นิติพงษ์ ห่อนาค
นิติพงษ์ ห่อนาค 1. ข้อมูลนิติพงษ์ นิติพงษ์ ห่อนาค ชื่อเล่น ดี้ ..เกิดที่จ. ลพบุรี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2503 (เบิร์ดธงไชย เกิดปี พ.ศ. 2501) ..คุณพ่อคุณแม่มีลูกรวม 8 คน ทุกคนเรียนดีหมด จบอย่างต่ำปริญญาตรี พี่ชายคนหนึ่งของคุณดี้ จบคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ การศึกษา ..คุณดี้เข้าเรียนที่โรงเรียนพัฒนศิลป์วิทยา จ.ลพบุรี ระดับประถมศึกษาปีที่ 2 4 (พ.ศ.2509 2511) โดยเข้าเรียนในระดับป.2 เลย ได้พาสชั้นป.1 เพราะคุณพ่อสอนความรู้ที่บ้าน จนรอบรู้วิชาป.1หมดแล้ว ...ส่วนระดับประถมศึกษาปีที่ 5 - 7 (พ.ศ.2512 2514) คุณดี้ได้ย้ายไปเรียนที่ โรงเรียนเมืองใหม่ชะลอราษฎร์รังสฤษดิ์ จ.ลพบุรี ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 5 (พ.ศ.2515 2519) คุณดี้ย้ายโรงเรียนอีกรอบ คราวนี้ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดลพบุรี คือ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ที่นั่นผลการเรียนดีมาก ได้เกรดเฉลี่ยสูงกว่า 90% ทุกปี และได้รับรางวัลเป็นปากกาป๊ากเกอร์จากทางโรงเรียนทุกปีเช่นกัน... วิชาที่ทำคะแนนสูงสุด ได้แก่วิชา คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ฟิสิกซ์ และเรขาคณิต ปี 2520 อันเป็นปีแรกที่สอบเอนทรานส์เข้ามหาวิทยาลัย ...เนื่องจากเป็นนักเรียนต่างจังหวัด และยังไม่มีความมั่นใจตนเองในตอนนั้น ยังคิดว่าตนเองไม่น่าจะสอบติดที่มหาวิทยาลัยในเมืองได้ จึงไม่ได้เลือกคณะของมหาวิทยาลัยในเมืองเลย ...ผลการสอบ สอบติดคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง สอบติดด้วยคะแนนเป็นคนที่ 2 ของคณะ ณ คณะสถาปัตย์ เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้บ่มเพาะความคิดให้คุณดี้เริ่มกล้าพูดคุยกับผู้อื่น กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ และคิดว่าตนเองพร้อมที่จะไปสอบเอนทรานส์อีกครั้งเพื่อเข้าจุฬาฯเฉกเช่นเดียวกับพี่ชาย ในปี 2521 ปีถัดมา คุณดี้จึงชักชวนเพื่อนคนที่สอบได้ที่ 1 ไปสอบเอนทรานส์ใหม่อีกครั้ง ที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ แล้วก็สอบติดคณะนี้ทั้งคู่ ได้เข้าเรียนที่คณะสถาปัตย์ จุฬาฯสมใจหวัง ได้เรียนรุ่นเดียวกับ ศรัญญู วงศ์กระจ่าง, วัชระ ปานเอี่ยม, และซูโม่โค้ก เป็นต้น การเข้าเรียนที่นี่ มีเพื่อนที่มีลักษณะเป็นศิลปินเช่นนี้ ทำให้คุณดี้ค้นพบศักยภาพของตนเองว่า ไม่ได้ถนัดเรื่องการออกแบบบ้านเสียทีเดียว แต่มีความชอบและความถนัดด้านอื่นมากกว่า นั่นก็คือการเขียนเพลงและการเล่นดนตรี ...ช่วงที่เรียนอยู่นั้น จึงไม่ได้เรียนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้เรียนไปด้วยเล่นดนตรีไปด้วยและทำงานไปด้วย ทำให้เรียนจบช้าไปหน่อย คือเรียน 6 ปี(พ.ศ.2521 2526)ประวัติการทำงาน
