เสียงน้ำในลำธารไหลดังเบา ๆ ด้านหัวนอน ลืมตามองหลังคามุ้ง
ความมืดครอบคลุมเกือบจะมองไม่เห็นสี
ตื่นมาอากาศหนาว ต้องเอาหัวแม่เท้าซุกเข้าผ้านวมที่หนา ม้วนกลับ
จนแน่นให้หายเย็นเท้าได้พักใหญ่
ส่วนหน้าอกเอาหมอนแบน ๆ วางบนอกใต้ ผ้านวมอีกชั้น ทำให้อุ่น
นึกเรื่องราวที่ผ่านมา จากการทำงานบนตู้เสบียงรถไฟ พบปะ
ผู้คนมากมาย เสียงตะโกนข้ามหัวไปมาเป็นประจำ เป็นชีวิตที่วุ่นวาย
แต่ก็สนุก แต่ความเป็นส่วนตัวไม่มีเลย
นับแต่วันที่ เสี่ยเจ้าของโรงไม้ในเมือง ให้เดินทางมาทำงานในปาง
ไม้ในป่าลึก ต้องนั่งรถพิคอัพ ผ่านบ้านแยง บ้านหนองกะท้าว
เข้าตัวตลาดนครไทย รถต้องปีนเขาขึ้นลง นานหลายชั่วโมง
ขับผ่านป่าไม้ นาน ๆ จะพบบ้านสักหลัง ผ่านบ้านทับสะแก
ด้านซ้ายมือ จะไปบ้านปางเมี่ยง โชเฟอร์เลี้ยวขวา เข้าสู่ อ.ชาติการ
ยังเป็นป่าทึบ
ไม่นาน ก็เข้าสู่ปางไม้ของเสี่ย ปางเป็นลานกว้างเกือบสี่ไร่
เลยไปเห็นไกลออกไปเป็น ที่รวมหมอนไม้
บริเวณปางอยู่บนตลิ่งสูงติดกับลำธารที่อยู่ข้างล่าง น้ำใสไหล
ผ่านก้อนหินใหญ่เล็ก จนเกิดเสียงตลอดเวลา
บ้านพักเตี้ยเกือบติดพื้น ปลูกเรียงรายหลังคามุงด้วย หญ้าคาที่จับ
เป็นตับหลายหลัง เป็นที่อยู่ของคนงานและ หัวหน้างานบางคน
บ้านพักหลังใหญ่ ปลูกสูงกว่าบ้านหลังอื่น หลังคามุงด้วยสังกะสี
ทับด้วยตับหญ้าคาอีกชั้น กันไม่ให้ร้อน ข้างล่างเป็นที่เก็บอาหาร
แห้ง อาหารสด ข้างบนมีห้องสำหรับ ผจก.ปางไม้ พี่วิโรจน์ นอน
พัก ส่วนที่เหลือเป็นห้องโล่ง และผมกับพี่มุ้ย ได้เข้าพักหลังนี้
คงจะเป็นไปด้วยว่า พี่มุ้ยได้รับคำสั่งให้อยู่ช่วยพี่วิโรจน์ และทำหน้า
ที่แทน เวลา ผจก.ไม่อยู่
พี่มุ้ย เลยต้องติดสร้อยห้อยตาม ผจก. เผื่อเรียนรู้การทำไม้ ส่วนผม
เสรี เลยได้ใบบุญ นอนพักที่นี่ด้วย หน้าที่ของ เส... เหรอ ไม่พ้น
เรื่องอาหาร เปล่า ๆ อย่าเข้าใจผิดว่า ตัวเส ต้องเสริฟอาหาร ไม่ใช่
แล้ว แหะ ๆ เป็น ผช.พ่อครัว พ่อครัวเหรอมีหน้าตา แดงก่ำ ตลอด
เวลา ก็พี่เล่นกรึบน้ำพรรค์อย่างว่าเป็นประจำ
เช้านี่สินะ จะต้องขับรถเข้าเมือง ต้องลุกเตรียมตัวเดินทาง
ต้องขับรถไปเอาอาหารแห้ง
อาหารสดที่ โรงไม้จัดซื้อไว้ให้ กลับมาปางไม้ เลยได้แวะเยี่ยม
น้องไพที่นัยตาสวย บ้าง ส่วนพี่มุ้ยเหรอ ไม่ค่อยได้เข้าเมืองเขา
หรอก สู้ เสรีไม่ได้ นอกจากจะต้องนำ บัญชีไม้ กับเรื่องราวต่าง ๆ
