นักศึกษาต่างชาติในจีน เขาทำอะไรบ้างในหนึ่งวัน
เคยสงสัยหรือไม่ว่า ในหนึ่งวันนักศึกษาต่างชาติในจีนเขาทำอะไรกันบ้างนอกจากเรียนภาษาจีน วันนี้จะพูดถึงนักศึกษาต่างชาติในจีนว่าเขาทำอะไรบ้างในหนึ่งวัน และมีอะไรให้พวกเขาได้ทำบ้าง
ครึ่งวันเช้า ในครึ่งวันเช้าจะเป็นการเรียน โดยเรียนทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 - 12.00 น. โดยวิชาที่เรียนจะมี หลักภาษา การพูด การฟัง และอื่นๆ โดยวิชาสุดท้ายแต่ละชั้นเรียนแต่ละระดับก็จะเรียนแตกต่างกันไป เป็นต้นว่า การเขียน วัฒธรรม การอ่านหนังสือพิมพ์ หรืออาจไม่มีเลยก็ได้ โดยใน 1 วันจะเรียนแค่ 2 วิชา วิชาละ 2 คาบเรียน
"บรรยากาศการเรียนในห้องดูสบายๆ บางครั้งก็เครียด แล้วแต่อาจารย์"
ครึ่งวันบ่าย ในครึ่งบ่ายจะเป็นกิจกรรมเรียนรวม เราสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 14.30 - 17.40 น. ในแต่ละวันก็จะมีกิจกรรมแตกต่างกันไป เช่น ติวสอบวัดความรู้ภาษาจีน ดนตรีจีน กังฟู วาดภาพพู่กันจีน เขียนพู่กันจีน เรียนดนตรีพื้นบ้านของจีน การชงชา วิชาการแสดง ภาษาจีนเพื่อการค้า ฯลฯ ซึ่งบางกิจกรรมก็จะมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะบ้างกิจกรรมต้องใช้ความรู้ทางภาษาที่ค่อนข้างมาก
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า กิจกรรมในช่วงบ่ายไม่บังคับ สามารถเข้าร่วมได้ตามความต้องการของตน หรือจะไม่ร่วมเลยก็ไม่มีใครว่า
หมายเหตุ นักศึกษาต่างชาติในบทความนี้หมายถึง นักศึกษาต่างชาติที่เรียนที่แผนกนักศึกษาต่างชาติ ไม่ใช่นักศึกษาต่างชาติที่เรียนกับนักศึกษาจีน
โดยพื้นฐานในหนึ่งวันจะก็เป็นแบบนี้ พูดง่ายๆ ก็คือเรียนแค่ครึ่งวัน อีกครึ่งวันเป็นกิจกรรม ถ้าไม่เข้าร่วมก็กลับบ้าน จะหาติวเตอร์มาช่วยติว หรือนั่งเล่นนอนเล่น ไปเที่ยวก็ได้ตามสบาย ครั้งต่อไป เรามาดูกันว่านักศึกษาต่างชาติ เขาทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง
Create Date : 13 พฤษภาคม 2554 |
|
48 comments |
Last Update : 4 ธันวาคม 2560 0:33:09 น. |
Counter : 1976 Pageviews. |
|
|
|
หลายคนคงบอกว่า ช่วงวัยเรียนคือ ช่วงที่สนุกและมีความสุขที่สุด
สำหรับพี่ช่วงเรียน คือช่วงที่ทุกข์ระทมที่สุด ห้องเรียนที่โดนจำกัดพื้นที่ สภาพแวดล้อมอย่างกะห้องขัง ผู้หญิงและผู้ชายที่ยืนหน้าห้องก็บ่นอยู่นั่นหล่ะ ฟังไม่เห็นรู้เรื่อง สุดท้ายยังมีคำถามบ้า ๆ บอ ๆ ออกมาอีก แล้วบอกว่ามันคือมาตรฐานวัดเกรดและระดับการศึกษา
จริง ๆ การเรียนมันก็มีดีอยู่บ้าง ตรงสอนให้เรารู้ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้ เพียงแต่บางสิ่งเรารู้แล้วก็เท่านั้น มันไม่ได้เอามาใช้หรือเกิดประโยชน์ขึ้นจริงเลยซักครั้ง
หลายคนคงบอกว่าก็เลือกที่อยากเรียนซิ พูดง่ายเนอะ แต่ทำหน่ะยากกว่ามาก ด้วยข้อจำกัดหลายอย่างของแต่ละคน หรือที่หลายคนมักเรียกว่าเหตุผลส่วนตัวนั่นหล่ะ
เรามาแบ่งปันข้อมูลกันหน่อยนะน้องต่อ
ตอนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ ๆ พี่เกิดอยากเรียนภาษา มีแค่สองทางเลือกคือ จีน หรือ อังกฤษ ต่อให้เลือกทั้งสองอย่าง สุดท้ายปลายทางของพี่ก็คงเดิม ไม่ได้ใช้ และก็ลืมไปเลย ตอนนั้นเลือกภาษาอังกฤษ เรียนจนหัวจะผุ บางทีกลับนึกคำบางคำไม่ออกซะงั้น
ตอนจบ ปวช. คิดว่าจะเรียน ปริญญาตรีบัญชี แต่สุดท้ายก็เลือก บริหาร เพราะได้ใช้งาน
ตอนจบ ม.ต้น คิดว่า จะต่อ ศิลป์คหกรรม เพราะชอบทำอาหาร สุดท้ายก็เลือกต่อ ปวช. พ่อคิดว่ามีประโยชน์มากกว่า
พี่ว่าการศึกษา หลายคนคงเป็นแบบนี้ เมื่อถึงทางเลือก ก็ต้องเลือกที่คิดว่าดี ทั้งด้าน ชื่อเสียง หน้าที่การงาน เงินเดือนที่จะได้รับ มากกว่าคิดว่าเรียนเพราะชอบ เพราะใจรัก เพราะอยากทำ
ใครกันหล่ะที่จบออกมาแล้วอยากจะตกงาน ไม่มีงานทำ หรือได้เงินน้อยแต่งานหนัก
หลายครั้งที่หลายคนบอกว่าถ้าเรียนมาแล้วเป็นแบบนั้น สู้อย่าเรียนดีกว่า เสียเวลา เสียเงินเปล่า ๆ
แต่หลายครั้งที่หลายคนบอกว่า เรียนสูง ๆ ดีเนอะ ไม่มีใครดูถูก ไม่โดนใครรังแก ไม่มีใครมาเอาเปรียบ
บทสรุปที่แน่นอน ตายตัวหน่ะไม่มี แต่บทสรุปในใจแต่ละคนหน่ะมีแล้วทั้งนั้น
ทิ้งทวนก่อนหนีเที่ยวระยอง