ปีพ.ศ. 2524 ขณะเรียนอยู่ที่สถาปัตย์ จุฬาฯนั้น คุณดี้ได้เริ่มทำงานแล้ว โดยทำทั้งงานเขียนบทโทรทัศน์ เขียนบทละคร จัดรายการวิทยุ และร้องเพลงโฆษณา ตามคำชักชวนของคุณตู้ - จรัสพงษ์ สุรัสวดี ..ทำงานให้กับบริษัทเจเอสแอล และนับตั้งแต่การเข้าเป็นเฟรชชี่ในปีที่ 1(พ.ศ.2521)เรื่อยมา คุณดี้ก็ร่วมเล่นร่วมร้องเพลงกับทางคณะสถาปัตย์มาโดยตลอด ...ประสบการณ์ตรงนี้ ทำให้ในปีพ.ศ.2525 ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกวงเฉลียง และปีพ.ศ.2529 จึงได้สวมบทบาทเป็นหัวหน้าวงเฉลียง ตลอดเวลาที่อยู่ในวง คุณดี้ได้แต่งเพลงให้กับวงเฉลียงจำนวนมาก ...สำหรับเพลงที่รู้จักกันดีเพลงหนึ่งและคุณดี้ได้ขับร้องเองด้วยคือเพลง นายไข่เจียว จากอัลบั้มเอกเขนก หลังจากสำเร็จการศึกษาในปี 2526 แล้ว ..พอปี 2527 คุณดี้ก็เข้าเป็นเป็นนักแต่งเพลงกินเงินเดือน ในบริษัท แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ตามคำเชิญของคุณเต๋อ เรวัติ พุทธินันท์ ซึ่งปัจจุบันคือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2535 ได้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้จัดการฝ่ายผลิตและสร้างสรรค์เพลง ของบริษัท แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ..และในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2540 ก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรมมี่ แกรนด์ จำกัด (ในเครือบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ณ วันนี้ ...คุณดี้ดำรงตำแหน่งเป็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจเพลง บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งแต่งเพลงให้ศิลปินในเครือแกรมมี่ฯ นอกจากนี้ ยังเป็นคอลัมน์นิสต์ประจำคอลัมน์ D Type นิตยสารอิมเมจ ตลอดจนเป็นวิทยากรบรรยายให้แก่นักศึกษา องค์กรภาครัฐ และภาคเอกชนต่างๆผลงานการเขียนเพลงของคุณดี้นั้น เริ่มต้นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2523 ตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 คณะสถาปัตย์ เพลงแรกคือเพลง เข้าใจ ของวงเฉลียง แต่ได้ออกอากาศในภายหลัง ...เพลงที่แต่งแล้วได้ออกอากาศก่อนเพลงใดๆ คือเพลง ดนตรีในหัวใจ ขับร้องโดย สุรสีห์ อิทธิกุล ในภาพยนตร์เรื่อง วัยอลวน ของเปี๊ยก โปสเตอร์ ในปีพ.ศ.2525
.อ่านบทสัมภาษณ์ได้ที่นี่ ปัจจุบันผลงานการเขียนเพลงของคุณดี้ มีต่อเนื่องยาวนานกว่า 25 ปี จำนวนเพลงมีทั้งหมดกว่า 350 เพลง เขียนเพลงให้แก่ศิลปินดังๆ เช่น เบิร์ด ธงไชย, อัสนี-วสันต์, ไมโคร, บิลลี่, คริสติน่า, ใหม่ เจริญปุระ, มาช่า, กอล์ฟ-ไมค์, และโรส ศิรินทิพย์ เป็นต้น เพลงโด่งดังที่สร้างชื่อเสียง เช่น เพลงหมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ (เบิร์ด), รักปอนปอน (ไมโคร), เธอปันใจ (อัสนี-วสันต์), แพ้ใจ (ใหม่ เจริญปุระ), คาใจ (เจ เจตริน), ก็เลิกกันแล้ว (เบิร์ด), คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ (แท๊กซี่) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเพลงที่ประพันธ์ขึ้นในโอกาสพิเศษ เช่น - เพลง ต้นไม้ของพ่อ ประพันธ์เพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 พรรษา เมื่อ 9 มิถุนายน 2539 - เพลง ของขวัญจากก้อนดิน ประพันธ์เพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 - เพลง รูปที่มีทุกบ้าน ประพันธ์เพื่อเทิดพระเกียรติประพันธ์เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 - เพลง งานของแม่ไม่เคยหมด ประพันธ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติแม่ของแผ่นดิน - เพลง คือสายใย เพลงพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ - เพลง ฝากส่งใจไป เพลงพิเศษเพื่อเป็นกำลังใจให้พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ - เพลง อีกไม่นาน เพลงพิเศษเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบธรณีพิบัติภัย - เพลง ทำดีกู้แผ่นดิน โครงการทำดีกู้แผ่นดินของเสถียรธรรมสถานนามปากกา ที่คุณดี้ใช้ในการเขียนเพลง มีหลากหลายนาม เช่น นิติพงษ์ ห่อนาค, ดี้, โอภาส พันธ์ดี, ประภา จันเนิน, บางนา ท่าเรือ, หมู, อำพน พันธ์เดิม, จักรวรรดิ พัฒน์พิบูลย์, จักรววรดิ พ., ประดับ ปนทอง, บดินทร์ พงศ์นาค, สีห์ ธาราสด, นาถวลี อัตเมธากุล, เทียม จริงใจ, น้องแพ็ท กับ อาดี้, น้องสีห์ ธาราสด, สีห์ เทกีล่า, คนเดิมเปี๊ยบเลย, หน้าสิ่ว หน้าขวาน, เพียงออ, สีห์ สามัคคีประชาชื่น, สีห์ ธาราใส, สีห์ ธานีเขียวรางวัลที่ได้รับจากผลงานเพลง - ปี 2539 รางวัลพระพิฆเนศทองพระราชทาน ประพันธ์คำร้องยอดเยี่ยมจากเพลง "แค่เสียใจไม่พอ" (ศิลปิน แอม เสาวลักษณ์) และเพลง "เหนื่อยไหม" (ศิลปิน เบิร์ด ธงไชย) - ปี 2548 รางวัลชนะเลิศการประพันธ์เพลงดีเด่นด้านภาษาไทย ประเภทเพลงไทยสากล โครงการเพชรในเพลง ของกระทรวงวัฒนธรรม จากเพลง "ก้อนหินก้อนนั้น" (ศิลปิน โรส ศิรินทิพย์)ผลงานอื่นๆ - เป็นศิษย์เก่าดีเด่น โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี ประจำปี 2550 - เป็นศิษย์เก่าดีเด่น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี 2548 - ร่วมแสดงคอนเสิร์ตกับศิลปิน "เฉลียง" รายได้ทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา - อำนวยการผลิตเพลง TO BE NUMBER ONE ซึ่งเป็นโครงการในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีไลฟ์สไตล์
คุณดี้เขียนไว้ใน hi5 ของตนเองว่า เกี่ยวกับฉัน .... I am a guy who have one head, two hands, two legs. รสนิยมทางเพศ .... ชายจริงหญิงแท้ ดื่มเหล้า .... เมื่อเข้าสังคม สูบบุหรี่ .... เมื่อเข้าสังคม ความสนใจเฉพาะ
. Lot of things in this world ประเภทเพลงที่ชื่นชอบ
