No. 124 ลมหนาว แสงจันทร์ กีต้าร์(ตอนสุดท้าย)
บล๊อกอันดับที่ 124 ลมหนาว แสงจันทร์ กีต้าร์ (ตอนสุดท้าย)บล๊อกท่องเที่ยว แต่เพิ่มบทสนทนาของเพื่อนไปด้วย เพื่อสื่อถึง ความสนุก ความลำบาก เห็นคาแรกเตอร์ของเพื่อน อาจจะเหมือนนิยาย แต่ไม่ใช่ พี่เส เคยอยู่เชียงใหม่ เขาว่าที่เชียงใหม่ก็ปลูกต้นยาสูบไม่ใช่เหรอ ใช่ เมื่อก่อนส่งเสริมให้ปลูกส่งโรงบ่ม น่าจะปี 2475 โห...พี่เส เกิดพอดีมั้ง เฮ้ย ยัง อะไรจะให้แก่ปานนั้น แม่พี่ยังไม่เกิดเลยมั้ง พี่เพิ่งเกิด ปี 2500 กว่า 555 ตอนเด็กพี่ไป อ.ดอยสะเก็ดเชียงใหม่ เขา ปลูกพันธ์ เวอร์จิเนีย เคยไปช่วยเด็ดใบยา แล้วก็ใช้ไม้เสียบ แขวนตากให้แห้งก่อนส่งโรงบ่มใบยา เดี๋ยวนี้ยังมีโรงบ่มหรือเปล่าพี่เส มีมั้ง ไม่ค่อยผ่านไป แถว อ.จอมทอง วันก่อนเห็นในหนังสือ อะไรไม่รู้ เขาเปลี่ยนโรงบ่ม เป็นที่พัก ทำเสียสวย .................จากโรงบ่มเก่า ปรับเป็นที่พัก หรู เท่าที่พี่รู้ เข้าใจว่าคนทั่วไปจะเห็นว่าควันบุหรี่เป็นพิษ คนเลยสูบน้อยลง คงไม่อยากเป็นคนโบราณ ด้วย เอ้าน้องเดือน พาพวกเรากลับบ้านเถอะ จะได้ช่วยกันทำ อาหารเย็นกัน //////////////////////////////////////// บนลานดิน ท้องนาที่แห้ง ราบเตียน แดดอ่อนแสง อากาศเริ่ม เย็นลงเรื่อย ๆ เพื่อนบางคนไม่ได้อาบน้ำตอนเช้าเริ่มผลัด ผ้าไปอาบน้ำ ที่ร่องน้ำไหลผ่านข้างบ้านน้องเดือน บางคนขึ้น ไปบนบ้านช่วย แม่ กับพี่น้องเดือน ทำกับข้าว นึ่งข้าวเหนียวไพรัตน์ กำลัง สับเนื้อหมู 4 กก. มากเอาเรื่องก็เตรียมให้คนตั้ง 30 กว่าคน พวกเรานำฟางข้าวปูบนลานดิน สับเนื้อนานพอควร ส่วน สุนันท์ เรียกว่า อุ๊ 555 ดำ แหะ ๆ ไม่กล้าเรียกต่อหน้า แต่ให้ตายเถอะ ถึงดำผิวก็เนียน ใบหน้า คม คิ้วเข้มริมฝีปาก อิ่ม คุยสนุก กำลังตั้งเตาต้มน้ำเดือด หย่อนหมูสามชั้นเครื่องในวัว ที่เรียกว่าสามสิบกลีบ ใครเคยเห็นบ้าง ตับหมู เป็นตับแก่ หวังว่าคงไม่กระเทือนใจเพื่อนบางคนนะ ส่วน จขบ.เฉย ๆ ชินซะแล้ว 555 ต้มพอสุก ยกลง หั่นเป็นชิ้นยาว เท่านิ้วก้อย หญิงนะ จนหมด ส่วนไพรัตน์ สับหมูจนละเอียด เอาเลือดหมู ที่ พี่สาวเดือนซื้อ ให้ตั้งแต่เช้าที่ตลาดเตรียม 1 ถุงมาสับปนกับหมูสับ คลุกเคล้าจนทั่ว แล้วเอาต้นใบผักไผ่ ที่คน กท.เรียกว่าหอมจันทร์ นั่นแหละกว่า 10 ต้นสับรวมเข้าไป กลิ่นหอมเริ่มโชยมา พี่เส....ทำกับข้าวอะไร เห็นเลือดแล้วไม่น่ากิน อ๋อ...ลาบเหนือ เดี๋ยวพี่จะเอาน้ำพริก มาคลุกแล้วผัดน้ำพริก พี่เส..ตำเป็นเหรอ โห...ไม่ตำหรอก 555 ซื้อมาเป็นถุงจากเชียงใหม่ ยัดใส่ตู้ เย็นห้องฟรีซ ไว้กว่าเดือน อยากกินเมื่อไรก็นำมาคลุก ลองดมดู หอม..จังพี่เส เขาใส่อะไรมั้ง 555 ไม่รู้เหมือนกัน มันเยอะ เป็นเครื่องเทศทางภาคเหนือนะ แต่บอกก่อนนะ ว่า ลาบทางเหนือ มีเผ็ด หอม แล้วก็ไม่ใส่เปรี้ยว ด้วย ทำเสร็จห้ามขอมะนาวนะเว้ย 555 เสียชื่อหมด รอบกาย อากาศหนาวลงเรื่อย ๆ ความมืดเริ่มครอบคลุมไปทั่ว โยธิน ตัวสูงใหญ่เดินโย่งเย่ง เอาเตาแก๊สแสงไฟมาจุด ส่องสว่างเป็นวงกว้างกว่า 5 เมตร พรรคพวกหญิงชายต่างเข้า มารุมล้อม วงทำกับข้าว ต่างคนคว้าฟางข้าวจาก ลอมข้าวมา ปูนั่ง ส่วนเจ้าปิ๊ก 555 เพื่อน ๆ เรียกว่า หนุ่มจักกะจั่น เริ่ม กรีดนิ้วลงกีต้าโปร่ง ร้องเพลง ของกิ๋นพื้นเมือง ทุกอย่างพร้อมแล้ว เอากะทะใหญ่ตั้งไฟ เร่งไฟร้อนฉ่า เอาน้ำซุบ ก็น้ำที่ต้ม สามสิบกลีบ ตับ หมูสามชั้น นั่นแหละ ใส่ลงไปหนึ่ง กระบวยไอร้อนจัดพุ่งขึ้น เทเนื้อหมูสับคลุกน้ำพริกลาบกับ เลือดหมูสีแดงจัด 555 น่ากลัวพิลึก ใช้ตะหลิวพลิกเนื้อครู่เดียวเนื้อกับเลือดเปลี่ยนสีเป็น ก็ 55 สีสุก แล้วเทตับ สามชั้นต้มแข็งซอยเป็นแท่งสี่เหลี่ยมกับ สามสิบกลีบ เร่งไฟอีกนิด ไอร้อนพุ่ง หมูสับกับเครื่องในร้อนจัด เข้ากันดี โปรยต้นหอมซอย อีกขยุ้ม เทหัวหอมเจียวอีกทัพพี คลุกแล้วตักชิม แล้วเทน้ำปลา เติมไปอีก สามฉึก คน โห...ลาบที่สุกหอมเครื่องปรุงลาบ กลิ่นต้น ผักไผ่คลุ้ง ตักชิมแล้วเจอความหวานของหมูสุก เคี้ยวเจอตับสุก ด้วย หมูสามชั้น เลือดที่สุกช่วยให้ กลมกล่อม มันจริง ๆ แหะ ๆ ขอซู๊ดปากอีกที 555 ส่งช้อนให้ คุณยุวดี แหะ ต้องเรียกคุณหน่อย เธอเป็นผู้อาวุโส น่ารัก แถมเป็นแคชเชียร์คอยจ่ายเงินให้พวกเรา เป็นไงครับคุณยุ เดี๋ยว ขอเคี้ยวก่อน อุ ๆ มันร้อน เคี้ยวตับ กับหมูสามชั้น อร่อย เอ..