ที่ ผจก.ปางไม้ทำแล้ว พี่มุ้ยจะไปรายงานปากเปล่าให้เสี่ยฟัง
ขื้นรถสตาร์ตยังไงก็ไม่ติด ดังแชะ ๆ ไฟในแบตเตอรี่หมด
เจออุปสรรค จนได้ รถเหลือคันเดียวก็ หกล้อบรรทุกของเต็มรถ
เกิดเกเร จะใช้เข็นก็ไม่ได้ไม่มีคนงานพอ ยุ่งจริง ๆ
ไฟแบตหมด รถไม่เหลือสักคัน ทำไงดีพี่มุ้ย
รออีกคันมาดีไหมพี่
รอเหรอ ไม่ได้ต้องเอา บัญชีไม้ไปส่งให้เสี่ย
เฮ้ย เอาขอนไม้หนุนล้อหน้าให้แน่น พี่มุ้ยชี้นิ้วสั่งนายสี
ไอ้สี เอาแม่แรงตัวใหญ่สอดใต้พื้นรถใส่ท้ายรถ เอาแผ่นไม้รอง
ล่างก่อนซิวะ นั่นละ แม่แรงจะได้ไม่จม มึงขึ้นแม่แรงให้สูงสุด
ไม่นานรถ หกล้อที่บันทุกของเต็ม ท้ายค่อยยกสูงขึ้น
เฮ้ยเส ขึ้นไปใส่เกียร์สอง แล้วรออยู่บนรถ พอกูสั่งให้ตีไม้หน้ารถ
คอยจับพวงมาลัย รถเคลื่อนเมื่อใดมึงเหยียบคันเร่งไว้เลย
ได้เลย ลูกพี่
ไอ้สี ไปหน้ารถ นั่นแหละเข้าด้านซ้ายมือ เอ้าเอาค้อนปอนด์
เตรียมตีขอนไม้ที่หนุนไว้ให้แรง หลุดไปจากล้อ กูนับถึง 3 ตีเลย
หนึ่ง สอง ซ้ำ
เป๊ะ ขอนไม้หนุนหน้าล้อรถหลุด รถที่หนักยกท้ายสูงพุ่งไปข้าง
หน้าอย่างแรง
ผมเส สะดุ้งสุดตัว เสียงรถดังหึ่ม เหยียบคันเร่ง บรึ้น ๆ รถวิ่งไป
ข้างหน้าได้นิด ผมก็ ปลดเป็นเกียร์ว่าง เร่ง
เครื่องจนเดินเรียบ ยกมือขวาขึ้นชู โอเล่ ติดแล้วเว้ย 555
พี่มุ้ย กระโดดขึ้นรถด้านซ้าย ผมเร่งเครื่องให้แรง แล้วเข้าเกียร์
หนึ่งดังกึก ปล่อยคลัช รถวิ่งไปช้า ๆ สองข้างทางเป็นป่าที่ ตัด
ไม้ไปบ้างแล้ว คงเหลือสัก 30 เปอร์เซ็นมั้ง
เส ขับไปเรื่อย อย่าให้เครื่องดับเชียวนามึง มึงกับกูได้กินข้าวลิง
ได้เลย ลูกพี่เชื่อมือเหอะ
ข้างหน้าเป็นถนนดินแดง ขรุขระคดเคี้ยวไปมา น้ำฝนหน้าที่ผ่านมา
กัดตรงกลางเป็นร่อง ทางเริ่มเทลาดลงเรื่อย ๆ ต้องแตะเบรคนิด
ยามเลี้ยวรถ เสียงเครื่องดังตลอดเวลา รถวิ่งไปเกือบครึ่งชั่วโมง
ข้างหน้าเป็นลำห้วยเกือบแห้ง ใต้ท้องน้ำเป็นก้อนหินแน่น
ปนด้วยกรวดค่อนข้างใหญ่
รถค่อย ๆ ไต่จากตลิ่งที่เอียงเทลาด ช้า ๆ ล้อหน้าเริ่มลุยน้ำ ชะโงก
มองล้อหน้า ไอร้อนลอยกรุ่นขึ้นมา ก็มาจากเบรคที่ทำงานเป็นระยะ
พวงมาลัยรถหกล้อคันนี้ใช้ได้ แน่น ยางล้อหน้าสัมผัสกับพื้น
หินจะเรียบ ถูกกรวดเมื่อใดรถจะเป๋ ครึดต้องกระชับพวงมาลัยให้นิ่ง
ผมนั่งขับ พี่มุ้ยนั่งข้างเพียง 2 คนแต่ด้านท้ายรถหนัก ด้วยของเลย
ไม่เป็นปัญหา.