. Rock, Country, Jazz, Classical, Pop ภาพยนตร์เรื่องโปรด .... Lost Horizon , Forest Gump ,Life is Beautiful โทรทัศน์รายการโปรด .... ก่อนบ่ายคลายเครียด , ตาสว่าง , ข่าว หนังสือเล่มโปรด ..... Religion, philosophy , nude คำคมที่ชื่นชอบ
. มนุษย์ควรมีคำคมไว้หลาย ๆ คำ สำหรับเหตุการณ์ที่ต่างกันไป 2. นิติพงษ์พูด คุณดี้ ให้สัมภาษณ์กับน.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2550 ...ผม(จขบ.) ขอนำมาลงให้เพื่อนๆได้รับทราบถึงบางส่วนของความคิดของคุณดี้ "ที่มาที่ไปของการทำงานที่บ้านแทนที่ทำงาน คือ อยู่มาวันหนึ่งเป็นนักแต่งเพลง และอยู่มาอีกวันหนึ่งต้องไปสวมหมวกเป็นผู้บริหาร อะไรก็ไม่รู้ ถามว่าทำได้ไหม มันก็ทำได้ ถามว่าชอบไหม มันก็ไม่ใช่นิสัย แต่เพราะไม่มีทางเลือก มาตามสายก็เป็นพี่เขา ต้องดูแลเขา ดูแลคนทำงาน แต่ก็ทำได้ จนผ่านไปเกือบ 10 ปี พายุมันแรงขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มไม่สนุกขึ้นเรื่อยๆ งานแบบนี้มันต้องใช้นักรบ เราก็เลยไม่ขอรบ ขอเป็นนักแต่งเพลง และก็เป็น 'บอร์ดใบ้' อะไรสักอย่าง ทุกฝ่ายก็เห็นด้วยว่า อย่าใช้รถผิดประเภท รถบรรทุกก็บรรทุกไป รถจักรยานก็ให้มันขี่ขึ้นภูเขาไป" "เรื่องการตลาดเราอาจจะล้าสมัย แต่เรื่องแต่งเพลงเรายังไม่ล้าสมัย เพราะว่าเราก็ยังเล่นไฮไฟว์อยู่ เลยต้องมานั่งทำงานอยู่ที่บ้าน" ขณะนี้คิงส์ออฟเพลงรัก จะเข้าออฟฟิศเพียงเดือนละ 4-5 วันตามหมายประชุมที่สำคัญๆ
พูดได้ว่า จะใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากกว่าที่ทำงาน แต่งานแต่งเพลงก็ยังคงเดินหน้าไปเรื่อยๆ "เป็นความลงตัวพอดี ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ประมาณ 6-7 ปีแล้ว ได้อยู่คุ้ม เพราะว่ามันแพง (หัวเราะ) อ้าว! ก็คนอื่นเขาอยู่บ้านใหญ่บ้านโต ไม่รู้กี่สิบล้าน ถามว่าเขาได้อยู่บ้านบ้างหรือเปล่า ...จริงๆ แล้วผมว่า ชีวิตแบบทำงานอยู่ที่บ้านนี้เป็นแนวโน้มใหม่ซึ่งควรจะทำได้แล้ว เพราะตอนนี้อเมริกา ญี่ปุ่น ประเทศที่แข็งแรงทางด้านเศรษฐกิจ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการทำงานบางอย่าง" แล้วคุณดี้ก็ยกตัวอย่างความสะดวกต่างๆนานา ทั้งโทรศัพท์ ทั้งอินเทอร์เน็ต ที่ลดความจำเป็นในการเดินทาง "ตอนนี้ก็มีอยู่แล้ว ดูผ่านจอก็ได้ (เวบแคม) ผมก็พยายามบอกเพื่อนร่วมงานว่า เรามาเปลี่ยนพฤติกรรมกันไหม อยู่ตึกนอกจากจะเสียค่าพื้นที่ค่าไฟแล้ว ในเนื้องานซึ่งสถานที่ไม่สำคัญเท่าโทรศัพท์มือถือ แล้วจะไปเสียค่าน้ำมันกันอีกทำไม" คุณดี้บอกว่า จะไปตั้งออฟฟิศส่วนตัวที่ไหนก็ได้ ขอแค่ใช้การสื่อสารให้เป็น "ถ้าเราใช้การสื่อสารให้เป็นประโยชน์ เราอยู่ที่ไหนในโลกนี้ก็ได้ ไม่ต้องซื้อที่ดินแพงมาก ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางมาก มีเวลาเหลือ ได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกกับเมีย เนื้องานก็จะเป็นงานเพียวๆ แล้ว จะไม่มีปัจจัยอื่นอีกแล้ว เพราะจริงๆ แล้ว ความเครียดอาจจะไม่ได้มาจากเรื่องงานเพียงอย่างเดียว งานอาจจะมีแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ รถติดอีก 10 เปอร์เซ็นต์ อื่นๆอีกเยอะแยะ ..