Bloggang.com : toor36 : ชั่วโมงเรียนขายชาติ

ชั่วโมงเรียนขายชาติ

คำเตือน Blog นี้ประกอบด้วยคำหยาบคายเล็กน้อย และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการเมือง

ถ้าถามว่า ตอนอยู่ที่ประเทศจีนชอบเรียนวิชาไหนมากที่สุด ผมตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยว่า วิชาวัฒนธรรมจีน 《说汉语谈文化》 วิชานี้จัดได้ว่าสนุก และน่าเบื่อในเวลาเดียวกัน ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ทั้งที่บอกว่าชอบ ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่า วิชานี้จะสนุกก็ต่อเมื่อฟังภาษาจีนรู้เรื่อง เนื่องจากจะมีการเปรียบเทียบวัฒนธรรมของชาติต่างๆ กับวัฒนธรรมจีน จะทำให้เห็นถึงความแตกต่างของวัฒนธรรม ซึ่งความแตกต่างนี้เอง ทำให้เรารู้สึกสนุก ในขณะเดียวกันถ้าฟังไม่ออก ก็จะไม่รู้เค้าพูดอะไรกัน ขำอะไรกัน และเกิดความเบื่อหน่ายในที่สุด

คาบแรก อาจารย์ก็เริ่มให้แนะนำตัวทีละคนพร้อมให้แจ้งสัญชาติ ว่าเป็นคนชาติไหน และเวลาเรียนรู้วัฒนธรรมจีนก็จะมีการถามแต่ละประเทศว่า "แล้วประเทศคุณล่ะจะทำอย่างไร?"

"ชั้นเห็นนักเรียนจีนต้องตัดผมสั้น เป็นระเบียบของที่นี่รึ?" ชาวยุโรปคนนึงถามอาจารย์ เลยเป็นที่มาของคำถามที่ว่า "นักเรียนประเทศคุณมีทรงผมอย่างไร?" ผมรู้สึกน่าอายมาก เพราะขนาดประเทศจีนที่เป็นคอมมิวนิสต์ ยังไม่ต้องตัดผมสั้นแบบประเทศไทยเลย ประเทศไทยต้องตัดผมสั้นเกรียนขาวสามด้าน ผู้หญิงก็ต้องตัดผมสั้นติ่งหู พูดจบปุ๊บ ปรากฎว่าเพื่อนชาวฝรั่งเศสลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมชี้มาทางผมพร้อมตะโกนโวยวายว่า "ที่เค้าพูดเป็นความจริง ฉันเคยไปเมืองไทย ฉันเคยเห็น... ..." ทุกคนมีทีท่าตกใจว่าทำไมเมืองไทยมันเป็นอย่างนี้ บางคนหันมาถามเบาๆ ว่า "จริงเหรอ?" ผมรู้สึกอายจนแทบแทรกแผ่นดินจริงๆ เพราะในหลายๆ ประเทศระดับชั้นมัธยม ไม่มีการบังคับเรื่องทรงผม ถึงมีก็ไม่ทุเรศเหมือนประเทศไทย แต่มันช่วยไม่ได้ก็มันเป็นความจริงนี่ ก็ได้แต่ตอบว่า "จริง"

ถ้าคนที่คุณพึ่งรู้จักกันไม่นาน จะเลี้ยงข้าวคุณ คุณจะคิดอย่างไร? ในข้อนี้คนจีนจะคิดมากสุดๆ ว่า ทำไมต้องเลี้ยง? แสดงว่าต้องการให้เราช่วยเหลืออะไรรึเปล่าถึงได้มาเลี้ยงข้าว?

หรือถ้าคนที่ไม่คุ้นเคยเจอหน้ากันจะทักทายอย่างไร ข้อนี้ทุกชาติเหมือนกันคือต้องสุภาพ แล้วถ้าสนิทกันล่ะ ของจีนนี่ทักกันฮามากโดยเฉพาะผู้ชายทักทายกัน "เลิกกับเมียยังวะ" (离了没有) คือคำทักทายของเค้าหากสนิทกัน

อย่าได้คิดโกหกแม้แต่น้อย คิดหรือว่าโกหกแล้วคนอื่นจะไม่รู้ ถ้าโดนจับได้ว่าโกหกจะยิ่งน่าอาย คุณจะโดนจับได้อย่างรวดเร็วหากโกหก เพราะพวกชาวยุโรปหรือแม้แต่ชาติอื่น จะมีนิสัยชอบซักถามหากข้อมูลไม่ตรงกับที่เค้ารู้ (มีกรณีนี้เกิดขึ้นมาแล้วและคนที่โกหกหน้าแหกไม่กล้ามาเรียนอีก)

สิ่งที่น่าสนใจคือ หลังจากที่เรียนคาบนี้ทำให้ผมต้องไปศึกษาข้อมูลหลายๆ อย่างเกี่ยวกับประเทศไทยมากขึ้น พูดง่ายๆ คือต้องทำการบ้านไปก่อน แน่นอนว่าไม่ต้องศึกษาข้อมูลก็ได้ แต่จะดีกว่าถ้าเรารู้ข้อมูลที่ถูกต้อง จะได้ไม่ต้องไปพูดในห้องว่า "น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ผมก็ไม่แน่ใจ"

คำถามที่ผมเจออีกอันและเป็นคำถามที่ชาวต่างชาติไม่ว่าชาติไหนก็ให้ความสนใจ คือ "ทำไมคนไทยถึงรักในหลวง?" ซึ่งแต่ละคนก็อาจมีเหตุผลแตกต่างกันไป โดยถ้าใครเคยเข้ามาอ่าน Blog ของผมบ้าง ก็น่าจะพอเดาได้ว่า ผมชื่นชอบในเรื่องความประหยัด ผมก็ตอบไปตามที่ผมชอบมันมาจากใจ ซึ่งทุกคนฟังแล้วเหมือนเค้าจะทึ่งเป็นอย่างมาก

แต่มีคำถามนึงที่ทำให้ผมตกใจมากที่สุดคือ "คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" (เค้าพูดเป็นภาษาอังกฤษสำหรับชื่อนี้ จากนั้นก็อธิบายรายละเอียด) แล้วถามผมว่าจริงตามชื่อมั้ย? ผมตอบไปเลยในตอนนั้นว่า "ไม่จริง" คำถามต่อมาคือ "ทำไมคิดอย่างนั้น" ในตอนนั้นผมจำได้ว่า ช่วงก่อนปฏิวัติเมื่อปี 2549 มีการขอพระราชทาน มาตรา 7 ที่บอกว่าขอนายกพระราชทาน แต่ในหลวงท่านกล่าวว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่ทรงใช้ ทำให้เป็นที่มาของชื่อ มาร์ค ม.7

มันทำให้พวกยุโรปตะลึง เพราะเค้าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน (แน่ล่ะ...เรื่องรัฐธรรมนูญคนไทยยังไม่ค่อยจะรู้เลย) จากนั้นก็มีคำถามอื่นๆ ตามมาเต็มไปหมด ในตอนนั้นผมจำได้ว่า ผมต้องมานั่งกดมือถือเพื่อคำนวนปี พ.ศ. ให้เป็น ค.ศ. และได้คำศัพท์ใหม่ๆ จำนวนมาก ผมพยายามใช้คำศัพท์ที่มีในหัวมาอธิบายประกอบเป็นคำใหม่ แล้วอาจารย์ก็เขียนคำศัพท์ที่ผมอธิบายลงกระดานดำแล้วถามว่าใช่คำนี้มั้ย ผมก็หาจากเครื่องแปลศัพท์อีกทีแล้วค่อยยืนยันว่าใช่หรือไม่ใช่

ก็ช่าวแม่งสิ ไอ้พวกเหี้ยฝรั่งแม่งไร้วัฒนธรรมจะตาย มันจะไปเข้าใจอะไรในหลวงของเรา หลายๆ คนอาจคิดแบบนี้ แต่ถ้าคิดแบบนี้ก็คือเราตะแบงครับ เพราะชาวยุโรปส่วนมากเป็นคนประเภทที่ว่า ใช้เหตุผลมากกว่าความเชื่อ ถ้าคุณไม่ใช้เหตุผลคิดแต่จะพูดตะแบงไปว่า "คุณมันไม่เข้าใจหรอก" เราก็จะเป็นฝ่ายเสียหายทันที แน่นอนอยู่แล้วถ้าเราเอาแต่ตะแบง ไม่อธิบายใครมันจะเข้าใจ

คนยุโรปที่ถามพูดว่า "ผมก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปตามชื่อที่เค้ากล่าว แต่มีคนไทยบางคนบอกว่าเป็นเรื่องจริงตามชื่อ แต่ได้ยินที่คุณพูดผมก็สบายใจ" ผมได้ยินแล้วรู้สึกฉุนเล็กๆ ในตอนนั้นได้แต่คิดว่า "ใครมันพูดแบบนั้นวะ"

วิชานี้เป็นวิชาที่เรียนแล้วไม่อยากให้เลิก และรู้สึกได้ว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ต่อให้ง่วงแค่ไหนก็หลับไม่ลงเพราะมันสนุก แต่วิชานี้ก็จัดได้ว่าเป็นวิชาขายชาติได้เหมือนกัน หากเราพูดอะไรไม่ดีไปชาติก็จะเสียหายได้ง่ายๆ เหมือนกรณีที่เคยมีคนไทยไปพูดกับชาวต่างชาติว่า "คนในประเทศเป็นตุ๊ดเป็นเกย์เป็นเลส 70%"

บางครั้งผมฟังวิธีแก้ปัญหาของคนแต่ละประเทศก็ทำให้เราได้ความคิดใหม่ๆ บางครั้งมันก็เป็นวิธีที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกันว่า มีวิธีแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็น่านำไปประยุกต์ใช้

เรียนภาษาจีนต้องเรียนรู้วัฒนธรรม หากไม่เรียนรู้วัฒนธรรมก็ยากที่จะเข้าใจความคิดของคนจีน บทความภาษาจีน รวมไปถึงวรรณกรรมต่างๆ ของเค้าก็เช่นกัน

ต้องบอกเลยว่า ผมยังต้องฝึกอีกมาก วัฒนธรรมจีนนั้นลึกซึ้งจริงๆ ยิ่งบทความของพวกนักคิดนักเขียนจีนสมัยก่อนด้วยแล้วยิ่งยาก มีนักเขียนที่น่าสนใจไม่น้อย เช่น 鲁迅 ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าเด็กจีนสมัยนี้ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ 鲁迅 เท่าไหร่นัก มันทำให้ผมต้องหันกลับมามองตัวเราอีกครั้งว่า เรารู้จักวัฒนธรรมไทยและนักคิด นักเขียนไทยมากน้อยเพียงใด

Create Date : 18 เมษายน 2553

Last Update : 18 เมษายน 2553 21:10:12 น.

18 comments

Counter : 1139 Pageviews.

เจิม ๆ

คนแรกเรยย

อิอิ

โดย: ตุ๊กตาซัง

วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:18:23:52 น.

อ่านแล้วขำๆแกมสลดใจหน่อยๆอ้ะ

โดย: แม่น้องกะบูน

วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:18:29:11 น.

มาฟัง จขบ. แล้วน่าจะสนุกเหมือนกันนะคับ แต่ก็ขำปนเศร้าเหมือนกัน สงสารประเทศไทยเหมือนกันคับ อยากให้มารักกันเหมือนเดิม

โดย: The Kop Civil

วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:18:52:01 น.

ได้มุมมองใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกนะเนี่ย

โดย: เด็กดำ (จัมนาว

) วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:19:08:22 น.

โดย: thanitsita

วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:19:13:36 น.

[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]

มาทักทายจ้า

โดย: zyberbeing

วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:20:44:18 น.

สวัสดียามดึก คร่า ^^

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว

วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:21:42:51 น.

ตุ๊กตาซัง - ^^

แม่น้องกะบูน - ก็มีบ้างที่น่าสลดใจ

The Kop Civil - สนุกจริงๆ อย่างที่เล่าไว้ครับ สนุกจนไม่อยากให้เลิกเรียนเลยทีเดียว

จัมนาว - ใช่ครับ มุมมองใหม่ๆ บางอัน เราคาดไม่ถึงจริงๆ

thanitsita - ทานแล้วครับ^^

zyberbeing - สวัสดีครับ

หาแฟนตัวเป็นเกลียว - สวัสดีตอนสายครับ

โดย: คุณต่อ (toor36

) วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:11:13:31 น.

ตายละ! คนฝรั่งเศสนั่น...ไม่ไว้หน้าคนไทยเลยแฮะ

เจออย่างนี้กลางห้องผมคงอายเหมือนกันครับ
แต่ยังดีกว่า ถ้าต้องเอารูปติดบัตรสมัย ม.ต้น ให้มันดู เอิ๊ก ๆ

.
.

แต่พอ คีอานู รีฟ จากหนังเรื่อง Speed ดัง
น.ร. ชายก็หันไปตัดสกินเฮดแทน เท่กว่าทรงนักเรียนตั้งเยอะ

โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก

วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:13:18:53 น.

เมืองไทยมันเจริญเป็นหย่อมๆ แต่โดยรวมก็ด้อยพัฒนา

โดย: น้องผิง

วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:14:54:04 น.

เรื่องในหลวงนะ เพื่อนเกาหลี กับเพื่อนชาติอื่นๆ ของพี่เค้าก็รู้นะ
ว่าคนไทยรัก เคารพในหลวงมาก แล้วก็ชอบถามนี่แหละว่า ทำไม
จริงๆ เพื่อนเกาหลีเค้าสงสัยนะ เพราะเค้าไม่มีกษัตริย์แล้ว
บางคนก็ึิคิดว่า ระบอบกษัตริย์เป็นเรื่องสิ้นเปลืองนะ
เพราะงั้นเลยไม่เข้าใจว่า ทำไมคนไทยถึงรักในหลวงมาก

โดย: apple juice

วันที่: 19 เมษายน 2553 เวลา:19:00:36 น.

มาอ่านหลายวันแระ ...แล้วไม่ได้เมนต์ อิอิ อ่านเพลินจนลืม ออกไปเฉยเลย

เก๊าะ ...ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ฝรั่งสงสัยชื่อคณะปฎิรูปการปกครอง ก็พี่แกเล่นห้อยท้ายแบบนั้น เป็นใคร ใครก็ต้องสงสัยอะจ้ะ

อยากให้คนไทยแค่รักในหลวงก็พอ

รักเหมือนที่เรารักชาติ

แต่ทุกวันนี้ บางครั้งกลายเป็นคลั่ง...คลั่งจนไม่มองเหตุผลอะไรเลย

โดย: นักล่าน้ำตก

วันที่: 20 เมษายน 2553 เวลา:11:30:47 น.

สุข สดชื่น แจ่มใส ในวันพฤหัสบดีจ้า
เข้าใจหละ แต่น่าจะเรียกว่าวิชาทำให้ชาติขายหน้าแหละไม่ว่า

โดย: หอมกร

วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:7:42:30 น.

ตอนเด็กที่กำลังต้องไปเข้าเรียนตอนที่ถูกจับตัดผมผมร้องไห้ใหญ่เลย

ก็แปลกๆเหมือนกันนะครับเมืองไทยตามชนบทคนก็จนๆแต่ก็ต้องเสียเงินมาซื้อเครื่องแบบนักเรียนอะไรต่อมิอะไร ถ้าให้ใส่ชุดอะไรก็ได้ก็น่าจะประหยัดเงินพ่อแม่ได้มากขึ้น ^^

โดย: อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า

วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:14:15:52 น.

ทุเรียนกวน ป่วนรัก - จากประสบการณ์ของผม ถ้าตัดสกินเฮดจะโดนถามว่า "พ่อตายเหรอถึงต้องโกนผม?"

น้องผิง - พี่ก็ว่างั้น

apple juice - แล้วตอนนั้นพี่กระต่ายตอบว่าไงครับ อยากรู้เหมือนกัน

พี่อัยย์ - นั่นสิครับ คลั่งจนเรียกว่าบ้าเลยก็ว่าได้ เรื่องรักในหลวงนี่ ผมอยากจะบอกเลยว่า ถ้ารักท่านจริงให้ "นำคำสอนท่านไปใช้ ไม่ใช่นำท่านไปอ้าง"

หอมกร - จะเรียกอย่างนั้นก็ไม่ว่ากันครับ

พี่ตี๋ - จริงๆ เรื่องเครื่องแบบผมอาจจะเห็นแย้งกับพี่ตี๋นะครับ ตอนนี้ผมกลับเห็นด้วยกับเรื่องเครื่องแบบ เพราะมันทำให้ประหยัดได้จริงๆ แต่เรื่องทรงผมนี่สิ ต้องตัดทุกเดือนยังไม่ยาวก็ต้องตัดแล้ว

โดย: คุณต่อ (toor36

) วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:17:16:35 น.

อิอิ

สวัสดีค่ะ

อ่านแล้วได้อะไรอีกเยอะเลย

โดย: The Learner

วันที่: 23 เมษายน 2553 เวลา:21:13:02 น.

มาทักทายจ้า

อนาคตเมืองไทย ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จ้าคุณต่อ

โดย: นักล่าน้ำตก

วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:10:21:19 น.

The Learner - ^^

พี่อัยย์ - นั่นสิครับ

โดย: คุณต่อ (toor36

) วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:11:44:00 น.