No. 9 ป่าลึก(บ้านเล็ก กลางแอ่งดอย ตอน 2 (ทำงาน หนัก...มาก))
หลังกินข้าวเช้ามืด นั่งพักบนแคร่ไม้หน้ากระท่อมหลังเล็ก แสงแดด เริ่มสอดแสง ผ่านแมกไม้บนดอย มัดฟ่อนข้าวเหลืองทองวางระเกะ ระกะบนฟากดอยตรงข้าม เม็ดน้ำค้างต้องแสงสีทองเป็นประกาย
ลมพัดมาเบา ๆ หมอกเป็นแผ่นบางลอยเอื่อย ๆ ยามถูกโขดหินข้างลำ ห้วย แผ่นหมอกแตกเป็น สองทาง ผสมไอน้ำจากลำห้วยลอยขึ้นมา รวมเป็น หมอกเข้าด้วยกัน. เสียงน้ำในลำห้วยดังคลิก ๆ ยามไหลถูก กิ่งไม้ที่หัก ทอดยาวขวางน้ำ.
พี่พะก่อ หมอกจะลอยแบบนี้ อีกกี่เดือนครับ เป็นอะไหร งามเหรอ ครับ สวยจริง ๆ ถ้าเป็นหน้าเกี่ยวข้าว บนดินมีความร้อนอยู่บ้าง ผสมความชึ้นในต้นไม้ กับลำห้วย จะเกิดหมอก ลอยตรงแอ่งดอยอีกประมาณสองเดือน
ไป... เราไปแบกฟ่อนข้าวบนดอย ลงมาไว้ที่ลาน... พี่พะก่อชวน เอ้อ ก่ำ.. ยังไม่ต้องตามไป. เก็บจานชามของกินบนแคร่ไปเก็บ ให้เสร็จแล้วค่อยตามไปนะ.
เราเอาไม้คานทำด้วยไม้ไผ่ซาง หนาตรงกลาง ปลายสองข้างบาง ลง มีปลายแหลมสองข้าง พาดบ่าไปคนละอัน
ไต่ตะลิ่งหน้าตูบ ลงลำห้วย ไอน้ำลอยเรี่ย ๆ ปลาตัวเล็ก ว่ายวิ่งไป มา คงจะกลัวยักษ์สองตนมาจับกิน.
เท้าเหยียบลงน้ำ ความอุ่นของน้ำทำให้สบายเท้า ไม่เย็นเหมือน ตอนนั่งกินข้าวเช้า. ยามเท้าสัมผัสกับกรวดกรมสีขาว ผสมดำที่ อยู่ใต้แผ่นน้ำ ดังเอี๊ยดอ๊าด น้ำลึกแค่เข่า จึงต้องดึงขากางเกงสะดอ ขึ้นมานิด ไม่ให้เปียก
ชายตลิ่งเป็นดินละเอียดปนทราบ นุ่มเท้ามีหญ้าขึ้นแซมบ้าง เราสอง คนเดินขึ้นดอย ค่อนข้างชัน ต้องโน้มตัวไปข้างหน้า ให้เกือบสมดุล ผ่านก้อนหิน ตอไม้เก่า ไม่นานก็ถึงฟ่อนข้าวที่มัดไว้
น้ำ... เอาไม้หลาว(คาน) แทงลงไปที่ฟ่อนข้าวแบบนี้ จนให้โผล่ แล้ว งัดอีกด้านให้ตรงเสมอกัน. น้องเอาฟ่อนข้าวอีกฟ่อนจับตั้ง ตรงแล้ว แทงเข้าไปแรง ๆ นั่น.. ใช่แล้ว. พี่พะก่อสอนวิธีให้
ผมก็ทำมั่ง พองัดไม้คานตั้งปั๊บ พี่พะก่อก็เอาฟ่อนฟางแทงส๊วบเข้า ไป. เอาน้ำ แบกขึ้นบ่า. ก่อนแบกเอาผ้ามัดเอว รองบ่าก่อนน้ำ ยังไม่เคยแบก จะช่วยลดการเจ็บลงบ้าง
พอแบกขึ้นบ่า เออ...พอไหวพี่. น้ำ...เวลาเดินให้เดินตัวตรง แล้วค่อยย่อตัวรับการขย่มของฟ่อนข้าว แต่ไม่ต้องย่อรับมากนัก จะได้เดินสบาย.
พี่พะก่อ พาเดินลงดอย. เอาไม้คานขวางดอย เอาไว้ตรงต้นคอจะเจ็บต้นคอหน่อย ถ้าไม่ขวาง ลงดอยชัน ฟ่อนข้าวจะเทไปข้างหน้า เราจะลงไม่ได้.
ผมลองหาบตาม.... เออ. ก็พอไหวแฮะ แต่เจ็บต้นคอ บ่ามาก. เวลาเดินผ่านลำห้วย ขึ้นตลิ่งก็ขวางไม้คานเช่นกัน แต่การเดินหาบ ของหนักขึ้นดอย ยากกว่าลงดอยไม่รู้กี่เท่า.
ผมหาบได้ สามเที่ยว บ่าระบม เจ็บเป็นที่สุด คอแห้งผาก ต้องก้ม ตัวกินน้ำในลำห้วยที่ใส แล้วก็เอาไม้คานเปล่า เดินขึ้นดอยไปหาบ อีก. เอา....ทนเอาหน่อย พี่พะก่อเขายังทำได้ เราก็ทำได้...แต่ น้อยกว่ามาก ก็ ก็ มันเจ็บบ่า.
หลังกินข้าวเที่ยงที่ เด็กชายก่ำจัดหาไว้ให้ที่บนแคร่หน้าบ้าน พักได้สักครู่ ก็เดินลงห้วย ไปแบกข้าวต่อ ได้สามเที่ยว น้องน้ำ...หยุดทำเตอะ วันแรกเป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวพี่จะทำต่อเอง ผม.. ไม่เป็นไรพี่ ให้ผมทำต่อ จะได้เสร็จเร็ว ๆ
หาบได้อีก สองเที่ยว...ต้องยอมแพ้ นั่งพัก บนกองฟ่อนข้าวข้าง กระท่อมใต้ต้นไม้สัก.
พี่ น้องก่ำไปไหน. อ๋อ.. ก่ำไปหาเขียดแลว ๆ จะอยู่ริมห้วย มีใบไม้ร่วงทับทม. ลองดูว่า เย็นนี้เราจะได้กินแกงเขียดแลว หรือกิน ถั่วเน่าเปอะกับ ผักหละ(ชะอม) พี่... เขียดมันตัวเล็ก จะกินได้กา. น้อง..ไม่เคยเห็นเขียดแลวกา. ตัวใหญ่ขนาดฝ่ามือ กิ๋นอร่อย
พี่พะก่อคงเห็นสารรูปของผมแล้ว เดินเข้าไปในตูบ หยิบกระปุก ยามาให้ทา. เอาน้องน้ำ ทาน้ำมันหมี ป่ออุ้ยบ้านปุ๊น....ผสมยา จะได้หาย
ผมถอดเสื้อ ดึงลำตัวเสื้อขึ้น ผ่านหัว พาดไว้กับตอไม้ เอาน้ำมันหมี ทาบนใหล่ โอ้ย...เจ็บที่สุด พอน้ำมันหมีถูกบ่า จะร้อนวูบวาบ ความที่อยากหายเลยละเลงน้ำมันไปทั่วบ่า ย้อย เป็นทางลงหลัง.
สายลมเย็นพัดมาแผ่วเบา นั่งพิงกองฟ่อนข้าวใต้ต้นไม้สัก ไม่นาน นัก หนังตามัน หนัก...ขึ้นทุกที แล้ว ก็ ผลอย...หลับ.
พี่น้ำ ตื่นเตอะ เย็นแล้ว จะได้กิ๋นข้าวแลง. เสียงเด็กชายก่ำร้อง ปลุก. ลืมตาดูแสงแดดค่อย ๆ ลับสันดอยข้างล่าง. พี่พะก่อ กำลังยืนเช็ดเหงื่อ ข้างลำห้วย ผมรู้สึก ไม่ค่อยสบาย เจ็บปวดรวดร้าวไปทั่ว. น้องน้ำ... มาอาบน้ำก่อน กินข้าว จะได้สบายเนื้อสบายตัว
หลังอาบน้ำ ผลัดเสื้อผ้า มานั่งกินข้าวเย็นบนแคร่ พี่น้ำ... วันนี้กิ๋นกันง่าย เน่อ... มีผักหละ(ชะอม) ลวกกับ ถั่วเน่า เปอะ(ถั่วเหลืองหมักนิ่มหลายวัน ผสมเกลือ พริกชี้ฟ้าตำแล้วห่อ ด้วยใบตองกล้วยหลายชั้น ปิ้งไฟอ่อนจนร้อน)
ผมตักข้าวใส่จานพูน ตักถั่วเน่า(ไม่เน่าหรอก) ใส่จานใช้มือจับ ข้าวสวยกับถั่วเน่า จ่อเข้าปากใช้ หัวแม่มือดันเข้าปาก ตาม ด้วย ผักชะอมลวกเขียว มีความเค็มนิดหนึ่ง อร่อยสุด ๆ
ดูแล้ว พี่พะก่อ กับ ก่ำ กินข้าวแบบเดียวกับผม มือนิ้วไม่เลอะ ไม่มีเม็ดข้าวติดเลย. เย็นนั้นสามคนกินข้าวจนหมดหม้อ ตามด้วยน้ำเย็น ในหม้อดินข้างบ้าน
น้ำ...กินข้าวเสร็จ แล้ว เอาน้ำมันหมีทาให้ทั่วไหล่ แล้วเข้านอน เลยเน่อ ก่อนนอน กินยาน้ำในชาม ที่พี่เตรียมไว้นะ. ครับพี่.... พอน้ำยาไหลเข้าปาก โอ้โห้ มันขมมาก....พี่.
บ่าลำกา... พี่น้ำ น้องก่ำถามพลางหัวเราะ. บ่าลำแต้ ๆ ผมตอบก่ำ.
พอล้มตัวนอน....เจ็บบ่า เจ็บน่อง เจ็บขา เจ็บ ชายโครง โอ้ย เจ็บไปทั่ว ความร้อนของยาน้ำมันหมี แผ่สร้านไปทั่ว
ไม่นานนัก.....ได้ยินเสียงน้ำในลำห้วย ไหลจุ๋ง จิ๋ง...แผ่วเบาไป ก็ผลอยหลับ........ไป.
วันรุ่งขึ้น กับอีก สามวัน เราช่วยกัน ขนข้าวลงไว้ที่ลานจนหมด อาการเจ็บบ่า ค่อย ๆ หายไปในวันที่สี่. แต่น่อง ขายังตึงเปรี๊ยะ ก็เดินขึ้นดอยวันละหลายเที่ยว...
ทำให้นึกถึง เดินขึ้นเขาที่ เอ...ชื่ออะไร....อ๋อ ภูกระดึง
พี่พะก่อ ขอถามหน่อย. ถามมาเต๊อะ หลาย ๆ ก็ได้ พี่ ต้นติก นี้เรียกกันมานานหรือยัง. นานแล้วตั้งแต่พี่เกิด.... ผมว่าเคยได้ยินนะคำว่า ทิค. ทีอีเอเค ภาษาอะไรไม่รู้ เออ. ภูกระดึงอยู่ที่ไหนพี่ พี่ไม่เคยได้ยินเลย อาจจะอยู่เมืองไต ก็ได้ ส่วนทีอี.. อะไรนี่ไม่เคยได้ยิน. นั่นซิ.....ผมก็จำไม่ได้ด้วย เราชื่ออะไร มาจากไหน
พี่พะก่อ เมืองไต อยู่ไหน แล้ว พวกเราอยู่ที่ไหนครับ เมืองไต อยู่ไกลจากนี่ต้องเดืน 4 วัน ถ้าน้องน้ำเดิน สงสัย 7 วัน. บ้านเฮา อยู่ที่นี่แหละ แต่ไม่ใช่เมืองไต
นั่นนะซี พี่พะก่อ ก็ไม่รู้ แล้วผมจะรู้ อะไรอีก ไป... ก่ำ พาพี่ไปหา เขียดแล้วกันเตอะ. ผมชวน ไปก็ไป พี่น้ำ........................
Create Date : 19 สิงหาคม 2553 |
|
21 comments |
Last Update : 6 เมษายน 2555 8:08:21 น. |
Counter : 1715 Pageviews. |
|
|
|
อารมย์
น่ารักครับ
...................
สวัสดีสายๆครับ...แต่คงไม่สายที่จะสวัสดีนะครับ
..................