แต่ถ้าทำงานอยู่กับบ้านได้ ปัจจัยเหล่านี้ก็จะถูกตัดออกไปหมด ถ้าจะเครียด ก็เครียดเรื่องงานเพียงอย่างเดียว" นักแต่งเพลงผิวเข้มบอกว่า เป็นความโชคดีที่สามารถเลือกชีวิตแบบนี้ได้ 4 ปีแล้ว และได้มีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับภรรยาและลูก ซึ่งเรียนหนังสืออยู่ที่ใกล้บ้านด้วย "แต่เราอยู่บ้านมากกว่าลูกอีกนะ (หัวเราะ) ลูกยังมีคิวเยอะกว่าเราเลย กลายเป็นพ่อแม่ขาดความอบอุ่น เพราะเด็กสมัยใหม่ต้องเรียน ทั้งภาษาจีน ภาษาไทย บัลเล่ต์ อาร์ต เปียโน ฯลฯ ตอนนี้ 6 ขวบแล้ว บางทีเราต้องห้ามให้หยุด หรือบอกว่ากินข้าวก่อนนะลูก" ในบ้านหลังใหญ่ คุณดี้ มีเทคโนโลยีครบครันทั้งไฮไฟว์และเอ็มเอสเอ็น ซึ่งนอกจากจะใช้พูดคุยเป็นพื้นฐานแล้ว ยังเป็นแหล่ง 'วัตถุดิบ' เขียนเพลงได้โดยไม่ต้องออกไปหาแรงบันดาลใจนอกสถานที่อย่างแต่ก่อน "ตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องไปปาร์ตี้ ที่อาร์ซีเอ หรือไปดื่มเหล้าในผับ ก็อยู่ในบ้านนี่แหละ อยากกินเหล้าก็เปิดเบียร์ กระป๋องหนึ่งแล้วออนไลน์ ก็มีคนคุยกันแล้ว อยากฟังเพลงก็เปิด อยากจะคุยแบบไหน แบบพิมพ์หรือแบบพูด แบบเห็นหน้าด้วยหรือเปล่า มีทุกอย่างแหล่ะ ..จะว่าไปแล้ว การคุยแบบแชท มีสมาธิกว่าการคุยกันต่อหน้าด้วยซ้ำ เพราะเวลาพูด เราก็พูดเลย แต่การพิมพ์นี่ จะมีการกลั่นกรองพอสมควร ..โดยเฉพาะบางคนเจอหน้าไม่คุยกัน แต่พอได้เอ็มเอสเอ็น คุยกันรู้เรื่องขึ้น แปลกนะ ไม่รู้ว่ามันมีเสน่ห์อะไร" นอกจากนี้ คุณดี้ยังพูดถึงข้อดีของการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะถึงช้าแบบจดหมาย หรือจะสูญหายระหว่างทาง แถมไม่ต้องจ่ายค่าซองกันกระแทกอีกต่างหาก "ไม่มีวันหายเพราะมันอยู่ในเมลบ็อกซ์ ความจริงทุกอย่างสะดวกเกินความต้องการด้วยซ้ำ ...แต่ว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังขับรถไปที่ตึก เพียงเพื่อจะไปตอกบัตรแล้วนั่งทำงานไม่กี่ชั่วโมง นั่นหมายความว่า เรายังตามเทคโนโลยีไม่ทัน ..ที่จริงเราทำงานเพื่อต้องการผลงานไม่ใช่เอาเวลา แต่โลกนี้เกินกว่าครึ่ง ยังทำงานด้วยเวลาอยู่ไง เข้างานแปดโมงครึ่ง เลิกห้าโมงเย็น ถ้าทำงานเกินนี้ก็รับโอทีไป ซึ่งมันน่าจะหมดสมัยไปเร็วๆ นี้" ถ้ามนุษย์งานสามารถอยู่บ้านกับครอบครัว จัดแจงเวลาเข้า-ออกงานเองได้ แบบนี้น่าจะเป็นชีวิตที่ดีในความคิดของนักแต่งเพลงรักชื่อดัง "เราจะได้ประหยัดชีวิตไปเกินกว่าครึ่งกับเรื่องที่ไม่จำเป็น มีเวลาได้อยู่กับลูกเมีย งานก็ทำได้ครบถ้วน ดีด้วย มีสมาธิด้วย และมีเวลาส่วนตัว ...