพิษณุ” เจ้าหญิงชคันมาตรีตรัสด้วยสุรเสียงอ่อนหวาน แต่ไม่รู้ทำไมพิษณุถึงรู้สึกว่าเจ้าหญิงกำลังมีแผนการบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาอยู่ และเขาก็ไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแผนการบ้าบิ่นอันนั้นของเจ้าหญิงเสียเท่าไรนัก

“ทำไมไม่ชวนพวกหนุ่ม ๆ แถวนั้นเต้นล่ะ เต้นกับคนแก่อย่างข้ามันไม่ค่อยสนุกหรอกนะ”

คำถามของหัวหน้าโจร เรียกรอยแย้มสรวลจากเจ้าหญิงชคันมาตรี ที่ทรงรู้อยู่แล้วว่าคงไม่รับคำเชิญจากพระองค์ง่าย ๆ “ต้องขออภัยที่ข้ามารบกวนนะคะ แต่ดูเหมือนจู่ ๆ ทุกคนที่เคยเต้นกับข้าจะมีคู่ประจำ จนไม่ว่างมาเต้นกับข้าอีก ส่วนท่านพ่อยังต้องร้องเพลง และพหุรัตน์ก็ขี้เกรงใจเกินไป ตัวเลือกที่เหลืออยู่เลยมีแต่ท่านที่ยังไม่มีคู่เต้น” พอตรัสถึงท่อนสุดท้าย ดวงเนตรสีฟ้าครามก็ทอแวววาววับคล้ายกับตั้งความหวังอะไรบางอย่างไว้กับหัวหน้าโจร

“ท่านคงไม่ปฏิเสธข้าเหมือนคนอื่นอีกใช่ไหมคะ”

สายพระเนตรไร้เดียงสาที่ดูแล้วน่ารักน่าชัง กลับเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับคำตรัสสุดท้าย ที่บอกเป็นนัยว่าห้ามตอบปฏิเสธเด็ดขาด เรียกเสียงหัวเราะจากพิษณุที่นึกถูกใจเจ้าหญิงพระองค์นี้ขึ้นมาครามครัน แล้วเขาก็เหลือบสายตาไปยังคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าหญิงชคันมาตรีไร้คู่เต้นรำ

ไม่รู้ว่าวิศวนาถไปนัดแนะอะไรไว้กับเจ้าหญิงชคันมาตรีหรือไม่ แต่มันก็เข้าทางแผนการของเจ้าหญิง ที่ต้องการหาทางเข้าถึงตัวเขาให้ได้อยู่พอดี หัวหน้าโจรโคลงศีรษะไปมา ก่อนลุกขึ้นยืน แล้วโค้งคำนับให้เจ้าหญิงน้อยที่แย้มโอษฐ์อย่างสมพระทัย

อย่างน้อยพิษณุก็นับถือในความกล้าและความบ้าบิ่นของเจ้าหญิง ที่คิดจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ เช่นการส่งสายตาบังคับและท้าทายหัวหน้าโจรผู้นี้ เขายื่นมือไปรับหัตถ์เล็กที่วางลงมาในอุ้งมือใหญ่ ก่อนพาคู่เต้นรำที่อายุน้อยกว่าไปยังกลางลานลีลาศ ที่ท่วงทำนองถูกเปลี่ยนจังหวะไปให้ดูนุ่มนวลลง หลังจากที่เล่นเพลงเร็วมานานนับครึ่งชั่วโมง

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


“อ้า! ในที่สุดก็เจอตัวเสียที” เสียงหวานนุ่มพร้อมกับมือเรียวบางที่คว้าหมับเข้ามาคล้องแขน ทำให้วิศวนาถหันไปมองคนที่แอบเข้ามาใกล้โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ชายหนุ่มส่งสายตาติเตียนที่ดูเยียบเย็นชวนให้ใจสั่นใส่คนที่ยังยิ้มรับอย่างไมสะทกสะท้าน

“เจ้าเองหรอกหรือ มิรานี...”