คุณเส... ลาบกะทะนี้ มันหอมมาก แล้วมีรสชาด มัน ๆ ดีด้วย ผมใช้หอมไทยเจียว ใส่กากหมูมันเปลว ค่อนข้างกรอบไปด้วย รสชาด อร่อยไม่เหมือนที่ทานใน กรุงเทพเนาะ /////////////// บริเวณที่พวกเราตั้งเต็นท์ เรานำฟางข้าวมาปูเป็นวงกลม สามวง ตักกับข้าวเป็นสามชุด เพื่อน ๆ ต่างล้อมวง ท่ามกลางแสงไฟจากตะเกียงแก๊สสว่างขาวนวล อากาศหนาวลงอีก ทีนี้ต่างคนต่าง คดข้าวเหนียว ข้าวสวยร้อน ๆ ใส่จานตัวเอง ส่วนใครจะล้างมือหรือไม่ จขบ.ไม่รู้เหมือนกัน 555 กับข้าวมีอะไรเหรอ ดูภาพ ลาบหมู กินกับนี่ครับ มะม่วงดิบเปรี้ยวนิด แต่มันแก่เกินไปนิด ก็พอไหว .......................ผักไผ่นี่จะหอม คล้ายใบพลูแต่ไม่ใช่ นะครับ ..................... ข้างบนนี้ เป็นยอดมะกอก จะมีรสเปรี้ยวนิด เวลาเคี้ยวกับลาบสุก ช่วยให้ กลมกล่อม....ปกติยอดมะกอกจะออกฤดูฝน แต่ บ้านที่เราไปพัก ตัดต้น ทิ้งมันสูงเกินไป กะปล่อยให้มันตาย แต่มันอยู่ใกล้ ที่ล้างจาน พอสาดน้ำ ไปทุกวัน มันเลยออกยอด โป๊ะเชะ พวกเราเลยได้กินกัน ผักที่ กินกับลาบเหนือวันนี้ มีกระหล่ำปลี ถั่วฝักยาวสดกรอบ ต่อมาเป็น ใส้อั่ว ก็ซื้อมาจาก อ.หล่มสัก ตอนเช้า แล้วนี่ แคบหมูติดมัน หอม เวลาเคี้ยว มันช่างอร่อย กรอบ เค็มนิด ๆ ข้าวเรามีข้าวให้เพื่อน ๆ กิน 3 อย่าง ก็ข้าวสวย ข้าวเหนียวขาว กับข้าว เหนียวดำผสมข้าวขาวไปนิด เลยกลายเป็นข้าวสีแดงชมภูไป ดูซิครับ .................... ใส้อั่ว แคบหมูซื้อมาจาก อ.หล่มสักนะครับ ไม่ได้ทำเอง เพราะ ทำไม่เป็น จริง ๆ แล้ว ลาบเหนือ มีขายที่ หล่มสักตรงตัวตลาด กับที่ สามแยกอะไรน้า...อ้อ สามแยกวิเชียรตรงไร่กำนันจุลเดิม อร่อย แต่ที่นั่นค่อนข้างเผ็ดไปนิด เลยทำเองซะเลย ไม่แพงด้วย ส่วนข้าวเหนียว ข้าวสวย แม่ กับพี่น้องเดือน จัดการใช้ข้าวเหนียว ใหม่นึ่ง ส่งมาให้ร้อน ๆ หอมยังกะกลิ่นใบเตย ต้องขอขอบพระคุณแม่น้องเดือน กับพี่สาวทั้งสองคนด้วย ส่วนพ่อเหรอ 555 มานั่งร่วมวงกับพวกเรา แถมมีน้ำพรรค์นั้น มาให้พวกเราจิบกันนิด ๆ หน่อย ๆ แค่ 6 ขวด เวลาดื่มไปอร่อย มาก แต่พอลุก เซ..