ผมถึงได้บอกว่า Work at Home นี่มันดีจริงๆ ในแง่ของการทำงาน ถ้าใครต้องการจะเจอตัวข้าพเจ้า ก็จงมาหาข้าพเจ้าที่บ้าน อย่างมาสัมภาษณ์ บางคนบอกว่าเจอกันที่แกรมมี่ได้หรือเปล่า เราก็ถามว่าสะดวกใครล่ะ ถ้าเจอกันที่แกรมมี่ เธอก็ต้องเดินทางไป เราก็ต้องเดินทางไป เปลืองค่าน้ำมันทั้งคู่ เธอเปลี่ยนจากเดินทางไปแกรมมี่ มาที่บ้านพี่ดีกว่าไหม" 3 ปีที่ผ่านมา คุณดี้ มีเวลาอยู่บ้านและแถบละแวกบ้านประมาณ 97 เปอร์เซ็นต์ เพราะในรั้วของหมู่บ้านรัชดาธานี มีครบทุกอย่าง ทั้งโรงเรียน ฟิตเนส สนามกีฬา สระว่ายน้ำ ฯลฯ ขาดอย่างเดียวคือ โรงภาพยนตร์ แต่ครอบครัว ห่อนาค ก็ไม่ได้ตึง ถึงขนาดจะออกจากบ้านไม่ได้ หากเรื่องหนังถ้าอยากดูจริงๆ ก็ขับรถออกไปซื้อตั๋วได้ เช่นเดียวกับกิจธุระอื่นๆ เช่น งานสังคม งานแต่งงาน หรืองานศพ "พูดถึงงานศพ เดี๋ยวนี้ฝรั่งเขายังจัดงานศพทางอินเทอร์เน็ตเลย มีการลงชื่อ มีส่งดอกไม้ ....คุณมีญาติอยู่ทั่วโลกก็ไม่ต้องลำบากเดินทางไป แต่เรายังต้องเดินทางไปงานศพอยู่ เพราะงานศพเขาไม่มาบ้านเรา (หัวเราะ) ...เดี๋ยวนี้จะกินของอร่อย ก็ให้มอเตอร์ไซค์ออกไปซื้อมาให้กินที่บ้าน อยู่บ้านใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ไม่ใส่รองเท้า" ทุกวันนี้ที่บ้านคุณดี้ จะมีเพื่อนๆมาปาร์ตี้บ่อยๆ ข้อดีมีอยู่หลายอย่าง คุณดี้สาธยายบอก ..และอีกอย่างหนึ่งคือถ้าเจ้าของบ้านง่วงก็ขึ้นบ้านนอนได้เลย. 3. นิติพงษ์เขียน ผม(จขบ.) ขอนำจดหมายเปิดผนึกที่คุณดี้ มีถึงพี่น้องNitipongfanclub มาให้อ่านกัน กราบเรียน กัลยาณมิตรที่รักทั้งปวงของผม เนื่องด้วยมีหลายท่านทราบข่าวว่า ผมคิดอ่านลงสมัครสมาชิกวุฒิสภาในระบบเลือกตั้งของกรุงเทพมหานครตามสื่อต่างๆ แล้วพากันอึ้ง ฉงนใจ ไถ่ถาม ว่าทำไมผมจึงมีความคิดจะไปป้วนเปี้ยนในระบบการเมือง ผมจึงอยากไขข้อฉงนของท่านมาพร้อมกัน ณ ที่นี้เสียเลย ผมเองอยากจะบอกก่อนว่า อย่าว่าแต่ท่านทั้งหลายแปลกใจเลย ผมเองก็แปลกใจตัวเองเช่นกัน เพราะไม่เคยมีอยู่ในแผนชีวิตมาก่อน แต่ทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้นจากระบบคิดที่สั่งสมมาโดยไม่รู้ตัว สมัยวัยเรียน ผมจำได้ว่า เวลาครูสอนหนังสือวิชาใด ก่อนจบชั่วโมง ครูจะถามนักเรียนว่า มีใครไม่เข้าใจตรงไหน ให้ยกมือขึ้นถาม ก็จะไม่มีใครถามอะไร ไม่กล้ายกมือ ใครยกมือขึ้นถาม ก็จะถูกเพื่อนล้อว่าเป็นเด็กเรียน อายเพื่อน น่าขำ ยิ่งเป็นเด็กหลังห้องจะยิ่งไม่กล้าถาม ปล่อยให้เด็กเรียนหน้าห้อง เรียนเก่ง ถามครู แล้วเพื่อน ๆ ก็คอยนินทาว่าประจบครู แต่ตัวเองก็ยอมให้ตัวเองเรียนไม่รู้เรื่อง ทุกวันนี้ก็ยังมีทัศนคติแบบนี้ อยู่ในอีกหลายส่วนของสังคม การเรียน ครูก็อยากให้ทุกคนรู้วิชาเท่าเทียมกัน การเมือง ก็เป็นเรื่องของทุกคนเท่าเทียมกันเช่นกัน เราทุกคนไม่ว่าอาชีพใด มีสิทธิ์ "ยกมือ" ถามได้เสมอ ตามรัฐธรรมนูญที่เขาอุตส่าห์กวักมือเรียกให้เราไปมีส่วนร่วมเท่าที่จะทำได้ ผมเชื่อว่าทุกคนสนใจการเมืองไม่มากก็น้อย เกลียดคนนั้น รักพรรคนี้ นินทาการเมือง วิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดมัน ไม่ต่างกับการดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หรือละครหลังข่าว เพียงแต่ว่า ฟุตบอลกับละครทีวี ไม่มีผลกระทบกับชีวิตเรา อย่างที่การเมืองเป็น ผม นินทาการเมืองนักการเมืองตามโต๊ะน้ำชา ร้านกาแฟ แล้วก็กลับบ้านไป มีประโยชน์แค่พอให้ระบายความคับแค้นหรือขำขัน ผมยี้คนนั้น ยี้คนนี้ ไม่อยากให้คนนั้น คนนี้เข้าไป ผมด่าคนนั้นคนนี้ ตำหนิพวกเขา แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ที่จะส่งเสริมคนที่คิดว่าดี ได้เข้าไปทำหน้าที่ที่สำคัญ ผมไม่เคยคิดส่งตัวเองเข้าไปในวงการเมือง ในฐานะที่เราคิดว่า เราคิดดี มีแนวคิดที่แตกต่าง ผมไม่ส่งเสริมเพื่อน ที่รู้สึกว่าเขาเก่ง หรือคนที่รู้จัก ที่คิดว่าเขาคิดดี ...แต่กลับทัดทาน ห้ามปรามว่า อย่าเข้าไปเลยการเมือง มันเปลืองตัว มันแปดเปื้อน แก่งแย่งชิงดีกัน ดังที่ผมเคยได้ยินตลอดมา หลายครั้ง ผมได้แต่ตำหนิผู้คนในสภาว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่เข้าท่า ...แต่เวลาถามตัวเองกลับไปว่าแล้วเอ็งคิดว่าเอ็งแน่ ทำไมเอ็งไม่ลองเข้าไปในนั้น ดูมั่งเล่า ผมก็ตอบตัวเองแบบง่ายๆ ว่า ไม่เอาละ เรื่องอะไร เปลืองตัว ผมไม่เคยคิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง มาแต่ไหนแต่ไร เป็นคนนินทาหรือกองเชียร์อยู่ไกลๆตลอดมา เพราะคิดว่าตนเองเป็นคนทำงานสัมมาอาชีพ ไม่ว่าง และอยู่คนละโลกกับพวกเขาที่อยู่ใน "ห้องใหญ่ห้องนั้น" ทั้ง ๆที่คนใน "ห้องนั้น" มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้เรามีความสุขหรือทุกข์ได้ โลกของพวกเขาเป็นโลกเดียวกันกับของเรา เรื่องที่เขาตัดสินกันใน ห้องนั้น เป็นเรื่องของเราทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นทัศนคติที่ผมมีต่อการเมืองตลอดมานั้น ผมคิดผิด ควรต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ แล้ววันหนึ่ง ไม่นานมานี้เอง ผมจึงได้คิดว่า ถ้าพร้อมเมื่อไร มีโอกาสเมื่อไร จะขอเข้าไปดู เข้าไปเห็น เข้าไปช่วย เข้าไปทัดทานได้บ้าง จึงได้ตัดสินใจลงสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภา มีคนถามว่า ผมมีนโยบายอะไรบ้าง ในการจะอาสาเป็น ส.ว.กรุงเทพฯ ถ้าเป็นคำถามที่ต้องตอบในเชิงการเมือง ผมคงคิดอะไรหรู ๆ ได้สักสิบเรื่องในเวลาสักชั่วโมงหนึ่ง แล้วพูดออกมาสวย ๆ อย่างที่เราเคยเห็นพรรคการเมืองเขามีกัน ซึ่งระดับพรรคการเมืองยังไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ระดับ สว.หนึ่งคน จะพูดนโยบายสวยหรู ก็คงน่าขบขัน ตอนนี้ผมขอเพียงตั้งใจอาสาหน้าที่ สว. ในความเห็นของผมเบื้องต้น คือการตรวจสอบ ให้คำปรึกษา ทัดทาน ยับยั้ง แก้ไขในสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะถูกต้อง ไม่โดดประชุม พยายามให้กฎหมายที่ร่างออกมานั้นมีสามัญสำนึกและประโยชน์จริง ทำแค่นี้ให้ได้ก่อนเถิด อีกประเด็นหนึ่งคือ อยากให้คิดกันเสียใหม่ ว่า ประเทศชาตินี้ มีมนุษย์อีกหลายอาชีพ หลายเผ่าพันธุ์ อย่าปล่อยให้ถูกปกครองจากผู้คนเพียงไม่กี่อาชีพ นักการเมืองนักปกครองของบ้านเรา มีสัดส่วนของข้าราชการประจำ ข้าราชการบำนาญ นักกฎหมาย นักการเงิน เอ็นจีโอ หรือ ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น อยู่เต็มสภามานานแล้ว น่าจะมีอีกหลายสิบหลายร้อยอาชีพ ได้เข้าไปร่วมด้วยบ้างในสัดส่วนที่พอเหมาะพอควร รัฐธรรมนูญทุกฉบับ เขียนให้ราษฎรมีสิทธิเท่าเทียมกัน มีสมองและปัญญาใคร่ครวญดุจเดียวกัน จึงไม่ควรมีกลุ่มสาขาอาชีพใด ถูกมองว่าด้อยวุฒิภาวะทางการเมืองกว่ากลุ่มใด การเมือง ไม่ใช่เรื่องของ คนกลุ่มนั้น อีกต่อไป เพราะการเมืองเป็นเรื่องของ ทุกคน พลังเงียบ นักเรียนหลังห้อง ถึงเวลาต้องมาแสดงสิทธิเลือกตั้งแล้วครับ รวมทั้งถ้ามีโอกาสที่พร้อม ก็ควรจะแสดงสิทธิและหน้าที่ได้มากกว่าเป็นคนคอยกากบาท และนั่งลุ้นอยู่ที่บ้าน เลือกตั้ง สว. ครั้งนี้ ผมจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ ก็ไม่อาจทราบได้ แต่หวังว่า จะเป็นการกระตุ้นอีกจุดหนึ่ง ให้กับคนทำงานในวิชาชีพต่าง ๆ อีกมากมาย ได้ตัดสินใจที่จะแสดงศักยภาพและวุฒิภาวะทางการเมือง ให้ในสภาฯมีความหลากหลายมากกว่านี้ มีความ รู้เรื่อง หลากหลายกว่านี้ วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคมนี้ เลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พลังเงียบอย่าเงียบนะครับ จะเลือกใครก็ตามแต่ใจ แต่แสดงให้ คนกลุ่มเดิม ๆ นั้น ทราบว่า ยังมีคนอีกหลายกลุ่มหลายสาขา เขาก็มีพลังเหมือนกัน สุดท้ายนี้ ขอให้ความจงรักภักดีสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านมีอยู่ในหัวใจ จงคุ้มครองสติปัญญา ทัศนคติของท่าน ให้ดำรงชีวิตตน ครอบครัว และส่วนรวมได้อย่างสุขสงบ มั่นคงด้วยเถิดนิติพงษ์ ห่อนาค ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร หมายเลข 29 ป.ล. อาชีพผมยังเป็นนักแต่งเพลงอยู่นะครับ ผม(จขบ.) อยากจะบอกเพื่อนๆว่า หากเพื่อนๆอยู่ในกรุงเทพและยังไม่ทราบว่า เลือกตั้งสว.งวดนี้จะเลือกใครดี ..ลองพิจารณาความคิดของผู้สมัครเบอร์ 29 นะครับ เพื่อนๆอาจจะมองเหมือนผมมอง ...คุณดี้เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนสัตย์ซื่อไม่นิยมการโกงกิน เป็นคนที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองไม่มีทางที่ใครจะมาจูงความคิดได้ง่ายๆ หากเพื่อนๆได้เลือกคุณดี้เข้าไปเป็นตัวแทนสว.สักคน ผมอยากจะขอรับประกันว่า เพื่อนๆจะไม่ผิดหวังในตัวคุณดี้ ที่จะเป็นสว.น้ำใสน้ำดีแทนเพื่อนๆได้อย่างแน่นอน. โดย yyswim
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2551
37 comments
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2551 21:43:13 น.
Counter : 5775 Pageviews.
ดี.แวะมาทักทายพี่สินยามค่ำค่ะ
ยินดีแทนศิลปินในดวงใจพี่สินด้วยต่ะ
ที่มีคนน่ารักอย่างพี่สินเป็นกระบอกเสียงให้