รถพิคอัพ แล่นบนถนนดินลูกรังสีแดง ในป่าหลังเขา
ชะเมา จันทบุรี คดเคี้ยวไปมา เงาไม้ใหญ่ร่มคลื้มไปตลอด
มีแสงส่องลอดต้นไม้บ้าง
รถคงวิ่งบนรอยรถเก่าที่ลึก พยามยามไม่ให้ปีนออกแนว
ไม่งั้นล้อเจอดินอ่อนนุ่ม เสี่ยงจากการล้อจมไปกับดิน
รอบ ๆ ตัวเป็นป่า รก มีเถาวัลย์เกี่ยวไปมา
ผมขับรถมาคนเดียว บางทีก็เจอป่าที่ไม่รกบ้างเป็นบางช่วง
เลยโค้งหน้า เป็นทางลง ลำห้วยเล็กตื้น ซ้ายมือ มีกระท่อม
เล็กผุพัง หลังคาที่มุงด้วยแฝก หลุดหายห้อย ปลูกอยู่ริม
ลำห้วย อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ ต้องจอดรถมองดูลำห้วย
ที่อยู่ข้างล่าง
จริง ๆ แล้วไม่อยากจะจอดตรงนี้ ชาวบ้านเล่าว่า เจ้าของ
บ้านถูกยิงตายเมื่อ 2 ปีตรงหน้าบ้านนี้เอง บ้านเลยร้าง...
มองรอบ ๆ ตัว อากาศเริ่มขมุกขมัว ทั้งป่าเงียบ ได้ยิน
เสียงน้ำในลำห้วย ไหล ดังครางเบา ๆ เหมือน คนหายใจ
ติดขัด ตลอดเวลา
ลงสำรวจก่อนดีกว่า มองไปด้านซ้ายมือ เห็นเงาแว๊ป ๆ
เหมือนคนยืนดู พอหันไปดู ก็ไม่เห็น ขนหัวเริ่มลุกชัน
เปิดสวิทไฟรถส่องสว่างเป็นลำไปข้างหน้า เฮ้อค่อยยังชั่ว
จอดรถลงเดินลุยน้ำ ใช้เท้าคลำทางไปกับท้องลำห้วย
ที่ขุ่น เจอก้อนหินใหญ่ เล็กปูวางไปทั่ว มีบางที่เป็นหลุม
กว้างพอประมาณ ต้องเดินลุยน้ำไป หาก้อนหินมาเติม
ให้เต็ม ใช้สายตากะ พอให้ความกว้างพอกับ ล้อรถ
ก็กลับขึ้นรถ
ค่อย ๆ เข้าเกียร์สอง เคลื่อนล้อหน้าหย่อนลงทางลาดมี
ก้อนหินวางเรียงรายไปอย่างช้า ๆ ไม่กล้าวิ่งเร็วนัก
วันนี้ ขับรถเข้าป่ามาคนเดียว หากเกิดพลาดเหรอ
ต้องนอนกลางป่า แถมนอนตบยุงแล้วก็ อยู่ใกล้ชิดบ้าน
คนตายด้วย เสียว
อากาศมืดมิด ล้อหน้ารถเคลื่อนไปกลางลำห้วยที่มี
น้ำไหลผ่านสูงกว่าครึ่งฟุต ล้อหลังตามมา เสียงเครื่องยนต์
คงดังสม่ำเสมอ พอล้อหน้าจ่อขึ้นตลิ่งที่สูงกว่าครึ่ง
เมตร เปลี่ยนเป็นเกียร์หนึ่ง ล้อหน้าพ้นไปด้วยดี แต่
ล้อหลังเริ่มหมุนเป๋ไปทางซ้ายมือ ต้องหยุดนิ่งอีกครั้ง
ปล่อยเป็นเกียร์ว่าง ดึงเบรคมือจนสุดให้แน่น
ลงลุยน้ำใช้มือคลำไปที่ล้อหลัง เจอดินเหนียวลื่นอยู่ด้าน
ขวามือ ด้านซ้ายยังมีก้อนหินรองอยู่ คลำก้อนหินเล็กยัด
ใส่ด้านหน้าล้อขวามือ จับยัดจนเต็มใช้ด้ามเสียมที่ติดรถ
มากระทุ้งจนแน่น
ขึ้นรถนั่งสงบนิ่ง หายใจลึก ๆ ใช่ครับ ก่อนเคลื่อนรถต้อง
มั่นใจจริง ๆ จึงจะพารถขึ้นจากตลิ่งได้ เท้าขวาเหยียบ
เบรคแน่น เท้าซ้ายเหยียบครัช โยกคันเกียร์เข้าเกียร์หนึ่ง
ดังกรึ๊บ ย้ายเท้าขวาแตะคันเร่งเบิ้ลเครื่องจนแน่ใจ ก็ค่อย
ปล่อยครัช เหยียบคนเร่งช้า ๆ ล้อรถเคลื่อนดังครึดข้าง
หลัง รถค่อย ๆ ไต่ขึ้นจนพ้นลำห้วย.
