No. 8 ป่าลึก(บ้านเล็ก กลางแอ่งดอย ตอน 1)
เช้ามืดได้ยินเสียงไก่ป่า ดังมาแต่ไกล เสียงน้ำไหลในลำห้วยข้างล่าง ความเมื่อยขบ ปวดหลังจากการเกี่ยวข้าว บนไหล่ดอยมาแล้วสองวัน วันนี้เราสามคน จะเกี่ยวข้าวไร่ บนไหล่ดอยฝากเดียวกับกระทุ่อมที่ ค้างให้หมด.
เก็บผ้าห่มผ้าฝ้ายหนา พับเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก วางไว้บนหมอน แล้วไปทำธุระส่วนตัว ใช้กิ่งไม้ข่อยที่เก็บมัด ใต้ต้นไม้สักริมห้วย ใช้หินทุบพอ แหลก แล้วใช้ถูกฟันไปมา จนปากฝาด อมน้ำล้างปากไปมาสองครั้ง รู้สึกปากสอาด.
อากาศเย็น ใช้มือจุ่มน้ำลูบผมให้ผมลู่เข้าเป็นระเบียบ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ผมยาวละบ่า หนวดเคราขึ้นเต็มที่ ยังไม่มีโอกาศได้ตัด.
มากินข้าวเช้ากัน
มีอะไรกินบ้าง พี่พะก่อ
มีเนื้อกวางรมควัน กับน้ำพริกชี้ฟ้า มากินแล้วเราจะไปเกี่ยวข้าวต่อ
ระยะหลังมานี้ พี่พะก่อพยายามพูดภาษาให้ผมเข้าใจง่ายขึ้น แต่สำเนียงยังแปร่ง ๆ ส่วนน้องก่ำ. ยังพูดภาษา บ้านติ๊ก่อเหมือนเดิมเพราะพูดไม่เป็น
พี่พะก่อเล่าให้ฟั้งว่า พ่ออุ้ยส่งพี่พะก่อไปช่วยน้องของพ่อที่บ้านเวียงใต้ห่าง จากที่นีโดยเดินไป 4 วัน. พี่ไปช่วยอาว์ปลูกถั่วเหลือง ข้าวที่บ้าน เวียงใต้เป็นที่ราบ อยู่ตรงแอ่งกลางดอยสูง ที่นั่นชาวบ้านจะกินข้าว สวยไม่ได้กินแบบคนพื้นเมืองอื่น.
การแต่งตัวของคนบ้านเวียงใต้ ชายนุ่งเตี่ยวสะดอ ยาวครึ่งน่องเสื้อ ใช้สวมทางหัว มีรอยผ่าตรงคอ เป็นเสื้อแขนสั้น
หญิงนุ่งผ้าซิ่นยาวถึงตาตุ่ม เสื้อมีปก ผ่าตรงร่องอกยาวประมาณคืบ ไม่เหมือนบ้านที่เราอยู่.
พี่พะก่ออยู่ได้ แปดปี โตเป็นหนุ่ม พ่ออุ้ยพากลับมาอยู่บ้าน ช่วยทำไร่ ข้าว จับปลา ปลูกข้าวโพด และมาได้แม่ของก่ำเป็นเมีย อยู่จนได้ก่ำ
วันนั้นเราเกี่ยวข้าวจนหมด แล้วเดินข้ามลำห้วยไป มัดต้นข้าวที่เกี่ยว แล้วให้เป็นฟ่อน ใช้เถาวัลย์หนามแน้ มัด จนหมด.
อาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ไหล่ดอย อากาศเย็นลงทุกขณะ หมอกเริ่ม ปกคลุมทั่วหุบเขา.
เย็นนี้ผมแสดงฝีมือ แกงผักเสี้ยว ที่ก่ำไปเก็บมาตอนกลางวัน วิธีการไม่ยาก ใช้พริกแห้ง 4 เม็ด ใส่เกลือนิด ปอกหอมแดง 5 หัว ใส่ครกไม้ ตำพอแหลก ตามด้วยถั่วเน่าแผ่นที่ค่อนข้างเหม็น แต่พอ ปิ้งด้วยไฟอ่อนกลิ่นกลับหอม ใส่ครกคลุกเคล้าด้วยกันจนนัว
ใช้หม้อดินตั้งบนเตาให้ร้อน ตักน้ำพริกลงรวนให้หอม ควันฟุ้งแล้ว เติมน้ำธรรมดาไม่มากพอคลุกคลิก แล้วฉีกเนื้อกวางเป็นเส้นยาว ๆ เท่าก้อนเนื้อกวาง โปรยใส่ในหม้อ คนไปมาแล้วปิดฝาสักครู่
พอน้ำเริ่มเดือด เอายอดผักเสี้ยว(ชงโค) โปรยใส่ในหม้อ คนอีกนิด หยิบมะเขือส้ม(เทศ) ลูกเล็กแดงเปรี้ยวผ่าครึ่ง โยนใส่ในหม้อ 5 ลูก คนแกงด้วยป๊าก(กระจ่า) แล้วปิดฝาเป็นอันเสร็จ
ก่ำ ช่วยยกข้าวเจ้าในหม้อดินที่หุงเผื่อตอนเช้าไปวางที่แคร่ไม้ ไผ่หน้าบ้าน. ส่วนแกงผักเสี้ยวใส่เนื้อกวางฉีกหอมฉุยคลุ้งไปหมด รสหวานของผัก ความเค็มของถั่วเน่าแผ่นปิ้ง เนื้อกวางที่เหนียวนุ่ม พอดี พอชิมแล้ววางไม่ลง. ตกลงข้าวหมดหม้อ น้ำแกงก็ไม่เหลือ
น้ำ...แก๋งผักลำแต้ ๆ (พี่พะก่อชมว่าผมทำแกงอร่อย) แหมมีคนชม ก็ต้องยิ้ม..... พี่น้ำ เยียะแกงลำแต้ ๆ ก่ำกินน้ำแกงจนหมด....ก่ำพูดชม
ผมมานึกได้ว่า ไม่เคยทำแกงด้วยตนเองเลย แต่มีชายคนหนึ่งบอก ว่า ถ้าจะให้ผักมีน้ำหวานของผักออก ให้ใส่ตอนน้ำเดือด และถ้าจะ ให้เป็นสีเขียวตลอดวัน ให้ใส่มะนาวหรือของเปรี้ยวไปก่อนยกลงผัก จะหวาน ไม่ขม. พอเห็นพ่อของก่ำแกงเลย แปลงวิธีการนิดหน่อย
แต่ก็จำไม่ได้ว่า ชายนั้นเป็นใคร.
บางครั้งการจำอะไรไม่ได้ดีเหมือนกัน ไม่รู้แม้แต่ชื่อ บ้านอยู่ไหน อาจจะรบกวนใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ทุกข์
แสงตะเกียงน้ำมันหมูป่าที่จุด ให้แสงสว่างบนแคร่ไม้ไผ่ วับแวบ รอบ ๆ ตัว มืด มีหมอกลอยเป็นแผ่น บนลำห้วยที่ส่งเสียงดังจุ๋งจิ๋ง เป็นความสุขของเราทั้งสามคน......หาที่เปรียบไม่ได้จริง ๆ
Create Date : 15 สิงหาคม 2553 |
|
16 comments |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2558 19:47:07 น. |
Counter : 1786 Pageviews. |
|
|
|
จากบล๊อค อิอิ แบบว่าบอกทางใครไม่ค่อยเก่งน่ะค่ะ
เอาเป็นว่าไม่ไกลจาก sea coco boutique resort เท่าไหร่นัก
พักผ่อนในวันหยุดมีความสุขมากมายนะคะ