ยังกะกินเหล้า เห็นพ่อเขาว่าไม่ใช่เหล้า แต่เป็นน้ำข้าวหมาก ที่หมักไว้นานหน่อย ว่าไงว่ากันเนาะ ไม่ใช่เหล้าก็ไม่ใช่ 555 คืนนี้ อากาศหนาว มองบนฟ้า ดวงจันทร์กลมโตส่องสว่าง คู่ทินกรกะหญิงเล็ก นั่งเคียงกันมองดวงจันทร์ ฮุ้ย อิจฉาจังวุ้ย เจ้าปี๋กมือกีต้าร์โปร่ง เล่นไปร้องไปกับเพื่อน ๆ ที่นั่งล้อมวงผิงไฟ จากฟืน เพื่อนค่อย ๆ เติมฟืนให้อบอุ่น ตกดึก ท้องเริ่มว่าง เลยโกยขี้เถ้ากองโต โยนหัวมันเทศ ที่แทง ไปมา เข้ากองขี้เถ้า เอาปีบครอบเสร็จแล้วค่อย ๆ นำฟางข้าว วางข้างปี๊บทีละนิด ความร้อนในปี๊บระอุ รมให้มันสุก บางปิ๊บระเบิด ดังปุ้ง เพื่อนคงลืมใช้ ไม้แทงมันเทศ เกือบครึ่งชม. ใช้ไม้ผลัก ปี๊บให้ตะแคง กองมันเทศร้อนระอุ บางหัวแบะออก เนื้อมัน สีเหลือง ใช้ไม้แหลมแทงลาก ออกมาวางไว้บนฟางข้าว ข้างตัว ทีนี้ละต่างคนต่าง จัดการด้วยตัวเอง ค่อย ๆ แกะ บางคนหัวแหลม ใช้มือกดให้แบนแตกออก เอาช้อน ตักเนื้อมันที่ร้อน ไอฉุย พร้อมกลิ่นหอมของมัน ผสมกลิ่นฟางข้าว ไหม้ หอมผสมเนื้อมันหวานนิด สุดยอด แต่ไม่ปลอดภัยนะ 555 ถ้ารีบกัดแล้วเคี้ยว มันร้อนจริง ๆ เกือบ 5 ทุ่มเสียงเพลงค่อย ๆ เบา เพื่อน ๆ ต่างแยกย้ายกันไป นอนในเต็นท์ส่วนตัว กันเงียบ ๆ ผมเอง นั่งพิงกองฟาง ใกล้กองไฟที่เริ่มมอดลง มองถ่านไฟ สีแดง ค่อย ๆ ลดแสงลง รอบกาย เห็นเต็นท์ของเพื่อนเรียงราย อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ กับความหนาวเย็น ใช่แล้วบ้านเฉลียงลับ เพชรบูรณ์ ที่สวย สงบตามธรรมชาติ ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตาม ครรลอง.....แล้วค่อยคลานมุดเข้าเต็นท์ สอดตัวเข้าถุงนอน รูดซิบ ขยับหมวกไหมพรม ปิดตา และแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เงียบหายไปกับความมืด อย่างมีความสุขขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ ตลอดมา st.33,419/43,612งานเขียนชุด เพชรบูรณ์ มี 5 ตอนติดตาม อันดับเรื่องซ้ายมือ No.110 พักแรม@ ไร่ผัก ริมไหล่ดอยฯ No.112 แค้มป์ กองไฟ ฯ No.113 แสงจันทร์ กลางดอยที่หนาวเย็น No.118 กางเต็นท์ นอนหนาวฯ
Create Date : 06 สิงหาคม 2555
Last Update : 18 เมษายน 2564 19:27:38 น.
98 comments
Counter : 8768 Pageviews.
ผักไผ่กินกับลาบ
สุดยอดดดดดครับ
โรงบ่มเริ่มเหลือน้อยลงๆนะครับพี่
สมัยก่อนแถวแม่แตงนี่เพียบเลย