ขึ้นไปบนเนินดินที่ค่อนข้างแข็ง จอดรถ เช็ดเหงื่อที่
หน้าผากด้วยผ้าขาวม้าที่มัดพุงไว้ เฮ้อ ค่อยหายใจได้ลึก
กว่าครึ่งชม รถก็เข้าเขตสวน
เปิดประตูเข้าตัวบ้านได้ สต๊าทเครื่องปั่นไฟ 2 ทีแสงไฟ
ส่องสว่างทั่วห้อง
เปิดไฟห้องนอน คว้าอาหารประจำรถ ขึ้นบ้าน
วางไว้กับพื้น เตียงนอนรู้สึกว่าจะมีฝุ่นกับ ขี้หนูตกอยู่
ใช้ไม้กวาด ปัดไปไม่เกิน 5 ทีเอาแค่นอนก็พอ
ล้างมือตรงทางขึ้นบ้าน เช็ดมือกับผ้าขาวม้าที่เคียนพุง
ไว้สองปรึด จับขนมปังแผ่นมาวาง เปิดปลาทูน่ากระป๋อง
แล้วทาขนมปังด้วย น้ำสลัดข้น ก็มันไม่มีอะไรนี่นา ใช้นี่
แหละทาจนหนา ตักปลาทูน่าใส่ ประกบกัน เอามือกดจน
แน่น ยัดเข้าปากกัด กินจนหมด ไม่อร่อยหรอก กินกันตาย
แหะ ๆ ตอนนั้นชักคิดถึง ลูกสาวแม่ยายชมัดเลย ถ้าเขา
มาด้วย คงจะมีอะไรกินดีกว่านี้เนาะ.
เข้านอนดีกว่า
เสียงฝนยังคงตกตลอดเวลา เสียงกบป่าร้องเบา ๆ ด้าน
ลำห้วยหลังบ้าน ลุกมองไปที่หน้าต่าง มีเพียงมุ้งลวดกั้น
ดวงตาสีเขียว สีแดง 4 ตัววาววับ ลอยเรี่ยไปกับพื้นดิน
อะไรหว่า หรือผี ฮึ้ย ไม่ใช่มั่ง สัตว์แหง แต่เอ เสียง
เดินของสัตว์ไม่มี ผีแหง ๆ ความกลัวเริ่มเกาะจิตใจ
ไม่ไหวแล้ว
ลุกขึ้นปิดหน้าต่างดีกว่า พอปิดความมืดยิ่งมืด ทำเอา
นอนไม่หลับ ลุกขึ้นสวดมนต์ ก็สวดไม่เป็น นโมตัสสะ
แล้วอะไรต่อหว่า ไม่รู้ละ นโมตัสสะ ไปเรื่อย ๆ
จับผ้ามาห่มปิดตั้งแต่ปลายเท้าจนถึง หัวเลยแหละ
ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่า ทำไมตูจึงต้องมาอยู่ในป่าคนเดียว
คิดไปนานเหมือนกัน แล้วก็หลับผลอยไป.
จะนอนไปนานหรือเปล่าไม่รู้ ได้ยินเสียงวิ่งของสัตว์คงจะ
อีเห็น หรือกระต่าย มองรอบตัวมืดสนิท
เกือบชั่วโมงที่นอนพลิกไปพลิก ยกนาฬิกาขึ้นกดให้มีแสง
เห็นเป็นเวลาตี 4
ลุกไปเปิดหน้าต่าง ด้านหน้าบ้าน ความเย็นเริ่มพรูเข้าตัว
บ้านเย็น ไกลออกไป มีดวงไฟสีเขียวลอยเรี่ยกับพื้น ลอย
สูงขึ้น สลับกันไปมา. มีเพิ่มอีกดวง ลอยขึ้นลงมองอยู่
นาน แล้วค่อย ๆ ลอยมาใกล้ตัวบ้านเข้าทุกที
ขนเริ่มลุกชัน สงสัยจะเป็น ผะ.. ผี กระสือ
เหงื่อซืมบนมือ เส้นผมบนหัว ลุกชัน เส้นขนบนแขน
ลุกเกรียว โอ้ยไม่ไหวแล้ว ฝีกระสือมา
มองไปเจอ อีกดวงเริ่มลอยผลุบโผล่ผ่านดวงซ้ายมือไปอีก
เสียงคล้ายนก สลัดปีกดังพรึบพรับ รีบปิดหน้าต่าง จนแน่น
ขึ้นเตียง ดึงผ้าคลุมโปง เหงื่อซึม เอามือลูบเส้นผมที่ตั้ง
ให้ลง แต่ก็ยังตั้งชูชันอีก
เสียงเดินอยู่ข้างนอกตัวบ้าน เสียงเหมือนกับเท้าเหยียบ
กิ่งไม้ มันกำลังจะเดินมาที่บ้าน
ยินเสียงหายใจครึดคราด เสียงจับอะไรฟาดเบา ๆ กับ
ต้นไม้มันคงจะ จับเขียดฟาด เคยฟังว่า
มันชอบกินของสด ไม่ว่ากบหรือรกเด็กที่ แม่เด็กคลอดลูก
เสียงเคี้ยวดับจับ ๆ แล้วเสียงขูดกับต้นไม้
นอนนิ่ง ไม่กล้าขยับแม้แต้ผ้าห่ม ไม่นานเสียงเดินค่อย ๆ
ห่างแล้วเงียบหายไป
กว่า ครึ่งชม. ค่อยคลายเหยียดเท้าที่เย็นเฉียบไปนอน
นิ่ง ผ่อนคลายไป ไม่นานจิตก็เข้าพวัง.....