“เสียมารยาทมากนะ วิศวนาถ มาพูด ‘เจ้าเองหรอกหรือ’ กับข้าได้อย่างไร” มิรานีขึ้นเสียงสูงกับคำทักทายที่ห่างเหินของคนสนิทชิดเชื้อ ก่อนส่งสายตาหวานให้คนที่ชอบทำหน้านิ่งไร้อารมณ์ใส่คนอื่น รวมถึงตัวเธอที่นานทีปีหนถึงจะได้เห็นรอยยิ้มจากคนไร้ใจ

“แล้วเจ้าก็ชอบขึ้นฝั่งมาแบบเงียบ ๆ นะ น้ำจิตน้ำใจที่มีอยู่น้อยนิดนี่คงไม่คิดจะแวะมาหาข้าด้วยใช่ไหม” หญิงสาวเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเล็กน้อย ก่อนกระชับวงแขนที่คล้องอยู่ในท่อนแข็งแรงแน่นขึ้น

“ข้าเลยต้องมาตามหาตัวเจ้าเอาเองแบบนี้”

วิศวนาถพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยกับท่าทีของหญิงสาว ที่พอจะรู้อยู่ว่าเธอมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างมาให้ แต่ชายหนุ่มไม่มีทางตอบความรู้สึกนั้นได้ เมื่อเขากับเธอถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาด้วยกันในฐานะพี่ชายกับน้องสาว ซึ่งเขาเคยบอกอีกฝ่ายถึงความเป็นไปไม่ได้นี้แล้ว กระนั้นเจ้าตัวก็ยังดื้อดึง และเฝ้ารอวันที่เขาจะเปลี่ยนใจ

“แล้วนี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่” มิรานีมองตามสายตาของวิศวนาถที่มีทีท่าสนใจบางสิ่งบางอย่าง อันเป็นการกระทำที่ผิดไปจากวิสัยของคนที่ไม่เคยสนใจสิ่งใด และเมื่อหญิงสาวเห็นเป้าสายตาของคนไร้ใจ ความรู้สึกหนึ่งก็ผุดขึ้นมาทันที

“นี่เจ้าก็มองเจ้าหญิงชคันมาตรีเหมือนคนอื่นด้วยงั้นหรือ”

ในน้ำเสียงของมิรานียามกล่าวถึงเจ้าหญิงรัชทายาท ดูจะมีริ้วรอยของความไม่ชอบใจแฝงอยู่ด้วย และวิศวนาถก็รู้สึกถึงเรียวนิ้วที่กดลงมาบนท่อนแขนของเขา จึงเหลือบตามองคนข้างกายที่ชักสีหน้าเรียบเฉยมาปกปิดความรู้สึกของตัวเอง

“ทำไมข้าต้องมองเจ้าหญิงชคันมาตรี”

น้ำเสียงที่บอกถึงท่าทีไม่ใส่ใจต่อเจ้าของชื่อ ทำให้มิรานีใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย แต่การกระทำของวิศวนาถก็ไม่ได้ช่วยลดความหวาดระแวงที่มีอยู่ในใจของหญิงสาวได้เลย เพราะเธอได้ยินแม่เฒ่า หรือแม้แต่พิษณุพูดเหมือนกันว่าเชื้อสายของผู้ปกครองแผ่นดินและผืนน้ำนั้น มีความเกี่ยวพันอันแปลกประหลาด และไม่สามารถแยกจากกันได้ ดังนั้นเธอจึงกลัวว่าวิศวนาถจะถูกความเกี่ยวพันอันนั้นดึงไปให้ห่างจากเธอ

“เพราะนางเป็นเจ้าหญิงไง ทุกคนเลยต้องสนใจ และเอาใจเจ้าหญิงที่สุดแสนจะไร้เดียงสา ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไร”

ถ้อยคำเหน็บแนมประชดประชันของมิรานีไม่ได้ทำให้วิศวนาถคล้อยตามไปเลยสักนิด ดวงเนตรสีฟ้าครามที่ทอแววมุ่งมั่นอยากจะทำอะไรสักอย่างคู่นั้นน่ะหรือ จะเป็นของเจ้าหญิงไร้เดียงสา แล้วยังท่าทางท้อแท้หมดหวัง ที่รู้ว่าพิษณุจะปลดระวางตนเองอีกนั่นล่ะ มันเป็นท่าทางของคนที่ไม่รู้อะไรเลยงั้นหรือ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พลางทอดสายตาไปยังสายเลือดของจอมสตรี ที่ทำให้โจรสลัดแห่งท้องทะเลสีน้ำเงินต้องก้มศีรษะสวามิภักดิ์มาแล้วทุกรุ่น

“นางจะต้องเป็นราชญีองค์ต่อไป” วิศวนาถทอดเสียงนุ่มละมุน ยามเอ่ยถึงเจ้าหญิงที่ป่านนี้คงกำลังหาทางกล่อมไม่ให้พิษณุปลดระวางตนเองอยู่เป็นแน่ และเขาก็รู้ดีว่าหัวหน้าโจรจะไม่ยินยอมทำตามคำขอร้องของเจ้าหญิง “และราชญีทุกพระองค์ไม่ใช่คนไร้เดียงสาหรือคนโง่ ดังนั้นอย่าให้ท่าทางภายนอกของเจ้าหญิงหลอกตาได้เด็ดขาด มิรานี”

