No.81 ป่าทึบ(นายน้อย ตาสวย แห่งดอยสูง)
บล๊อกอันดับที่ 81
ตอนต่อจาก บ้านเล็ก กลางแอ่งดอย(บันทึกของคนชื่อกานต์)
เช้านี้อากาศหนาวมาก แดดเริ่มส่องทะลุยอดไม้ เราเดินผ่านลำห้วย ขึ้นไปนิดเดียว ก็เจอพื้นดินกว้างเกือบห้า เมตรเราช่วยกันกางผืนผ้าในสี่เหลี่ยม จัดการผูกมุมผ้าติดกับ เสา ส่วนตรงกลางราวไม้ ใช้ตอกสอด มัดติดกับคาน ให้ ผ้าเป็นแอ่งคล้ายกับ ถุงผ้าใหญ่.ก้นถุงแผ่ติดกับดิน
ผมกับครูช่วยกัน หอบต้นถั่วเหลืองที่แห้งลงมากองไว้ข้าง ถุงใหญ่ ครูนิน จับต้นถั่วเต็มกำ แล้วฟาดลงที่ขอบเป็นตัว อย่างบนไม้คาน ฝักถั่วที่แห้งก็หลุดตกใส่ถุงผ้าอย่างง่าย ๆ
หลังจากนั้นเราก็ช่วยกัน ฟาดต้นถั่วไปเรื่อย ๆ แดดเริ่มแผดกล้าลงตรงหัว ละอองต้นถั่วปลิวลอยตก อย่างช้า ๆ ดูสวย แต่คันนิด ๆ
ฝักถั่วตกลงในถุงผ้า สูงเกือบตาตุ่ม เราก็ก้าวข้ามคานไป เหยียบฝักแห้ง ในถุงย่ำไปมา ฝักถั่วก็แตกเม็ดร่วงลงลง ข้างล่าง พอร่วงเกือบหมด ก็กอบเปลือกถั่วทิ้งข้างนอก
เราย่ำจนถึงเย็น เม็ดถั่วเหลืองก็อยู่ในถุงทั้งหมด เราก็เดินขึ้นดอยลงดอยกลับบ้าน แสงสุดท้ายของวันก็จากไป ความหนาวเย็นคืบคลานแทน
ครูนิน จัดการก่อไฟ หุงข้าว ส่วนผมเอาฝักแม้ว
มาปอก ฝานเป็นชิ้นโตใส่กาละมังไว้ แล้วรีบเดินลงลำห้วย หน้าบ้าน จัดการแหะ เปลื้องผ้า เหลือแต่กางเกงขาก๊วย ทรุดตัวอาบน้ำที่ค่อนข้างอุ่นล้างคราบเหงื่อไคลฝุ่นคาย ออกจากตัว ปลดกางเกงออกเช็ดตัวด้วยผ้าขาวม้าผืนใหม่ อย่างไม่ต้องกลัวใครเห็น ก็เดือนมันมืดนี่นา นุ่งผ้าขาวม้า ชิ้นเดียวรีบเอามือปิดอกไว้ ไม่ได้กลัวคนเห็นหรอก มัน หนาวเย็น รีบวิ่งเข้าบ้าน
เข้าครัว คอยดูหม้อข้าวที่ครูตั้งไว้ เสียงข้าว กับน้ำเดือดขลุก ๆ เสียงค่อยลงเรื่อย ๆ ดึงฟืนออกเหลือไว้ ดุ้นเดียว รอให้ข้าวมันแห้ง แล้วยกลงวาง ไว้ข้างเตาไฟ เอาหม้อดินใส่น้ำไม่มาก ตั้งไฟเท ฝักแม้ว ที่เตรียมไว้ลงหม้อ หยิบเกลือป่นสีเทาดำ โปรยลงไปนิด
คืนนั้น เรานั่งกินข้าวสวยร้อน ๆ กับน้ำพริกถั่วเน่าป่นแห้ง มีรสเผ็ด มัน เค็ม คลุกกับข้าว ตักเข้าปาก ตามด้วยฟัก แม้วต้ม อร่อยมาก คงจะเป็นด้วย มันหิวก็ไม่รู้เหมือนกัน ชีวิตชาวบ้านป่า กินง่าย นอนง่าย แต่คืนนี้คงจะยังนอน ไม่ได้ ต้องนั่งสมาธิต่อแน่ ๆ เฮ้อ ดีเหมือนกัน คงต้อง ทำทุกวัน