ขับรถขึ้นเนิน ลงเขา อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวรถสวน 555 รถแมว
ไหนจะมาวอแว ด้วย นายใหญ่เขารับสัมปทานป่าไม้ เป็นเจ้าของ
ถนน เอารถเกรด ทำถนนเข้าป่า มีอำนาจจับคน ส่งตำราจ
เมื่อใครเข้ามา ในปางไม้. ยามรถวิ่งความหนาวเย็นวิ่งปะทะ
ร่างกาย มือจับพวงมาลัย เย็นจนชา ถนนบางตอนจะผ่านป่าไผ่ ไก่
ป่าจะบินพึบพับ เมื่อเห็นรถ
เกือบสองชั่วโมงกว่า ก็เข้าสู่ถนนลาดยางมะตอย พี่มุ้ยถอนหาย
ใจแล้วก็ เหยียดขายาว แล้วก็หลับไปง่าย ๆ
เมื่อกี้ตอนผมขับรถลงน้ำ เห็นแกจับขอบหน้าต่างรถแน่น ยามรถ
ดิ่งลงเขาก็ นั่งคอยลุ้น เพราะนั่งเม้มปากที่ติดหนวด ตลอดเวลา
ออกจากถนนในป่า สู่ถนนมิตรภาพหล่มสัก พิษณุโลก สภาพค่อน
ข้างดี ผมขับขึ้นเขาลงเนิน สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ทึบ แต่ไม่
ทึบเท่าไรหรอก ลึกเข้าไปไม่เกิน ร้อยเมตร แหะ ๆ โล่งเตียนจาก
การทำไร่ของชาวบ้าน.
หลังจากพี่มุ้ยไปส่งบัญชีไม้ และรายงานเกี่ยวกับปางไม้เสร็จ ก็ขับ
หกล้อไป อ.บางระกำ 555 จะได้อาบน้ำโกนหนวดโกนเคราให้สะอาด
แล้ว อิ อิ จะได้พบน้องไพ ขายโจ๊ก
แต่หนักใจอยู่อย่าง เวลาอยู่ต่อหน้าน้องไพ เส..ไม่รู้จะพูดอะไร
ไม่ค่อยเป็น พูดน้อย เอาแต่มองหน้าน้องเขา เขินจริง ๆ
แต่ก็ดีว่าน้องเข้าใจดี เวลาว่างจากงาน
ขายโจ๊ก กลับยอมให้ผมพาซ้อนมอไซค์ไปเที่ยวได้ คงจะดูแล้วว่า
เส คนนี้จริงใจ เหมือนคนกะล่อนเวลาขายของ แต่กับเพื่อนแล้ว
ใช้ได้ แหะ ๆ อย่าอ๊วกนะ
มีอยู่วันหนึ่ง กำลังจะเดินไปหาน้องที่ ตลาดรถไฟ ต้องหยุดชะงัก
น้องสาวคนสวย กำลังถกเถียงหนุ่มมอไซค์ แป๊ปเดียว ยกเท้า
เตะก้านคอ 2 ทีเท่านั้น ใอ้หนุ่มสลบไปเลย
นึกแล้วเสียว หากได้เธอเป็นแฟน เกิดเธอ
จับได้ว่า ไปเที่ยวมา จะถูกเตะก้านคอไหมเนี๊ยะ เจี๋ยวจริง ๆ
ไม่เป็นไรเนาะ ถึงเธอจะดุก็ยังน่ารัก สำหรับ เส เสมอ
วันหลังจะมาเล่าให้ฟังอีก ไปละ