จากเด็กที่เคยจน ที่บ้านต้องเลี้ยงหมูใต้ถุนบ้าน หลังบ้าน
ทำแปลงผัก ไว้หลายแปลงไว้กิน ที่เหลือก็เก็บขายที่ตลาด
อายแสนจะอาย ก็ต้องถือกระบุงไปส่งผักที่ ตลาดช้างเผือก
ก็ที่เชียงใหม่นะแหละ
แต่ชีวิตหลังจากที่เคยเป็นเด็กจนมาก่อน ตอนนี้ก็ยังเป็น
ผู้ใหญ่ที่ ก็ยังไม่รวย แหะ ๆ หันมาทำงานออฟฟิศผูกไทค์
รองเท้าขัดมัน แถวสีลม อยู่ในห้องปูพรมนิ่มนวล แต่แล้ว
ต้องหันมา ทำสวน เอ้ย ไม่ใช่สวนแล้ว ที่ดินหลายไร่
ต้องเรียกว่า "ทำไร่" ซิเนาะ
เรื่องมันยาวมาก ตัดให้สั้นจุ้นจู๋หน่อย ก็ตอนนั้น อะไร
น้า ที่แตกดังกระหึ่มไปทั่วประเทศ.กะทั่วโลก
ดูทีวี เห็นหนุ่ม ยืนเล็งหนังกะติ๊กแล้ว ยิงไปโป๊ะ
ยิงได้อะไรน้อง
กะปอมพี่ เอาไว้กิน
ทำไมต้องกินกะปอม มันอร่อยเหรอ
เปล่า ถูกเลย์ออฟ ไม่มีอะไรจะกินเลยยิงกะปอม
โธ่ ฟังนักข่าวกะหนุ่มคุยกันแล้วแสนจะเศร้า
ดูข่าวเศรษฐกิจมันไม่ดี จนต้องขับรถจาก กท. ไปถึง
จันทบุรี ลองตามเข้ามาดูซิ ว่า ไปทำไม จะรอดหรือ
รถพิคอัพวิ่งบนถนนดำ มุ่งไปทางทิศเหนือแล้วแยกซ้าย
มือผ่านป่า ฝุ่นจากถนนสีแดงฟุ้งยามรถวิ่งผ่าน
ร่มเงาสูง ครอบคลุมไปตลอดทาง แสงแดดส่อง
เป็นลำเป็นบางครั้ง.
กว่าสองกิโลเมตรที่ขับรถผ่าน เราขับรถผ่านลำห้วยที่
มีน้ำไหลรินตลอดเวลา พื้นลำห้วยเป็นกรวดขนาดย่อม
ดังกร๊อดแกร๊ดเมื่อนำหนักรถบดทับ ข้างหน้าเป็นถนน
สีแดงปนดำ แคบขนาดรถวิ่งผ่าน. บางช่วงรอยรถเก่า
เป็นรอยลึก. ท้องรถพิคอัพ ยามวิ่งผ่านเสียงดังครึดคราด
แต่ เรายังขับรถเดินหน้าต่อไป ไม่นานเพื่อนที่ชี้ซั้ว ให้
จอดใต้ต้นไม้ใหญ่สูงใหญ่
ฝนเริ่มตกมาประปราย คงเป็นฝนหลงฤดู รอบ ๆ ตัวมีแต่
พงหญ้าสูงท่วมหัว ด้านขวามือเป็นสวนต้นไม้ ที่ค่อน
ข้างราบเตียน ใบไม้ตกคลุมไปทั่วใต้ตนที่ปลูกเป็น
แถวยาว. อากาศเริ่มร้อนระอุ เหงื่อไหลซึมจากหัวไหล
ลงสู่ลำคอ ใบหน้าของเพื่อนร่วมทาง มันเยิ้มจากเหงื่อ
ที่ไหล. เราลงจากรถบิดขี้เกียจไม่นานต่างคนต่างารีบขึ้น
รถพิคอัพชนิดสี่ประตูต่อ เม็ดฝนโต ตกลงมาตลอดเวลา
พื้นถนนสีแดงปนดำ เริ่มมีน้ำเจิ่งนอง แล้วไหลลงสู่ร่อง
นำเกือบครึ่ง. ดูเข็มนาฬิกาเกือบจะเที่ยง ฝน
ยังคงตกมาไม่ขาดสาย เม็ดฝนตกใส่ ดินที่เคยแห้งผาก
ส่งกลิ่นหอม อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เม็ดฝน
เริ่มเล็กลงหลังจากร่วงหล่นจากฟ้ากว่าชั่วโมง
ความหิวเริ่มมาเยือนเราทุกคน เราแง้มประตูรถออก
ความเย็นพรูเข้าตัวรถเย็นฉ่ำ. เม็ดฝนเริ่มหยุดร่วงลงสู่
พื้นดิน นาน ๆ จะมีหยาดน้ำที่ค้างจากใบไม้ใหญ่ ร่วงสู่
พื้นแทนเม็ดฝน.