เช้าวันนี้ มองจากยอดดอยลงไป ลำห้วยที่ทอดยาวคดเคี้ยว ไปด้านขวามือ เดินลุยลำห้วย หมอกลอยเรี่ยไปกับดอยที่ ปลูกถั่วเหลือง แสงแดดยามสายสาดส่องไปทั่วบริเวณ หลังจากที่นั่งพักมองทิวทัศน์เป็นแนวกว้างได้ครู่เดียว หมอกเริ่มจางระเหิดหายยาม ความร้อนจากแดดเริ่มขึ้น
ผมเริ่มเดินสู่ชายลำห้วยที่ใสสอาด ผมเปอะกระชุหรือ เรียกว่ากะทอไว้ด้านหลัง ใช้หน้าผากเป็นตัวดึงรั้งไม่ให้ เลื่อนหลุดไปข้างหลัง เหมือนกับชาวอีก้อไม่มีผิด เพียงแต่ รูปร่างสูงกว่าแถมมีหนวดเคราขึ้นครึ้มยาวเส้นผมยาวไม่ มากนัก ผมอาสาครูมา ขนเม็ดถั่วเหลืองไปเก็บไว้ที่ กระท่อม ให้ครูได้พักผ่อน คาดว่าคงจะขนได้ครั้งละ 40 กก. สักสองครั้งน่าจะหมด.
ขนได้เที่ยวสุดท้าย มองจากริมห้วยหน้าบ้าน เห็นครูนิน กำลังพูดคุยอยู่กับคน 4 คน บนแคร่หน้าบ้าน
เอ้า กานต์มารู้จัก ทิวา ก็นายน้อยของ เจ้ายักษ์นี่ก่อน
สวัสดีครับ คุณนายน้อย เอ่อคุณทิวา นายน้อยของเจ้ายักษ์ ยกฝ่ามือขวารับรู้นิด นัยตานิ่ง ไม่ยิ้ม รูปร่างน่าจะสูงไม่เกิน 160 แต่งกายด้วยกางเกงดำ เสื้อสีกากี ไว้ผมไม่สั้นไม่ยาว คล้ายทรงพวกผู้ชาย
ส่วนเจ้ายักษ์นั่งยิ้มเผล่ โชว์ฟันขาว ดูอารมณ์ดีแต่บอกตรง ๆ ดูรูปร่างแล้วน่ากลัวพิลึกเหมือนกัน ชายอีกสองคนแต่ง กายคล้ายเจ้ายักษ์ใส่กางเกงขาก๊วยเสื้อสีกรมท่า ยืนอยู่ ห่าง ๆ
น้อยเคยเห็น กานต์มาก่อนหรือเปล่า ครูนินถาม ทิวาสาวที่เหมือนผู้ชาย มองหน้าด้วยสายตา คมกริบ หน้ายังกะโจร น้อยไม่เคยเห็นครู โห..เจอคนพูดตรงซะไม่มี ผมคิดในใจ แต่ เอ...เห็นคิ้วกับนัยตา คุ้น ๆ แต่ไม่รู้เห็นที่ไหนนะ
ที่ครูชวน น้อยมาเรียนเข้าสมาธิ น้อยว่างช่วงนี้ ยังไม่ เข้าอำเภอปาย ของยังมีไม่มาก จะเรียนสักกี่วันถึงจะดี
มาพัก และเรียนกับครู 3 วันก่อน พอเป็นแล้วค่อยไปฝึกเอง
ได้ครู งั้นน้ายักษ์อยู่ที่นี่กับน้อย ส่วนเจ้าอางค์ ส่างโท เอาม้าไป ขนของตามที่นัดเขาไว้ อีก 5 วันเจอกันที่ปาง น้ายักษ์เอาอาหารกับของน้อยลงไว้ก็แล้วกัน
ดูแล้วแม่สาวทิวา นี่แข็งไม่ใช่น้อย แต่ให้ตายเถอะเวลา หลุบตาลง ขนตาที่งอนแนบลง ดูสวยเหมือนกัน 555
เอางี้ กานต์ย้ายของไปนอนที่ปากถ่ำ ให้น้อยไปนอนที่ ห้องแทน ไม่ต้องครู เดี๋ยวน้อยขอ พักตรงชายคาด้านโน้น น้ายักษ์ เอาผ้าใบขึงต่อชายคา กันน้ำค้างก็พอ
เฮ้อ ครูหนอครูเห็นแขกมา ใล่ผมไปนอนที่อื่นเลยเนาะ เดี๋ยวนายน้อยของเจ้ายักษ์จะรู้ว่า ความหนาวตอนกลางคืน เป็นไงเขาให้นอนในห้องไม่เอา
เอาละ น้อยกับกานต์ มาเรียนด้วยกันก็ดี ใหม่ด้วยกันทั้งคู่ ก่อนที่จะ เข้าน้อยจะนั่งสมาธิ ให้พูดว่า กราบนมัสการ พระอาจารย์ แล้ว ท่องคำว่า พุทโธในใจตลอดเวลานะ
ว้าน้อยนับถือคริสต์ ท่องพุทโธ ท่องไม่ได้มั้ง
หึ หึ คำว่าพุทโธ หมายถึงผู้รู้ เป็นคำพูดของชาวอินเดีย ที่ใช้มาก่อน พระพุทธเจ้าประสูติซะอีก จะใช้คำอื่นก็ได้ เช่น เยซู หรือ นะโม ก็ได้ เพียงแต่พูดในใจซ้ำ ๆ กันก็พอ เวลาท่องหรือบริกรรม ให้หลับตานะ เอาใจไปจดจ่อไว้ ตรงหัวคิ้ว ตลอดเวลา
ได้เลยครู นายน้อยของเจ้ายักษ์รับคำยิ้มนิด ๆ มองแล้ว น่าตาใช้ได้เหมือนกัน
เอ้า กานต์ไปอาบน้ำอาบท่า เอามีดโกนนี่โกนหนวดเครา ให้เกลี้ยงนะ ก่อนใช้เอาลับกับหินนี้ก่อน เคยใช้หรือเปล่า
ผมว่าผมเคยใช้นะครู
พออาบน้ำสระหัว ขัดขี้ใคลด้วย ผงมะซักก็ที่เรียกว่าประคำ ดีควาย รู้สึกสบายตัว แต่ตอนโกนหนวดเครานี่มันเจ็บไม่ ใช่เล่นมีดโกนมันชักขะเย่อกับเครา ลองดูกระจกเล็ก ๆ ของครูนินแล้ว เออ เพิ่งเห็นหน้าตาเราเป็นงี้เอง
พอใส่เสื้อกางเกง ใช้มือเสยเส้นผมที่เปียกหมาด ๆ ก็เดิน ไปที่บ้าน
ทั้งสองมองมาทางผม ครูนินยิ้มนิด ๆ คงพอใจที่ลูกศิษย์ หายจากสภาพใบหน้าเป็นโจร
ส่วน นายน้อยนัยตาสวย เพ่งมองผมนิ่ง แล้วเบิกตากว้าง เคยเห็นคุณ....นี่มาก่อนแน่ครู แต่เอ...
น่าจะนะ แต่เอาไว้ก่อนดีกว่าครู น้อยเริ่มหิวแล้ว ว่าแล้วคุณเธอก็เดินเข้าทำกับข้าว ใจแข็งจริง ๆ เราก็อยากจะรู้ เล่นตัวฉิบเป๋ง.เฮ้อ....
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ
st.9075
Create Date : 01 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 6 ธันวาคม 2561 12:25:01 น. |
|
81 comments
|
Counter : 4885 Pageviews. |
|
|
.