เสียงมอไซค์ดังห่าง ๆ ตัวบ้านไป ทางด้านเข้าสวน แสง
อาทิตย์ส่องสว่างลอดตรงกระจกช่องแสง ลุกขึ้นจาก
เตียง แง้มประตูนิด โอ้โห้ ทั่วบริเวณบ้านแสงอาทิตย์ส่อง
จ้า หันไปดูนาฬิกา โห สองโมงเช้า.
เปิดประตู ใส่รองเท้า เดินสลับวิ่ง ไปยังบ้านพี่ก่อ
ที่อยู่เลยทางเข้าไปไปเกือบ 300 เมตร.
พี่ก่อๆ อยู่เปล่า
อยู่.....พี่ตูนเหรอ มาแต่เช้าเลย มีอะไรเหรอพี่
พี่ตูนกินข้าวยังเนี๊ยะ มากินกับผมดีกว่า แม่บ้านเพิ่งอุ่น
กับเสร็จ
ไม่ละพี่ก่อ จะมาสอบถามอะไรหน่อย
ตอนดึก ๆ ผมเห็น ดวงไฟสีเขียว สองดวงลอยขึ้นลง
ในสวน ไม่รู้อะไร พี่ก่อรู้เปล่า
อ๋อ แสงสองดวงตอนตี 4 ใช่เปล่า
ใช่พี่ก่อ
ก็แสงของผม กะ เมียนะ เดินส่องไปเรื่อยแหละ
หา พี่ก่อมีแสง งั้นก็....พี่ก็...ๆ..เป็นกระ...
ใช่พี่ตูน ผมกะเมีย ไปกรีดยาง ก็ต้องใช้ตะเกียงตรงหน้า
ผากนี่ไง พี่ตูน. พี่คิดว่าอะไรเหรอ
เปล่า ๆ ผมคิดว่า ไปกรีดยางมีแสงไฟนิดเดียวไม่กลัวงู
เหรอ มองไม่เห็นอะไร เอ ชักหิวกาแฟ ผมกลับบ้านก่อน
ไปดื่มด้วยกันไหมละ
ไม่หรอกพี่ตูน พี่ไปเหอะ แล้วผมจะไปเที่ยวที่บ้านนะ
555 ไอ้เรากลัวแทบตาย คิดว่าเป็นกระสือออกหากิน
แถมยังคิดว่าพี่ก่อกะยายเมียเป็นกระสือซะอีก แหะ ๆ ไม่
กล้าพูด กลัวพี่ก่อจะรู้ อายเขาตายเลย.......
ส่วน เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่าน ผมไม่อายหรอก เพราะมีคน
ระยองคนหนึ่ง เคยเห็นผ..สระอี กระ...สือด้วย....
ลองอ่านบล๊อกย้อนหลังหน่อยนะ จะเจอ..... จริง ๆ
ผมยืนยัน และนั่งยัน 5555
แต่แถมอีกนิด วิญญานมีจริง พอเขียนเสร็จผมขนลุกเลย
ผมเคยเจอด้วยตนเอง หลายครั้ง ก็เมื่อก่อนอยู่สายตรวจ
ตามโรงแรม เอ้ยไม่ใช่ ไปตามต่างจังหวัดไปนอนตาม
โรงแรม เจอหลายครั้ง แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีก ถ้าชาติ เอ้ย
เพื่อน ๆ ต้องการ ถ้าไม่ กลั..ว ผ.สระอี......