เราเปิดกะบะท้ายรถสี่ประตู วางปิ่นโตกับข้าวบน
ฝาท้ายรถ วิภาเพื่อนสาวใหญ่ ตักข้าวใส่จานพลาสติก
แจกจนครบคน
ต่างคนต่างใช้ช้อนด้ามยาว ตักหมูสามชั้นเค็ม ที่คั่วแห้ง
ใส่จาน ตามด้วย น้ำพริกหนุ่ม. คลุกเคล้ากับข้าวสวยที่
เย็น เมื่อตักใส่ปากเคี้ยว ความหอมของน้ำพริก แล้ว
กัดหมูเค็มคั่ว หอมอร่อย ความเผ็ดปานกลางเกิดความ
อร่อยอย่างบอกไม่ถูก กัดผักกาดขาวต้มใส่เกลือนิด
เคี้ยวรวมกับหมู่เค็ม อร่อย
นึกถึงตอนเป็นเด็กที่เชียงใหม่ แม่ทำหมูเค็มให้กินบ่อย
ในหน้าหนาว ที่หนาวเย็น ทำให้เกิดความอบอุ่นอย่าง
บอกไม่ถูก ที่นี่ก็เช่นกัน เรากินกันได้ไม่เกิน 5 คำเนื้อ
ตัวเริ่มอุ่นขึ้น ส่วนผมเหรอ เม็ดเหงื่อไหลจากจมูกไหล
ลงข้างล่างเร็วกว่าเพื่อน เพราะอะไรเหรอ เป็นคนที่กิน
เผ็ดไม่ได้. แต่จะให้กินแต่แกงจืด ก็เมินเสียเถอะกินไม่
ได้ คือ กินอาหารมีรสเผ็ดปานกลาง จะเจริญอาหารจริง
เจ้าช้าง เจ้าของพื้นที่อร่อยจนตักข้าวเพิ่มจนพูน
เป็นคนที่กินข้าวจุที่สุดในพวกเรา คือเคี้ยวข้าวไม่เกิน 4
ครั้งแล้วก็กลืน แล้วต้องยกน้ำขึ้นดื่มตามไปทันที จน
กระทั่งกินข้าวเสร็จ.
เคยมีเพื่อนที่เป็นหมอ บอกว่า เอ็งกินข้าวไม่ถูก ต้องเคี้ยว
ให้ละเอียด เวลาเช้าจะไม่ลำบากตอนเข้าห้องน้ำ
เจ้าช้างถามว่า เวลาหมอ เข้าห้องน้ำกี่นาทีวะ
5 นาทีก็เสร็จแล้ว
เหรอ เราเข้าห้องน้ำ เปิดผ้าเสร็จยังไม่ทันนั่ง ก็พรึด
เสร็จแล้ว ไม่ถึงนาที. ฉนั้นแกเป็นหมอต้องไปศึกษา
มาอีก. เอากับมันซิ. ย้อนหมอซะหงายหลัง
เรากินข้าวกันเสร็จ ผมก็จัดการ ผ่าสัปรดเป็นสี่ชิ้น
ยัง ๆ อย่าเข้าใจผิด ว่าจะให้กินทั้งเปลือก
จัดการแทงมีดแหลม
ติดเปลือกแล้วฝานไปจนถึงขั้ว แล้วแทงมีดอีก
ครั้ง ติดกับแกนกลาง ฝานเป็นแนวยาว แล้วจัดการแทง
มีดลงเนื้อสัปรด ให้พอคำ. ชิ้นโตชิ้นหนึ่งก็ 5 ครั้งขิ้น
สัปรดก็ขาดจากกัน เอามือดันชิ้นสับหว่างให้เลื่อนไป
อีกด้าน แล้วกลับมาอีกด้าน ใช้นิ้วชี้ดันชิ้นส่วนทีค้าง
ไปอีกด้าน. แค่นี้ก็สวยแล้ว เพื่อน ๆ ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มมา
กินได้สบาย.
โห พี่ผมยังไม่เคยกินแบบนี้เลย ที่บ้านผมใช้มีดปอก
จนหมด แล้วใช้มีดบางมาปาด ขนสัปรดเป็นริ้วยาว กว่า
จะกินได้นานเหมือนกัน. พี่ตูนทำเป็นจากไหนเหรอ
อ๋อ พี่ตูนเขาเป็นพนักงานบาร์มาก่อน 555
ทะลึ่ง นะเอง พี่เขาไปดูร้านประจำ
พี่ตูนเป็นเจ้าของบาร์เหรอ
เปล่า เป็นเพื่อนกะเจ้าของเว้ย. พี่ตูนเขาดูแล
กว่า 10 แห่ง เอ็งเคยไปเปล่า ย่านRCA รัชดาซอย 4
เพชรบุรีตัดใหม่ กะแถวสุขุมวิท 31 แถวบ้านนายก
ใกล้กับสวัสดีโมเต็ล
พี่ไปใช้บริการบ่อยเหรอ
โมเต็ลเหรอ บ่อย เฮ้ย ไม่ใช่เว้ย ไปจอดรถในซอย
เอ. เจ้าช้างพาพี่มาดูที่ ไม่เห็นที่เลย.
ซ้ายมือนี่ไงพี่
หา. ดงหญ้าสูงท่วมหัวนี่เหรอ
ใช่พี่ เอางี้ปีนบนหลังคารถแล้ว มองตรงไปไกล ๆ โน่น
พอปีนขึ้นไปดู เจ้าช้างชี้ให้ดูแนวที่ดิน ดูแล้วกว้างจริงๆ
แนวที่ดินของพี่ กว้างจากรถที่จอด กว้างไปถึงโน่น ทิว
ไม้ทางขวามือ ส่วนความยาว ไปสุดโน่น ทิวต้นยาง
เขียวลิบ ๆ โน่น. ทั้งหมด 32 ไร่.
เพื่อนคงสงสัยว่า ทำไมมีที่ดิน แต่ทำไมไม่รู้แนว
คืองี้ครับ เจ้าช้างมันยืมตังค์ไปหลายเยอะ ตีเช็คให้
5 ใบ พอจะไปขึ้นเงิน มันบอกว่า อย่าไปขึ้นเงิน เด้งแน่
นอน เอากะมันซิ กว่า 3 ปีแล้วที่ไม่ได้เงินเลย
มันเลยจะยกที่ดินนี้ให้แทนหนี้ แต่มันขอเงินเพิ่มอีก
หลายแสน. ช่วงที่มาดูฟองสบู่กำลังแตกโพละ ทำ
ไงได้ ไม่รับที่ดิน ก็เหลว. ไม่ได้อะไรเลย ถือว่า กำขี้ดี
กว่ากำตด พูดตรงไปหน่อย แต่ได้ใจความดีคงไม่ว่ากัน
งั้นพี่ ขอเดินดูรอบสวนหน่อยนะ
ได้เลยพี่ พี่เห็นที่เป็นทุ่งหญ้าทั้งหมดนะแหละของพี่
งั้นเดินไปด้วยกัน.
ไม่ไหวพี่ผมใส่ ไม่ได้ใส่รองเท้าท๊อปบูทมา
เออ. ไม่เป็นไร ไปเองก็ได้ เดี๋ยวขอสมุดเล็กกะปากกา
หน่อยจะจด หมุดที่ดิน
พี่เอามีดหวดไปด้วย เพื่อจะได้ตัดอะไรมั่ง
ตัดอะไร
พี่ระวัง แถวพื้นนะแหละเจออะไรจะได้ หวดให้ขาด
อะไรวะ ระวัง
งูพี่ มันชอบอยู่พงหญ้า
เอาแล้ว เรื่องงู มีใครไม่กลัวบ้าง ยกมือ ผมสมุห์ตูน
ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว ยกเว้น ลูกสาวแม่ยาย จริง ๆ 555
ตามตอนต่อไปก็แล้วกัน.
ผมคนนึงครับพี่
ที่กลัวงูมากมายเลยครับ 555