No.34 ป่าทึบ ดงดิบ (กลางสายฝน)
ความเดิมจาก ตอนที่ 1 หนุ่มเส ผู้เกือบหล่อ ตอนที่ 2 ป่าทึบ ดงดิบ
ตอน 3 ชีวิตในป่าดิบ กลางสายฝน
หลังจาก ไปรับเอกสารจากเสี่ยเจ้าของโรงไม้ แถวบ้านกร่างเสร็จ ผมกับพี่มุ้ยรีบขี่มอไซค์คน ละคัน มุ่งสู่ปางไม้ อ.ชาติตระการ ผ่านอ.นครไทย เกือบครึ่งชั่วโมง
สายฝนโปรยลงสู่พื้นอย่างไม่ขาดสาย เป็น เวลาหลายชั่วโมงแล้วที่เราจอดรถไว้บนถนนดิน ลูกรัง ปีนไปหลบฝนใต้ชะง่อนหินใหญ่ อากาศ เย็นแล้วก็หนาว เสื้อกางเกงสีเทาเข้มเปียกชื้น เม็ดฝนกระเซ็นถูกเป็นระยะเมื่อลมกระโชก
ความมืดเริ่มปกคลุมป่า น้ำฝนที่ตกจนดินอิ่มตัว ไหลจากเนินสูงสู่ถนนที่แคบเพียงรถไม้ผ่าน น้ำสี แดงไปเป็นทางสู่ร่องกลางถนน ไม่ขาดสาย
พี่เมื่อไหรมันจะหยุดตกเสียที จะไปกันยังพี่ ไม่รู้ซิ เส จะขี่เปียก ๆ ไปแบบนี้หรือ รออีกนิด หรือเราขี่ไปแบบนี้ ทนหนาวหน่อย ดีพี่ ชักหิวข้าวมากขึ้นทุกที ไม่ได้กินข้าวเที่ยง ด้วย เผลอ ๆ มืดแบบนี้ เลี้ยวรถผิดทาง ไม่ถึง ปางไม้ยุ่งนาพี่ เอ้า งั้นเราขี่ไปยังงี้แหละ เส ขี่นำหน้าไปพี่จะ ตามนะ ลงจากข้างบนไปที่รถมอไซค์วิบาก สตาร์ตด้วยเท้า 2 ครั้ง เบิ้ลสามสีที ไล่น้ำมันให้เครื่องติดดี เปิดไฟหน้า บีบคลัชเท้ากดเข้าเกียร์หนึ่ง วิ่งนำไปอย่างช้า ๆ พี่มุ้ยขี่ตามไปติด ๆ ถนนที่เปียกน้ำบางจุดแน่น แต่บางช่วงดินอ่อนนุ่ม ล้อหน้ารถผ่านไปได้แต่ เริ่มเป๋เมื่อล้อหลังผ่าน ต้องประคองวิ่งไปช้า ๆ
เสียงรถสองคันของเราดังเบา ๆ เลี้ยวลงเนินดิ่ง ลงแล้วเร่งเครื่องส่ง ขึ้นเนินชัน ไปมาหลายครั้ง ผมค่อนข้างชำนาญ เพราะใช้ขี่ออกมากซื้อของ ที่อำเภอนครไทย บ่อย
เม็ดฝนกระทบ กระจกที่ครอบหมวกทำเอา มอง ไม่ค่อยเห็น ต้องคอยใช้มือซ้ายลูบทิ้งเป็นระยะ
พอพ้นเนินสูงก่อนถึงปางไม่เกินกิโล ทางจะลาด ยาวเกือบเจ็ดสิบเมตรแล้วไต่สูงชันทันที ผมหยุด บนเนินมองไปข้างหน้าแสงไฟสาดไปไม่ไกลนัก เม็ดฝนยังคงตกเป็นสาย
หยุดทำไมเส อ๋อพี่ ดูทางก่อนจะได้เร่งเครื่องส่งขึ้นเนิน พี่ตาม ผมห่าง ๆ นะ โอเค ไปเลยเส พี่จะขี่ตามไป
บีบคลัชเอาปลายเท้าช้อนเข้าเกียรสองดังกิ๊กเร่ง เครื่องดังกว่าปกติ รถดิ่งไปอย่างรวดเร็ว แสงไฟสาดไปข้างหน้า เร่งเครื่องขึ้นอีกจะได้ส่ง แต่ข้างหน้ามีน้ำไหล จากดอยซ้ายมือ ผ่านถนนสู่ไหล่ดอย เป็นสาย ถ้าจะไม่ดี แตะเบรคนิดรถบิดไปซ้าย พอปล่อย เบรคเท้า แรงรถที่วิ่งลงเขา กลับส่งไปข้างหน้า อย่างรวดเร็ว เท้าขวาแตะเบรค มอไซค์ยังคงวิ่ง ไปข้างหน้า บีบเบรคหน้าขวามือ รถวิ่งผ่านสาย น้ำไปได้นิดเดียว รู้สึกสะดุดอย่างแรงทำให้ ตัวและเท้าหลุดลอยข้ามตัวรถไปอย่างแรง หล่นไปตกฟาดกับ กอหญ้ากับเศษขยะ
แสงไฟรถพี่มุ้ย สาดมากระทบตัวผม เฮ้ยเส เป็นไรเปล่า เสียงพี่มุ้ยตะโกนถาม
ไม่เป็นไรพี่ โอ้ย ลุกไม่ขึ้น ลองคว่ำตัวลงเอา มือยันพื้นตามด้วยเข่า แต่ก็ไม่มีแรง รู้สึกชาที่ สะโพกขวา. พี่มุ้ย ย่ำน้ำแล้วจับเอวผมยกขึ้นท่ามกลางสายฝน ความเจ็บปวดร้าวที่สะโพกสลับการชา พี่มุ้ยเลยลากตัวผมนอนหงาย
ไฟหน้ารถพี่มุ้ยที่จอด ส่องจ้าเข้าตา ผ่านเม็ดฝนเป็นประกาย เอามือขวาปาดเม็ดฝน ทิ้ง อ้าวแผ่นพลาสติกใสครอบหน้า หลุดหาย
เสจะขี่ได้หรือเปล่า ไหนลองลุกขึ้นซิ พี่มุ้ยใช้มือสองข้างดึงแขนผม พอยืนได้ลอง ขยับขาได้นิดเดียวความเจ็บ ขัดยอก ร้าวไปทั้งตัว
เอางี้เส นอนรอที่นี่ เดี๋ยวพี่จะขี่ไปที่ปาง เอารถมารับดีกว่า นอนคนเดียวได้นะ ได้พี่ แต่มันมืดน่ากลัว อย่าไปนานนะ เออ ไม่นานหรอก
พี่มุ้ยเดินผ่านร่องน้ำ พบท่อนไม้ขนาดน่องพาด กลางร่องน้ำ พี่มุ้ยดึงลากไป ทิ้งข้างดอย แล้ว ขี่มอไซค์ข้ามสายน้ำ ไต่เนิน ไปอย่างช้า ๆ แล้วแสงไฟท้ายก็หายไปกับความ มืด
ความหนาว ความมืด เม็ดฝนที่ยังคงตกใส่ ตัวตลอดเวลา ถอดเป้ที่เกือบหลุดวางแล้วเอา หัวพาดหนุน เจ็บ ขัดที่สะโพก กล้ามเนื้อปูดนูน ขึ้นมา ความเจ็บทวีขึ้นเรื่อย ๆ
มองไปรอบตัว ไม่เห็นอะไรเลย มืดสนิท ถ้า เสือ หมีที่อาจจะเดินมาเจอทำไงดี ทำเอาจิต วิตก
รู้สึกนานแสนนาน แสงเรืองจากนาฬิการุ่นเก่าที่ มีพรายน้ำเรืองแสงยามฟ้าแลบบอกเวลาเกือบ สองทุ่มกว่า เม็ดฝนยังคงตกใส่หมวกดังบล๊อก ๆ ๆ ไหล่ขวา เริ่มเจ็บปวดตึ๊ด ๆ ตามมา พักใหญ่แสงไฟสาด ส่อง เสียงเบรครถดังใกล้ตัว
โน่น ๆ คุณเส นอนตรงโน้น เสียงคนเดินพร้อม กับแสงไฟฉายกราดไปมา เป็นไงคุณเส นอนนานเปล่า เออ ตอนนี้ไม่นานแล้ว พาขึ้นรถที หนาว แล้วก็ ปวดฉิบเป๋ง
พี่มุ้ย ถอยรถกลับไปกลับมาบนถนนหลายครั้งกว่า หัวรถจะมุ่งหน้าไปปางไม้ได้
พี่มุ้ย เปิดท้ายพิคอัพ ปีนรถคอยรับตัวผม คนงานสองคนพยุงกึ่งหิ้วตัวส่งขึ้นรถ เฮ้ย ๆ เป้กูละ เอามาให้กูด้วย แหม เป้ใบเดียวยังห่วงอีก จะมีแต่เสื้อเน่า ๆ ไม่กี่ตัว ห่วงทำไม เออ น่าพี่มุ้ย เอามาให้ผมด้วยก็แล้วกัน
เฮ้ย ไอ้ป๋องมึงช่วยไอ้ทอง เข็นมอไซค์ไปปาง ถ้าสตาร์ตติดก็ขี่ตามไปนะ ครับ นาย
รถไต่เนินขึ้นไปอย่างช้า ๆ ไม่นาน ก็ไปจอดที่บ้านพัก พี่วิโรจน์ผู้จัดการปางไม้ ยืนตรง บันใด สั่งให้หามผมขึ้นข้างบน ต้องให้คนช่วย หิ้วตัวผมตั้ง 4 คน ส่วนมือของผมก็ยังกอดเป้ ไม่ให้หลุดไปไหน พวกนี้ไม่รู้อะไร ตอนฝนตก รูปของ น้องไพลิน.จะเปียกผมเลย เอาจับยัดใส่เป้ เพิ่งได้รูปมาวันนี้เสียด้วย
คนงานช่วยกันจับผมแก้ผ้า เอาผ้าขาวม้าช่วยเช็ด ตัว เช็ดผม แล้วก็เช็ดเท้าที่ขาวซีดเหี่ยว ส่วน สะโพกมีเลือดไหลออกมานิด แต่ร่องรอยปูดเห็น เด่นชัด หัวไหล่ขวาปูดขึ้นมา 3 จุด พี่มุ้ย จัดการเอาผ้ามาห่มตัวจนอุ่น เอายา ไทลินอลมา 2 เม็ดยัดเข้าปากผม ตามด้วยน้ำอีก ครึ่งขัน
หิวข้าวเปล่าเส ไม่หิวพี่ แต่มันเจ็บสะโพกกับไหล่ เออ งั้นรอเดี๋ยว พี่วิโรจน์พูด ไม่นานก็เดินถือไซริงซ์ฉีดน้ำยาปรี๊ด จับสะโพก ตะแคงเอาสำลีเช็ดสามสี่ที แล้วฉีดยาเข้าตรง สะโพกปึ๊ก เดินยาช้า ๆ ดึงเข็มออก เอาสำลี ปิดแล้วคลึงไปมา เส เอามือกดไว้อย่าให้สำลีหลุดนา เดี๋ยวจะได้ หายเจ็บ ไอ้หมาน เตรียมข้าวให้เส กับคุณมุ้ยกิน คงหิว ไม่ได้กินข้าวกลางวันไม่ใช่เหรอ
หลังจากใส่กางเกงเสื้อห่มผ้าหนา ๆ นั่งพิงเสา ไม่นาน ความเจ็บเริ่มคลาย ใช้มือซ้ายถือช้อนสังกะสีตัก ข้าวกับแกงไก่ใส่หยวกกล้วย ที่เผ็ดมาก อย่างทุลักทุเลหมด ข้าวไปเกือบจาน ดื่มน้ำตาม
เอ้าเส เข้านอนไปก่อน ดูแล้วสะโพกไม่แตกแขน ไม่หัก ใช้ได้ พี่มุ้ยพยุงผมลุกขึ้นไปนอนบนที่นอนบาง ๆ เอา ผ้าห่มคลุม เอามุ้งแบบครอบกางให้เสร็จ ถ้าเจ็บมาก เรียกพี่นะ จะได้เอายาให้กิน ขอบคุณครับพี่มุ้ย
ร่างกายเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ แสงไฟฟ้าของปาง กระพริบเตือนสามครั้ง พี่วิโรจน์รีบจุดเทียนไข เล่มยาว ปักไว้ขนกระป๋องนมข้าง ๆ ที่นอน ไม่ นานไฟฟ้าก็ดับ แสงเทียนวับแวมแทน ทำให้นึกถึงบ้านเพชรบูรณ์ แม่คงเข้านอนสบายแล้ว ไม่รู้ว่าผมตกรถ เฮ้อ คิดถึงบ้าน ถ้าแม่รู้แม่คงจะนั่ง อยู่นอกมุ้ง คอยดูเงียบ ๆ แน่เลย
ขยับตัว เจอเป้ที่เปียกชื้นนึกได้ว่า ในเป้มีรูปของ น้องไพที่มีรอยยิ้มหวาน ดึงออกมาส่องกับ แสงเทียนเห็นลาง ๆ น้องไพถ่ายรูปยิ้มนิดเอานิ้ว มือแตะริมฝีปากอิ่มสีชมภูเรื่อ ๆสวย
เฮ้อ คิดถึงไปเที่ยวเมื่อวาน แถวสวนน้ำบึงราชนก เรา นั่งทานผลไม้ใต้ต้นทองกวาวใบสีเขียวเข้มแซม ดอกสีส้มเป็นพวง ลมพัดเบา ๆ น้องไพคุยแจ้ว ๆ พลางช้อนตามองผมบ่อย ๆ เห้อ ช่างมีความ สุขเหลือเกิน
แสงเทียนหรี่แล้วดับ ความมืดปกคลุมไปทั่ว เสียงน้ำในลำห้วยข้างล่างตรงหัวนอน ดังซัดซ่า ไม่ขาดสายฝนคงตกพรำ ๆจิตใจเห็นใบหน้า ของน้องไพ ลอยอยู่. แล้วความรู้สึกผมก็ค่อย ๆหรี่ เงียบไปพร้อมกับความมืด
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 4 มกราคม 2562 16:51:20 น. |
|
109 comments
|
Counter : 2374 Pageviews. |
|
|