“เจ้าหญิงก็เป็นแค่เด็ก ถึงจะฉลาดอย่างไรก็ยังไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนหรอก ยิ่งคนเลวที่ชอบสวมหน้ากากเป็นคนดีที่อยู่ในวังมากมายนั่นไง ถ้าไม่เพราะถูกปกป้องเฝ้าดูแลอย่างกับไข่ในหิน ป่านนี้ก็คงโดนพิษของคนพวกนั้นเล่นงานจนย่ำแย่ไปแล้วกระมัง” มิรานีย่นจมูกใส่อย่างไม่ชอบใจที่วิศวนาถเข้าข้างเจ้าหญิงชคันมาตรีอย่างออกนอกหน้า แม้เขาจะไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางบอกให้รู้ว่าชื่นชมเจ้าหญิง แต่คนที่เติบโตมาด้วยกันอย่างเธอย่อมรู้อากัปกิริยาของชายหนุ่มดีกว่าใคร และรู้ว่าเขาไม่ใช่คนไร้ใจอย่างที่ใครคาดเดา

“แล้วพอท่านรับตำแหน่งหัวหน้าต่อจากท่านพิษณุ ท่านก็ต้องรับช่วงสัญญาปกป้องเจ้าหญิงที่ไม่รู้อะไรเลย”

“แต่ถ้าท่านฟ้าตาย สัญญาระหว่างกองโจรของเรา กับจอมนางแห่งมาแกเซมบีลันจะสิ้นสุดลงทันที” วิศวนาถเอ่ยในสิ่งที่มิรานีน่าจะรู้ แต่ไม่ยอมกล่าวถึงด้วยน้ำเสียงย้ำเตือนว่าเธอไม่ควรลืมมัน

“ข้ารู้...” มิรานีเอ่ยเสียงฉิว พลางกอดท่อนแขนแข็งแรงแน่นขึ้น

“แต่ท่านฟ้าคงไม่ตายในเร็ววันนี้แน่ ท่านฟ้าเป็นคนเก่งจะตาย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ได้ขึ้นเป็นราชาแห่งท้องทะเลหรอก ข้ารู้นะว่าท่านพิษณุก็แค่รับตำแหน่งหัวหน้าเพียงในนามเท่านั้น เพราะคนที่ออกคำสั่งเคลื่อนไหวกองเรืออันดามันของเราก็คือท่านฟ้า”

ไม่รู้ว่ามิรานีไปเอาความจริงเกี่ยวกับตำแหน่งของหัวหน้ากองโจรแห่งท้องทะเลมาจากไหน แต่หญิงสาวก็เป็นถึงว่าที่นายหญิงโรงแรมจันทร์เพ็ญ ที่เป็นโรงขายข่าวที่ใหญ่ที่สุดในกรารูวา เขาจึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนักที่เธอรู้เรื่องนี้

และด้วยเหตุนี้เอง วิศวนาถจึงกลับขึ้นฝั่งเร็วกว่ากำหนดการ เพื่อมาให้ทันพบหัวหน้ากองเรืออันเกรียงไกรของเหล่าโจร พร้อมทั้งประกาศท้าทายแย่งชิงตำแหน่งนั้นมา ซึ่งพระผ่านฟ้าก็ทรงรับสารท้ารบของชายหนุ่มไปเรียบร้อยแล้ว!






พอย้ายที่ทำงานใหม่ งานยุ่งกว่าเดิม เวลาว่างเขียนนิยายเลยหดหาย เรื่องนี้คงอัพขึ้นแบบเต่าเรียกพี่ อาจเป็นเดือนละสองตอน ไม่ก็เดือนละตอนไปเลย แต่คงจะไปตูมเดียวตอนช่วงใกล้ ๆ สิ้นปี ดังนั้นก็ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ



Create Date : 05 กรกฎาคม 2551
Last Update : 26 ตุลาคม 2556 17:18:51 น.
Counter : 250 Pageviews.

3 comments
  
อา ในที่สุดเรื่องใหม่ที่รอก็มาซักที
ต่อจากหรือก่อน พิษเสน่หา จ๊า?
เป็นกำลังใจให้ ฮี่ฮี่
โดย: กงจู วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:18:38 น.
  
ต้องเรียกว่าก่อนพรายพระจันทร์จะดีกว่าค่ะ

เป็นบทนำร่องให้บริมาสเก็บเอาไปฝันถึงตำนานสีน้ำเงินของกูรา
โดย: ฌา วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:46:29 น.
  
รออยู่น้า
โดย: 04054 IP: 192.168.1.131, 125.26.162.18 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:43:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog