ประเทศจีน เมืองแห่งบัตร
สำหรับคนที่ไปเรียน หรืออาศัยอยู่ที่ประเทศจีนเรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลก ประเทศจีนใช้บัตรเยอะจริงๆ ถ้าคุณไปอยู่อาศัยที่ประเทศจีน เชื่อได้เลยว่าต้องมีบัตรเพิ่มขึ้นมาในกระเป๋าไม่น้อย
สำหรับผมมีบัตรเพิ่มขึ้น ดังนี้
บัตรใช้บริการอินเทอร์เน็ต บัตรเอทีเอ็ม บัตรรถเมล์ บัตรโทรทางไกล บัตรสมาชิกร้านค้า 2 ใบ บัตรนักศึกษา
ยังไม่รวม Passport ผมรู้สึกว่าบัตรเยอะ เพราะปกติไม่ค่อยมีบัตรอะไรในกระเป๋ามากมายนัก ถามว่าบัตรพวกนี้ถ้าไม่นับ Passport ใบไหนสำคัญ ผมมองไปที่บัตรนักศึกษา เหตุที่บอกว่าบัตรนักศึกษาสำคัญเพราะบัตรนี้เป็นเรื่องยืนยันตัวเองได้ดีไม่แพ้ Passport
ครั้งหนึ่งทางมหาวิทยาลัยนำ Passport ของผมไปเปลี่ยนวีซ่า และตำรวจมาที่บ้านเพื่อมาตรวจสอบที่อยู่เรา เขาขอดู Passport ซึ่งผมไม่มี แถมไม่ได้ถ่ายเอกสารไว้ด้วย ไม่มีเครื่องยืนยันตัวเลย ผมเลยเอาบัตรนักศึกษาให้ตำรวจดู ตำรวจหยิบมาดูแล้วถามแค่ประโยคเดียวว่า "คุณเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยยูนนานเหรอ" เราตอบว่า "ใช่" จบคำถาม เขาก็ให้เราเซ็นชื่อว่าเขามาตรวจแล้ว จบเรื่องอย่างรวดเร็ว
อีกประการเวลาเราไปเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง หากเรามีบัตรนักเรียนเราจะสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ในราคาพิเศษ ส่วนมากจะลดราคา 30-50% นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมให้ความสำคัญกับบัตรนักเรียน
เคยมีตำรวจมาพูดถึงเรื่อง Passport ว่าต้องพกติดตัวตลอดถ้าไม่พกแล้วตำรวจขอตรวจแล้วไม่มีจะโดนจับ ผมมองว่ามันเหมือนอาจารย์โรงเรียนประถมขู่เด็ก เพราะเมื่อถึงเวลาจริง หากเราไม่ได้พกแค่เราบอกว่า "ให้ทางมหาวิทยาลัยเอาไปเปลี่ยนวีซ่า" ตำรวจก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว
พูดเรื่องบัตรมาแล้วก็ขอพูดเรื่องวีซ่าหน่อย ตามปกติหากเราเป็นนักศึกษาต่างชาติ แล้วเราเรียนต่อ เราไม่จำเป็นต้องไปต่อวีซ่าเอง เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการให้ ขอแค่เราไปยื่นเรื่องกรอกแบบฟอร์ม และจ่ายเงินค่าต่อวีซ่าก็พอ ที่เหลือทางมหาวิทยาลัยจะเป็นฝ่ายดำเนินการให้ ผมไม่เคยเห็นกรณีที่เราต้องไปยื่นเรื่องเองเลย ถ้าใครเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้วต้องไปยื่นเรื่องเองช่วยโพสบอกหน่อย อยากทราบเหมือนกันว่ามหาวิทยาลัยอะไร
เรื่องวีซ่าจัดได้ว่าสำคัญ เพราะที่ประเทศจีนค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้ หากวีซ่าหมดอายุปรับวันละ 500.- หยวน (ได้จนก็คราวนี้ล่ะ) ดังนั้นหากใครเรียนจบแล้วอยากจะเที่ยวต่อ หรือนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว ยังไงก็ขอให้ระวังในจุดนี้ด้วย ของเขาโหดจริง ปรับจริง
ประเทศจีนบัตรเยอะ นี่แค่เฉพาะบัตรที่มีเพิ่มในกระเป๋าเท่านั้น ยังมีบัตรอีกมากมายที่ไม่เคยใช้ และไม่รู้จัก ถ้าประเทศไทยนำระบบบัตรรถเมล์ บัตรอินเทอร์เน็ตมาใช้ ผมคงจะต้องมีบัตรทั้ง 2 ใบที่กล่าวมาเช่นกัน แต่เรื่องแบบนี้คงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะตอนนี้บัตรประชาชนยังเป็นใบเหลืองอยู่เลย ยังดีไม่เป็นใบแดง ไม่อย่างนั้นคงต้องไปนั่งข้างสนาม
ปัจจุบันทางการจีนมีการปรับปรุงโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการด้านการคมนาคม ผมเคยพูดถึงโครงการที่อาจารย์คนจีนเคยพูดไว้ในเรื่องของรถไฟใต้ดิน ว่าจะมีการสร้างรถไฟใต้ดินที่เมืองคุนหมิง ข่าวว่าตอนนี้ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟใต้ดินนครคุนหมิงระยะที่ 1 (เส้นทางรถไฟใต้ดินหมายเลข 3 และเส้นทางรถไฟใต้ดินหมายเลข 6) ไปแล้ว นอกจากนั้นยังมีโครงการอื่นๆ มากมาย เหมือนแผนพัฒนาซึ่งระยะดำเนินการ คือ 2554 - 2558
แน่นอนว่าจะมีการสร้างสนามบินใหม่ด้วย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น ใครเคยไปเมืองคุนหมิงคงจะทราบ สนามบินของเมืองนครคุนหมิง (อู่เจียป้า) เล็กมาก และตอนนี้ทางการกำลังพัฒนาการเดินทางทางรถไฟให้เดินทางได้สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ถ้าตอนที่ผมอยู่มีรถไฟใต้ดินล่ะก็ บัตรที่อาจจะเพิ่มมาในกระเป๋าคงหนีไม่พ้นบัตรรถไฟใต้ดิน
"ปี 2558 ประเทศเราจะมีรถไฟฟ้าใต้ดินได้เยอะขนาดนี้มั้ย"
เห็นเมืองคุนหมิงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หันมาดูบ้านเมืองเรา อยากรู้เหมือนกันว่าปี 2558 ประเทศไทยจะพัฒนาได้มากขึ้นเพียงใด หวังว่ามหานครอย่างกรุงเทพฯ คงไม่แพ้เมืองที่ได้ชื่อว่านครนะครับ
ข้อมูลบางส่วนจาก //www.yninfo.com/ 云南信息港
Create Date : 22 มีนาคม 2554 |
|
47 comments |
Last Update : 22 มีนาคม 2554 16:26:32 น. |
Counter : 2201 Pageviews. |
|
|
|
...
แหม่มก็บัตรเยอะค่ะ กระเป๋าสตางค์ตอนนี้อุดมไปด้วยบัตรนู่นนี่เป็น 10 ใบ บางอันไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำ ไม่รู้จะสมัครแล้วก็พกมันทำไม