เพื่อน หลายคนที่อ่านมา คงจะมีความรู้สึกคล้ายกัน คือเห็น
พระภิกษุ ตื่นมาเดินบินฑบาตแล้วก็ กลับมาฉันอาหารแล้วก็สัพพี
ให้พรแก่ผู้ใส่บาตร แล้วก็รับนิมนต์ไปสวดมนต์ในที่ต่าง ๆ
แล้วก็เข้าวัด. ทำให้ผู้เขียนเองมีข้อกังขา หลายอย่างเช่น
พระภิกษุ น่าจะมีหน้าที่อย่างอื่นด้วย นอกจากเทศนา.
พอเข้าไปสัมผัสวัดที่มีการปฏิบัติธรรม และไปฟังบางองค์ที่
เทศตลก สนุกเฮฮา ทางทีวี ที่ไหนได้ท่าน นำพวกเราเข้าสู่
สมาธิอย่างเชี่ยวชาญ และก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกว่าพวก
เราที่เล่นอินเตอร์เน็ตซะอีก
พวกเราเคยเห็นรายการ ศาสนาก็ทางพระนั่นแหละ มีคนแก่
555 อย่าสะดุ้งนา. นั่งหลับตาฟัง บางทีก็สับประหงก
พระท่านก็เทศน์หลับตาไปด้วย ยังคิดในใจ อุ๊บ.. พูดไม่ได้
แต่เดี๋ยวนี้ ลองเข้าไปดูทีวี ระบบซีแบนด์จานดำ โหไม่น่า
เชื่อ มีหญิงอายุน้อย ไม่เกิน 20 ปีเข้าไปทำสมาธิมากจริง ๆ
ครั้งละ ร้อยกว่าคน.
ไม่ใช่คนแก่ แบบสมัยก่อนแล้ว. หลายคนคงคิดว่า คงจะ
เป็นคนอกหักมั้ง จึงไปชุมนุมแบบนั้น
พอไปสัมผัส เอ้ย พูดแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จึงรู้ว่า ทำงาน
ตำแหน่งสูง บางคนเจ้าของบริษัทที่มีปัญหาต้องขบคิด
อีกทั้ง เป็นดอกเตอร์หลายคน คือเรียนมาสูง ๆ ทั้งนั้นเลย
แล้วใครสอน ก็ พระภิกษุหนุ่ม แล้วก็มีครูสมาธิใจดีมาสอน
เลยรู้ว่า พระท่านปฏิบัติหน้าที่ของสาวก พระพุทธเจ้า น่า
ถือจริง ๆ อย่างที่บอกว่า เดี๋ยวนี้ พระปัดตะนาเยอะมาก
ที่ผ่านมาความกังขา ทำให้ผมนี่ทำบาปมากจริง ๆ
แต่ถ้า เจอ ท่านถือซองขาวยาว เดินสพายย่ามตัวปลิวมา
ทีนี้ละตัวใครตัวมัน หลวงพี่ผมไปก่อนละ
อีกอย่างบอกตรง ๆ เวลาเจอพระ. พูดอะไรไม่ค่อยจะออก แหะ
ๆ กลัว ๆ ไงไม่รู้ แม้ท่านจะทอดสายตาเมตตามาก็ตามเถอะ
หลบได้หลบเลยแหละ
ต่อมาได้เข้าปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิจาก หลายสำนัก เริ่มรู้
อะไรเยอะขึ้น ถ้าได้ขึ้นเทศน์ เอ้ย ขึ้นพูดหน้าห้อง กลับ
ลงมา พระอาจารย์มักจะกวักมือเรียกไปคุยเพิ่มเติม
คงจะเห็นว่า อายุ มากแล้ว ยังหน้าตาเกือบดีมั้ง เอ้ยไม่ใช่
คงเห็นว่า พอพูดได้ไม่ประหม่ามั้ง 555
พอได้คุยกับพระบ่อยขึ้น เลยสบาย ทีนี้ไปกินข้าวฟรีของ
วัดบ้างละ แหะ อยากจะไปเรียนรู้วิชาที่ค่อนข้างลึกอีก
วันก่อนได้ขอเข้าฝึกสมาธิที่วัดธรรมมงคลซ้ำอีกคือให้รู้มาก
ขึ้นอีกขั้น แล้วจะได้เรียนสูงขึ้นเรื่อย
เข้ารายงานตัวตอน เย็นของวันศุกร์ โหมีคนไปเยอะ
มาก ยี่นบัตรปชช.ให้ จนท.เขาก็มอบป้ายชื่อให้ติดไว้ตรงเสื้อ
แล้ว ให้ แม่บ้านเดินนำไปห้องนอน แอร์คอนดิชั่น
ฝ่ายหญิง ขึ้นข้างบน แยกเป็นห้องละ 4 คน. ส่วนผมเขาคง
จะกลัวเหงา เลยให้นอนเรียงเป็นตับ ดูภาพนี่ซิครับ
ห้องปรับอากาศ เย็นสบาย แต่บางคนก็ไม่ชิน 555 ขณะนั่ง
พักยังต้อง ห่มผ้าเลย.แอร์มันเย็น......
อยากเห็นห้องพักหญิงไหมครับ เสียใจไปถ่ายมาไม่ให้ขึ้น
อดเลยเรา. แต่เท่าที่คุยกัน ผมว่าของชายดีกว่าเยอะ
ตรง มีห้องน้ำเยอะไม่ต้องคอยนาน.
แอบฟังหญิงเขาคุยกันโดยไม่ตั้งใจนะ หุ้ย ปวดหนักต้อง
ยืนบิดไปมาหน้าห้องน้ำ กว่าจะได้เข้า แทบราด.
คืนแรก เข้าห้องอบรมกันเลย ฟังวิธีการไม่มากเพราะคนที่
มา ต้องเคยมาก่อนแล้ว เสร็จแล้วก็ให้ไปเดินจงกรม
ใช้วิธีเดินแบบธรรมดา ยืนตัวตรง เอามือขวาจับ
ข้อมือซ้ายไว้บนท้องน้อย คนไหนท้องมาก ก็เลยขึ้น 555
ก้าวขาขวาไปตามด้วยซ้าย พอถึง สามเมตรก็หมุน
ตัวกลับด้านขวาช้า แล้วก็เดินต่อ
ลืมตาเดินนะ แต่ให้รวมจิตใจ ไว้ตรงไหนก็ได้ ผมเองรวมไว้
ที่เหนือสะดือเหมือนเดิม.
คนข้างผม พี่แกเดินแบบตามควาย ผมเดินไป
ไม่ถึง 4 ก้าวพี่แกไปกลับหันหลังมาถึงผมแล้ว
ทำเอาเรา เสียสมาธิไปบ้างนิดหน่อย
แอบชำเลืองขวามือ เจอหญิง เดินช้า มาก
การเดินละเอียด เหมือนกันกับที่ผมเดินที่ วัดอินทรวิหาร
เลยรู้ว่า คงเป็นศิษย์ของอาจารย์เดียวกัน.
พอเดินได้ 30 นาทีจิตจะนิ่งไม่สนใจอะไรอีกแล้ว จริง ๆ คือ
ไม่ได้สนใจหญิงจะสวย เพื่อนชายจะ เดินแบบตามควายก็
ไม่เห็นโดยอัตโนมัติ
ครูสมาธิก็พาไปนั่งสมาธิอีกที่ใกล้ ๆ กัน เป็นห้องติดแอร์
ให้นั่งขัดสมาธิ ส่วนผม วิ่งแข่งมาราธอนหลายครั้ง
โคนขาเลยเจ็บเรื้อรัง นั่งขัด สมาธิไม่ได้ เลยนั่งบนเก้าอี้
พอนั่งหลับตา พระอาจารย์ ก็ที่เป็นพระนั่นแหละ นำสวด
แล้วท่านจะพูดช้า ๆ ให้จิตสงบ. จนท.จะปิดไฟมืดหมด
จิตนิ่งจากการเดินจงกรม พอนั่งไม่นานก็เริ่มเข้าสู่ สมาธิได้
ง่าย นานเท่าใดไม่รู้ ได้ยินเสียงกระดิ่งเบา ๆ พระอาจารย์จะ
พูดเสียงนุ่ม ๆ ยังไม่ต้องเปิดนัยตา นำพวกเรา แผ่เมตตา
ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ซี่งหมายถึง มารดา บิดา ด้วย.ให้ได้
รับผลบุญจากการนั่งสมาธิ โดยทั่วถึง
เดิมทีผมเองสงสัยกังขาอยู่ว่า ทำไมต้องสวดมนต์ พอเข้า
มาปฏิบัติแล้ว จึงรู้ว่า การออกเสียงสวด จะมีคลื่นเสียงจาก
ตัวเรา จากเพื่อน ทำให้จิตนิ่ง
ตลอดเวลาที่ปฏิบัติธรรม คือ เดินจงกรม นั่งสมาธิ สวดมนต์
ฟังอาจารย์ผู้เชียวชาญอบรม พักผ่อน ทานข้าว นอน วน
เวียนตั้งแต่ ตี 5 ครึ่งถึง 3 ทุ่มครึ่ง. แหะ ๆ เวลาพักน้อยมาก
แต่ เกือบจะไม่ง่วง เพราะได้เห็นอะไรที่ เราไม่เคยเห็น จริง ๆ
อยากรู้ว่าเห็นอะไร ลองเข้านั่งสมาธิดู
แถมมีความสุข จากความสงบมากที่สุด.
ด้านอาหารการกิน ตอนรายงานตัว ให้กรอกว่า จะทาน
อาหารทั่วไป หรือ มังสะวิรัต ผมกิเลศยังเยอะขอกินทั่ว
ไป ยังคิดว่า เราลูกศิษย์ตถาคต อย่าเรื่องมากกินอะไรก็ได้
อุ๊บ ปาก... ไม่ดีอีกแล้ว
พอถึงเวลาทานอาหาร เขาแบ่งโต๊ะเป็น 2 ฝ่ายซ้ายมือติดบัตร
หน้าอกสีแดง กินมังสะวิรัตน์ ผมเองต้องนั่งอยู่ซีกขวา
มือ กินอาหารทั่วไป ดูตามภาพนี่ครับ สอาดเยี่ยม
ทีนี้มาดูอาหาร รูปแบบสีสรร เหมือนกันเด๊ะทั้งทั่วไปกะ
แบบมังสะวิรัต เปลี่ยนจากหมูเป็น หมี่กึง เต้าหู้ เท่านั้นแหละ
ขอบอกว่า อาหารสถาบันนี้อร่อยมาก แหะ ๆ ก็ยังมีกิเลศอยู่
นี่นา ทานกันให้อิ่ม.เติมได้ตลอดเวลา
ยังครับยังไม่หมด เรามากินข้าวพระ ต้องทำความสะอาด
วัดบ้าง ครูเลยแบ่งเป็น 3 กลุ่มตาม ตามรายชื่อที่นั่งทาน
อาหาร ที่จะไปทำความสอาดมี สามที่ กลุ่มละ 40 คน
กลุ่มแรก ทำที่เมรุเผาศพและศาลาสวดศพกับห้องน้ำ
กลุ่มที่สอง ทำที่ลานวัด เป็นที่สวดมนต์กลางแจ้งกว้างมาก
กลุ่มที่สาม ทำที่ บนวิหาร ฐานองค์พระใหญ่
พวกเรา รับแจกเครื่องมือ เตรียมพับขากางเกง ไม่ให้เปียก
ส่วนนี่กำลัง ทำความสอาด ล้างเมร
นี่ทำความสอาดลานวัด
ลองทายดูซิครับว่า ผมอยู่กลุ่มไหน มองไม่เห็นตัวผมหรอก
บอกใบ้นิด ผมทำณ สถานที่เหมาะสำหรับคนที่มีจิตใจสูง บัว
พ้นน้ำ ก็ ๆ ๆ เขาให้กวาดล้างเมรุเผาศพครับ 555
กิจกรรมที่ขาดไม่ได้ ก็ใส่บาตรพระ ตอนเช้าครับ แหง แน่
นอนจะไปใส่ บาตรตอนเย็นได้ไงเนาะ 555 ระหว่างที่รอ
ผมก็ขออนุญาตครูถ่ายภาพ ครูพี่เลี้ยงโอเค
ก่อนหน้าที่จะพระขึ้นฉันอาหารครูจะรับอาสาสมัคร ทำพิธีล้าง
เท้าให้พระ มีผู้มาสมัครหลายคน
เพื่อน ๆ ทำด้วยความเต็มใจ ส่วนผมเหรอเขากีดกันไม่ยอม
ให้เข้าร่วม คงเห็นว่า อายุ น้อยกว่าพระมั้ง 555
ที่วัดธรรมมงคลนี้ การปฏิบัติตัวค่อนข้างสบายเป็นธรรมชาติ
หลังจาก ฟังครู อาจารย์ที่แวะเวียนมา สอนพวกเราเช่น
อ.อำนวย สุวรรณคีรี ซึ่งถ้าดูตามภาพทั่วไป แหะ ๆ ตัวท่าน
จะดำแบบคนภาคใต้ แต่พอเจอตัวจริง ผิวขาว ใบหน้ายิ้ม
แย้ม เวลาพูดมีอารมณ์ขันมาก พูดเก่ง.
แต่สุโค่ย แหะ ๆ เลียนแบบคุณปลายแป้นพิมพ์หน่อย ไม่เคย
ใช้เลย คือ พระอาจารย์ หนุ่ม 2 รูป หน้าตาดี เอาเข้าไปชม
พระรูปหล่อเวลาพูดทักทายมีเรื่องขำ ๆ ให้พวกเราฮาตลอด
มาอธิบายตอบคำถาม ที่พวกเราเขียนส่งขึ้นไปถาม ก่อนที่
จะจากลากัน. อาจารย์ท่านสอนเข้าใจง่าย คงจะเป็นเพราะ
อายุเท่า ๆ กับพวกเรานะเอง..
แอ้ ๆ อย่าทักท้วงซิ....
ที่สอนเข้าสมาธิ ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เรียบง่าย มีการปล่อย
ให้พวกเราได้พักระยะ 10 นาที. คงเห็นว่าพวกเราจะหลับ
มั้ง ผมรีบเดินออกมาหน้าอาคาร ดิ่งไปหาไอติม ชนิดดั้ง
หัก ก็คนขายอิสาณจริง ๆ เป็นไอติมใส่ถัง เอามีดผ่าขนม
ปังตัก ไอติมใส่กลาง ฟูเต็ม ราคาแพงชิบเป๋ง 10 บาท
555 ไม่รู้ทำขายได้ไง. รสชาดเย็นหวาน มัน อร่อย เวลา
เคี้ยวกับขนมปังที่นิ่ม
พวกสาว ๆ ที่รีรอไม่กล้าซื้อ คงเคยแต่กินไอติมตาม
ห้าง 100 กว่าบาท.ทนไม่ได้ น้า ๆ อร่อยเปล่า..
ดูพวกนี้ไม่ไว้หน้าเลยเรียก น้า ซะ แกร่. กัดฟันพูด อร่อย
มาก. ผลเหรอ เข้ามามุงซื้อเต็มเลย..
ก่อนที่พวกเราจะจากกัน หัวหน้าครูพี่เลี้ยง ได้นิมนต์ท่าน
เจ้าอาวาสมาเทศน์สั้น ๆ ให้พวกเราฟัง ส่วนผมมีหน้าที่
ถือพานถวายปัจจัย แก่ท่านไว้เป็นทุนสำหรับ กิจกรรมของ
ศิษย์รุ่นน้องโอกาศต่อไป. แล้วเราก็ลาครูพี่เลี้ยง
อ้อเพื่อนที่สนใจ จะลองเข้าศึกษาระยะสั้น ๆ ลองติดต่อไป
เขาเปิดสอนทุกวันอาทิตย์ แต่ถ้าแบบผมนี้ จะมีเดือนละ
ครั้ง แต่ต้องไปจองล่วงหน้า ทางโทรศัพท์ก็ได้
ไม่ต้องเสียเงินอะไร กิน นอนห้องนอนแอร์ น้ำร้อนเอ้ยน้ำ
อุ่นก็มีให้อาบ.
ส่วนใครจะทำบุญเพื่อรุ่นต่อไป ก็นำเงินไปมอบให้เจ้าหน้าที
เขาจะออกใบรับเงินให้ อย่างพวกเราไป 3 วันส่วนใหญ่จะ
สมทบทุน 500 บาท. แหะ ๆ ถูกกว่าพาเด็กไปดูหนังซะ
อีก.ใช่เปล่าคุณตฤณ.
ไปละครับ ยาวมากไปแล้ว......
อนุโมทนาบุญกับสิ่งดีดดีที่พี่ปฏิบัติด้วยครับ
เห็นด้วยนะครับพี่
เดี๋ยวนี้วัยรุ่นและเด็กๆเข้าไปปฏิบัติธรรมกันเพิ่มมากขึ้นจริงๆครับ